พูดตามตรงว่าตลอด 1 อาทิตย์มานี้ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรมากขึ้นเลย แถมนับวันๆ ก็ยิ่งร่ายได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ยังดีที่ช่วง 2-3วันมานี้ความเร็วในการร่ายค่อนข้างคงที่ทำให้ฉันไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะโดนพวกผู้คุมสอบหมายหัวรึป่าว อย่างน้อยๆ ก็โชคดีที่วินซ์มาทำอาหารให้กินในช่วงอาทิตยืที่ผ่านมาล่ะนะ ถ้าขืนให้พ่อทำอาหารให้แบบทุกปีคงจะไม่มีแรงสอบแน่
“ถึงแล้วๆ”
“ขอบคุณที่มาส่งครับ” วินซ์กับพ่อมาส่งฉันที่สนามสอบ ที่นี่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเรานักพวกเขาก็เลยขี่ม้ามาส่ง
แต่ถึงจะบอกว่าสนามสอบก็เถอะ นี่มันกรมทหารชัดๆเลยไม่ใช่เรอะ! จะประหยัดงบประมาณอะไรขนาดนั้น
“ทำให้เต็มที่ละ”
“ไปขว้าที่ 1มาให้ได้ล่ะไอหนู”
“แน่นอนครับ!”
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะส่งได้แค่หน้าประตูสินะ ฉันเดินไปลงทะเบียนและรอเรียกรวมตัว เหล่าเมจซีกเกอร์จากต่างเมืองเป็นผู้คุมการสอบในครั้งนี้ พวกเขาคือนักเวทที่เกิดมาพร้อมดวงตาที่สามารถมองเห็นพลังเวทที่แผ่ออกมาจากสิ่งมีชีวิตต่างๆได้และพวกเขาก็มีสายตาที่เฉียบคมมากพอที่จะสามารถจับคนโกงในการสอบได้เช่นกัน น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้สืบทอดความสามารถนั้นจากแม่มาไม่งั้นคงได้ไปฝึกเป็นฮัซซาซินล่านักเวทผิดกฎหมายไปแล้ว ยิ่งผสานกับความทรงจำสมบูรณ์แล้วอนาคตคงไกลน่าดู
บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างตึงเครียด เหล่านักเวทฝึกหัดต่างทำหน้าวิตกกังวลกับการสอบ เอาจริงๆก็คิดว่าโหดเกินไปนั่นแหละนะที่ให้เด็กอายุแค่ 6ขวบมาสอบเนี่ยอย่างน้อยๆก็สัก 9ขวบให้รู้ภาษากว่านี้กันหน่อยเถอะ(ฉันจะได้มีเวลาหาเวทดีๆมาโชว์พราวตอนสอบด้วยแหละนะ) ฉันเหลือบไปมองที่ประตูทางเข้าก็พบกับเด็กน่าจะผู้ชายผมสั้นสีน้ำเงิน และน่าจะเตี้ยกว่าฉันนิดหน่อย
“เฮ๋~เด็กคนนั้นน่าสนใจดีหนิ” ถึงฉันจะไม่มีเมจซีกเกอร์แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีพลังเวทที่มากโขทีเดียว แถมท่าทีของพวกผู้คุมสอบก็ดูจะสนใจเจ้าตัวเป็นพิเศษด้วย ดูท่าคงจะเข้าเมืองหลวงได้ไม่ยากเลยล่ะ ถ้าในการสอบมีประลองเวทละก็คงต้องดูที่ว่าสามารถจำและประยุกต์คาถาได้มากขนาดไหนล่ะนะ ดูจากการแต่งตัวก็คงเป็นสามัญชนสินะน่าจะคุยกันได้อยู่ล่ะมั้ง
“นี่ นายน่ะ”
“ไม่ต้องหันซ้ายหันขวา นายนั่นแหละ”
“ฉันหรอ?” ฉันพูดพลางเอานิ้วชี้มาที่ตัวเอง
“ให้ตายสิ เห็นว่ามีท่าทีแปลกจากคนอื่นนึกว่าจะฉลาดกว่านี้ซะอีก”
เมื่อกี้ว่าไงนะ นั่นด่าใช่ปะนั่นด่ากันชัดๆเลย บ้านไม่สอนมารยาทรึไงกันห๊ะคิดว่ามีพลังเวทมากแล้วจะปากเสียกับชาวบ้านได้รึไงกัน
“บ้านไม่สอนมารยาทรึไงกันห๊ะถึงได้มาปากเสียกับคนที่ไม่รู้จักแบบนี้เนี่ย”
“ช่วยไม่ได้หนิ ก็ทำท่าแบบนั้นเองหนิ”
“แค่ชี้นิ้วเข้าตัวเองนี่ก็ดูโง่แล้วเรอะ ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ”
“….แล้วมีธุระอะไรมิทราบ?”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่พลังเวทของนายมันผิดรูปไปจากคนอื่นน่ะแถมท่าทางของนายก็ดูไม่เหมือนนักเวทย์ฝึกหัดเท่าไหร่ด้วยก็เลยลองมาคุยด้วยดูน่ะ”
สวรรค์ส่งมาเกิดรึไงกัน พลังเวทเหลือล้นแล้วยังมีเมจซีกเกอร์อีก แต่เมื่อกี้ว่าไงนะ?พลังเวทผิดรูปหรอ? จำได้ว่าก่อนแม่ออกไปก็ให้ใช้เมจซีกเกอร์ตรวจอยู่หนิแถมไม่มีปัญหาอะไรด้วย หรือว่าเป็นผลจากการที่เราร่ายเวทได้เร็วขึ้นด้วยงั้นหรอ ถึงว่าพวกผู้คุมสอบมีท่าทีแปลกๆตอนเราเข้ามา เอาเถอะถ้าพวกเขาไม่ทักท้วงอะไรก็ไม่น่ามีปัญหามาก
“นี่ ฟังกันอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกว่าฉันชื่อ โลล่า ลูน่าไชน์ไงเล่า!”
