EP.481 ปลดระวาง
ณ มณฑลหลิงหนาน กำแพงเหล็กตั้งตระหง่านราวกับยักษ์ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิลเรียงรายในระยะไกลแลดูเหมือนเปลวเพลิงลุกโชน ใบของมันปลิวตามลมสูงถึงหลายสิบเมตร เป็นภาพที่งดงามตาแต่กลับน่าเบื่ออย่างไม่คาดคิด
บนกำแพงเหล็ก ผู้นำแห่งจักรวรรดิอี้เหอ ฉินอี้ในชุดเสื้อคลุมจักรพรรดิทอดสายตามองใบเมเปิลที่ร่วงหล่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนกล่าวออก “เจ้าตัดสินใจแล้วหรือแม่ทัพหลง?”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลงเซียนหลินในชุดเครื่องแบบแม่ทัพด้านข้างชี้ไปใต้กำแพงเหล็กพร้อมกล่าว “ช่างฝีมือของมณฑลหลิงหนานสร้างรถเกราะเหล็กเหล่านี้ขึ้น รถแต่ละคันมีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัมซึ่งต้องใช้แรงคนถึงสิบคนเข็นจากด้านใน ตัวรถมีหนามและเกราะเหล็กที่แน่นหนา ตราบใดที่ต่อสู้กันบนพื้นราบ พวกอสูรเกราะไม่มีทางต้านทานรถเกราะเหล็กของเราได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ตรงนั้นมีรถเกราะเหล็กอยู่กี่คัน?”
“เพียงสามร้อยคันทว่ากำลังสร้างเพิ่มเรื่อยๆ พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เราต้องการเหล็กจำนวนมาก กระหม่อมตัดสินใจแล้วว่าจะบุกโจมตีในอีกสามวันโดยใช้ทหารม้าหลอกล่อกองกำลังหลักของเผ่าปีศาจออกมาต่อสู้ จากนั้นใช้รถเกราะเหล็กเหล่านี้จัดการกับพวกมัน กระหม่อมจะขจัดเผ่าปีศาจที่อยู่ทางใต้ของเทือกเขาฉินให้สิ้นซากและยึดกำแพงเหล็กทางตอนเหนือกลับมาสู่จักรวรรดิอี้เหอให้ได้ ขอพระองค์ทรงโปรดรับสั่งด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” ฉินอี้พยักหน้าพร้อมกล่าว “ข้าได้มอบอำนาจทางทหารแห่งจักรวรรดิอี้เหอให้แก่แม่ทัพหลงแล้ว ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า หากแต่จะบุกโจมตีสามวันหลังจากนี้จะไม่เป็นการรีบร้อนเกินไปใช่หรือไม่?”
หลงเซียนหลินประสานหมัดก่อนกล่าวตอบด้วยความเคารพ “ราชาผู้พิชิต ไม่นานนี้กองทัพที่หนึ่งของเผ่าปีศาจในมณฑลชางหนานเพิ่งพ่ายแพ้แก่จักรวรรดิฉินอย่างยับเยินพ่ะย่ะค่ะ พวกมันถูกกระบวนทัพครอบจักรวาลของเฟิงจี้สิงจัดการจนสูญเสียกองกำลังไปเกือบสองหมื่น อีกทั้งหลินมู่อวี่ยังปล่อยน้ำจากแม่น้ำต้าวเจียงฆ่าล้างกองทัพอสูรเกราะไปกว่าหกหมื่นตน จอมพลปีศาจเหล่ยฉงจึงนำกองทัพที่สองกลับไปยังมณฑลหลิงตง ขณะนี้กองกำลังปีศาจในจักรวรรดิอี้เหอเหลืออยู่ไม่ถึงสองหมื่นตน หากไม่รีบโจมตี ข้าเกรงว่าเราอาจเสียโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์”
“เช่นนี้เอง”
ฉินอี้ยิ้มจาง “แล้วการศึกษาศรเศวตรมณีเป็นอย่างไรบ้าง…”
หลงเซียนหลินขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “ว่ากันว่าศรเศวตรมณีที่อยู่ในจักรวรรดิอี้เหอนั้นถูกหลินมู่อวี่หลอมด้วยวิธีลึกลับ ลูกศรแหลมคมมากจนสามารถยิงทะลุเกราะต่อสู้ได้ แม้จะใช้เพชรสีขาวจำนวนมากเพียงใด ฝีมือการหล่อของช่างในมณฑลหลิงหนานก็ไม่อาจเทียบเทียมหลินมู่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ทว่าศรเศวตรมณีที่เราหลอมขึ้นโดยการใช้ไฟเผาก็มีผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดี มันสามารถเจาะทะลุเกราะของพวกปีศาจได้ ขณะนี้เรามีศรเศวตรมณีกว่าล้านดอกแล้ว อีกทั้งแร่เหล็กในมณฑลหลิงหนานก็ยังเหลือเฟือ กระหม่อมเชื่อเราจะสามารถขับไล่เหล่าปีศาจด้วยศรเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เยี่ยม!” ฉินอี้ยิ้ม “แล้วกล่องลูกศรล่ะ…เราสามารถสร้างอาวุธที่ยิงศรอย่างรวดเร็วเช่นนั้นได้หรือไม่?”
