ลุงเก้ามองไปที่ปะการังโลหิตอย่างเงียบๆ และเขาก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“พวกเราจำเป็นต้องไปพบท่านผู้นำเดี๋ยวนี้ นำปะการังของเจ้าไปกับพวกเราด้วย”
หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทตกใจ เวรี่ไฮเซ้นส์ของลุงเก้าอยู่ในระดับที่สูงมากๆ ดังนั้นโอกาสที่เขาจะมีอารมณ์ความรู้สึกจึงเป็นอะไรที่ต่ำ
แต่ตอนนี้ลุงเก้าดูค่อนข้างสั่นคลอน เขาต้องการจะพาหานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทไปพบกับผู้นำของเวรี่ไฮ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นอะไรที่มีความสำคัญ
“ลุงเก้า นี่หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ลุงเก้าพยักหน้าและพูด “พวกเราค่อยพูดกันในตอนที่ไปพบท่านผู้นำ เรื่องนี้ถือเป็นร้ายแรงมากๆ ถ้าพวกเราไม่จัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง มันก็จะเกิดเรื่องเลวร้ายตามมา”
หลังจากนั้นลุงเก้าก็ไม่รอคำตอบจากทั้งหานเซิ่นหรือเอ็กซ์ควิสิท เขาพับแขนเสื้อขึ้นและเทเลพอร์ตทั้งคู่ไป
“ผู้อาวุโสเก้า เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ทำไมเจ้าถึงดูรีบร้อนนัก?”
ผู้นำของเวรี่ไฮกำลังนั่งพักอยู่บนเก้าอี้โยกภายในหอคอยไม้ ในตอนที่เขาเห็นลุงเก้าพาหานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทเข้ามาข้างใน เขาก็ขมวดคิ้ว
แทนที่จะอธิบาย ลุงเก้าเพียงแค่ชี้ไปที่หานเซิ่นและปะการังโลหิตพร้อมกับพูด “ท่านผู้นำลองมองดูร่างกายของเขา”
ผู้นำของเวรี่ไฮสับสน แต่ในตอนที่เขาเห็นปะการังโลหิตและเกล็ดของหานเซิ่น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งในจักรวาล แต่เขาก็ยังคงประหลาดใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ขณะที่เขาจ้องไปที่หานเซิ่นและปะการังโลหิต เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตา
ตอนนี้หานเซิ่นแน่ใจแล้วว่าเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ถ้าแม้แต่ผู้นำของเวรี่ไฮยังแสดงปฏิกิริยาขนาดนั้น นั่นก็หมายความว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงจริงๆ
หานเซิ่นกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลุงเก้าถามขึ้นมาก่อน
“ท่านผู้นำ นี่คือสิ่งที่ข้ากำลังคิดใช่ไหม?”
ผู้นำของเวรี่ไฮพยักหน้า หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นด้วยโทนเสียงที่ห่างเหิน “ข้าไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากผู้นำของเวรี่ไฮ ใบหน้าของลุงเก้าก็ดูมืดมัวยิ่งกว่าเดิม
“พวกเราควรจะทำยังไง?” เขาถามผู้นำของเวรี่ไฮอย่างจริงจังขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“พวกเราต้องยับยั้งเรื่องนี้ พวกเราจะเสี่ยงไม่ได้” ผู้นำของเวรี่ไฮตอบโดยไม่ลังเล
“ท่านผู้นำบอกข้าได้ไหมว่ามีอะไรผิดปกติกับหานเซิ่น?” เอ็กซ์ควิสิทถาม ตอนนี้เธอกังวลอย่างมาก
ผู้นำของเวรี่ไฮและลุงเก้าจ้องไปที่หานเซิ่น หลังจากที่มองอยู่สักพัก ผู้นำของเวรี่ไฮก็พูดขึ้นมา
“นี่เป็นบางสิ่งที่เริ่มต้นในยุดสมัยของเซเคร็ด เมื่อก่อนนั้นเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงเหมือนอย่างทุกวันนี้ และเผ่านภาก็ยังไม่ได้แยกตัวไปจากพวกเรา เผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยนั้นคือเผ่าเซเคร็ด”
ผู้นำของเวรี่ไฮหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“จากบันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเรา มันเคยมีหายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับเผ่าของพวกเรา และมันทำให้พวกเราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเซเคร็ด เซเคร็ดจึงส่งยอดฝีมือคนหนึ่งมาเพื่อช่วยเหลือพวกเรา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยอดฝีมือของเวเคร็ดคนนั้นตายในทะเลฝังมังกร”
“อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นกับข้าเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ผู้นำของเวรี่ไฮพยักหน้าและพูด “ยอดฝีมือคนนั้นเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพวกเราจากหายนะ แต่เนื่องจากการกระทำของเขา เขาได้ถูกคำสาปจากคู่ต่อสู้ของเขา”
ดวงตาของหานเซิ่นแคบลงและเขาถามขึ้นว่า “ถ้ายอดฝีมือคนนั้นตายไปแล้ว ทำไมคำสาปถึงยังอยู่?”
“บรรพบุรุษของพวกเราคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นจบลงในตอนที่ยอดฝีมือของเซเคร็ดตายไป แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ร่างกายของเจ้ามีเกล็ดงอกออกมา นั่นหมายความว่าคำสาปไม่ได้หายไปกับยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้น…” ลุงเก้าตอบ
“นี่มันเป็นคำสาปแบบไหนกัน?” เอ็กซ์ควิสิทถามด้วยความกังวล
ผู้นำของเวรี่ไฮและลุงเก้ามองหน้ากัน ลุงเก้าถอนหายใจและพูด
“คำสาปนั้นประกาศตัวเองว่าหลังจากที่ยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นตายไป วันหนึ่งเขาจะลุกขึ้นอีกครั้ง เขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักเฉพาะการฆ่าฟันเท่านั้น”
“บรรพบุรุษของพวกเราเชื่อว่ายอดมือของเซเคร็ดคนนั้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ พวกเขาคิดว่าความหายนะได้จบลงแล้ว แต่…”
เสียงของผู้นำของเวรี่ไฮขาดหายไป ขณะที่มองไปที่ปะการังโลหิต และหลังจากที่ผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นมา “แต่ปะการังโลหิตที่เจ้ากำลังถืออยู่นี้เหมือนกับอาวุธจีโนที่ถูกใช้โดยยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้น เกล็ดที่งอกขึ้นบนตัวของเจ้าก็เหมือนกับชุดเกราะเกล็ดของเขา ยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นอาจจะเกิดใหม่ในร่างกายของเจ้า นั่นคือธรรมชาติของคำสาป”
“มันไม่มีหนทางที่จะลบล้างคำสาปนี้เลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่ตื่นเต้นกับข่าวนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้นำของเวรี่ไฮและลุงเก้าส่ายหัว เอ็กซ์ควิสิทรีบพูดขึ้นมา
“ท่านผู้นำ ด้วยพลังของท่าน มันต้องมีบางสิ่งที่ท่านทำได้ ได้โปรดช่วยหานเซิ่น”
ผู้นำของเวรี่ไฮส่ายหัวและพูด “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วย แต่ข้าช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ สิ่งมีชีวิตที่สาปยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นเป็นพระเจ้าตัวจริง ยอดฝีมือของเซเคร็ดต่อสู้กับพระเจ้าคนนั้น และในตอนที่พระเจ้าถูกไล่ไปแล้ว คำสาปก็เริ่มแสดงผล ซึ่งพลังของพวกเราไม่อาจจะลบล้างมันได้”
“พระเจ้าเป็นคนที่สาปยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้น?” หานเซิ่นตกใจและหัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมา
ผู้นำของเวรี่ไฮพูด “บางที่เจ้าอาจจะไม่เชื่อว่าในจักรวาลนี้มีพระเจ้าอยู่ แต่พวกเขามีอยู่จริงๆ สิ่งมีชีวิตธรรมดาส่วนใหญ่นั้นไม่เห็นพวกเขา”
“ข้าเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าคนนี้ถูกเรียกว่าอะไร? และชื่อของยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามผู้นำของเวรี่ไฮขณะที่พยายามควบคุมความคิดของตัวเองเอาไว้
“ข้าไม่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก และมันก็ไม่ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้นถูกบันทึกเอาไว้ มันดูเหมือนว่ามีใครบางคนพยายามจะลบรายละเอียดเกี่ยวกับมัน พวกเรารู้แค่ว่าการต่อสู้นั้นถูกเรียกว่าหายนะของพระเจ้า และยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นก็ถูกเรียกว่ามังกร”
ผู้นำของเวรี่ไฮมองไปที่หานเซิ่นและพูด “ถ้าพลังของยอดฝีมือคนนั้นกำลังเกิดขึ้นใหม่ผ่านตัวเจ้า พวกเราจำเป็นต้องยับยั้งมัน ถ้าคำสาปเป็นความจริง พวกเราก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ากลายเป็นสัตว์ประหลาดไม่ได้”
“พลังของเขาอาจจะไม่ได้เกิดใหม่ในร่างกายของหานเซิ่น บางทีการเกิดใหม่นี้อาจจะหมายถึงตัวของยอดฝีมือคนนั้นเอง นี่หานเซิ่นบอกไม่ใช่หรือว่าป่าปะการังโลหิตนั้นมีร่างของสิ่งมีชีวิตอยู่ บางทีนั่นอาจจะเป็นร่างกายของเขา…” เอ็กซ์ควิสิทรีบพูดขึ้นมา
ผู้นำของเวรี่ไฮพยักหน้าและพูด “ป่าปะการังและร่างกายที่อยู่ใต้มันก็จะถูกยับยั้งเช่นกัน”
หานเซิ่นไม่คิดว่าสถานการณ์เป็นได้สวยนัก ทางเวรี่ไฮมีแผนที่จะจับตัวเขาไปขังเหมือนกับสัตว์ป่า
“ท่านผู้นำ ข้าอาจจะถูกคำสาป แต่มันไม่มีหนทางที่จะช่วยข้าจริงๆอย่างนั้นหรอ เผ่าเวรี่ไฮมียอดฝีมืออยู่มากมาย ดังนั้นมันจะต้องมีหนทางที่จะลบล้างคำสาปนี้ออกไป” หานเซิ่นรีบพูด
“พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ถ้าไม่มีอะไรได้ผล พวกเราอาจจะต้องขังเจ้าเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงบางสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมา”
ผู้นำของเวรี่ไฮเป็นคนที่ทำอะไรด้วยเหตุผล เขาไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆเมื่อเผชิญหน้ากับวิกฤต เขาจะจัดการปัญหาต่างๆในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด
หานเซิ่นรู้ว่าในตอนนี้เขาเป็นเหมือนคนที่ติดโรคระบาด หนทางที่ดีที่สุดที่จะรับมือกับมันก็คือการจับตัวเขาไปขังเอาไว้ ผู้นำของเวรี่ไฮทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าการจับตัวไปขังจะเป็นวิธีการที่ยอมรับได้ เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก