“ซีโน่เจเนอิคมังกรปีศาจเดดแอเรียระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ซีโน่เจเนอิคแบบนั้นไม่ได้ทิ้งวิญญาณอสูรเอาไว้ มันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย
“มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะหามังกรปีศาจเดดแอเรียอีกตัวในจักรวาลแห่งนี้” หานเซิ่นเลียริมฝีปากและพูดอย่างเสียดาย
แต่การจะได้รับวิญญาณอสูรหรือเปล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะควบคุมได้ จนถึงตอนนี้หานเซิ่นยังคงไม่รู้ว่ามันขึ้นอยู่กับอะไร
จากสิ่งที่พระเจ้าเคยบอกกับเขา ทุกสิ่งมีชีวิตนั้นมีสปิริตอยู่ แบบนั้นทำไมเขาถึงได้รับวิญญาณอสูรจากการฆ่าซีโน่เจเนอิคเท่านั้น? และทำไมเขาถึงไม่ได้รับวิญญาณอสูรทุกครั้ง? หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้
ถ้าทุกซีโน่เจเนอิคมีสปิริตอยู่ การฆ่าซีโน่เจเนอิคก็ควรจะมอบวิญญาณอสูรให้กับเขาทุกครั้ง แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น
“ยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรปีศาจเดดแอเรียควรจะพอทำให้ยีนระดับเทพเจ้าของเราครบหนึ่งร้อยพอดี แต่เจ้าตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินไป ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานสักแค่ไหนกว่าที่เราจะกินมันจนหมด”
หานเซิ่นมองไปที่ร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของมังกร มันทำให้เขายิ้มแห้งๆออกมา
ถึงแม้หานเซิ่นจะฝึกวิชาคอนซูมจนถึงขั้นสูงสุด แต่การจะกินร่างของมังกรตัวใหญ่ขนาดนี้เข้าไปก็ต้องใช้เวลานานอยู่ดี เขาต้องใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวันเพื่อจะกินมันให้หมด
“มังกรเกล็ดดำตายไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะยังมีสมบัติอื่นอยู่บนภูเขาหินสีดำอีกไหมนะ” หานเซิ่นเรียกเป่าเอ๋อมาและเอาเสื้อคลุมกลับมาสวมอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ขึ้นภูเขาไป
โชคร้ายที่พวกเขาไม่เจอสมบัติอะไร พวกเขาพบแค่เครื่องเทเลพอร์ตเก่าๆที่ตั้งอยู่ที่ก้นของหุบเขา
เนื่องจากหานเซิ่นไม่รู้ว่าเครื่องเทเลพอร์จะพาไปที่ไหน เขาจึงไม่ต้องการจะลองเสี่ยงกับมัน เขาออกจากหุบเขาพร้อมกับตะเกียงหินในมือ
ตะเกียงหินนี้แปลกประหลาดมากๆ หานเซิ่นไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ถ้าเขาปล่อยพลังผ่านเปลวเพลิงสีขาวของตะเกียง เปลวเพลิงก็จะเสริมพลังให้กับพลังที่เขาปล่อยออกไป ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นพลังแบบไหน พลังทุกอย่างจะได้รับการเสริมพลังจากตะเกียงหิน ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถใช้มันได้
“ตะเกียงหินนี่คืออะไรกัน? มันดูไม่เหมือนอาวุธประจำตัวพระเจ้า และมันก็ดูไม่เหมือนสมบัติซีโน่เจเนอิคเช่นกัน มันดูคล้ายกับตะเกียงเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในจีโนฮอลล์ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว”
หานเซิ่นศึกษาตะเกียงหินอยู่สักพัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าตะเกียงหินคืออะไร
แต่ในเมื่อมันปลอดภัย หานเซิ่นก็ไม่คิดจะศึกษาเกี่ยวกับมันมากจนเกินไป เขาเอามันไปเก็บไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาและหันไปเริ่มกินเนื้อของมังกรปีศาจเดดแอเรีย
หลังจากที่กินไปได้ไม่กี่คำ เขาก็เห็นแสงสีทองและแดงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เจ้าปลาทองตัวใหญ่กำลังบินมาทางเขา มันพาปลาทองตัวน้อยมาด้วย
เนื่องจากเจ้าปลาทองตัวใหญ่ไม่ได้โกหก และหานเซิ่นก็เก็บยีนระดับเทพเจ้าจนเต็มหลังจากการกินมังกรปีศาจเดดแอเรียเข้าไป เขาจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องฆ่าปลาทองทั้งสอง
ในตอนที่มันเห็นร่างกายของมังกรปีศาจเดดแอเรีย เจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็ดูดีใจอย่างมาก มันพาปลาทองน้อยมาอยู่ต่อหน้าหานเซิ่นและพ่นฟองสบู่ออกมาราวกับว่ามันพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
เป่าเอ๋อแปลให้หานเซิ่นฟัง “มันบอกว่าขอบคุณที่ฆ่ามังกรเกล็ดดำ มันและลูกรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่โอกาสมาถึง มันจะตอบแทนบุญคุณสักวันหนึ่ง”
“ถูกต้องแล้ว พวกนายจำเป็นต้องตอบแทนฉัน” หานเซิ่นพูดกับปลาทองตัวใหญ่และลูกของมัน
ปลาทองทั้งสองดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของหานเซิ่น ปลาทองตัวใหญ่พ่นฟองสบู่ออกมา ก่อนที่จะเริ่มว่ายขึ้นไปบนภูเขา หลังจากที่ว่ายไปได้สักพัก มันก็หันกลับมาและพ่นฟองสบู่ออกมาเพิ่มอีก
“มันบอกว่าตอนนี้เมื่อมังกรเกล็ดดำตายไปแล้ว มันกับลูกก็จะได้กลับบ้านสักที มันต้องการจะเชิญพวกเราไปที่บ้านของมัน” เป่าเอ๋อพูด
หานเซิ่นมองไปที่ปลาทองตัวใหญ่และถาม “บ้านของพวกนายคงจะไม่ได้อยู่ที่อีกฟากหนึ่งของเครื่องเทเลพอร์ตหรอกใช่ไหม?”