หลงเซียนหลินรู้สึกอับอายเล็กน้อย “กล่องลูกศรถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหน้าที่หน่วยสรรพาวุธของกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งจักรวรรดิฉิน เราไม่สามารถหาแบบร่างของมันได้เลยพ่ะย่ะค่ะ หน่วยสอดแนมที่ส่งไปยังเมืองหลันเยี่ยนก็ไม่ได้ข้อมูลกลับมามากพอ ข้าเกรงว่าเราอาจยังไม่สามารถสร้างกล่องลูกศรขึ้นได้ในเร็ววันพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เช่นนี้เอง” ฉินอี้ลูบเคราของตนพร้อมกล่าว “ข้าได้ยินมาว่า…เจิงอี้ฝานกลับมายังเมืองหลันเยี่ยนแล้ว”
“เหอะ ตาเฒ่านั่น…”
ฉินอี้จ้องมองไปยังทิศทางของเมืองหลันเยี่ยนด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกล่าวต่อ “เจิงอี้ฝานที่ผู้คนก็ต่างเรียกว่าเทพแห่งกองทัพจักรวรรดิ…หึ มันเคยทำข้อตกลงลับกับข้า…ทว่าตอนนี้กลับหักหลังข้าเพราะฉินจิ้น ทุเรศสิ้นดี!”
“เพราะฉินจิ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หลงเซียนหลินตกตะลึง
ฉินอี้กล่าวเสียงนิ่ง “ใช่ ก่อนการก่อตั้งจักรวรรดิอี้เหอ ข้าได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเมืองหลันเยี่ยนจากเจิงอี้ฝาน และเมื่ออาณาจักรอี้เหอก่อตั้งขึ้น เขาจะถูกแต่งตั้งให้เป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ เคราะห์ร้าย…เมื่อข้าสังหารฉินจิ้น ไอ้วายร้ายสองหน้าเจิงอี้ฝานกลับต่อต้านข้า หลังจากนั้นเขาก็ไม่ติดต่อกับจักรวรรดิอี้เหออีกเลย”
“บางทีฉินจิ้นอาจเป็นจักรพรรดิผู้ทรงพระปรีชาสามารถในใจของเจิงอี้ฝานตลอดมา…” หลงเซียนหลินถอนหายใจ
“ทรงพระปรีชางั้นรึ?”
ฉินอี้เย้ยหยัน “ต่อให้ฉินจิ้นเป็นปราชญ์ มันก็คงจะสูญเสียดินแดนไปครึ่งหนึ่งอย่างโง่เขลา ปล่อยให้มันตายตกในทะเลสาบภูตไปเถิด”
หลงเซียนหลินกล่าวคำเบา “เห็นได้ชัดว่าการเดินทางระหว่างของมณฑลหลิงหนานและหลิงเป่ยเป็นไปอย่างยากลำบาก ความไม่พอใจของราชวงศ์หลิงหนานต่อราชวงศ์หลิงเป่ยถูกสืบถอดจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายร้อยกว่าปี ข้าเกรงว่ามันอาจเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย แต่ท้ายที่สุดแล้ว…กระหม่อมคิดว่าจักรพรรดิที่คนอย่างเจิงอี้ฝานปกป้องคงต้องทรงพระปรีชาสามารถมิน้อย หลังจากเมืองหลันเยี่ยนแตกพ่าย ชวีฉู่ เหล่ยหง เหยาหยวน ตู่ไห่และคนอื่นๆ ต่างปกป้องฉินอินด้วยชีวิต ยังไม่รวมถึงสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนผู้แกร่งกล้า พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นคนของฉินจิ้น แม้จะตายตกไปแล้ว ทว่ากลับมีขุนนางและแม่ทัพมากมายคอยปกป้องลูกสาวของเขาอย่างซื่อสัตย์และภักดี พระองค์ไม่คิดว่าฉินจิ้นเป็นจักรพรรดิที่เก่งกาจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อย่าได้กล่าวเช่นนี้อีก!”
ฉินอี้โมโหเล็กน้อย เขามองหลงเซียนหลินก่อนกล่าวออกอย่างเยือกเย็น “แม่ทัพหลง อย่าลืมว่าฉินจิ้นคือฆาตกรที่สังหารพ่อแม่ของเจ้า เช่นนี้แล้วยังอยากกล่าวถึงมันอีกงั้นรึ?”
