EP.448 สิ่งที่อยู่ใต้ดิน
“พรึ่บ”
เสียงนกกระพือปีกดังขึ้น ก่อนที่นกสีขาวจะร่อนลงบนแขนหลินมู่อวี่ เมื่อเปิดอ่านม้วนหนังสือที่ติดมาด้วยก็พบว่าเป็นลายมือของซือตู่เซิน “พวกมันถูกขับไล่แล้ว”
“อื้ม” หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกล่าวว่า “ให้กองทัพทั้งหมดรักษาการณ์อย่างเข้มงวดเพื่อรอการโต้กลับของเผ่าคนเถื่อน”
“ขอรับ!”
เว่ยโฉวประสานหมัดกล่าว “ซือตู่เซินขับไล่พวกคนเถื่อนแล้วหรือขอรับ?”
“อืม…พลังของกล่องลูกศรร้อยกล่องและเครื่องยิงยี่สิบอันแข็งแกร่งมาก พวกเผ่าคนเถื่อนไม่มีเกราะป้องกันเลย ดังนั้นคงถูกโจมตีอย่างทุกข์ทรมาน” หลินมู่อวี่หรี่ตาพร้อมกล่าวว่า “ทางออกทิศใต้ถูกปิดกั้นแล้ว พวกมันจะต้องโจมตีจากทางเหนือเป็นแน่ ตราบใดที่พวกเราสามารถปราบปรามเผ่าคนเถื่อนได้อีกครั้ง พวกมันจะต้องยอมจำนนในที่สุด”
“ขอรับ”
ถังเสี่ยวซี ถังเจิ้น และคนอื่นๆ เพียงเฝ้ามองอย่างเงียบงัน กลยุทธ์ของหลินมู่อวี่เปรียบดั่งการจับเต่าใส่โกศซึ่งจะบดขยี้นักรบเผ่าคนเถื่อนนับหมื่นจนตาย แต่ถังเจิ้นรู้เหตุผลที่หลินมู่อวี่กล้าใช้มัน นั่นเป็นเพราะกองทัพมังกรผงาดนำกล่องลูกศรที่ทรงพลังมาด้วยสองร้อยกล่อง อีกทั้งเครื่องยิงอีกห้าสิบอัน
“ผู้บัญชาการหลิน” ถังเจิ้นยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ข้ามีคำขออย่างหนึ่งที่ค่อนข้างโลภมาก...”
หลินมู่อวี่รับรู้ได้ถึงความคิดอีกฝ่ายจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านถังเจิ้นต้องการกล่องลูกศรใช่หรือไม่?”
“ขอรับ” ถังเจิ้นไม่ปฏิเสธ “แม้ว่ากองทัพเจิ้นกั๋วจะเป็นหนึ่งในกองทัพจักรวรรดิ กระนั้นก็เป็นเพียงกองทัพปกป้องชายแดน โดยปกติแล้วจะไม่ได้รับการดูแลจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงอุตสาหกรรมมากนัก เราได้ยินมาว่ามีอาวุธที่กำลังพัฒนาอยู่ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้พวกเราใช้ ซึ่งไม่เหมือนกองทัพมังผงาดที่ประจำการในเมืองหลวง…”
“เอาล่ะ อย่าพูดไปมากกว่านี้อีกเลย…” หลินมู่อวี่ถูจมูกพร้อมกล่าว “เมื่อกองทัพมังกรผงาดถอนทัพออกจากป่านิรันดร์ กล่องลูกศรและเครื่องยิงทั้งหมดจะถูกทิ้งไว้ที่นี่เพื่อให้เจ้านำไปใช้ประโยชน์ ร้านช่างตีเหล็กในเมืองหน้าด่านสามารถหลอมลูกศรเพิ่มเติมได้ และพวกเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะซ่อมแซมและบำรุงรักษามันอยู่เสมอ”
“ขอบคุณมากขอรับท่านผู้บัญชาการหลิน” ถังเจิ้นรู้สึกดีใจมาก
“ไม่ต้องขอบคุณข้า เจ้าต้องทำให้เผ่าคนเถื่อนอยู่ใต้อาณัติในภายภาคหน้า มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าพวกมันจะก่อกบฏได้ทุกเมื่อ”
“หืม?” ถังเจิ้นตกตะลึง “ผู้บัญชาการหมายความว่าอย่างไร?”
ถังเสี่ยวซีหัวเราะคิกคัก “เจ้าไม่ทราบหรือ? มู่มู่กำลังพยายามทำให้เผ่าคนเถื่อนยอมจำนนและรับใช้จักรวรรดิ”
“จริงหรือขอรับ?”
“ใช่” หลินมู่อวี่พยักหน้าพร้อมกล่าว “เจ้าคงรู้ดีว่านักรับเผ่าคนเถื่อนแข็งแกร่งมากเพียงใด ซึ่งมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถเปรียบเทียบได้ ข้าจึงต้องการหาวิธีสร้างโล่รูปกรวยขนาดใหญ่สำหรับนักรบ พร้อมสร้างหอกที่มีพลังทำลายล้างสูง อีกทั้งชุดเกราะที่ออกแบบเฉพาะ หลังจากฝึกฝนเป็นระยะเวลาสั้นๆ พลังการต่อสู้ของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นทวีคูณ จากนั้นเราจะมีกองทัพหน้าที่สามารถต่อกรกับอสูรเกราะได้”
ถังเจิ้นอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ผู้บัญชาการหลินคิดการณ์ไกลยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เหล่าทหารต่างเชื่อมั่นในตัวท่าน!”
“อย่าเยินยอข้าเลย ข้าไม่สามารถเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าได้ ฮ่าๆๆ” หลินมู่อวี่พลันหรี่ตาพร้อมเอ่ยถาม “เราเหลืออาหารเพียงพอสำหรับกี่วัน?”
“ไม่เกินสามวันขอรับ แม้ว่าเสบียงอาหารทั้งหมดจะถูกส่งมาจากเมืองหลวงแล้วก็ตาม” เว่ยโฉวตอบ
“ไม่ดีแน่…”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เผ่าคนเถื่อนมีอาหารอย่างน้อยสิบวัน เราจะต้องรอนานกว่าพวกมัน…มีเหยื่อให้ล่าบริเวณนี้หรือไม่?”
“ไม่มีเหลือแล้วขอรับ” ถังเจิ้นส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “ของป่าบนภูเขาถูกไล่ล่าหมดแล้ว ส่วนผักในป่าที่กินได้ก็ถูกอสูรครึ่งอสรพิษขุดขึ้นมาทั้งหมด เหลือเพียงผลไม้ที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง แม้เราจะสามารถจัดหาอาหารได้อีกครั้ง แต่คงไม่ทันการกับสถานการณ์ปัจจุบัน”
“อืม”
หลินมู่อวี่มองเว่ยโฉวพร้อมกล่าวว่า “ส่งสารอีกฉบับถึงเสี่ยวถัง ให้นางพยายามหาเสบียงอาหารเพิ่มเติม ปันส่วนของทหารไม่สามารถพึ่งพาจากกระทรวงกลาโหมกับสำนักทหารและพลเรือนได้อีก เนื่องจากปันส่วนหลักถูกส่งไปยังกำแพงเหล็ก”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ ข้าน้อยจะจัดการให้ทันที”
…
ขณะเดียวกันเสียงคำรามดังก้องจากหุบเขา นักรบคนเถื่อนกลุ่มใหญ่วิ่งออกมาอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวพร้อมถือเครื่องมือหิน
“กล่องลูกศรเตรียมพร้อม!” เฝิงสี่ออกคำสั่ง
นักรบเผ่าคนเถื่อนวิ่งเข้ามาได้เพียงครึ่งทาง กล่องลูกศรก็ดังขึ้นพร้อมส่งลูกศรแหลมคมเจาะทะลุร่างอีกฝ่ายราวกับห่าฝน ขณะเดียวกันทหารม้าหนักยกโล่และใช้หอกโจมตีอย่างต่อเนื่อง กลองสงครามดังกังวานเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ ทันใดนั้นทหารนับหมื่นนอกหุบเขาพากันโห่ร้องอย่างพร้อมเพรียงจนทำให้เหล่านักรบต่างตกตะลึง หลังจากพี่น้องของตนถูกสังหารไปเกือบห้าร้อยคน พวกเขาก็เริ่มสูญเสียความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพมังกรผงาด ก่อนจะเริ่มถอยหนีทีละคน
“ฮ่าๆ สุดท้ายพวกมันก็สู้ไม่ได้” เว่ยโฉวหัวเราะเยาะ
ถังเจิ้นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “รองผู้บัญชาการเว่ยโฉว อันที่จริงพวกคนเถื่อนแข็งแกร่งกว่าที่ท่านเห็นมาก สามวันก่อนพวกมันบุกเข้าโจมตีในป่านิรันดร์และเกิดการต่อสู้ยาวนานจนทำให้สูญเสียทหารไปเกือบสองหมื่นนาย ขณะนี้ในป่าไม่มีอาหารหลงเหลือ พวกมันอดอาหารมาอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดวันแล้ว…”
“เป็นเช่นนี้เอง…” หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ดังนั้นพลังต่อสู้ของนักรบคนเถื่อนคงจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ยอดเยี่ยมมาก! อย่าปล่อยให้พวกมันออกมาจนกว่าจะส่งทูตออกมาเจรจา ข้าหวังว่าพวกมันจะออกมา เนื่องจากมันมีประโยชน์กว่าหากสามารถใช้งานเผ่าคนเถื่อนในการป้องกันชายแดนของจักรวรรดิ แทนที่จะต้องติดอยู่ในหุบเขาและอดอาหารตายไป”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
หลินมู่อวี่มองถังเสี่ยวซีพร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวซี พาคนออกไปลาดตระเวนเพื่อดูว่ายังมีสิ่งใดที่ยังสามารถกินได้อีกหรือไม่ เสบียงที่กำลังส่งมาคงต้องใช้เวลาอีกนาน ดังนั้นเราจำต้องพึ่งพาตนเอง”
“อื้ม” ถังเสี่ยวซีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
…
บริเวณหุบเขาผานหลงเป็นอาณาเขตของป่านิรันดร์ และเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้กับทะเลทรายมากที่สุด จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมร้อนที่พัดผ่านมา หลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซีนำทหารกว่าร้อยนายตรงเข้าไปในป่า หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นวัชพืชชนิดหนึ่ง
“ผู้บัญชาการ มันคือหญ้าพิษ กินแล้วจะเป็นลมและมีไข้หนาวสั่น” ถังเจิ้นในฐานะคนท้องถิ่นร้องเตือน
หลินมู่อวี่จ้องมองไปยังวัชพืชอีกต้น ก่อนจะนั่งลงเพื่อถอนมันขึ้นมา เหง้าขนาดใหญ่และรูปร่างคล้ายโสม เว้นแต่ยอดของมันแตกต่างออกไป
“หญ้าชนิดนั้นคือโสมโลหิต สามารถใช้เป็นยาได้ แต่ไม่มีคุณค่าทางอาหารและไม่สามารถประทังความหิว” ถังเจิ้นกล่าวอีกครั้ง
“อืม”
หลินมู่อวี่ขึ้นบนหลังม้าก่อนจะนำหน้าผู้คนเดินทางลึกเข้าไปในป่า ผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อเห็นกระจุกพืชสีเขียวอยู่ไกลๆ เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและดึงพืชชนิดนั้นขึ้นมา “นะ…นี่มันข้าวสาลี?”
“ขอรับ เป็นข้าวสาลีป่า” ถังเจิ้นกล่าว “มันเติบโตค่อนข้างน้อย และไม่เพียงพอสำหรับผู้คน ข้าวสาลีชนิดนี้พบได้ในหลายพื้นที่ของป่านิรันดร์ โดยปกติจะนำไปเลี้ยงม้าเท่านั้น”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เป็นความจริงที่ว่าข้าวสาลีนี้มีเมล็ดที่เล็กมากและเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ไปกันเถอะ”
หลินมู่อวี่ควบม้านำฝูงชนออกไปค้นหาต่อ
…
ในพริบตาหลินมู่อวี่ค้นหาอาหารอยู่ในป่านิรันดร์ร่วมกับคนอื่นๆ ล่วงเลยไปถึงสามวัน อาหารของกองทัพทั้งสามกำลังจะหมดลง ทหารครึ่งอสรพิษหิวโหยมาก พวกเขาเฝ้ามองทหารมนุษย์แล้วน้ำลายไหล โชคดีที่กองทัพมังกรผงาดและกองทัพเจิ้นกั๋วมีอุปกรณ์ครบครันหากต้องเผชิญหน้ากับกองทัพอสูร กระนั้นเมื่อพวกเขาหันมองเหล่าอสูรครึ่งอสรพิษ ก็พลันนึกถึงซุปเนื้องู ซุปอุ้งเท้าหมี และอาหารอีกมากมาย หลินมู่อวี่ค่อนข้างกังวล หากปล่อยให้หิวกระหายกันเช่นนี้ สักวันหนึ่งพวกเขาคงลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันเอง
“กุบกับ”
เสียงเกือกม้าค่อยๆ หยุดลงนอกหุบเขาที่เต็มไปด้วยผีเสื้อและกลิ่นหอม หลินมู่อวี่มองไปยังหุบเขาและดมกลิ่นอย่างสนใจ “ช่างหอมหวานยิ่ง หุบเขานี้เป็นอย่างไร?”
