ทุกเผ่าพันธุ์ที่ส่งทีมเข้าไปสำรวจเมทัลเวิลด์เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา ยอดฝีมือของพวกเขาได้มารออยู่ด้านนอกของดวงดาว แต่หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน มันก็ยังไม่มีมาร์ควิสคนไหนกลับออกมาเลยสักคน พวกเขาได้ส่งมาร์ควิสเข้าไปเพิ่มอีกเพื่อหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกเขาก็ไม่กลับออกมาเช่นเดียวกัน
ทีมมาร์ควิสกลุ่มแรกที่พวกเขาส่งเข้าไปเพื่อสำรวจเมทัลเวิลด์สามารถกลับออกมาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้มันกลับไม่มีมาร์ควิสคนไหนกลับออกมาได้เลย นั่นทำให้พวกเขาสับสนอย่างมาก
ถึงแม้มาร์ควิสหนึ่งร้อยคนจะไม่ใช่การสูญเสียที่ใหญ่หลวงอะไรสำหรับเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนกันอยู่ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงส่งมาร์ควิสที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองเข้าไป นั่นทำให้ความสูญเสียจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อเผ่าพันธุ์
อสูรโลหะสีขาวบอกหานเซิ่นถึงวิธีที่จะออกไปจากเมทัลเวิลด์ พายุแม่เหล็กที่ปกคลุมเมทัลเวิลด์จะสับเปลี่ยนสีฟ้าและสีแดง ซึ่งเวลาส่วนใหญ่จะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ แต่ทว่าทุกการสับเปลี่ยนสิบครั้ง มันจะมีช่องว่างที่พายุแม่เหล็กหยุดไปชั่วครู่ มันเป็นเวลาเดียวที่จะหนีออกไปจากดาวดวงนี้ได้
ในตอนที่เดม่อนและบุดด้าส่งคนเข้ามาในตอนแรก มันเป็นช่วงที่พายุแม่เหล็กนั้นหยุดไปพอดี นั่นเป็นเหตุผลที่ทำมให้พวกเขากลับออกไปได้
แต่ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องรอจนกว่าพายุแม่เหล็กสีแดงและสีฟ้าผ่านไป ซึ่งมันต้องใช้เวลาอีกประมานหนึ่งเดือนครึ่ง มันยังคงมีเวลาก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้เร่งรีบอะไร
หานเซิ่นกำลังเพลิดเพลินกับผลประโยชน์จากการเป็นเพื่อนกับตัวกินโลหะ เขาสามารถดื่มเมทัลซีโน่เจเนอิคฟลูอิดเข้าไปทุกๆวัน นั่นทำให้เขายังไม่อยากเดินทางออกจากถ้ำ เขาต้องการดื่มมันเข้าไปให้ได้มากที่สุดเพื่อเพิ่มระดับวิชาเรื่องราวของยีน
หานเซิ่นได้ออกไปค้นหาอวี้เอียะและคนอื่นๆ พวกเขากำลังอาศัยอยู่กับดราก้อน บุดด้าและเดม่อนที่เหลือรอด พวกเขาเอาชีวิตรอดภายในถ้ำ ด้วยเหตุนั้นตอนนี้พวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในอันตรายใดๆ แต่เสบียงของเขาก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ พวกเขาได้พยายามค้นหาหนทางออกอย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่พบหนทาง
หานเซิ่นยังไม่คิดจะไปพบกับพวกเขาในตอนนี้ เขาเลือกที่จะอาศัยอยู่กับอสูรโลหะสีขาวและดื่มเมทัลซีโน่เจเนอิคฟลูอิดต่อไป ขณะที่เขากำลังรอคอยการสับเปลี่ยนของพายุแม่เหล็ก เขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชาเรื่องราวของยีน
ด้วยเหตุผลบางอย่างอสูรโลหะสีขาวไม่คิดจะออกไปจากเมืองแห่งนี้ หานเซิ่นไม่สามารถล่อหรือพาตัวของมันออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน
หานเซิ่นดูดซับเมทัลซีโน่เจเนอิคฟลูอิดเข้าไปเรื่อยๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดเรื่องราวของยีนก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
มันกำลังจะพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส
“ในที่สุดมันก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!” หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้น เขาได้ใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเพิ่มระดับของมัน และเขาก็สงสัยอยู่เสมอว่าพลังใหม่ของมันหลังจากที่พัฒนาสู่ระดับมาร์ควิสจะเป็นอะไรกันแน่
“มันจะพัฒนารูปร่างใหม่ขึ้นมาไหมนะ แน่นอนว่าถ้าพลังของมันไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างสมน้ำสมเนื้อ วิชาจีโนนี้ก็ไม่สมดุลเท่าไหร่ ทรัพยากรที่ถูกใช้ไปจนถึงตอนนี้ก็จะเป็นอะไรที่เสียเปล่า”
ชุดเกราะมนตราเริ่มส่องสว่างด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ชุดเกราะมนตรานั้นส่องสว่างราวกับดวงอาทิตย์
ตูม!
ร่างกายของหานเซิ่นสั่นไหว หลังจากนั้นชุดเกราะก็หายไป มันเปลี่ยนไปอยู่ในร่างของหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น
หญิงสาวถูกห่อหุ้มด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่เส้นผมของเธอโบกสะบัดราวกับลำแสงของพระอาทิตย์ ปืนคู่ที่เธอถืออยู่ก็กำลังสว่างไสวเช่นกัน พวกมันสว่างซะจนหานเซิ่นไม่สามารถมองตรงๆได้
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่ามีน้ำตกที่ไหลเชี่ยวกำลังพุ่งเข้ามาในร่างกาย ร่างกายของเขาเชื่อมต่อกับพลังงานของมนตราและเริ่มแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ตูม!