หลงเซียนหลินก้าวถอยหลังไปหลายก้าวก่อนประสานหมัดอย่างนอบน้อม “โปรดวางใจในตัวเซียนหลินเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยืนอยู่ตรงนี้เพราะได้รับโอกาสชำระแค้นศัตรูจากพระองค์!”
“เช่นนั้น…” ฉินอี้หรี่ตาพร้อมเอ่ยถามอย่างมีนัยยะ “ตอนนี้ฉินจิ้นศัตรูของเจ้าตายตกไปแล้ว เจ้าจะไม่จงรักภักดีต่อข้าแล้วงั้นรึ?”
“หาใช่เช่นนั้นไม่” หลงเซียนหลินกล่าวคำเบา “ก่อนที่เผ่าปีศาจจะถูกกำจัด กระหม่อมสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อจักรวรรดิอี้เหอพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น…หลังจากเผ่าปีศาจถูกกำจัดล่ะ?”
“หลังจาก….” หลงเซียนหลินจับเสื้อคลุมสีขาวของตนแผ่วเบาขณะพึมพำ “กระหม่อมรับใช้จักรวรรดิอี้เหอมาเนิ่นนานจนเบื่อสงครามนองเลือดของมนุษย์ยิ่ง หลังจากเอาชนะเผ่าปีศาจได้แล้ว กระหม่อมตั้งใจจะปลดระวางเพื่อกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข หวังว่าราชาผู้พิชิตจะทรงรับคำขอของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“ปลดระวางงั้นรึ?”
ฉินอี้เหลือบมองอีกฝ่ายก่อนหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “เซียนหลิน เจ้าเป็นคนฉลาด แต่ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าคงกำลังสับสนมิน้อย…เจ้านำกองทัพไปบุกทำลายเมืองหลันเยี่ยน ตีกองทัพเขาเหินจนแตกพ่าย อีกทั้งยังสังหารฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ข่มขู่เจิ้งเซียงจนตายและมีส่วนฆ่าฉินเหลยทางอ้อม เจ้าคิดว่าหลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิงและฉินเหยียนจะปล่อยเจ้าไปหรือ? ไหนจะเจิงอี้ฝานและจางเฟิ้งล่ะ? การปลดระวางเป็นสิ่งที่พูดง่ายทว่าแท้จริงแล้วกลับทำได้ยากนัก”
“ราชาผู้พิชิต…” หลงเซียนหลินลังเล
ฉินอี้กล่าวคำออก “ไว้ค่อยพูดเรื่องนี้ภายหลังเถิด…หากจักรวรรดิฉินต้องการชำระแค้นกับเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็มีกองกำลังทหารแห่งจักรวรรดิอี้เหอนับล้านอยู่ในมือ เจ้า…ไม่ต่างกับท่านเซียนลั่วหลานผู้อยู่อาศัยในจวนเจ็ดแคว้นและเพลิดเพลินไปกับพรที่ได้รับ”
“ลั่วหลาน...”
หลงเซียนหลินพึมพำ “ท่านเซียนลั่วหลานไม่ปรากฏตัวมานานเพียงใดแล้วพ่ะย่ะค่ะ?”
“หลังจากศึกในเมืองหลันเยี่ยน ข้าก็ไม่เห็นท่านอีกเลย ท่านอาศัยอยู่ในจวนเจ็ดแคว้นเพื่อฝึกฝนและเพียงส่งสาวกของตนมาช่วยต่อสู้เท่านั้น…ทว่าสาวกของท่านเซียนก็ตายตกไปคนแล้วคนเล่าด้วยน้ำมือของหลินมู่อวี่ ข้าว่าท่านคงเกรี้ยวโกรธมิน้อย…”
“อย่างไรเสีย ขณะนี้เมืองหลันเยี่ยนอยู่ในความดูแลของฉินฮั่นซึ่งเป็นถึงเซียน วิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งของเขามีชื่อว่าโซ่เทวะและกระบี่วิญญาณแปดทิศ พลังของเขาคงทำให้อาณาจักรอี้เหอแหลกเป็นผุยผง”
“ใช่!” ฉินอี้พยักหน้าก่อนกล่าวต่อ “ในฐานะเทพ เขาจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของมนุษย์ เขาจึงสอนวิชาแก่ฉินอินยามที่ตนอยู่ในเมืองหลันเยี่ยนเท่านั้นและคงไม่มีทางมาเผชิญหน้ากับจักรวรรดิอี้เหอแน่ เราคงไม่ต้องกังวลนัก”
“มีอีกอย่างหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ…”
“อะไร?”
