EP.446 ลอบเข้าหุบเขาผานหลง
กลางดึก อาหารชุดแรกจากกองทัพมังกรผงาดเดินทางมาถึง พวกมันถูกแบ่งออกเท่าๆ กันเพื่อให้กองทหารสองแสนนายสามารถทานได้อย่างเพียงพอ ขณะที่ทหารครึ่งงูหันหน้าหนีจากสายตาทหารมนุษย์ระหว่างทานอาหารอย่างตะกละตะกลามด้วยความหิวโหย ภายในกระโจมหลัก แสงเทียนแกว่งไกวตามสายลมยามค่ำคืน ขณะที่ทุกคนล้อมรอบแผนที่ป่านิรันดร์
…
หลินมู่อวี่ถือตะเกียงมองแผนที่อย่างระมัดระวังพร้อมกล่าวว่า “เป็นไปได้ไหมที่กองกำลังทั้งสองแสนของเราจะล้อมรอบหุบเขาผานหลง”
“หุบเขาผานหลง?” ถังเจิ้นครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ผู้บัญชาการ หุบเขาผานหลงไม่เล็กเลย…”
ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็ก หากจัดกองทัพอย่างรอบคอบ อาจสามารถล้อมรอบหุบเขาได้ แต่หากเทพแห่งป่าเขานำกองทัพบุกทะลวงเข้ามา ข้าเกรงว่าคงไม่มีกองทัพใดสามารถหยุดพวกมันได้”
“ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีหยุดพวกมันให้ได้”
หลินมู่อวี่คร่ำครวญพร้อมกล่าวว่า “เราเพียงต้องสกัดกั้นพวกมันไม่ให้ออกจากหุบเขาผานหลงไปได้แม้แต่ก้าวเดียว จนกว่าจะยอมเจรจากับเรา”
เว่ยโฉวยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการปราดเปรื่องยิ่ง พวกเผ่าคนเถื่อนต้องซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาผานหลงอย่างแน่นอน ตราบใดที่อาหารเริ่มขาดแคลน พวกมันจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป”
“ใช่”
หลินมู่อวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ส่งมอบคำสั่งให้ซือตู่เซินและซือตู่เฉว่นำกองกำลังที่สองและที่สามของกองทัพมังกรผงาดขนกล่องลูกศรหนึ่งร้อยกล่องไปทางทิศใต้ของหุบเขาผานหลง กองกำลังที่หนึ่งให้คุ้มกันทางออกด้านเหนือของหุบเขา ส่วนเหล่าอสูรให้คอยคุ้มกันรอบบริเวณ ในเมื่อพวกมันกล้าบุกเข้ามายังค่ายทหารของเรา ก็ปล่อยให้มันลิ้มรสชาติชีวิตที่ขมขื่นบ้าง หลังจากเข้าล้อมได้แล้ว ให้ยั่วยุพวกมันเพื่อดึงบางส่วนออกมาจัดการ จำไว้ว่าอย่าเผชิญหน้ากันโดยตรง ให้ใช้กล่องลูกศรและคันศรจัดการ ไม่เช่นนั้นแผนการอาจล้มเหลวไม่เป็นท่า”
“ขอรับผู้บัญชาการ!”
“และทานอาหารเย็นกันให้เรียบร้อย”
“เย็นนี้เจ้าจะทานอาหารก่อนไหม?” ถังเสี่ยวซีเม้มริมฝีปาก “ข้ากลัวอ้วน…”
“อืม ข้าจะทาน” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “หลังจากทานอาหารเสร็จ ข้าจะไปหุบเขาผานหลงเพื่อดูว่าคนเถื่อนเหลืออาหารเท่าใดและจะอยู่ได้นานอีกเพียงใด”
เว่ยโฉวรีบกล่าวขึ้น “ท่านหลินมู่อวี่โปรดไตร่ตรองอีกครั้ง ท่านเป็นผู้บัญชาการกองทัพและไม่สามารถออกไปเสี่ยงชีวิตคนเดียวเช่นนั้น!”
“ไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างมั่นใจ “ข้ารู้ว่าอาจไม่ชนะเทพแห่งป่าเขาได้ แต่อย่างน้อยเขาไม่สามารถจับกุมข้าได้อย่างแน่นอน”
“ข้าจะไปกับเจ้า” ถังเสี่ยวซีจ้องมองด้วยดวงตาคู่งามราวกับสายธาร
“ตกลง ไปกันเถิด” หลินมู่อวี่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม พลังของถังเสี่ยวซีเมื่อแปลงร่างเป็นมังกรเก้าหางจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งจะสามารถช่วยเขาได้มาก อีกทั้งเขาเป็นผู้ที่ทำอะไรบุ่มบ่าม ดังนั้นการมีถังเสี่ยวซีตามไปด้วยนั้นเป็นเรื่องดี
…
กลางดึกม้าสองตัวเสวี่ยหลีและท่าเฉว่วิ่งออกจากค่ายอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้ช้าลงเลยแม้จะวิ่งผ่านป่ารก ก่อนจะพาถังเสี่ยวซีและหลินมู่อวี่มาถึงด้านนอกหุบเขาผานหลง ทั้งสองสวมเสื้อคลุมสีดำและปล่อยม้าให้เล็มหญ้าในป่า จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนหินอย่างว่องไวราวกับลิง และถึงยอดเขาในเวลาอันสั้น
“รอก่อน...”
หลินมู่อวี่กล่าวเสียงแผ่วเบาลอยตามกระแสลมจนแทบไม่ได้ยิน เขายกแขนขึ้นส่งสัญญาณให้ถังเสี่ยวซีหยุด ก่อนจะชี้ไประยะไกล นักรบยักษ์สองคนนั่งถือหอกหิน ถังเสี่ยวซีเบิกตากว้างพร้อมถามว่าจะกำจัดสองคนนี้หรือไม่
หลินมู่อวี่ส่ายหัว เขาไม่ต้องการลงมือฆ่าใครหากไม่จำเป็น ทันใดนั้นฝ่ามือก็ปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ “พลั่ก!” มันตกลงที่ต้นคอนักรบทั้งสองจนทำให้สลบ ขณะนี้พลังของหลินมู่อวี่เพิ่มขึ้นมาก แม้แต่อสูรเกราะเขาก็ทำให้มันสลบได้ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงผิวหนังที่อ่อนนุ่มกว่าของเผ่าคนเถื่อน
“ไป!”
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อยเผยฟันสีขาวใต้แสงจันทร์
ถังเสี่ยวซีกลั้นหัวเราะขณะที่เดินเคียงข้างหลินมู่อวี่ ทั้งสองเคลื่อนไหวรวดเร็วและเงียบเชียบราวกับภูต ทำให้อีกฝ่ายไม่ทราบถึงการมาเยือนเขา ค่ายพักของเผ่าคนเถื่อนภายในหุบเชื่อมต่อกันเป็นระยะทางไม่กี่ไมล์ และมีกองไฟอยู่รอบบริเวณ
นักรบเผ่าคนเถื่อนนั่งล้อมรอบกองไฟ “จี๊ดๆ” พวกมันหยิบสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนไม้ขึ้นมา
“นั่นอะไร?” ถังเสี่ยวซีและหลินมู่อวี่เอนหลังบนก้อนหินใหญ่พร้อมเฝ้ามองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
“หนูนา” หลินมู่อวี่ตอบ
