Telesma 6 – Rule of Two pt.2

ตอนที่ 6 - Rule of Two pt.2

  “เอาล่ะลืมตาได้” คุณมิลเลอร์พูดพร้อมกับปลดผ้าปิดตาของพวกเราออก เธอเป็นผู้สังเกตการณ์ของพวกเราในรอบนี้และเธอก็คือคนๆ เดียวกับที่เอาคทาเขากวางมาให้นาคาซดูเมื่อวาน

 

พอฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าพวกเรากำลังถูกห้อมล้อมด้วยกำแพงไม้พุ่มสูงใหญ่มิดหัวของพวกเรา และที่กำแพงก็มีเส้นทางที่เหมือนกับทางออกล้อมรอบอยู่ทั้ง 4ทิศ

  “เขาวงกตงั้นหรอ?” เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันพูดขึ้นมา 

เธอเป็นเด็กสาวผิวแทน ที่มีผมสีดำสั้นและมีดวงตาสีแดงแต่ดูอ่อนกว่าของนาคาซ อาวุธที่เธอหยิบมาคือมีดสั้นจำนวนมาก ดูเธอจะช่ำชองในการใช้อาวุธชนิดนี้มากทีเดียว

  ส่วนอาวุธที่ฉันเลือกก็คือหอก รับรองว่าถ้าหมอนั่นเห็นคงจะแปลกใจไม่น้อย

  “ฉันจะทวนให้อีกครั้งนะ 1.ห้ามใช้เวทที่มากกว่าระดับ 1 และ2 แล้วก็รอบนี้ไม่อนุญาตให้ใช้เวทผสมนะจ๊ะ

อย่างที่ 2การถูกโจมตีบริเวณจุดตายถือว่าตกรอบในทันที และถ้าโดนโจมตีแบบไม่โดนจุดตาย 3ครั้งก็จะถือว่าตกรอบเหมือนกันนะ

แล้วก็อย่างสุดท้ายอย่าประมาทกันเชียวล่ะ” ผู้สังเกตการณ์สาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ให้อารมณ์คล้ายกับพี่สาวใจดีหรืออะไรทำนองนั้น 

  [การสอบคัดเลือกนักเวทฝึกหัดรอบสุดท้าย เริ่มได้!] เสียงประกาศดังขึ้นหลังจากที่ผู้สังเกตการณ์สาวทวนกิจการให้พวกเราเสร็จ

  “เริ่มแล้วสินะ”

  “อืม”

  “งั้นฉันจะสังเกตการณ์พวกเธอจากที่นี่นะ สู้ๆ เข้าล่ะ”

  “ค่ะ”

  “ค่ะ”

 

พวกเราตัดสินใจเดินออกมาจากทางทิศเหนือของจุดปล่อยตัวและคลำทางกันอยู่สักพักกว่าจะเจอทางที่ไปต่อได้ และระหว่างที่พวกเราเดินกันอยู่วีช่าก็พูดขึ้นมา

  “จะว่าไป เธอเป็นอะไรกับเด็กผู้ชายคนนั้นหรอ”

  “เด็กผู้ชายคนนั้น? อ๋อหมายถึงนาคาซสินะคะ”

  “อ่า ใช่ๆ เห็นเดินตัวติดกันตลอดเลย หรือว่าจะเป็นคู่หมั้นกันงั้นหรอ ดูเข้ากันดีนะ”

  “ฉันเองก็พึ่งเคยเจอเขาเมื่อวานเองค่ะ”

  “ห๊า! งั้นก็หมายความว่าเธอนอนห้องเดียวกับคนที่พึ่งรู้จักกันยังไม่ถึงวันเลยเนี่ยนะ ทั้งที่ภายนอกออกจะดูเป็นกุลสตรีแท้ๆ ”

  “อืม…จะว่ารู้จักกันไม่ถึงวันก็คงไม่ถูกซะทีเดียวหรอกนะคะ เพราะจริงๆ แล้วฉันเองก็รู้จักเขาข้างเดียวมานานแล้วน่ะค่ะ”

  “รู้จักข้างเดียว? คล้ายๆ กับรักค้างเดียวรึเปล่า?”