ในที่สุดแสงของมนตราก็ระเบิดราวกับภูเขาไฟ แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างกายของมนตราลอยอยู่ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งขึ้นไป และสัญญาประหลาดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอ
หานเซิ่นไม่รู้ว่ามนตรากำลังประสบกับความเปลี่ยนแปลงแบบไหนกันแน่ เธอกำลังเรืองแสง แต่ไม่ได้สว่างไสวอะไรมาก เธออยู่ภายในลำแสงนั้นขณะที่เงาร่างของเธอมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แสงศักดิ์สิทธิ์อัดแน่นไปที่หน้าผากและรวบรวมพลังของเธอ แสงสว่างทั้งหมดส่องลงมายังหน้าผากของเธอ ขณะที่มนตรายังคงดูเหมือนกับปกติ
“ร่างกายต่อสู้มนตราพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส”
หานเซิ่นได้ยินเสียงประกาศในหัว ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
ตอนนี้ร่างกายของเขาไร้เทียมทานในหมู่มาร์ควิสทั้งหมด แม้แต่ร่างกายของดราก้อนก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับร่างกายของหานเซิ่นในตอนนี้ได้
สิ่งที่หานเซิ่นสับสนก็คือมนตราไม่ได้รับร่างใหม่หลังจากที่พัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส หน้าผากของเธอถูกประทับด้วยสัญลักษณ์ประหลาด แต่เขาไม่รู่ว่าสัญลักษณ์นั้นหมายความว่าอะไรกันแน่
ตอนนี้สีหน้าของอวี้เอียะ ข่านและคนอื่นดูไม่สู้ดีนัก พวกเขาหาหนทางที่จะออกจากเมทัลเวิลด์มาโดยตลอด แต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาล้มเหลว แถมเสบียงของพวกเขาก็ใกล้จะหมดเต็มที โดยปกติแล้วมันเป็นอะไรที่ปลอดภัยถ้าพวกเขาออกไปจากถ้ำในระหว่างพายุแม่เหล็กเป็นสีฟ้า แต่ครั้งนี้พวกเขาเจอเข้ากับแมลงปอโลหะ พวกเขาฆ่าพวกแมลงปอไป แต่พวกมันก็มาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและไล่ตามไปที่ค่ายของพวกเขา
พวกเขาพึ่งพาทางเข้าถ้ำในการต่อสู้กับศัตรู ซึ่งในตอนแรกมันก็ได้ผลอยู่ แต่เมื่อมันมีระดับดยุกโผล่มา พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานศัตรูได้อีกต่อไป
“นี่มันแย่แล้ว! พวกเขาควรจะทอดทิ้งที่นี่ไปไหม?”
แมลงปอตัวหนึ่งกัดแขนของบุดด้าจนขาด เลือดพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
“เสบียงทั้งหมดของพวกเราอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราสูญเสียพวกมันไป พวกเราก็ไม่รอดอยู่ดี แถมมันมีซีโน่เจเนอิคอยู่จำนวนมากเกินไปที่จะเสี่ยงแยกกันหนี นั่นจะทำให้พวกเราทั้งหมดถูกฆ่า” ยวิ๋นอี้พูด
“แต่ถ้าพวกเราไม่หนีไปตอนนี้ พวกเราก็จะถูกฆ่าตายอยู่ที่นี่!”
มาร์ควิสของบุดด้าตะโกนกลับมา “แต่มันมีซีโน่เจเนอิคระดับดยุกอยู่ในหมู่พวกมันด้วย พวกเราต้านพวกมันเอาไว้ตลอดไม่ได้”
ดราก้อนเอทและอวี้เอียะยังคงเงียบสนิทขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน พวกเขาทั้งคู่รู้ว่าไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถออกไปจากเมทัลเวิลด์ได้ พวกเขาทุกคนก็จะต้องตาย
พวกเขาพยายามฆ่าแมลงปอเท่าที่ทำได้แล้ว แต่มาร์ควิสบางคนเลือกที่จะบินหนีออกไปจากถ้ำ พวกเขาต้องการลองเสี่ยงดวงของตัวเองภายนอกถ้ำ
แต่เมื่อเหล่าแมลงปอสังเกตเห็นคนที่พยายามจะหนีไป พวกมันก็บินเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้ มันไม่มีที่ไหนให้พวกเขาหนีไป พวกเขาต้องต่อสู้จนกระทั่งความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำ และเมื่อถึงตอนนั้นร่างกายของพวกเขาก็จะถูกแมลงปอกัดกิน
ดราก้อนเอทคำรามขึ้นมา และดราก้อนคนอื่นที่เหลือก็ตามเขาออกมาจากค่าย แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่รอคอยอยู่ด้านนอก เขาก็รู้สึกสิ้นหวัง แม้แต่ร่างกายมังกรทองของเขาก็ไม่สามารถทำการต่อสู้ได้ตลอดการ
อวี้เอียะนำศิษย์ของปราสาทนภาออกไปเช่นเดียวกัน แต่ฝูงแมลงปอเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้ มันไม่ที่ไหนให้พวกเขาหนีไปได้
ขณะที่ความสิ้นหวังเข้าครอบงำหัวใจของพวกเขา ก็มีบางสิ่งปรากฏขึ้นภายในฝูงของซีโน่เจเนอิค