EP.439 ปะทะสองพี่น้อง
ประตูฐานทัพถูกปิดพร้อมปกคลุมไปด้วยหนามแหลม มีคนรักษาการด้านหน้าแปดคน หนึ่งในนั้นรีบก้าวมาด้านหน้าและกางแขนขวางประตู “ท่านแม่ทัพ โปรดปลดอาวุธก่อนเข้าสู่ฐานทัพตามกฎของเราขอรับ”
“ปลดอาวุธ?”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “บังอาจนัก ผู้ใดมอบอำนาจให้พวกเจ้าในการปลดอาวุธผู้บัญชาการแห่งกองทัพจักรวรรดิ?”
“เรา…” อีกฝ่ายพูดไม่ออก
โจวเหนียนกระแอมก่อนกล่าวว่า “เอาล่ะ ให้ผู้บัญชาการหลินนำกระบี่เข้าไปได้ ถือเป็นการต้อนรับอย่างไมตรีจากเรา”
“ขอรับ!”
“แอ๊ด…” ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะเป็นเวลากลางวัน แต่ภายในกลับจุดเทียนมากมายพร้อมควันลอยคลุ้งให้ความรู้สึกดั่งโถงอัศวิน หลินมู่อวี่ก้าวขึ้นบนบันไดหินทีละขั้นและค่อยๆ ปรับสายตาเข้ากับความสว่างด้านใน โถงแห่งนี้มีอ่างทรงกลมอยู่ตรงกลางพร้อมแท่นยกสูงทั้งสองด้านซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ขณะที่บนโต๊ะมีสุราและเนื้อวางอยู่มากมาย หลินมู่อวี่พลันใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบและพบว่าคนส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพี อีกทั้งยังรู้ว่าเมืองหลันเยี่ยนมีเสือซ่อนเล็บมากมาย และพวกเขามารวมกันอยู่ที่นี่!
เมื่อเข้าไปด้านในพร้อมเว่ยโฉวและอีกสี่คน พวกเขาสามารถมองเห็นคนที่อยู่บนเก้าอี้หลักได้อย่างชัดเจน เขาเป็นชายอายุไม่เกินสามสิบปีสวมสุดเกราะหนังเสือและใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่ดวงตาคมราวกับเหยี่ยวจ้องมองหลินมู่อวี่ ก่อนจะลุกขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นึกว่าใคร…ที่แท้ก็เป็นแม่ทัพแห่งเมืองหลันเยี่ยนนี่เอง”
“เจ้าคือซือตู่เซินหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามขณะที่ปราณเพลิงวายุปกคลุมร่างกายจนทำให้เสื้อคลุมขาวปลิวไสวแม้ไม่มีลมพัด
“ใช่” ซือตู่เซินวางจอกสุราลง “แล้วเจ้าคือ?”
“หลินมู่อวี่”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นผู้บัญชาการหลินแห่งจักรวรรดิฉิน ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ!” ซือตู่เซินประสานหมัดกล่าวอย่างเคารพ “เหตุใดท่านจึงมาเยือนถึงที่นี่?”
“เรามีเครื่องประดับเพชรสีขาวมากมายที่ซื้อมาจากเมืองชีไห่ แต่มันถูกปล้นบริเวณทางเหนือนอกเมืองหลันเยี่ยน ไม่ทราบว่ากลุ่มของเจ้ารู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่?”