ถังเสี่ยวซีอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีรังเกียจ นางยอมตายเสียดีกว่ากินหนูเช่นนั้น
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “หากเจ้าหิวโหยมาก สิ่งนี้จะเป็นดั่งสวรรค์ที่มีอยู่ในท้องนา เสี่ยวซีอาศัยอยู่ในเมืองหลวงตั้งแต่เด็กจึงไม่เข้าใจวิถีชีวิตเช่นนี้”
“ข้าเข้าใจ ป่านิรันดร์แห้งแร้งมานานเกือบครึ่งปี พวกเขาขุดดินในป่า กินรากหญ้า กินแมลง กินงูจำศีล กินหนู กินทุกสิ่งอย่างที่สามารถกินได้ ข้าหวังว่าสภาพอากาศปีนี้จะเอื้ออำนวยและทำให้เผ่าจิ้งจอกสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นจำนวนมาก ไม่เช่นนั้นอาจถึงจุดจบของเผ่าพันธุ์อสูร…”
“ไม่ต้องกังวล…” หลินมู่อวี่ปลอบใจ “ประชากรของจักรวรรดิฉินมีเกือบร้อยล้านคนและมีทุ่งนาอุดมสมบูรณ์ จึงไม่ใช่ปัญหาที่จะส่งเสบียงให้อสูรหลายแสนตนเหล่านี้ อีกทั้งท่านหลานกงเป็นปู่ของเจ้า เขาจะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์อสูรอย่างเต็มที่ เจ้าเองก็ได้เห็นแล้ว”
ถังเสี่ยวซีพยักหน้ากล่าว “มู่มู่ เจ้าคงได้เห็นว่าท่านปู่พยายามทำดีกับข้า”
“อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถิด” หลินมู่อวี่มองออกไประยะไกลพร้อมกล่าวว่า “ร่างกายของเผ่าคนเถื่อนแข็งแกร่งมาก หนูนาตัวน้อยแค่นั้นจะพอทำให้อิ่มได้หรือ?”
“คงไม่ ดูนั่นสิ”
ถังเสี่ยวซีชี้นิ้วออกไป มีนักรบสามคนหอบร่างหมียักษ์เข้ามาในฝูงชน ก่อนจะถูกรายล้อมพร้อมเสียงโห่ร้องยินดี นั่นคือแหล่งอาหารที่แท้จริงของเผ่าคนเถื่อน
“สัตว์วิญญาณนั่นอยู่ในหุบเขาผานหลงหรือ?”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “สัตว์วิญญาณระดับสูงมีอาณาเขตของตนเสมอ หุบเขาผานหลงไม่ได้ใหญ่มากนัก และอาจมีสัตว์วิญญาณราวสองถึงสามตัว กระนั้นพวกคนเถื่อนมีทหารอย่างน้อยหลายหมื่นนาย อาหารเท่านี้ไม่น่าจะเพียงพอ”
หลินมู่อวี่พลันใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบพลังรอบข้าง แม้พลังต่อสู้ของเผ่าคนเถื่อนจะน่าทึ่งมาก แต่ความเข้มข้นของรัศมีพลังเป็นเพียงขอบเขตมนุษย์ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น ขณะเดียวกันเขาพลันตรวจจับพลังที่แข็งแกร่งได้จากภูเขาที่อยู่ห่างไกล มันเป็นสัตว์วิญญาณอายุอย่างน้อยหกพันปี
“มีสัตว์วิญญาณอยู่จริงๆ ด้วย!”
หลินมู่อวี่ยิ้ม “มาเถอะ เราจะไปจัดการสัตว์วิญญาณบนภูเขาเพื่อทำให้พวกคนเถื่อนไม่มีอาหารเพิ่มเติม ไม่เกินเจ็ดวันพวกมันจะยอมเจรจาอย่างแน่นอน”
“อื้ม!”
…
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและกระโดดไปด้านหน้าเพื่อนำถังเสี่ยวซีไปยังบริเวณที่เขาตรวจจับรัศมีพลังได้ ก่อนจะเห็นกลุ่มคบเพลิงสว่างไสวจากระยะไกล ซึ่งมาจากนักรบคนเถื่อนที่เฝ้ากันอยู่หน้าถ้ำ ขณะเดียวกันเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องออกจากถ้ำจนเปลวเพลิงสั่นไหว
พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเทพแห่งป่าเขาอยู่ในถ้ำและกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายเพื่อหาอาหารไปให้ผู้คน
หลินมู่อวี่โอบไหล่ถังเสี่ยวซีอย่างอ่อนโยนเพื่อพานางนอนหลบหลังพุ่มไม้และสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง ไม่นานเสียงคำรามสัตว์ร้ายก็หายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงลากและเสียงเดินของเทพแห่งป่าเขา เขาเดินออกมาพร้อมขวานศึกที่เปล่งประกายและซากหมูป่าอายุหกพันสี่ร้อยปีซึ่งตัวใหญ่เท่าเนินเขา! สัตว์ร้ายตัวนี้เพียงพอที่จะเป็นอาหารสำหรับคนเถื่อนได้ถึงสองวัน!
“ท่านทรงพลังยิ่ง!” กลุ่มนักรบคุกเข่าลงพื้น
เทพแห่งป่าเขามีคิ้วและดวงตาที่หนา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แต่จู่ๆ ดูเหมือนเขาจะสัมผัสบางสิ่งได้ ก่อนจะรีบยกขวานวิ่งตรงเข้ามายังที่ซ่อนของหลินมู่อวี่พร้อมเสียงตะโกนดังก้อง “พายุสลาตัน!”
“ฟิ้ว!”
หลินมู่อวี่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีฌานสัมผัสที่เฉียบแหลม เขายกมือขึ้นเรียกกำแพงน้ำเต้าขึ้นป้องกันอย่างรวดเร็ว “เปรี้ยง!” ขวานกระทบกำแพงจนระเบิดและกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
“หมับ!”
เทพแห่งป่าเขาคว้าด้ามขวานที่กระเด็นกลับ ก่อนจะมองหลินมู่อวี่อย่างชื่นชมพร้อมเอ่ยถาม “ที่แท้ก็เป็นแม่ทัพของจักรวรรดิมนุษย์ เจ้ามีนามว่าอะไร?”
“หลินมู่อวี่”
“หึ! ชื่อประหลาดยิ่ง!” เทพแห่งป่าเขามองด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นหันมองถังเสี่ยวซีพร้อมกล่าว “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดจึงมายังเผ่าของข้า?”
“ขอให้เจ้ายอมจำนน” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “หากไม่ยอมจำนน เผ่าของเจ้าจะถูกทำลายล้าง แต่หากยอมละก็…ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปและไม่ทำให้ต้องทนทุกข์กับความหิวโหย”
“บังอาจ!” ใบหน้าเทพแห่งป่าเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดว่าตนเป็นใคร? ต้องการให้พวกเราจำนนอย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! ข้าจะทำให้สำนึกว่าได้พูดสิ่งใดออกมา!”
หลินมู่อวี่ยกมือห้ามถังเสี่ยวซีและกล่าวออก “อย่าเข้าไปเสี่ยวซี ข้าจะเผชิญหน้ากับมันตัวต่อตัวเอง”
“เหอะ! ตัวต่อตัวเหรอ?” เทพแห่งป่าเขามองอย่างเย้ยหยัน “เจ้าคนเดียวหรือ?”
“ใช่ ข้าคนเดียว”
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย “หากเจ้ายอมจำนน ข้าจะยอมแบ่งอาหารให้ คิดว่าอย่างไร?”
“ข้าขออาหาร แต่ไม่มีวันยอมจำนน!”
“มุ่งมั่นยิ่งนัก…”
…
เทพแห่งป่าเขาเหวี่ยงขวานศึกแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว แม้เขาจะไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ์ กระนั้นพลังของขวานศึกตรงหน้าก็ทำให้หลินมู่อวี่รู้สึกหวาดหวั่น
ขณะเดียวกันแสงดวงดาวจากฟากฟ้ารวมตัวกันบนร่างกายหลินมู่อวี่พร้อมเปล่งประกายสว่างไสว ก่อนจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง!
กลยุทธ์ดวงดาวขั้นที่หนึ่ง…ดาราปรากฏ!