“ปีนี้ฝนตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้น้ำท่วมจนหลายเมืองไม่สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้เลย อีกทั้งเรายังเรียกเก็บเสบียงทหารเป็นจำนวนมาก พลเรือนแทบไม่เหลือส่วนปันผลแล้วพ่ะย่ะค่ะ ครานี้ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องเรียกเก็บเงินเหรียญทองจากจวนเจ็ดแคว้นสำหรับเสบียงในฤดูใบไม้ร่วง ขณะนี้เริ่มเกิดเสียงครหาในหมู่พลเรือนแล้ว ขอราชาผู้พิชิตทรงโปรดเข้าใจด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินอี้กล่าวตอบอย่างลำบากใจ “ไม่ใช่ว่าข้ายังไม่พิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด…ทว่าข้าไม่สามารถละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับท่านเซียนลั่วหลานได้ เอาเถิด…ลดงบประมาณทางการทหารลงครึ่งหนึ่งและนำเหรียญทองอีกครึ่งหนึ่งจากจวนของข้าไปใช้เสีย อาจลำบากสักหน่อย หากแต่เราไม่สามารถเสียสัจจะที่เคยกล่าวต่อจวนเจ็ดแคว้นได้”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบดี!”
…
ณ วันที่สิบห้าตุลาคมปีเจ็ดพันเจ็ดร้อยสามสิบห้าตามปฏิทินของจักรวรรดิ อาณาจักรอี้เหอเปิดกำแพงเหล็กอีกครั้ง กองกำลังเกือบสามแสนใช้รถเกราะเหล็กและศรเศวตรมณีขับไล่เผ่าปีศาจกว่าสองหมื่นตนและยึดเทือกเขาฉินในมณฑลหลิงหนานและมณฑลหลิงคงกลับมา ขณะนี้อำนาจอธิปไตยในการครอบครองเทือกเขาฉินครึ่งหนึ่งอยู่ในมือจักรวรรดิฉินและอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในมือของจักรวรรดิอี้เหอ
ไม่กี่วันต่อมา หลงเซียนหลินได้รับการขนานนามเป็นเจิ้นหนานโหวโดยฉินอี้ เนื่องจากสามารถกอบกู้เทือกเขาฉินกลับมาได้ ขณะนี้ตำแหน่งของหลงเซียนหลินสูงกว่าจื่อเย่า หมานหนิง ติงซี่และคนอื่นๆ เขากลายเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดทางการเมืองและการทหาร
ในศึกทุ่งอัคนี หลินมู่อวี่สังหารอสูรเกราะไปกว่าหกหมื่นตนซึ่งทำให้จักรวรรดิยังพอมีโอกาสได้พักหายใจจากศึกอันดุเดือดระหว่างเผ่าพันธุ์นี้อยู่บ้าง อีกทั้งยังทำให้หลงเซียนหลินพลอยได้รับตำแหน่งอันใหญ่โตในจักรวรรดิอี้เหอ กล่าวได้ว่าศึกทุ่งอัคนีถือเป็นศึกครั้งสำคัญระหว่างมนุษย์และเผ่าปีศาจในรอบหลายปี หากไม่ได้รับชัยชนะจากศึกในครั้งนี้ ชะตากรรมของแผ่นดินใหญ่คงต้องถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด
…
“ซ่า…”
ปลายฤดูใบไม้ร่วง ฝนตกอย่างหนักหน่วงจนใบไม้ร่วงหล่นเกิดเสียงดังไปทั่วผืนป่า หลินมู่อวี่ ฉินอินและถังเสี่ยวซีในชุดเสื้อกันฝนควบม้าผ่านป่าไผ่อันเขียวขจีอย่างเชื่องช้า ทว่าสายฝนก็ยังคงสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของพวก แม้หลินมู่อวี่จะสามารถสร้างกำแพงน้ำเต้าเพื่อเป็นร่มกันฝนได้ ทว่าเขาต้องรักษาความแข็งแกร่งของร่างกายไว้เพื่อฝึกซ้อม อีกทั้งยังป่าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสัตว์วิญญาณ โจร ทหารจับจ้างและอื่นๆ อีกมากมาย คงเป็นการดีที่สุดหากเขารักษาพละกำลังของตนไว้เอาตัวรอดยามคับขัน
ขณะนั้นถังเสี่ยวซีชี้ไปยังเบื้องหน้าพร้อมกล่าวออก “คืนนี้พักที่โรงเตี๊ยมด้านหน้าเถิด พรุ่งนี้เมื่อฝนหยุดค่อยเดินทางกันต่อดีหรือไม่?”
“อืม”
หลินมู่อวี่รู้สึกผิดต่อฉินอินและถังเสี่ยวซีที่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากด้วยกันเช่นนี้ พวกเขาพยักหน้าและรีบควบม้าไปอย่างรวดเร็ว
………………………………….