ซือตู่เซินหัวเราะพร้อมสารภาพออกมาโดยไม่คาดคิด “ใช่ ข้าออกคำสั่งให้ออกไปปล้นสะดม เนื่องจากคิดว่าเป็นสินค้าที่ขุนนางในเมืองหลันเยี่ยนซื้อ”
หลินมู่อวี่กล่าว “เพชรสีขาวเหล่านั้นจะถูกนำไปหลอมเป็นศรเศวตรมณีเพื่อใช้ในการจัดการเผ่าปีศาจและจักรวรรดิอี้เหอ หวังว่าเจ้าจะสามารถส่งคืนพวกมันทั้งหมด”
ซือตู่เซินคร่ำครวญ ขณะที่เด็กสาวด้านข้างเลิกคิ้วพร้อมกล่าว “ช่างน่าขัน คิดว่าตนเองเป็นใครกัน?”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามอง หญิงสาวผู้นี้แต่งกายชุดทหารพร้อมมีดรูปจันทร์เสี้ยวสองเล่มห้อยอยู่ที่เอว มันดูไม่เหมือนอาวุธจากแผ่นดินใหญ่เท่าไหร่ แต่นางมีใบหน้างดงามคล้ายคลึงซือตู่เซิน ซึ่งคงเป็นซือตู่เฉว่ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ทำไมหรือ? ผู้นำทหารรับจ้างหลิงเป่ยจะสั่งสอนข้าอย่างนั้นรึ?”
ซือตู่เฉว่ดึงมีดสั้นออกมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อผู้บัญชาการหลินรู้จักซือตู่เฉว่ เช่นนั้นก็คงรู้ว่าข้าเป็นคนเช่นไร หากไม่สามารถชนะดาบคู่ของข้าได้ ก็อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอดกลับออกไป อีกทั้งเพื่อปล้นสินค้าเหล่านั้น พวกเราสังหารทหารไปหลายสิบนายเลย”
“เหอะ! พวกเจ้าเข่นฆ่า แล้วยังค้ามนุษย์อีก!”
หลินมู่อวี่ยกฝักกระบี่วิญญาณมังกรขึ้นพร้อมยิ้มอย่างทะนงตัว “เข้ามา! ข้าจะเอาชนะโดยไม่ต้องชักกระบี่ออกจากฝัก”
“จองหอง!!”
ซือตู่เฉว่กระโดดไปด้านหน้าพร้อมฟาดฟันดาบคู่ที่ปกคลุมไปด้วยแสงปราณยุทธ์
วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสั่นสะเทือน ก่อนที่กำแพงน้ำเต้าทองจะปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันก็ยกฝักกระบี่วิญญาณมังกรเพื่อปัดป้อง “เคร้ง!” คมดาบกระทบกันรุนแรง แต่การเคลื่อนไหวซือตู่เฉว่ว่องไวมาก ภายในพริบตานางใช้มีดตวัดกระบี่วิญญาณมังกรพร้อมส่งมีดอีกเล่มหวังเฉือนท้องหลินมู่อวี่
“ช่างเป็นสาวน้อยที่ดุดันอะไรเช่นนี้!”
หลินมู่อวี่ตะโกนพร้อมวิญญาณมังกรลอยวนรอบแขนซ้าย “เปรี้ยง!” เขายกแขนขึ้นป้องกันคมมีดของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็พลิกข้อมือขวาเหวี่ยงกระบี่วิญญาณมังกรออกไปกระแทกคมมีดจนชนไหล่ซือตู่เฉว่
“ฝันไปเถอะ!”
ใบหน้างามเต็มไปด้วยปราณยุทธ์ขณะที่หลบกระบี่วิญญาณมังกร ก่อนจะยกมีดทั้งสองเฉือนเอวหลินมู่อวี่อีกครั้ง!
แต่หลินมู่อวี่เร็วกว่ามาก เขาใช้ฝีเท้าดาวตกหลบหลีกการโจมตี ขณะเดียวกันบนเท้าเต็มไปด้วยปราณยุทธ์หมุนวนอย่างบ้าคลั่งพร้อมระเบิดออก
“หือ?”
