หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะอธิษฐานหลายต่อหลายอย่าง เขาคิดเกี่ยวกับการอธิษฐานให้พระเจ้าตายหรือให้ตัวเขาเองกลายเป็นพระเจ้า ทั้ง 2 ความคิดนี้ดูเหมือนจะเป็นคำอธิษฐานที่อีกฝ่ายไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ และนั่นจะบังคับให้เขาผิดสัญญาที่ให้เอาไว้
แต่เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าคำอธิษฐานเหล่านั้นไม่ได้ผล ถ้าหานเซิ่นต้องการให้ชายที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้านี้ตาย เขาก็จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตายจริงๆ
โดยปกติแล้วการตายนั้นหมายถึงการสูญเสียสัญญาณชีพจรทั้งหมดไป แต่สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันก็จะมีสัญญาณชีพจรที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ในตอนที่หานเซิ่นก้าวขึ้นมาบนชั้นที่ 7 และเห็นชายคนนั้นเป็นครั้งแรก หานเซิ่นคิดว่าชายคนนั้นได้ตายไปแล้ว ถ้านั่นคือความตายที่หานเซิ่นหมายถึงล่ะก็ ชายคนนั้นก็จะเนรมิตคำอธิษฐานให้เป็นจริงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร เขาสามารถทำให้ตัวเองสูญเสียสัญญาณชีพจรทั้งหมดไปโดยไม่ส่งผลทางลบอะไร
ถ้าหานเซิ่นจะขอคำอธิษฐานแบบนั้น เขาก็ควรจะขอให้พระเจ้าไม่เคยมีตัวตน ถ้าพระเจ้าไม่เคยมีตัวตน แบบนั้นชายคนนั้นก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเนรมิตคำอธิษฐานของหานเซิ่น
มันเป็นทฤษฎีง่ายๆ และคำอธิษฐานนั่นก็ควรจะเป็นอะไรที่พระเจ้าไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้
แต่ถ้าหานเซิ่นอธิษฐานให้พระเจ้าไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ และเกิดว่าชายคนบอกหานเซิ่นว่าจริงๆแล้วเขาไม่ใช่พระเจ้า มันก็จะกลายเป็นว่าเขาจะลบการมีอยู่ของพระเจ้าไปตามคำอธิษฐานของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็สามารถทำให้หานเซิ่นจ่ายสิ่งที่ติดค้างเอาไว้
มันมีวิธีการหลายอย่างที่ชายคนนั้นสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ และเขาก็ถนัดเรื่องการบิดเบือนกฎเพื่อทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์อยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดว่าคำอธิษฐานนี้จะได้ผล
หานเซิ่นมองรูปภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงและพบว่าพวกมันต่างไปจากตอนที่เขามองเห็นก่อนหน้านี้ รูปภาพนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่การมองพวกมันในตอนนี้มอบความรู้สึกที่ต่างออกไปให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงจิตแห่งน้ำจากภาพๆหนึ่ง จิตแห่งน้ำเป็นเหมือนกับทะเลที่ซัดกลับไปกลับมาใส่ตัวของหานเซิ่น และทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังจมลงในรูปภาพ ไม่นานความอ่อนไหวต่อพลังธาตุน้ำของเขาก็เพิ่มขึ้น
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขามองไปที่รูปภาพทั้งหมดทีละภาพและเขาพบว่าพวกมันแต่ละภาพมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป บางภาพนุ่นนวลและอ่อนโยน ขณะที่บางภาพแข็งกร้าวและรุนแรง
บางภาพเล็กน้อยและบางภาพไม่มีที่สิ้นสุด บางภาพเป็นเหมือนกับกาแล็กซี่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ด้วยเหตุผลบางอย่างภาพทั้ง 48 ภาพจับด้านต่างๆของพลังธาตุน้ำได้อย่างลึกซึ้ง หานเซิ่นมองไปที่ภาพวาดทั้ง 48 ภาพและความรู้เกี่ยวกับพลังน้ำของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายระดับ
‘ดูเหมือนว่าพลังของพระเจ้าคนนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ เขาอ่านร่างกายของเราและจงใจใส่จิตแห่งน้ำลงไปในรูปภาพพวกนี้ ในตอนที่เอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นๆเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็คงจะสัมผัสได้ถึงจิตที่เหมาะสมกับพลังของตัวเองเช่นกัน นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก’
หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ‘พระเจ้าคนนี้เหมือนกับราชาจุน พวกเขาทั้งคู่มีพลังที่แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้พวกเขามีข้อจำกัดในการใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง นี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้ต่อสู้กับพวกเขาขณะที่เราเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็คงจะทำลายทั้งจักรวาลได้อย่างสบายๆ’
“แต่การต่อสู้ตามกฎของพระเจ้ามีโอกาสชนะต่ำมากๆ” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดเกี่ยวกับอาชูร่าขึ้นมาได้
แต่หานเซิ่นได้รู้ในภายหลังว่าพระเจ้าที่อาชูร่ากลืนกินเข้าไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเผ่าบุดด้า แต่ถึงบุดด้าจะแข็งแกร่ง พวกเขาก็ยังเทียบกับชายที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าไม่ได้
‘หรือบางทีมันจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หานเซิ่นยังคงมองไปที่รูปภาพทั้ง 48 รูป ขณะที่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะอธิษฐาน การได้รับพลังน้ำที่มากขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหานเซิ่น
แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินที่หานเซิ่นได้มาจากแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตนั้นช่วยทำให้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาพัฒนาขึ้น ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับพลังธาตุน้ำผ่านรูปภาพเหล่านื้ถือเป็นอะไรที่มีประโยชน์สำหรับเขา
เนื่องจากชุดเกราะคริสตัลสีดำ ร่างกายของหานเซิ่นจึงถูกล็อคเอาไว้ นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าสัมผัสได้แค่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เท่านั้น ซึ่งทำให้ภาพหลาดเหล่านี้มีเพียงแค่จิตแห่งน้ำเพียงอย่างเดียว
ถ้าวิชาจีโนทั้งหมดของเขาไม่ถูกซ่อนเอาไว้โดยชุดเกราะคริสตัลสีดำ หานเซิ่นก็คงจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากรูปภาพพวกนี้
แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่มอบโอกาสให้หานเซิ่นทำแบบนั้น และหานเซิ่นก็ไม่เข้าใจว่าทำไม มันคล้ายกับตอนที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำซ่อนตัวจากจีโนฮอลล์
แต่หนึ่งเดือนถือเป็นเวลาที่นาน หานเซิ่นสามารถคิดไตร่ตรองได้อย่างละเอียด เช่นเดียวกับที่เขาจะได้เรียนรู้จิตแห่งน้ำจากรูปภาพ
ด้วยการเรียนรู้จิตแห่งน้ำจากรูปภาพ หมัดช็อคกิ้งสกายธาตุน้ำของหานเซิ่นก็ทรงพลังขึ้นไปอีก ยิ่งเขาเข้าใจมากขึ้นเท่าไหร่ หานเซิ่นก็สามารถปรับแต่งเทคนิคให้ดีมากขึ้นเท่านั้น
หานเซิ่นยังคงไม่ได้ทำการอธิษฐาน และนี่ก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาได้รับอนุญาตให้อยู่ภายในหอคอย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามศึกษาจิตแห่งน้ำของรูปภาพ
ทันใดนั้นรูปภาพตรงหน้าหานเซิ่นก็พูดขึ้นมา “เจ้าได้ให้สัญญากับข้า เจ้าจะต้องทำการอธิษฐาน ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะออกไปจากหอคอยแห่งโชคชะตาไม่ได้”
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ข้าจะทำการอธิษฐานเดี๋ยวนี้”
ชายคนนั้นกำลังข่มขู่หานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นไม่รักษาสัญญา เขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป ถึงแม้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะทำการเปิดหอคอยแห่งโชคชะตา
แต่หานเซิ่นคิดว่าคำขู่นี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่างมันดูเหมือนว่าชายคนนี้ไม่อยากจะละเมิดเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาเตือนหานเซิ่นแบบนี้
นั่นแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ได้คิดจะกักขังเขาเอาไว้ข้างใน
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นมาและบอกคำอธิษฐานของเจ้ากับข้า”
หานเซิ่นกลับขึ้นไปบนชั้นที่ 7 ของหอคอยแห่งโชคชะตาและเดินไปตรงหน้าชายคนนั้น
“เจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว บอกคำอธิษฐานของเจ้ามา” ชายคนนั้นพูด
“ท่านจะทำให้สิ่งที่ข้าต้องการเป็นจริงได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ชายคนนั้น
“ใช่ อะไรก็ตามที่เจ้าต้องการ” ชายคนนั้นตอบอย่างมั่นใจ
“ข้าจะตามหาใครบางคนได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอน” ชายคนนั้นตอบอย่างไม่ลังเล
เขาเคยได้ยินคำอธิษฐานที่ประหลาดมามากมายในชั่วชีวิต แต่การตามหาคนนั้นถือเป็นคำอธิษฐานที่ธรรมดามากๆ
“ดี ถ้าอย่างนั้นท่านจะช่วยบอกข้าได้ไหมว่าปู่ทวดของข้าอยู่ที่ไหน?”
หานเซิ่นไม่ได้ใช้คำอธิษฐานที่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร คำอธิษฐานของเขาเป็นอะไรที่ง่ายๆ
เมื่อชายคนนั้นได้ยินมัน เขาก็คิดว่ามันเป็นคำอธิษฐานที่ง่ายเช่นเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องบิดเบือนกฎเพื่อเนรมิตคำอธิษฐานนี้ให้เป็นจริง
“ชื่อปู่ทวดของเจ้าคืออะไร?” ชายคนนั้นถาม
“ท่านเป็นพระเจ้าไม่ใช่หรอ? ท่านต้องรู้อยู่แล้ว” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ
“เอางั้นก็ได้” ชายคนนั้นพูด เขามองไปที่หานเซิ่นขณะที่ภาพสะท้อนในดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป