EP.449 โปรตีนสูง
“มันฝรั่ง…เจ้ากินมันหรือ?” ถังเสี่ยวซีเบิกตากว้าง
“มันกินได้ นำไปทำอาหารได้อร่อย ให้พลังงานสูง และทำให้อิ่มได้นาน เป็นอาหารหลักที่ดีมาก รอสักครู่ ข้าต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช่มันฝรั่งหรือไม่”
จากนั้นหลินมู่อวี่ลองกดมันเบาๆ แล้วเอาน้ำจากมันฝรั่งทาบนฝ่ามือ ก่อนจะกล่าวในทะเลจิตว่า “ลู่ลู่ ช่วยข้าวิเคราะห์ทีว่านี่คือมันฝรั่งหรือไม่? แล้วมันกินได้ไหม?”
“เจ้าค่ะพี่ชาย”
ภูตผู้สง่างามบินออกมาจากทะเลจิตพร้อมกล่าวว่า “โปรตีนยี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ไขมันศูนย์จุดสามเปอร์เซ็นต์ ใยอาหารสามสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นวิตามินหลากหลายชนิด ส่วนประกอบทั้งหมดได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถกินได้ การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมอยู่ในหมวดหมู่มันฝรั่งเจ้าค่ะ”
“อืม เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก”
“เช่นนั้นข้าขอเข้าไปนอนต่อเจ้าค่ะ”
…
“ท่านผู้บัญชาการ ต้องการกินสิ่งที่ขุดจากใต้ดินจริงหรือ?” เว่ยโฉวเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“อื้ม”
หลินมู่อวี่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมาก ก่อนจะหย่อนมันฝรั่งลงถุงด้านข้างม้า “ในเวลาเช่นนี้ เจ้าจะเลือกทำตามคำโบราณและอดตาย หรือจะกินมันเข้าไปเพื่อมีชีวิตต่อ”
เว่ยโฉวยิ้ม “ข้าน้อยจะเชื่อฟังท่านผู้บัญชาการขอรับ หากท่านกิน ข้าก็กิน”
ถังเจิ้นและคนอื่นๆ ยังคงมึนงง หลินมู่อวี่จึงกล่าวว่า “พวกเจ้ามัวนิ่งอึ้งสิ่งใดอยู่? รีบลงจากม้าและเก็บเกี่ยวไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนำกลับไปยังค่ายเพื่อทำอาหาร จากนั้นอาจส่งคนมาที่หุบเขาผีเสื้อเพื่อขุดมันฝรั่งเพิ่มเติม เนื่องจากที่แห่งนี้มีมันฝรั่งอยู่มากมาย อย่างน้อยก็เพียงพอสำหรับกองทัพเป็นเวลานับเดือน พวกมันสามารถช่วยให้เราอยู่รอดตลอดฤดูใบไม้ผลิ”
แม่ทัพจิ้งจอกกล่าวอย่างตื่นเต้น “ท่านผู้บัญชาการพูดจริงหรือ?”
“อื้ม รีบเก็บเข้าเถิด”
“ขอรับ”
ทุกคนลงจากหลังม้าและตรงไปขุดมันฝรั่ง ก่อนจะแบกมาไว้ที่หลังม้า จากนั้นพวกเขาเดินทางกลับค่ายเพื่อทดลองกิน เมื่อผู้คนกำลังจะอดตาย พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด แม้กระทั่งกินเนื้อมนุษย์เหมือนกับเหตุการณ์ในเมืองตงฉวง
…
อาหารกลางวันวันนั้นมีควันลอยคลุ้งจากหน่วยวิญญาณอัคนี หม้อต้มมันฝรั่งที่ใส่พริกไทยและเกลือเล็กน้อยถูกยกออกมาพร้อมส่งกลิ่นหอมทั่วบริเวณ หลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซีถือชามเปล่ารออาหาร เมื่อวางมันฝรั่งชิ้นใหญ่ลงในชาม ถังเสี่ยวซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “มันหอมมาก เจ้ากินมันได้จริงหรือ?”
“ไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่กินเป็นคนแรกเพื่อนำทุกคน แต่มันร้อนมาก เขาจึงต้องกินทั้งน้ำตา
ถังเสี่ยวซีลองชิม และพบว่ามันมีรสหวาน หลังจากกัดคำใหญ่ นางก็ดื่มซุปตามอีกหลายอึกอย่างพึงพอใจ
ในระยะไกล กลุ่มทหารผู้หิวโหยกำลังลองกินสิ่งที่อยู่ใต้ดินนี้เช่นกัน มันฝรั่งไม่เพียงอร่อย แต่ยังให้พลังงานสูง ซึ่งเหมาะสมที่จะเป็นอาหารหลักแก่เหล่าทหาร ทุกคนกินมันฝรั่งจนถึงช่วงบ่าย และไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นตามคำโบราณ ถังเจิ้นจึงนำทหารกว่าหนึ่งหมื่นนายไปยังหุบเขาผีเสื้ออย่างมีความสุขเพื่อเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง ทำให้ขณะนี้ปัญหาเรื่องอาหารได้รับการแก้ไขในเบื้องต้นเรียบร้อย เมื่อใดที่เสบียงของจินเสี่ยวถังมาถึง ก็จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น
…
ณ หุบเขาผานหลง
“จ๊อก…จ๊อก…”
เสียงท้องร้องดังขึ้นขณะที่เทพแห่งป่าเขานั่งอยู่บนก้อนหินสีฟ้า หวงซีด้านข้างกำลังเคี้ยวซุปผักป่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ผักชิ้นนี้ไม่เพียงพอจะยัดปากข้าด้วยซ้ำ…ท่านพ่อ เราจะต้องติดอยู่ในที่แห่งนี้จริงหรือ? อาวุธพวกมนุษย์ทรงพลังมากจนนักรบของเราเข้าจู่โจมไม่ได้…”
เทพแห่งป่าเขากล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “มันเป็นความผิดของข้าเองที่นำคนข้ามทะเลทรายมายังสถานที่แห่งนี้…แต่ข้าไม่ต้องการปะทะกับกองทัพที่แข็งแกร่งอีกฟากฝั่งของทะเลทราย ข้าผิดเอง…”
หวงซีกล่าว “ท่านพ่ออย่าตำหนิตนเอง พวกเรามีจำนวนมากขึ้น แต่ที่ดินกลับน้อยลง ปีนี้มีผู้เสียชีวิตจากความอดอยากกว่าหนึ่งหมื่นคนแล้ว หากท่านพ่อไม่นำผู้คนข้ามมา ข้าเกรงว่าพวกเขาคงอดอาหารตายจนหมดสิ้น นี่เป็นชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าเรา…มันไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของท่านพ่อเลยขอรับ”
“ลูกเอ๋ย เจ้าคิดว่า…หลินมู่อวี่ไว้ใจได้หรือไม่?”
“หลินมู่อวี่?”
“นามของชายที่ใช้ดาบทองคำ”
“โอ้…เขาแข็งแกร่งมาก ข้าสัมผัสพลังได้จากปราณของเขา” หวงซีขมวดคิ้ว “เหตุใดท่านพ่อจึงถามเช่นนี้?”
เทพแห่งป่าเขากล่าว “หลินมู่อวี่เคยบอกพ่อในคืนนั้น เมื่อใดที่เผ่าของเรายอมจำนนต่อจักรวรรดิ พวกมันจะแบ่งปันอาหารให้ และปล่อยให้เราตั้งรกรากที่นี่ต่อไป”
หวงซีกัดฟันแน่น “ไม่…เผ่าของเราปกครองผืนป่าหลายหมื่นปีและสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากมาย แม้กระทั่งกองทัพเท้ายักษ์และเผ่าภูผาแคระล้วนก้มหัวให้กับเผ่าของเรา แล้วเราจะยอมจำนนต่อมนุษย์ที่อ่อนแอเหล่านั้นหรือ?”
“เจ้ากล่าวถูกต้อง”
เทพแห่งป่าเขาถอนหายใจ เขากล่าวด้วยดวงตาเปล่งประกาย “ราชาผู้โดดเดี่ยวในป่าเขาเอาชนะศัตรูทรงพลังมามากมายในชีวิต แต่ตอนนี้กลับถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางเดิน พ่อไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว พ่อควรอดอาหารจนตายพร้อมกับเหล่านักรบทั้งสามหมื่นคนที่อยู่ด้านหลัง หรือจะยอมจำนนต่อมนุษย์ดี พ่อควรเลือกสิ่งใดกัน…”
หวงซีประสานหมัด “ท่านพ่อ ลูกเต็มใจเข้าโจมตีหรือถอยหนีพร้อมกับท่านเสมอ เราบุกออกไปด้วยกันเถิด ข้ายอมตายเสียดีกว่ายอมเสียศักดิ์ศรีของนักรบ”
“เด็กดี…”
เทพแห่งป่าเขาจับไหล่หวงซีพร้อมกล่าวว่า “น่าเสียดายที่พ่อแก่มากแล้ว จึงทำให้ความทะเยอทะยานหายไปหมดสิ้น พ่อจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตของเผ่า…หากนักรบชั้นยอดต้องตายอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ มันคงเป็นความผิดของข้าทั้งหมด”
หวงซีไม่ได้กล่าวสิ่งใดตอบ
เทพแห่งป่าเขากล่าวอีกครั้ง “วันนี้มีคนอดอาหารตายกี่คน?”
“เจ็ดสิบเอ็ดคนขอรับ”
“อา…เราหาอาหารเพิ่มเติมได้หรือไม่?”
“เหล่านักรบช่วยกันขุดดินลงไปถึงสามฟุตแล้ว แต่ก็ไม่เจอสิ่งใดเลย ขณะนี้พวกเขาทำได้เพียงกลืนเศษดิน กระนั้นมันย่อยได้ยากมาก”
เทพแห่งป่าเขากล่าว “ข้าตัดสินใจว่าจะลองติดต่อหลินมู่อวี่ เจ้าส่งคนออกไปนอกหุบเขาเพื่อแจ้งเขาว่า หากต้องการทำให้เผ่าของเราเชื่อใจ เช่นนั้นจงส่งเสบียงอาหารสามหมื่นกิโลกรัมมาให้เรา”
“ขอรับท่านพ่อ”
…
จากนั้นภายใต้คำสั่งของหลินมู่อวี่ มันฝรั่งและเสบียงอาหารของทหารสามหมื่นกิโลกรัมจึงค่อยๆ ถูกส่งไปยังหุบเขา
แสงอาทิตย์อัสดงสะท้อนชุดเกราะทหารแห่งจักรวรรดิเปล่งประกายแวววาว
เว่ยโฉวเอ่ยถามอย่างงุนงง “ผู้บัญชาการ อาหารของเราขาดแคลนหนัก เหตุใดจึงต้องส่งให้เผ่าคนเถื่อนเหล่านี้ด้วย? ท่านไม่ได้ต้องการให้พวกมันลิ้มรสความทรมานจากความหิวโหย จากนั้นจึงบังคับให้พวกมันล่าถอยไปหรือขอรับ?”
“อืม ข้าคิดว่าพวกมันได้ลิ้มรสความทรมานนั้นแล้ว ไม่เช่นนั้นชายผู้เย่อหยิ่งอย่างราชาแห่งป่าเขาคงไม่อ้อนวอนขออาหารจากเรา” ดวงตาหลินมู่อวี่เปล่งประกายขณะพูด “ครานี้เขาต้องการทดสอบว่าข้าจะยอมรับพวกเขาจริงหรือไม่ และสิ่งที่ข้าต้องการคือเผ่าคนเถื่อนที่ยังมีชีวิต ไม่ใช่ผู้คนที่อดอยากจนตาย อดทนไว้เถิด ไม่นานพวกเขาจะต้องกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นเราจำเป็นต้องเตรียมอาหารเพิ่มขึ้น”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ถังเจิ้นกล่าวด้วยความยินดี “ขอแสดงความยินดีกับผู้บัญชาการ เรากำลังจะทำให้เผ่าคนเถื่อนยอมจำนนได้แล้ว”
“อืม”
หลินมู่อวี่ไม่ได้แสดงความยินดีมาก เขากล่าวอย่างกังวลเล็กน้อย “ข้าเพียงไม่รู้ว่าสงครามระหว่างจักรวรรดิและเผ่าปีศาจจะดำเนินไปอีกยาวนานเพียงใด…ข้าหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น รวมทั้งหวังว่าเสี่ยวอินและพี่เฟิงจะไม่ได้รับอันตราย”
“ผู้บัญชาการโปรดวางใจ องค์จักรพรรดินีเป็นเจ้าแห่งผืนแผ่นดิน พระองค์ได้รับพรจากเหล่าทวยเทพมากมาย”
หากพระเจ้าให้พรได้จริง คนดีๆ อย่างพี่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและพี่ฉินเหลยคงไม่ตาย…” หลินมู่อวี่เงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมถอนหายใจ “ไม่รู้เลยว่าสงครามจะสิ้นสุดลงเมื่อใด…”
เว่ยโฉวตกตะลึง “ผู้บัญชาการ...เบื่อหน่ายกับสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้หรือ?”
“แล้วจะไม่ให้เบื่อได้อย่างไร?”
หลินมู่อวี่กระชับด้ามกระบี่พร้อมกล่าวเสียงแผ่วเบา “ใครบ้างไม่ต้องการอยู่เคียงข้างกับผู้เป็นที่รัก ใครบ้างไม่ต้องการใช้ชีวิตอย่างอิสระ กระนั้นสงครามยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แล้ววันคืนที่ใฝ่ฝันเหล่านั้นคงไม่มีทางมาถึง”
“อืม…”
ถังเสี่ยวซีพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบงัน ดวงตาคู่งามมองไปยังป่าด้านตะวันตก ไม่มีใครรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่
…
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงกระทั่งมืดสนิท เสียงแม่น้ำต้าวเจียงไหลเชี่ยวกรากดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในมณฑลชางหนาน ดวงจันทร์นวลทอแสงประกายงดงามจากฟากฟ้าลงมายังผืนโลก
แสงคบเพลิงสาดส่องบนใบหน้างามของฉินอินยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อมองดูริ้วไฟในค่ายเผ่าปีศาจทางฝั่งตะวันออก
“ฝ่าบาท” เฟิงจี้สิงประสานหมัดกล่าว “กระหม่อมจะรักษาการณ์เอง ฝ่าบาทโปรดพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ายังไม่อยากนอน”
ฉินอินเหม่อมองไปอีกฝั่งพร้อมเอ่ยถาม “ผู้บัญชาการเฟิงคิดว่าเผ่าปีศาจมีแผนการใดอยู่? นี่ผ่านมาสิบวันแล้วที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ไม่รู้ว่าพวกมันจะโจมตีป้อมปราการใด…”
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิงจี้สิงกล่าว “เฉียนเฟิงเป็นผู้มีปัญญาปราดเปรื่อง บางที…เขาคงกำลังวางแผนบางสิ่ง เราทำได้เพียงนั่งดูการเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ขณะนี้กำแพงเหล็กสร้างเสร็จแล้ว พระองค์ทรงวางพระทัย เผ่าปีศาจไม่ถนัดในการโจมตีเมือง แม้พวกมันจะมีอุปกรณ์ในการปิดล้อม แต่คงไม่สามารถปีนกำแพงเหล็ก ตราบใดที่ยังคงรักษาแนวป้องกันนี้ได้ก็จะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วสงครามในป่านิรันดร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ราบรื่นพ่ะย่ะค่ะ ข้าเชื่อว่าอาอวี่จะสามารถเอาชนะเผ่าคนเถื่อนได้ในไม่ช้า”
“ดี”
…
แสงจันทร์สะท้อนผิวน้ำเป็นประกายสองฟากฝั่งแม่น้ำต้าวเจียง เปลวเพลิงเชื่อมต่อกันทอดยาว สงครามนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมอนาคตของดินแดนซุ่ยติงที่คงอยู่มานานนับศตวรรษ