ถังเจิ้นกล่าว “หุบเขาผีเสื้อเต็มไปวัชพืชและงูพิษขอรับ”
“งูพิษ?”
“งูพิษชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิน มันชื่อว่างูหัวโลหะ มีร่างขนาดใหญ่และกินหนู ผีเสื้อ และแมลงต่างๆ ในหุบลึกเพื่อประทังชีวิต ดังนั้นหุบเขานี้จึงถูกพวกอสูรเรียกว่าหุบเขาผีเสื้อ”
“เป็นชื่อที่ไพเราะยิ่ง” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “เราเข้าไปดูด้านในกันไหม?”
ถังเสี่ยวซีตอบตกลงอย่างง่ายดาย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเมื่อมองไปยังชายผู้เป็นที่รัก บางทีขณะนี้หลินมู่อวี่กำลังคิดหาวิธีช่วยกองทัพทั้งสองแสนนาย แต่ถังเสี่ยวซีกลับคิดใช้โอกาสนี้เดินทางผ่านป่าเขาและแม่น้ำเพื่อใช้เวลาร่วมกัน
เมื่อมองท่าทีที่อ่อนโยนของถังเสี่ยวซี หลินมู่อวี่พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวซี เจ้ามองอะไรอยู่?”
ใบหน้าถังเสี่ยวซีแดงก่ำ “เปล่า…มีงูพิษมากมายในหุบเขาผีเสื้อ มู่มู่ต้องระวังตัวให้ดี”
“ไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่ขี่ม้าไปด้านหน้าพร้อมชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมา ขณะเดียวกันเขาแผ่เขตแดนพลังปกคลุมทั้งสี่ทิศเพื่อควบคุมสิ่งมีชีวิตรอบบริเวณ เขตแดนของหลินมู่อวี่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ กระนั้นทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากงูพิษที่อาจหลุดมา เขาจึงตวัดกระบี่เฉือนพุ่มไม้ตลอดสองข้างทางทำให้งูตกใจกลัวและหนีไป
หลังจากเข้ามาในหุบเขา พวกเขาก็เห็นดอกไม้สีขาวขนาดเล็กละลานตาจนทำให้ถังเสี่ยวซีตะลึง หลินมู่อวี่ด้านข้างวางมือลงบนด้ามกระบี่พร้อมเผยยิ้ม
“มีดอกไม้สีขาวมากมายเลย” ถังเสี่ยวซีกล่าวอย่างอารมณ์ดี “สวยงามยิ่งนัก”
“อื้ม สวยมาก”
หลินมู่อวี่เดินเข้าไปดมกลิ่นดอกไม้สีขาวอย่างระมัดระวังและรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “นี่คือพืชอะไรกัน?”
“ข้าไม่ทราบ…” ถังเจิ้นส่ายหัวและกล่าวว่า “ในหุบเขาผีเสื้อมีงูพิษมากมาย จึงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ามาเยือน อีกทั้งยังเป็นส่วนลึกของป่านิรันดร์ อาจไม่มีผู้สัญจรผ่านมาเลยตลอดหลายปี”
“แต่…”
หลินมู่อวี่ก้มลงขุดด้วยกระบี่วิญญาณมังกร ก่อนจะดึงขึ้นมาและพบว่ามันมีหัวอยู่ใต้ดินถึงสามหัว ซึ่งแต่ละหัวใหญ่กว่ากำปั้น
“นะ…นี่อะไร?” ถังเสี่ยวซีเอ่ยถาม
ถังเจิ้นผงะ เขาขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ท่านหลินรีบโยนสิ่งนี้ทิ้งเสีย มันคือสิ่งใดก็ไม่รู้…”
“ทำไมล่ะ?” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ
ถังเจิ้นกล่าว “มีเรื่องเล่าจากโบราณกาลว่ามีวัตถุทรงกลมใต้ผืนแผ่นดิน หากกินเข้าไปจะทำให้เกิดภัยพิบัติ ผู้คนในจักรวรรดิฉินจึงไม่กินอาหารจากใต้ดินอีกเลย โดยเฉพาะลักษณะทรงกลมเช่นนี้…”
“แต่…”
หลินมู่อวี่มองไปยังต้นไม้ในมือพร้อมเขย่าอีกครั้งก่อนพูดว่า “ในบ้านเกิดของข้า เราเรียกสิ่งนี้ว่ามันฝรั่ง…”