  “ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ…. แต่คุณเคยได้ยินคำว่า”สายลมแห่งแวนด์”มั้ยคะ”

เด็กสาวทำท่าเหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพักหนึ่งพร้อมกับพึมพำเบาๆ

  (อืม….สายลมแห่งแวนด์…สายลมแห่ง….แวนด์…งั้น…หรอ)

  “อ๋อ ที่เป็นข่าวลือเมื่อช่วงต้นปีก่อนนั่นน่ะหรอ เห็นว่าตั้งแต่ปรากฏตัวมางานแถวชายแดนก็ปลอดภัยมากกว่าเดิมเยอะเลยนี่… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเด็กคนนั้นงั้นหรอ”

  “ก็คนๆ นั้นแหละค่ะคือสายลมแห่งแวนด์”

  “พูดจริง?! แต่ว่าหมอนั่นอายุเท่าพวกเราเองนะ” วีช่าพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง

  “ก็เพราะเขาอายุเท่าพวกเรานั่นแหละค่ะถึงต้องรีบสร้างวีรกร-” อยู่ดีๆ วีช่าก็เอามือมาปิดปากฉันและส่งสัญญาณมือเหมือนบอกให้เงียบๆ

  (มีเสียงคนกำลังเดินมาทางพวกเรา)

  เอ๋? ถามจริง ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเนี่ยนะ

  (ดูเหมือนว่าจะอยู่อีกฝั่งของกำแพง รอให้พวกนั้นเดินไปก่อนแล้วเราค่อยไปกัน)

ฉันส่งสัญญาณมือตอบรับกลับไปเป็นการบอกว่าตกลง 

 

หลังจากผ่านไปสักพักวีช่าก็ปล่อยมือออกและกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

  “ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไปกันแล้ว”

  “หูดีจังเลยนะคะ”

  “ไม่หรอก ฉันก็แค่ถูกที่บ้านฝึกมาตั้งแต่เด็กน่ะ”

  “อย่างนั้นเองสินะคะ”

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินหลงในเขาวงกตแห่งนี้กันอีกสักพักใหญ่จนมาถึงเส้นทางตรงที่ทอดยาวจนมองไม่เห็นปลายทาง พอคิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกแล้วพวกเราก็ออกวิ่งกันสุดตัวจนกระทั่งเห็นเงาของผู้เข้าสอบอีก 2คนที่วิ่งเข้ามาหาพวกเราเหมือนกัน

  “โลล่า!”

  “ฉันขอจัดการทางซ้ายเองค่ะ!”

  “ได้เลย!”

  หอกในมือของฉันมันกำลังกระหายเลือดพอดีเลย

  “เข้ามา!!” แต่เพียงแค่ช่วงอึดใจเดียวก่อนที่พวกเราจะปะทะกันนั้นเอง

  ฟิ้วว ฟิ้ว

อยู่ดีๆ ก็มีเสียงของวัตถุบางอย่างที่พุ่งตรงมาทางพวกเราด้วยความเร็วที่ฉันตามไม่ทัน

  และพอฉันรู้ตัวอีกทีผู้เข้าสอบที่อยู่ตรงหน้าจองพวกเราก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ

  “เอ๋?”

  คำถามมากมายประดังเข้ามาภายในหัวของฉัน ทุกๆ อย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ทำไมอยู่ดีๆ 2คนนั้นก็ล้มลงไปกันล่ะ? 

  [ตกรอบ 1คู่จากการโดนยิงด้วยธนู เหลือผู้เข้าสอบอีก 7คู่] เสียงประกาศดังออกมาเป็นการตอบคำถามว่าทำไมผู้เข้าสอบคู่นี้ถึงได้ล้มลงไปกองกับพื้นภายในพริบตา

 

ถูกยิงด้วยธนูงั้นหรอ? จากไหนกัน? ที่แถวนี้ไม่น่าจะมีจุดไหนให้ซุ่มยิงไ-

วีช่าฉุดตัวฉันเข้าไปแนบกับกำแพงพุ่มไม้ในทันที

  “เธอโดนอะไรรึเปล่า” ดูเหมือนว่าวีช่าจะตั้งสติได้ดีกว่าฉันและฉุดฉันเข้ามาเพื่อสร้างมุมอับให้กับนักธนูคนนั้น

  “อ่า…ฉัน…ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ แต่เด็ก 2คนนั้น…” ฉันหันไปดูร่างของผู้เข้าสอบที่ล้มลงอยู่อีกครั้งนึง

ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ลูกธนูหัวทู่ที่ดูไร้พิษสงแต่มันกลับสร้างรอยบุบให้กับเกราะหนังที่เด็กพวกนั้นสวมใส่อยู่ได้ไม่ยาก

  นี่ถ้าไม่โดนวีช่าฉุดเข้ามาสภาพของฉันก็คงไม่ต่างจากเด็กพวกนั้นแน่

  “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ฉุดตัวฉันเข้ามาสภาพฉันคงไม่ต่างจากเด็กพวก”

  “เรื่องแค่นี้เองน่า ยังไงพวกเราก็เป็นคู่หูกันนะ”

  “นั่นสินะคะ”

  “แล้วเราจะเอายังไงต่อดีล่ะ” 

  “งั้น….”

 

พวกเรานั่งวางแผนกันอยู่สักพักนึงจนได้ข้อสรุปว่าจะเดินทางโดยเลี่ยงเส้นทางที่น่าจะมีคนเดินผ่าน และก็เพื่อหลีกเลี่ยงทิศที่นักธนูคนนั้นจะสามารถเล็งไปได้จนกระทั่งพวกเราเดินมาถึงอาคารกลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางเขาวงกตแห่งนี้ มันเป็นเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่สูงล้ำกำแพงไม้พุ่มไปมากพอสมควร เป็นมุมเหมาะที่จะใช้ยิงธนู….

  พอคิดแบบนั้นแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่นักธนูคนนั้นจะซุ่มยิงมาจากทางด้านบนของอาคาร แต่เด็ก 6ขวบที่ไหนมันจะไปมีแรงปีนอาคารสูงขนาดนั้นกันล่ะ…. 

  “ซวยแล้วไง”

  “อะไรหร-”

ฉันปิดปากวีช่าและฉุดตัวเธอกลับเข้ามาในทางเดิน

  (ฉันนึกออกแล้วค่ะว่าใครที่พอจะยิงธนูแบบนั้นได้)

  (ใครหรอ)

  (นาคาซ อายบลัด)

  (เด็กคนนั้นน่ะหรอ ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ)

  (แล้วคิดว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงได้ฉายาสายลมแห่งแวนด์ล่ะคะ)

  (ไม่รู้หรอก ฉันก็รู้แค่ว่าคนๆ นั้นเก่งสุดๆ เลยก็เท่านั้นเอง)

  (ก็เพราะเด็กคนนั้นเป็นสายเลือดโคคุจาไงล่ะคะ)

  “เ-” ฉันเอามืออุดปากของวีช่าก่อนที่เสียงของเธอจะออกมาจากปาก

  (ที่เธอพูดมาเมื่อกี้มันเรื่องจริงหรอ)

  (จริงกว่านี้ก็คือไปเคาะประตูบ้านถามตรงๆ แล้วล่ะค่ะ)

  (ถึงว่าล่ะทำไมสัมผัสถึงต่างจากเด็กคนอื่นๆ เธอก็ด้วยนะโลล่า)

  (เอ๋? ฉันก็ด้วยหรอคะ?…)

  (แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับเด็กคนนั้นหรอกนะ สัมผัสของเธอมันให้ความอบอุ่นมากกว่าน่ากลัวน่ะ…. แล้วเราจะเอายังไงต่อล่ะ จะเข้าไปข้างในหรือจะหนีไปทางอื่นดี)

  ในกรณีนี้ต่อให้พวกเราหนีหมอนั่นก็คงรู้ตัวแล้วหันมายิงโดยที่พวกเราสวนอะไรไม่ได้แน่ แต่ถ้าหมอนั่นเอาแค่ธนูมาก็น่าจะสู้ในระยะประชิดได้ด้วยไม่ยาก คู่หูของหมอนั่นเองก็ไม่น่าจะเก่งเหนือมนุษย์อะไรมากนัก

  (เราจะบุกเข้าไปกันค่ะ)

  (ถ้าเธอว่างั้นล่ะก็นะ แต่ขอฟังเหตุผลหน่อยว่าทำไมถึงคิดงั้น)

  (เพราะว่าถ้านาคาซเอามาแค่ธนูพวกเราก็จะได้เปรียบมากกว่าในการต่อสู้ระยะประชิดใช่มั้ยล่ะคะ แถมเด็กอีกคนหนึ่งก็ไม่น่าจะเก่งเหนือมนุษย์อะไรมากด้วย ฉันคิดว่าถ้าเรารีบจัดการเด็กอีกคนก่อนแล้วรุมค่อยนาคาซน่าจะเป็นทางออกที่ดีค่ะ)

  (ถ้าเธอว่างั้นล่ะก็นะ)

  (งั้นพอฉันให้สัญญาณเมื่อไหร่ก็บุกเข้าตัวอาคารทันทีเลยนะคะ)

  (ตกลง)

 

  1…

  2…

  3…

  ไป!