ซือตู่เฉว่สัมผัสได้ถึงพลังของลูกเตะ ทำให้รีบยกมีดคู่ขวางหน้าอกเพื่อป้องกัน แต่พลังของหลินมู่อวี่แข็งแกร่งกว่ามาก “เปรี้ยง!!” ลูกเตะทรงพลังกระแทกมีดอีกฝ่ายจนกระเด็นลอยออกไป
“ปกป้องท่านผู้นำ!” กลุ่มทหารรับจ้างอาวุโสชักดาบพุ่งตัวเข้าไป
หลินมู่อวี่ไม่ได้หลบ ขณะตวัดกระบี่วิญญาณมังกรที่ยังอยู่ในฝักออกไป ก่อนจะระเบิดพลังโซ่เทวะอย่างรุนแรงจนทำให้นายพลหลายสิบนายลอยกระเด็น แม้กระทั่งเทียนบนโต๊ะก็ถูกลมพัดจนดับ
หลินมู่อวี่ยืนบนแท่นพร้อมสายโซ่สีทองทอประกายรอบตัว เขาเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามด้วยความยโส “มีใครอยากลองอีกไหม?”
ทุกคนต่างตกตะลึง ซือตู่เฉว่เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตนภาชั้นสูงสุด กระนั้นหลังโจมตีด้วยสามกระบวนท่าก็ยังไม่สามารถทำให้กระบี่วิญญาณมังกรของหลินมู่อวี่ออกจากฝักได้ เช่นนั้นแล้วคนอื่นจะมีโอกาสชนะได้อย่างไร
…
“แปะ แปะ…”
จู่ๆ เสียงปรบมือดังขึ้นจากซือตู่เซิน เขาลุกขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนแข็งแกร่งอย่างแท้จริง จะโน้มน้าวซือตู่เฉว่ได้ก็ต่อเมื่อนางพ่ายแพ้เท่านั้น แต่…ผู้บัญชาการหลิน ข้อตกลงจะเป็นไปตามกฎของเรา ท่านสามารถนำเพชรสีขาวกลับไปได้ หากสามารถชนะเพลงดาบของข้า ท่านกล้าหรือไม่?”
“เหตุใดจะไม่กล้า?” หลินมู่อวี่ค่อยๆ ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “หากไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ แล้วข้าจะพิชิตแผ่นดินนี้ได้อย่างไร!”
“ช่างโอหังยิ่งนัก!”
ซือตู่เซินค่อยๆ ดึงอาวุธออกมาซึ่งมีจิตวิญญาณอสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่คาดคิดเลยว่าดินแดนที่เสื่อมโทรมจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน!
อีกทั้งวิญญาณยุทธ์สีขาวขุ่นลอยเวียนวนเหนือคมดาบ ซึ่งบ่งบอกว่าซือตู่เซินเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตนภาชั้นที่สาม เมืองหลันเยี่ยนมีเสือซ่อนเล็บอยู่จริงๆ!
ซือตู่เซินมองหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวว่า “หากสามารถเอาชนะข้าภายในสามกระบวนท่าก็เอาเพชรกลับไปได้เลย!”
“ดี!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า
“เช่นนั้นก็เริ่มได้!”
ซือตู่เซินคำรามก้องพร้อมรวบรวมปราณยุทธ์จนถึงระดับสูงสุด แท้จริงแล้วบาดแผลของหลินมู่อวี่ยังไม่หายดีนัก จึงทำให้ปราณยุทธ์ของเขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าอีกฝ่ายเลย และมันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างแท้จริง ตัวแปรสำคัญเพียงสิ่งเดียวคือเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายของหลินมู่อวี่เหนือชั้นกว่าซือตู่เซินมาก
“พรึ่บ!”
เปลวเพลิงลุกโชติช่วง ขณะที่หลินมู่อวี่ใช้กระบวนท่าสังหารเกลียวเพลิงมังกรปกคลุมกระบี่
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ที่มีเปลวเพลิงจากมังกรเลือดบริสุทธิ์ลุกโชน ทำให้ซือตู่เซินจำเป็นต้องเอาจริง เขาเปล่งเสียงพร้อมควบแน่นปราณยุทธ์บนใบดาบ ทันใดนั้น! ริ้วแสงสีม่วงพลันปรากฏขึ้นรอบกาย
“โจมตี!”
หลินมู่อวี่ฟาดฟันกระบี่ออกไป ขณะที่ซือตู่เซินถอยหลังราวกับกำลังหนี แต่กระแสน้ำวนสีม่วงหมุนเวียนรอบกายอย่างรุนแรงจนทำให้เกลียวเพลิงมังกรบิดเบี้ยว ก่อนที่ซือตู่เซินจะคำรามก้องพร้อมตวัดดาบปะทะกระบี่วิญญาณมังกรจากทิศทางตรงข้าม!
“กลยุทธ์พลิกหัวใจ!” ภายใต้เสียงตะโกนดังของซือตู่เซิน กระบี่วิญญาณมังกรพลันสั่นสะเทือน
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
หลินมู่อวี่ผงะพร้อมปักกระบี่วิญญาณลงพื้นจนเศษหินกระเด็น ก่อนจะยกมือขวาขึ้นควบแน่นพลังดวงดาราอย่างรุนแรงจนมีลมพัดโหมกระหน่ำ ขณะเดียวกันหลังคาโถงสว่างไสวราวกับถูกดวงดาวนับไม่ถ้วนทะลุทะลวงลงมาปกคลุมฝ่ามือเขา มันคือกลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สาม…ปัญจสวรรค์!
พลังฝ่ามือของหลินมู่อวี่ไม่ด้อยไปกว่ากลยุทธ์พลิกหัวใจ ในเมื่อซือตู่เซินมีวิทยายุทธ์พิเศษ เขาจึงต้องการเห็นว่าอีกฝ่ายจะต้านรับพลังของตนได้หรือไม่!
เมื่อเห็นฝ่ามือทรงพลังของหลินมู่อวี่พุ่งตรงมา ซือตู่เซินพลันรู้สึกตกตะลึง ก่อนจะยกดาบยาวขึ้นป้องกันที่หน้าอกพร้อมควบแน่นกลยุทธ์พิเศษ ขณะที่พลังปัญจสวรรค์พุ่งใกล้เข้ามา ใบหน้าของเขาพลันซีดเผือด กระนั้นยังคงพยายามรวบรวมพลังกลยุทธ์พลิกหัวใจเพื่อป้องกันการโจมตีอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามซือตู่เซินไม่มีทางหลบหลีกพลังจักรวาลอันยิ่งใหญ่ราวกับแม่น้ำไหลเชี่ยวกรากนี้ได้เลย อีกทั้งเขาถูกพลังกดทับจนหินใต้ฝ่าเท้าแตกและเลือดไหลกบปาก ในที่สุดเขาก็กัดฟันตะโกนเสียงดัง “ข้าแพ้แล้ว!”
“พรึ่บ!”
พลังจักรวาลบนฝ่ามือสลายไปทันที หลินมู่อวี่พลันสะบัดมือแผ่วเบา พลังที่น่าเกรงขามนี้ทำให้ซือตู่เซินรู้สึกเหมือนตนได้ตกอยู่ในขุมนรกโลกันตร์ ก่อนจะสลายกลายเป็นปรากฏการณ์ละอองดวงดาวสีครามทั่วห้องโถง
…
“แฮ่กๆ”
ซือตู่เซินหอบหายใจพร้อมกล่าวด้วยใบหน้าขาวซีด “ขอบคุณที่ชี้แนะ นะ…นั่นกลยุทธ์ใดกันจึงได้สง่างามและทรงพลังเช่นนี้?”
“ข้าฝึกฝนวิทยายุทธ์ชื่อว่ากลยุทธ์ดวงดารา ซึ่งได้รับพลังจากดวงดาวบนฟากฟ้า” หลินมู่อวี่อธิบายเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านซือตู่เซินเก่งกล้ามาก มีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้ข้าต้องใช้วิชานี้ได้”
ซือตู่เซินเผยท่าทีละอายใจพร้อมประสานหมัด “ขอบคุณที่ไม่สังหารข้า…ซือตู่เซินจะจดจำมันตลอดไป!”
เขาดูเป็นคนเปิดเผยและซื่อตรงยิ่ง
“ตอนนี้สามารถคืนเพชรสีขาวของร้านค้าจื่อยินได้แล้วใช่หรือไม่?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนขอรับ!”