โล่ล่า?ผู้หญิงงั้นหรอ แถมเป็นลูน่าไชน์ซะด้วยเป็นพวกลูกหลานตระกูลใหญ่สินะ
“ลูกหลานตระกูลใหญ่มาคุยกับสามัญชนแบบนี้เดี๋ยวฉันก็ซวยพอดี”
“สามัญชน? อย่าให้ขำหน่อยเลย ดวงตาสีแดงโลหิตแบบนั้นมีแค่”โคคุจา” เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นครอบครัวเล็กแต่ก็มีอำนาจและชื่อเสียงในประเทศมากกว่าตระกูลใหญ่ๆด้วยซ้ำ คิดว่าแค่ทำตัวเป็นครอบครัวธรรมดาที่เปิดร้านอยู่ขายยาอยู่นอกเมืองแล้วจะกลบความจริงข้อนี้ได้รึไง”
ชิ รู้มากซะจริง
“อายบลัด แค่นาคาช อายบลัดก็พอ แล้วก็ช่วยอย่าเรียกด้วยนามสกุลนั้นจะดีมากพวกเราไม่ได้ชอบให้ใครเรียกแบบนั้นหรอกนะ”
“งั้น ยินดีที่ได้รู้จักนะนาคาซ” เด็กสาวยิ้มพลางยื่นมือมาให้จับเป็นการแสดงความเป็นมิตร ก็คงต้องตอบรับตามระเบียบล่ะนะไม่งั้นคงจะดูเสียมารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคุณลูน่าไชน์ และก็หวังว่าคุณคงจะไม่พูดมากเรื่องนั้นก็แล้วกันนะ ยังไงซะตอนนี้ฉันก็เป็นแค่นักเวทย์ฝึกหัดธรรมดา”
“ฉันก็คงไม่หาเรื่องตายเร็วหรอกน่า”
“งั้นก็ไม่ควรพูดตั้งแต่แรกสิฟะ”
“ฮิฮิ ก็คนมันอยากอวดภูมินี่นา” เด็กสาวยิ้มร่าอย่างภูมิใจ…
“เก็บภูมิไปอวดตอนสอบเถอะนะคุณลูน่าไชน์”
“ขอเถอะนะช่วยเรียกแค่โลล่าทีเถอะ”
“ขอปฏิเสธ ฉันไม่มีเหตุผลจะต้องสนิทสนมกับคนไร้มารยาทอย่างเธอหรอกนะ”
“ชิ โหดร้ายชะมัด งั้น…ถ้าฉันได้คะแนนสูงกว่านายนายต้งเรียกชื่อฉันนะ”
[นักเวทฝึกหัดทุกท่านกรุณาไปรวมตัวกัน ณ จุดนัดพบ] ผู้คุมสอบประกาศขึ้นมาได้ถูกจังหวะจริงๆ อย่างนี้ฉันก็ทำเป็นรีบไปและไม่ตอบรับคำท้าของยัยนั่นก็จบปิ๊ง ต่อให้ฉันจะเก่งก็เถอะแต่ก็ไม่หาเรื่องสู้กับพวกที่มีพลังเวทมากกว่าตัวเองหรอกนะ
“ขอตัวก่อนล่ะ”
เอ๊ะ? เหมือนโดนดึงชายเสื้อเลยแฮะ ฉันค่อยๆหันไปมองข้างหลังก็พบกับเด็กสาวที่มีรังสีอมหิตที่กำลังเกาะชายเสื้อของฉันอยู่
“ถ้านายก้าวไปข้างหน้าอีกแค่ก้าวเดียวฉันจะถือว่านายตกลง”
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”
“ก็คิดเอาละกันว่าถ้ามีข่าวลือว่าลูกชายตระกูลดังปฏิเสธคำท้าเด็กสาวตัวน้อยๆจากอีกตระกูลนึงจะเป็นยังไง” เด็กสาวตอบอย่างมั่นใจ…เฮ้อ พูดกันตามตรงเลยบ้านฉันไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอกกับอีแค่การท้าแข่งกันของเด็ก 6ขวบคิดว่าจะมีใครมาสนใจรึไง แต่ต่อให้ปฏิเสธไปเจ้าตัวก็คงไม่ปล่อยไปง่ายๆซะด้วยซิ เอาเถอะฉันคงต้องลงแรงสักหน่อยล่ะนะ
“ก็ได้ๆเซ้าซี้จัง ทีนี้จะปล่อยฉันไปได้รึยัง” เด็กสาวปล่อยชายเสื้อพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความปีติยินดี
พวกเรามาถึงจุดนัดหมายเป็นอันดับเกือบท้ายๆเพราะความเอาแต่ใจของยัยนี่ ระหว่างนั้นกรรมการก็อธิบายถึงการสอบและกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยสรุปคร่าวๆก็ต้องใช้คทาเวทของส่วนกลางที่ทางกระทรวงเอาไว้ใช้ในการสอบเพื่อให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในด้านของปัจจัยภายนอก ส่วนปัจจัยภายในอย่างพลังเวทนั่นก็ตัวใครตัวมันล่ะนะ
หลังจากอธิบายทุกอย่างเสร็จเหล่ากรรมการก็เริ่มแจกไม้คทา อืม…เป็นรูปทรงมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปไม่มีการปรับแต่งเพิ่มเติม น้ำหนักเบาและมีความยืดหยุ่นนิดหน่อยเหมาะกับนักเวททุกเพศทุกวัยโดยรวมแล้วคุณภาพดีทีเดียวสำหรับนักเวททั่วไปแล้วจะเรียกว่าเป็นของหรูยังได้เลย ถ้ามีคนโวยวายว่าเป็นของห่วยฉันจะซัดหน้าให้
“ของห่วยชะมัด รูปร่างไม่น่าใช้เลย” เสียงของเด็กสาวกล่าวออกมา ขอฉันดีดกะโหลกสักทีเถอะยัยนี่
“โอ๊ย กล้าทำแบบนี้กับกุลสตรีได้ไงกันยะ”
“ยัยตาต่ำนี่ที่บ้านสอนใช้แต่มณีเวทรีไง นี่ถือเป็นของดีที่สุดที่นักเวททั่วไปจะหาใช้กันได้แล้วทั้งคุณภาพไม้ที่มีความยืดหยุ่นพอเหมาะ น้ำหนักเบาแถมขนาดพกพาง่าย และการแกะสลักอักขระเวทบริเวรด้ามจับที่มีความประณีตและละเอียดอ่อน ว่ากันตามตรงเลยว่าคุณภาพขนาดนี้สามารถร่ายเวทระดับ 4ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะพังเลยด้วยซ้ำ และอีกอย่างนึงนะฉันเป็นพวกเท่าเทียมทางเพศฉันไม่เลือกปฏิบัติหรอกนะ”
“รู้ละเอียดจังเลยนะเจ้าหนู” เสียงของผู้คุมสอบดังมาจากข้างหลัง
“แน่นอนครับ” แหงล่ะกว่าแม่จะสอนเวทมนตร์ให้ก็ต้องนั่งจำรายละเอียดของอุปกรณ์ร่ายมนตร์ทุกชนิดแถมต้องจำแนกคุณภาพให้ได้อีก กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ก็เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน
“ลองตรวจคทาอันนี้ให้ดูหน่อยสิ” ผู้คุมสอบกล่าวพร้อมยื่นคทาเวทสีขาวมาให้
“มีความแข็ง ค่อนข้างมีน้ำหนักและมีความโค้งมนที่เป็นธรรมชาติถ้าให้เดาคงทำจากเขาสัตว์ มีความมันเงาเล็กน้อย อักขระเวทถูกแกะสลักแบบพวกดรูอิดและที่บริเวณด้ามจับใช้เป็นผ้าพันแบบหยาบๆ คิดว่าเจ้าของคงเป็นผู้ชายและค่อนข้างรักธรรมชาติคิดว่าคงเป็นฮาล์ฟบลั-”
พอรู้ตัวอีกทีก็หันไปเห็นผู้คุมสอบที่ทำหน้าอึ้งด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ขออภัย ผมคงจะเสียมารยาทไปหน่อยแต่นี่คงไม่ใช่คทาของคุณสินะครับ”
“อะ…อ่า ของเพื่อนฉันน่ะ ทำเอาตกใจเลยแฮะไม่คิดว่าจะตอบได้ตรงขนาดนี้เด็กสมัยนี้น่ากลัวจริงๆเลยนะ ฮ่าๆ”
เจ้าตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้นิดหน่อยพร้อมกับกระซิบเบาๆ
(อย่าให้หมอนั่นรู้ตัวว่าฉันแอบจิ๊กล่ะมาไม่งั้นคงโวยวายยกใหญ่แน่ ฮ่าๆ)
“เตรียมตัวไปสอบได้แล้วล่ะ ขอโทษที่รั้งไว้นะ” ช่างเป็นพี่สาวที่ขี้เล่นจริงๆเลยนะ
————————————————————————–