ฉันให้สัญญาณมือกับวีช่าและวิ่งนำเธอออกไปก่อนจนถึงหน้าประตูทางเข้า และพอฉันลองใช้เมจซีกเกอร์ส่องดูก็พบกับกลุ่มก้อนพลังเวท 3ก้อนภายในเรือนกระจก 

เท่าที่ดูก็ไม่พบพลังเวทหน้าตาแปลกๆ แบบของหมอนั่น แถมคนที่มีพลังเวทมากสุดในนั้นยังมีโครงร่างของผู้ใหญ่ด้วย คงเป็นผู้สังเกตการณ์สินะ

  “เราจะแอบอยู่ที่นี่ไปจนจบเลยหรอ” เสียงการสนทนาของผู้เข้าสอบคู่นั้นดังออกมา

  “ไม่ดีรึไง แอบอยู่เงียบๆ ให้พวกนั้นเสียแรงกันฟรีๆ แล้วเราก็ค่อยจัดการพวกนั้นตอนที่อ่อนแอสุดๆ เลยไง เผลอๆ ถ้าพวกเราชนะรอบนี้อาจจะได้เข้าเมืองหลวงเลยก็ได้นะ”

  “ก็จริง…”

  (เด็กคนนั้นอยู่ในนั้นรึป่าว) วีช่ากล่าวขึ้นมาหลังจากที่เธอตามฉันมาทัน

จะว่าไปเธอตามมาตอนไหนเนี่ย ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงเท้าของเธอเลยสักนิดเดียว

  (ดูเหมือนจะไม่อยู่นะคะ แต่มีนักเวทฝึกหัดอยู่ในนั้น  2คน ทั้งคู่มีปริมาณพลังเวทไม่มากนัก ฉันคิดว่าถ้าเราเข้าปะทะตรงๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ)

 

วีช่าทำท่าเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพักนึงก่อนที่จะลุกขึ้นพร้อมกับหยิบอาวุธออกมา

  (ฉันขอจัดการเอง)

  (แต่ว่-)

  (ไม่เป็นอะไรหรอก ขอแค่มีที่ให้ฉันปีนป่ายได้ก็พอแล้ว เธอเก็บแรงไว้เผื่อตอนที่ต้องสู้กับเด็กคนนั้นเถอะ)

  ดูเหมือนว่าจะขัดอะไรไม่ได้สินะ แถมเจ้าตัวก็ดูจะมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากด้วยซิ

  (ถ้าคุณยืนกรานขนาดนั้นแล้ว การที่ฉันปฏิเสธคงจะเป็นการเสียมารยาทสินะคะ เชิญเลยค่ะ)

  (ไว้ใจฉันได้เลย) พอพูดจบวีช่าก็แง้มประตูและลอบเข้าไปข้างในทันที

 

พอเวลาผ่านไปสักพักนึงก็เริ่มมีเสียงโวยวายมาจากข้างใน และเมื่อฉันเบิกเมจซีกเกอร์ดูอีกครั้งก็พบกับร่างของเด็กสาวที่กำลังปีนป่ายไปตามต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันทั่วทั้งเรือนกระจกก็เริ่มถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่หนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งฉันไม่สามารถที่จะมองภาพจากภายนอกได้ด้วยตาเปล่าได้ 

  และทันใดนั้นเองก็เริ่มมีเสียงเอะอะโวยวายออกมาจากข้างใน 

  “หมอกมาจากไหนเนี่ย” 

  “ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันก็นึกว่านายร่ายมันซะอีก”

  “ฉันไม่มีปัญญาร่ายเวทแบบนี้ได้หรอกน่า นายพอจะรู้เวทที่จะช่วยจัดการหมอกพวกนี้มั้ย”

  “…”

  “รอน! อย่ามาเงียบใส่กันแบบนี้สิ”

  “….”

  “รอน! อย่ามาแกล้งกั-”

เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เสียงเอะอะโวยวายข้างในก็เงียบลงเหลือเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ข้างในพร้อมกับกลุ่มหมอกที่ยังหลงเหลืออยู่

  แอ๊ดด

ประตูของเรือนกระจกถูกเปิดออกมาพร้อมกับกลุ่มหมอกควันที่ไหลออกมาเหมือนกับของเหลว และท่ามกลางกลุ่มควันเหล่านั้นก็ปรากฏร่างของเด็กสาวที่เดินออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

  “เรียบร้อยๆ~” วีช่าเดินออกมาพร้อมกับทำปัดมือขึ้นลง

  “ทำเอาฉันตกใจเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะมีเด็กที่มีความสามารถขนาดนี้อยู่อีก”

  “ก็บอกแล้วไงว่าแค่นี้ฉันสบายมาก แถมนักเวทฝึกหัดคู่นั้นก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรด้วย”

  “จะว่าไปดูเหมือนว่าเด็กที่ชื่อนาคาซนั่นจะเคยอยู่ที่นี่จริงๆ นั่นแหละนะ แต่ดูเหมือนว่าจะอยู่ไม่นานน่ะ”

  “งั้นเองสินะคะ… ว่าแต่ไปรู้มาจากไหนคะ ต่อให้ถามพวกผู้สังเกตุการณ์ก็ไม่น่าจะตอบนี่คะ?”

  “ความ~ลับ อะฮิ~☆” วีช่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงแจ่มใสพร้อมกับทำท่าประหลาดๆ

  [ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 5คู่] เสียงประกาศดังขึ้นมาแทรกการสนทนาของพวกเรา

  เหลือ 5คู่งั้นหรอ? แล้วคู่ที่ 6ล่ะ?

  “แล้วเราจะเอายังไงต่อดีล่ะ” วีช่าหันมาถามฉันหลังจากที่ทำหน้างุนงงอยู่พักนึง

  “ถ้าคนๆ นั้นไม่อยู่ที่นี่แล้วก็คงไม่มีอะไรให้กังวลมากแล้วล่ะค่ะ เราเองก็รีบหาทางออกจากทีนี่ดีกว่า”

  “อื้ม”

 

พวกเราหาทางออกจากเขาวงกตอยู่อีกพักใหญ่ๆ ในระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเหลือผู้เข้าสอบอีกแค่ 4คู่เท่านั้น

  “โลล่า ทางออกล่ะ!” วีช่าพูดพลางชี้ไปยังทางที่อยู่ข้างหน้าของพวกเรา

แต่พอพวกเราวิ่งเข้าใกล้ทางออกมากเท่าไหร่ก็เหมือนจะได้กลิ่นเหม็นไหม้ที่แรงขึ้นมากเท่านั้น

  มีการต่อสู้กันที่หน้าทางออกงั้นหรอ ก็คงไม่แปลกที่จะมีการดักซุ่มกันตรงปากทางหรอกมั้ง….

  “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย” ทันทีที่วีช่าเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเด็กสาวก็ถึงกับสบถมันออกมา 

 

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเราคือกำแพงไม้พุ่มที่ไหม้เกรียมทอดยาวตลอดทางทั้งสองฝั่งไปจนถึงปากทางออก

  ซากใบไม้พวกนี้ยังคงอุ่นและส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาอยู่ ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นไม่นานมากเท่าไหร่นะ

  (ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนทำมันขึ้นมาต้องไม่ใช่พวกนักเวทฝึกหัดธรรมดาๆ แน่)

  “โลล่า มาดูนี่สิ” เด็กสาวกวักมือเรียกฉันให้ไปยังต้นไม้ที่อยู่ติดกับกำแพงของสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ตรงปากทางออก

  “ลูกธนูงั้นหรอ?” สิ่งที่ปักอยู่บนต้นไม้นั้นคือลูกธนูที่ไหม้เกรียมชนิดที่ว่ามันพร้อมจะสลายกลายเป็นผงเมื่อใดก็ได้ 

  “ฉันจำลูกธนูแบบนี้ได้ มันเป็นแบบเดียวกับที่เด็กพวกนั้นโดนเป๊ะๆ เลย” วีช่าพูดพลางกับตรวจสอบลูกธนูดอกนั้นอย่างระมัดระวัง

  “ไม่ใช่ว่าเป็นแบบมาตรฐานของสนามสอบอยู่แล้วหรอกหรอ”

  “ไม่ใช่ลูกธนูสิ เรียกว่าตะกอนเวทที่ยังตกค้างอยู่ก็คงได้มั้งนะ ดูสิมันมีร่องรอยของเวทชนิดเดียวกันกับที่ยิงเด็ก 2คนนั้นอยู่” มองยังไงก็มองไม่ออกเลยแฮะ นี่ขนาดฉันใช้เมจซีกเกอร์ตรวจดูแล้วยังไม่เข้าใจเลยสักนิด

  “งั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนเดียวกับตอนนั้นสินะคะ”

  “ก็ประมาณนั้น”

  “งั้นเราจะเอายังไงกันต่อล่ะคะ ถ้าเข้าไปตอนนี้คงจะอันตรายน่าดู”

  “งั้น…”

 

วีช่าอธิบายแผนให้ฉันฟังและเธอก็อาสาที่จะเข้าไปสำรวจข้างในก่อนด้วยทักษะที่เธอถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก

  พอมาคิดๆ ดูแล้วไม่ว่าจะเป็นรูปพรรณ ทักษะในการสังเกต อาวุธที่เลือกใช้ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวที่ทั้งคล่องแคล่วและเงียบเชียบแบบนั้น ทุกๆ อย่างมันล้วนเป็นคุณสมบัติของฮัสซาซินทั้งสิ้นเลยไม่ใช่รึไง? เธอเป็นลูกหลานของอาณาจักรเงาที่เลือกมาเป็นนักเวทงั้นหรอ? หายากเหมือนกันนะ

  “ข้างในปลอดภัยจนน่าตกใจเลย” วีช่าปีนออกมาจากหน้าต่างชั้น 1ของคฤหาสน์พร้อมกับบอกสถานการณ์ภายในตัวอาคารในฉันทราบ

  “งั้นก็เข้าไปได้สินะคะ”

  “อื้ม”

พอเข้ามาในตัวคฤหาสน์ฉันก็พบว่าที่นี่มันทั้งเงียบและสะอาดเกินกว่าที่คิดไว้มาก ที่บริเวณโถงทางเดินถูกปูด้วยพรมสีแดงตลอดทาง กำแพงสีขาวนวลสะอาดตาตัดกับโครงไม้และประตูสีน้ำตาลเข้ม ตามผนังกำแพงถูกประดับด้วยกรอบรูปสีทองและเชิงเทียนที่ตั้งห่างอยู่เป็นระยะๆ

  “สวยใช่มั้ยล่า เห็นว่าที่นี่เป็นคฤหาสน์ของดยุคเก่าน่ะ” วีช่าหันมาคุยกับฉันที่กำลังตรวจสอบคฤหาสน์หลังนี้อยู่

  “ดยุคเก่า? งั้นก็หมายความว่าที่นี่มีอายุมากกว่า 80ปีแล้ว งั้นหรอคะ ยังดูสมบูรณ์ได้ขนาดนี้อีกหรอเนี่ย”

  “กองทัพก็น่าจะเจียดเงินส่วนนึงมาบำรุงรักษานั่นแหละ เห็นว่าที่นี่เอาไว้ใช้เป็นสนามฝึกยุทธวิธีภายในอาคารน่ะ แถมบางครั้งก็เอาไว้ให้พักผ่อนกันด้วย”

  “แอบน่าเสียดายนะคะ”

  “นั่นสินะ”

หลังจากเดินกันมาสักพักวีช่าก็หยุดเดินและจ้องมองไปยังประตูที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง มันน่าจะเป็นประตูบานที่ใหญ่ที่สุดและน่าจะอลังการที่สุดในคฤหาสน์หลังนี้เลยก็ว่าได้

  [ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 3คู่ ] 

  “มีอะไรงั้นหร-” 

  (ชู่~) วีช่าส่งสัญญาณมือให้ฉันเงียบ

  (ข้างในนี้มีคนอยู่)

  (แล้วเราจะเอายังไง เข้าไปมั้ย?)

วีช่าไม่ได้ตอบอะไรนอกจากการเอามือไปนาบที่บานประตูทั้ง 2ฝั่ง และทันใดนั้นเอง

  แอ๊ดดด

ประตูยักษ์ถูกเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในห้องผ่านกระจกบานใหญ่ที่เรียงรายยาวตลอดแถวเผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ภายในนั้น เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องอันกว้างขวางที่เต็มไปด้วยเก้าอี้และโต๊ะอาหารขนาดใหญ่อีก 1ตัว

  ดวงตาอสรพิษโลหิตเปล่งประกายขึ้นพร้อมกับเสียงที่ฉันคุ้นเคย

  “ปล่อยให้ฉันรอซะนานเลยนะ โลล่า”

————————————————————————–

Telesma

Telesma

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset