เนื่องจากหานเซิ่นไม่แน่ใจถึงเป้าหมายของคุณหญิงมิร์เรอร์ เขาจึงไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ เขาอยู่บนดาววอเทอร์โซนและใช้เวลาไปกับการล่าซีโน่เจเนอิคระดับดยุก เขาต้องการเก็บยีนระดับดยุกให้เต็ม
หานเซิ่นล่าซีโน่เจเนอิคและกินพวกมันเพื่อเพิ่มยีนระดับดยุกของเขา ยีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันแต่ละชิ้นจะเพิ่มยีนระดับดยุกของเขาแค่หนึ่งพ้อยเท่านั้น ดังนั้นการเก็บยีนระดับดยุกจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า มันไม่ได้รวดเร็วอย่างการกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่จะมอบยีนระดับดยุกถึง 10 พ้อย
แต่หานเซิ่นไม่อยากจะก่อเรื่องใหญ่และทำตัวให้เป็นจุดเด่น ดังนั้นเขาจึงค่อยๆล่าซีโน่เจเนอิคระดับดยุกบนดาววอเทอร์โซนอย่างอดทน
“นี่คืออะไรกัน?” หานเซิ่นพบภูเขาลูกหนึ่งที่ก้นทะเล มันกำลังสไลด์ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันกำลังเคลื่อนที่อยู่จริงๆ
เมื่อหานเซิ่นขี่กิเลนโลหิตเข้าไปใกล้เพื่อจะสังเกตดูชัดๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่ภูเขา แต่มันเป็นหอยสังข์ เปลือกหอยมีความสูงถึงหนึ่งร้อยเมตร มันมีสีดำเทา ซึ่งทำให้มันดูเหมือนกับก้อนหินเมื่อมองดูจากระยะไกล
ใต้หอยสังข์มีตัวหอยสีขาวเผยออกมาให้เห็น มันค่อยๆเคลื่อนที่ไปบนพื้นทรายของทะเลอย่างช้าๆ
เมื่อรู้สึกได้ถึงหานเซิ่นและกิเลนโลหิตที่เข้ามาใกล้ เจ้าหอยก็ปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา มันปกคลุมอาณาเขตกว่าหนึ่งพันเมตร ซึ่งครอบคลุมทั้งหานเซิ่นและกิเลนโลหิต
กิเลนโลหิตโกรธ ลมปราณโลหิตของมันระเบิดออกมา ขณะที่มันพุ่งเข้าไปหาหอยสังข์ทะเลราวกับสายฟ้า
หานเซิ่นไม่รู้ว่าอาณาเขตของหอยสังข์สามารถทำอะไรได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลกับเขาโดยตรง ถึงอย่างนั้นกิเลนโลหิตก็เข้าไปจู่โจมหอยสังข์ทะเลอย่างไม่รอช้า
หอยสังข์ทะเลหนีกลับเข้าไปในเปลือกของมัน ขณะที่กิเลนโลหิตพยายามใช้กรงเล็บข่วนที่เปลือกหอย
กิเลนโลหิตคำรามด้วยความโกรธ มันกวัดแกว่งกรงเล็บอย่างบ้าคลั่งและพยายามทำลายเปลือกหอยให้ได้ แต่มันก็ไม่สามารถทิ้งรอยที่มากไปกว่ารอยข่วนบางๆไว้บนเปลือกหอยได้ เปลือกของหอยสังข์สูงถึงหนึ่งร้อยเมตร ดังนั้นรอยข่วนบางๆแบบนั้นจึงไม่มีผลอะไรในภาพรวม
“ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน?” หานเซิ่นดีใจกับการค้นพบในครั้งนี้ ถ้าเปลือกของมันแข็งถึงขนาดนั้น เจ้าหอยสังข์ตัวนี้จะต้องเป็นระดับราชัน เมื่อดูจากร่างเนื้อของมันแล้ว มันก็ดูเป็นระดับราชันที่อ่อนแอ่ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นระดับราชันอยู่ดี
กิเลนโลหิตยังคงข่วนใส่เปลือกหอยต่อไป แต่การตะปบแต่ละครั้งนั้นทิ้งรอยข่วนที่บางลงไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสน
หานเซิ่นชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและฟันไปที่เปลือกหอย มันไม่เกิดอะไรขึ้น พลังของเขาเทียบไม่ได้กับกิเลนโลหิต
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขานำธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาและช็อตสายฟ้าไปใส่เปลือกหอย เขาต้องการทำให้มันเป็นอัมพาต หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถพลิกเปลือกหอยได้
แต่ดูเหมือนเปลือกหอยจะสามารถป้องกันสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ นั่นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“เปลือกของเจ้าตัวนี้แข็งจริงๆ เดิมพันได้เลยว่ามันนำไปใช้ทำเป็นชุดเกราะพิเศษได้ แต่มันมีขนาดใหญ่เกินไป”
เปลือกหอยนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะใช้ทำชุดเกราะชุดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมสำหรับบางสิ่งที่ใหญ่กว่า
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะเอามันไปทำอะไรอย่างอื่นได้นั้น เขาก็ต้องฆ่าตัวหอยสังข์ที่อยู่ข้างในซะก่อน หานเซิ่นลองใช้พลังหลายๆอย่าง แต่การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยลึกไม่กี่นิ้วเอาไว้บนผิวของมันเท่านั้น มันไม่มีผลอะไรต่อตัวหอยสังข์ทะเลที่อยู่ภายใน
“ช่วยกันพลิกมัน!” หานเซิ่นเรียกกิเลนโลหิต ด้วยการรวมพลังกันของพวกเขา พวกเขาสามารถพลิกเปลือกหอยได้สำเร็จ แต่หลังจากที่พลิกมันแล้ว พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าก้นของมันถูกปิดสนิท มันไม่มีทางให้เข้าไปข้างในและช่องว่างที่ถูกปิดก็เป็นวัตถุเดียวกับส่วนอื่นๆของเปลือกหอย
ขณะที่พวกเขาสังเกตเปลือกหอยอย่างละเอียดอีกครั้ง หานเซิ่นกับกิเลนโลหิตก็รู้สึกตัวว่าร่องรอยที่พวกเขาสร้างเอาไว้บนเปลือกหอยได้หายไปแล้ว ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาสูญเปล่า
“นี่มันไม่ถูกสิ เจ้าตัวนี้น่าจะเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่ 3 เท่านั้น แบบนั้นทำไมเปลือกของมันถึงได้แข็งขนาดนี้? แม้แต่การโจมตีอย่างเต็มกำลังของกิเลนโลหิตก็ทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้…”
หานเซิ่นมองไปที่แสงสีฟ้ารอบๆ “หอยสังข์ตัวนี้มีอาณาเขตที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง?”
พวกเขาเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของเจ้าหอยสังข์เป็นเวลานานแล้ว แต่แสงสีฟ้าก็ไม่ได้ทำความเสียหายใดๆต่อพวกเขาเลย ดังนั้นมันจะต้องไม่ได้มีไว้สำหรับโจมตีอย่างแน่นอน
“หรือบางทีอาณาเขตนี้จะมีผลทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง?” หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้ แต่มันดูจะไม่ถูกเท่าไหร่นัก
ถ้ามันเป็นอาณาเขตที่มีผลแบบนั้นจริงๆ เขาก็ควรจะสัมผัสได้ถึงการสูญเสียพลังของตัวเอง แต่หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังงานที่ถูกดูดออกไป ร่างกายของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
‘ถ้ามันไม่ใช่อาณาเขตที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง หรือว่ามันจะเป็นอาณาเขตที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น? แสงสีฟ้านี้เพิ่มความแข็งแรงของเปลือกหอยอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นลูบคางขณะที่ครุ่นคิด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ละทิ้งความคิดนี้ไปเช่นกัน
ถ้ามันเป็นอาณาเขตที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองจริงๆ เจ้าหอยสังข์ทะเลก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปล่อยอาณาเขตของมันออกไปในระยะที่กว้างแบบนี้
‘ถ้ามันไม่ได้เป็นอาณาเขตที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอหรือทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แล้วมันคืออะไรกัน?’ หานเซิ่นจ้องไปที่หอยสังข์ทะเลขณะที่ครุ่นคิด
กิเลนโลหิตอารมณ์ร้อน และการที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเปลือกของหอยสังข์ได้ นั่นก็ทำให้กิเลนโลหิตโกรธยิ่งกว่าเดิม มันพยายามที่จะข่วนเปลือกหอยซ้ำๆ แต่มันก็ไม่ได้ผล รอยข่วนของมันบางลงเรื่อยๆ
“เดี๋ยวก่อนนะ… พลังของกิเลนโลหิตไม่ได้อ่อนแอลงไป ความจริงแล้วความโกรธจะทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แบบนั้นทำไมรอยข่วนของมันถึงได้บางลงได้?”
หานเซิ่นจ้องไปที่รอยข่วนบนเปลือกหอย หลังนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “หรือว่าพลังอาณาเขตของมันจะเป็น…”
หานเซิ่นว่ายไปข้างๆเปลือกหอยและลูบรอยข่วนบนผิวของมัน กิเลนโลหิตหยุดโจมตีเมื่อเห็นแบบนั้น
ไม่นานหลังจากนั้นรอยข่วนก็หายไป การฟื้นสภาพเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
ถ้าแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพอย่างกิเลนโลหิตยังไม่สามารถทำลายเปลือกของหอยสังข์ทะเลนี้ได้ แบบนั้นแล้วเปลือกของมันก็ต้องแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าความแข็งแรงนั้นจะมาจากเปลือกหอย เปลือกหอยนั้นแข็งมากก็จริง แต่ความทนทานอย่างเหลือเชื่อของมันมาจากอาณาเขตแห่งราชันของตัวหอยสังข์
หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองคาดเดาได้ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็พากิเลนโลหิตออกมาจากอาณาเขตของหอยสังข์ทะเล
หอยสังข์ทะเลทำเหมือนกับว่ามันรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร มันขยายแสงสีฟ้าออกไปไกลขึ้นอีก แต่ระยะสูงสุดของมันคือ 2 พันเมตร มันไม่สามารถขยายแสงสีฟ้าออกไปไกลกว่านั้นได้
เมื่อหานเซิ่นและกิเลนโลหิตออกไปไกลพอที่เจ้าหอยสังข์ทะเลสัมผัสถึงตัวตนของพวกเขาไม่ได้แล้ว พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงจับตาดูเจ้าหอยสังข์ทะเลจากระยะไกล
หอยสังข์ทะเลรออยู่สักพัก มันผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่เจ้าหอยจะออกมาจากเปลือกและมองไปรอบๆ เมื่อมันไม่เห็นหานเซิ่นและกิเลนโลหิตอยู่ในบริเวณใกล้เคียง มันก็เลิกใช้อาณาเขตแสงสีฟ้า
เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็เรียกมนตราออกมาและเปลี่ยนเธอเป็นปืนไรเฟิล เขาเล็งไปเจ้าหอยสังข์ทะเล
ปัง!
หานเซิ่นเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล กระสุนพุ่งผ่านน้ำทะเลและตรงเข้าไปหาหอยสังข์ทะเลอย่างเงียบๆ