ปลาทองตัวใหญ่พ่นฟองสบู่ตอบ เป่าเอ๋อพยายามอธิบาย
“มันบอกว่าบ้านของมันอยู่ที่อีกฝากหนึ่งของเครื่องเทเลพอร์ต เมื่อหลายปีก่อนมีบางสิ่งเกิดขึ้นทำให้มันต้องเทเลพอร์ตมาที่นี่ หลังจากนั้นมังกรเกล็ดดำก็เข้ายึดครองเครื่องเทเลพอร์ต ทำให้พวกมันกลับบ้านไม่ได้ ตอนนี้เมื่อมังกรเกล็ดดำถูกฆ่าตาย พวกมันก็จะกลับบ้านได้ ดังนั้นพวกมันจึงซาบซึ้งอย่างมาก พวกมันจึงอยากจะชวนพ่อไปที่บ้านของพวกมัน และพวกมันยังจะมอบสมบัติบางอย่างให้กับพ่อเป็นรางวัลอีกด้วย”
“เอาสิ” เมื่อได้ยินว่าจะได้รับสมบัติ หานเซิ่นก็หยุดลังเล เขาเก็บร่างของมังกรปีศาจเดดแอเรียเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาและตามปลาทองไปที่เครื่องเทเลพอร์ต
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงพูดกันว่าปลามีความทรงจำแค่เจ็ดวินาทีเท่านั้น ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ แต่ปลาทองตัวใหญ่เป็นถึงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แต่สติปัญญาและความทรงจำของมันไม่ดีเอาซะเลย
หานเซิ่นคาดว่าด้วยระดับสติปัญญาของเจ้าปลาทอง มันคงจะไม่สามารถหลอกใครได้ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไป
เขาอุ้มเป่าเอ๋อและตามหลังพวกปลาทองไปที่เครื่องเทเลพอร์ต ร่างกายของปลาทองตัวใหญ่ปลดปล่อยแสงสีแดงออกมา แสงนั่นเข้าไปในเครื่องเทเลพอร์ตและทำให้เครื่องเทเลพอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง
ในตอนที่หานเซิ่นรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็ไม่ได้อยู่ในทุ่งหิมะอีกต่อไป รอบๆตัวเขาถูกปกคลุมอยู่ในความมืดมิด
เขามองไม่เห็นท้องฟ้าหรืออวกาศ รอบๆตัวเขาเป็นแค่ความว่างเปล่าอันมืดมิด แต่ในความมืดมิดตรงหน้าของเขานั้นมีประตูหินที่แตกหักอยู่ ประตูนั่นมีแค่เสาหินที่ยับเยินสองเสาเหลืออยู่ หลังคาหินที่อยู่ด้านบนนั้นพังหลาย และเขาก็เห็นครึ่งหนึ่งของป้ายหน้าประตูที่ห้อยลงมาจากหลังคา มันมีตะเกียงอยู่ด้านหน้าประตูที่ปลดปล่อยแสงสีเหลืองสลัวๆออกมา หานเซิ่นเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของป้ายที่อ่านได้ว่า “เซเคร็ด”
“ซากปรักหักพังนี้เป็นของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่คิดว่ามันจะมีเผ่าพันธุ์อื่นกล้าใช้คำว่า “เซเคร็ด” นอกจากเซเคร็ดเอง
ปลาทองตัวใหญ่พาปลาทองตัวน้อยไปที่ประตู ปลาทองตัวใหญ่นั้นดูสับสนอย่างมาก ดูเหมือนกับว่ามันไม่รู้จักที่นี่
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อและตามมันไปจากด้านหลัง ก่อนที่เจ้าปลาทองตัวใหญ่จะไปถึงหน้าประตู มันก็เห็นลูกธนูพุ่งออกมาจากประตู ปลาทองตัวใหญ่นั้นตั้งตัวไม่ทันและถูกลูกธนูปักเข้าที่หน้าผากจนมีเลือดไหลออกมา มันต้องเป็นลูกธนูที่คมมากๆถึงสามารถแทงทะลุเกล็ดของปลาทองตัวใหญ่ได้ ถึงแม้หัวลูกธนูจะเข้าไปไม่ลึกนัก แต่มันก็สามารถทำลายโซ่สสารป้องกันของปลาทองตัวใหญ่ได้ นั่นเป็นลูกธนูที่ทรงพลังมากๆ
“พวกเจ้ากล้าดียังไงมาที่เซเคร็ด! พวกเจ้าอยากตายมากอย่างนั้นหรอ?”
มีเสียงดังขึ้นมาจากเสาหินที่อยู่ด้านซ้ายของประตู หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นคนๆหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของเสาหิน
คนๆนั้นมีร่างกายเป็นมนุษย์และใบหน้าเป็นสุนัข เขากำลังถือธนูเขี้ยวอยู่ในมือ และมันมีลูกธนูเขี้ยวสามดอกอยู่บนหลังของเขา คนๆนั้นยื่นมือออกมาและลูกธนูที่ปักอยู่บนหัวของปลาทองตัวใหญ่ก็บินกลับไปในมือของเขา บาดแผลบนหัวของปลาทองตัวใหญ่ถูกฉีกขาด เลือดทะลักออกมาพร้อมกับลูกธนู