มีจิ้งหรีดสีดำที่มีหัวสีแดงออกมาจากช่องว่างในพื้นหิน มันเริ่มต่อสู้กับตุ๊กแกสีเขียวเข้ม จิ้งหรีดนั้นมีขนาดพอๆกับกำปั้นเท่านั้น ขนาดของมันเล็กกว่าเจ้าตุ๊กแกมาก แต่มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้เสียเปรียบตุ๊กแกแต่อย่างใด เงาสีดำและเงาสีเขียวเข้าปะทะกันไปมาอยู่ที่ริมของสระน้ำ มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
หานเซิ่นมองดูการต่อสู้ของพวกมันด้วยความสนใจ ระดับของยีนเรซทั้งสองไม่ได้สูงอะไรมากนัก อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นแค่ระดับไวเคานต์เท่านั้น แต่ด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายสูสีกัน มันจึงให้ความรู้สึกที่ดุเดือด
“ถึงแม้พวกมันจะระดับไม่สูงมากนัก แต่ยีนเรซก็คือยีนเรซ เราจะรอคอยจนกระทั่งพวกมันต่อสู้กันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเราจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นไข่ เราคงจะได้เงินพอสมควรจากการนำพวกมันกลับไปขาย อย่างน้อยๆมันก็ควรจะแก้ไขปัญหาเรื่องที่พักของเราได้”
หานเซิ่นมองดูการต่อสู้อย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นรอยตะปุ่มตะป่ำบนหลังของเจ้าตุ๊กแกก็ระเบิด และทำให้ของเหลวสีเขียวกระจายเหมือนกับดอกไม้ที่บานออก
เปลือกของจิ้งหรีดที่สัมผัสกับของเหลวสีเขียวนั้นมีควันสีขาวลอยขึ้นมา เหมือนกับว่ามันถูกกัดกร่อนด้วยกรด
จิ้งหรีดส่งเสียงหึ่งๆและหันหลังเพื่อหนีไป เจ้าตุ๊กแตไล่ตามไปเมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันได้ผล เจ้าจิ้งหรีดพยายามหนีกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินที่มันออกมา
แต่ของเหลวสีเขียวของตุ๊กแกนั้นมีพิษร้ายแรงเกินไป ก่อนที่จิ้งหรีดจะกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินได้ เปลือกของมันก็ถูกกัดกร่อนจนเผยให้เห็นเนื้อที่เละเทะอยู่ภายใน ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่รอด
จิ้งหรีดใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบตัวเองเพื่อกระโดดหลบลิ้นของตุ๊กแก และเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหิน
“หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้น มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถึงมันจะหนีกลับเข้าไปในถ้ำได้ มันก็จะตายจากการถูกกัดกร่อนอยู่ดี”
หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้คือเวลาที่เขาต้องลงมือ แต่ทันใดนั้นตาดำของเขาก็หดเล็กลงไป
ในตอนที่เจ้าตุ๊กแกไปถึงตรงหน้าช่องว่างในพื้นหิน จู่ๆก็มีแสงเย็นพุ่งออกมาจากช่องว่าง ก่อนที่ตุ๊กแกสีเขียวจะตอบสนองอะไรได้ มันก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหิน
“นี่จิ้งหรีดตัวนั้นมีความสามารถในการทำให้ศัตรูกลายเป็นหินอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมมันถึงไม่ใช้ให้เร็วกว่านี้?” หานเซิ่นรู้สึกสับสนมากๆ
แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาคิดมากนัก เขากังวลว่าด้วยอาการบาดเจ็บของจิ้งหรีด มันจะเสียชีวิตในไม่ช้า ถ้ามันตายไปซะก่อน ไม่ว่าพลังของคัมภีร์นภาอำพันของเขาจะสุดยอดยังไง เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นไข่ได้
หานเซิ่นแว็บมาปรากฏตัวตรงหน้าช่องว่างระหว่างพื้นหินอันลึกลับ เขาใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อเตะใส่เจ้าตุ๊กแกที่กลายเป็นก้อนหินโดยแสงเย็น
ถึงแม้ร่างกายของมันจะกลายเป็นก้อนหิน แต่ภายใต้พลังของคัมภีร์นภาอำพัน มันก็ยังคงวิวัฒนาการย้อนกลับ มันกลายเป็นไข่สีเขียวเข้มที่มีขนาดเท่ากับไข่ของนกพิราบอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เก็บไข่ของตุ๊กแกขึ้นมา หานเซิ่นก็ชกใส่พื้นหินที่มีแสงเย็นพุ่งออกมา เขาต้องการจะระเบิดช่องว่างให้กว้างขึ้น และดูว่าเจ้าจิ้งหรีดนั้นกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน
แต่หลังจากที่หานเซิ่นปล่อยหมัดออกไป พื้นหินก็เกิดรอยร้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สามารถทำลายพื้นหินให้เปิดออกได้
“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นแปลกใจ พลังหมัดของเขาน่ากลัวมากๆ ไม่ต้องพูดถึงหิน แม้แต่ทองคำขาวบริสุทธิ์ก็จะถูกทำลายเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ตอนนี้คือทิ้งร่องรอยเพียงเล็กน้อยเอาไว้บนพื้นหิน เห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับหินนี่
หานเซิ่นเห็นว่าภายในช่องว่างของพื้นหินนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มันไม่มีแสงส่องออกมาจากช่องว่างอีกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงชกใส่พื้นหินซ้ำๆ ในตอนที่เขาปลดปล่อยหมัดที่สี่ พื้นหินก็แตก ทำให้ช่องว่างขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับหัวของมนุษย์
หานเซิ่นมองเข้าไปในถ้ำและประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ถ้ำนั้นมีขนาดพอๆกับอ่างอาบน้ำ มันไม่มีจิ้งหรีดอยู่ภายใน มันมีเพียงแค่กองเลือด มีโอกาสสูงที่กองเลือดนั้นคือสิ่งที่หลงเหลือจากร่างกายที่ถูกกัดกร่อนของจิ้งหรีดตัวนั้น
“นั่นคืออะไร?” หานเซิ่นมองไปที่กองเลือดและสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
ภายในถ้ำหินนั้นชื้นมากๆและเต็มไปด้วยชั้นของมอสส์ กองเลือดนั้นดูเหมือนจะเป็นกรดที่เริ่มกัดกร่อนมอสส์ภายในถ้ำและเผยให้เห็นหินที่อยู่ใต้ล่าง
หินนั้นดูแบนๆ และดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน มันมีสัญลักษณ์บางอย่างสลักเอาไว้ แต่ภายใต้กองเลือดและมอสส์ เขาจึงมองเห็นไม่ชัดเจน
หานเซิ่นใช้มือเช็ดมอสส์ออกไปและค้นพบว่าที่ข้างใต้นั้นมีแผ่นหินที่มีสัญลักษณ์พิเศษสลักเอาไว้ หานเซิ่นพยายามทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหิน แต่แผ่นหินนั้นมีความยาวราวๆสี่ฟุตและความกว้างหนึ่งฟุต เขาจึงไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่เขาจะเอามันขึ้นมาได้
หานเซิ่นจำเป็นต้องอดทนและทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหินไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็สังเกตเห็นว่าแผ่นหินนั้นมีความหนาเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ยุ่งอยู่สักพัก ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถเอาแผ่นหินขึ้นมาได้สำเร็จ
ในตอนที่เขาเอาแผ่นหินขึ้นมาได้ เขาก็สังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่แผ่นหิน แต่เป็นกล่อง หินที่ใช้ทำมีสีเทาที่แตกต่างไปจากหินอื่นๆ
หานเซิ่นพยายามจะเปิดกล่องหินนั่น แต่เขาพบว่าไม่สามารถทำได้ เขาลองใช้มือเป็นเหมือนกับมีดเพื่อฟันใส่มัน แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยสีขาวบางๆเอาไว้บนผิวของกล่องหินเท่านั้น
“กล่องหินนี้แปลกจริงๆ” หานเซิ่นคิดว่ามันยังคงเหลือเวลาก่อนที่แมลงแปดเสียงจะปรากฎตัว เขาจึงวางกล่องลงและกลับไปเช็คภายในถ้ำหินอีกครั้ง แต่เขาไม่พบอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็ใช้หินที่อยู่รอบๆมากลบถ้ำที่เขาค้นพบเอาไว้
หานเซิ่นคิด ‘แสงที่มีพลังในกลายทำให้สิ่งต่างๆกลายเป็นหินนั่นคงจะไม่ได้มาจากเจ้าจิ้งหรีด เพราะยังไงซะมันก็ดูไม่เหมือนยีนเรซธาตุหิน ถ้ามันไม่ได้มาจากจิ้งหรีด มันก็ต้องมาจากกล่องหินนี่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นในตอนที่เราขุดกล่องหินนี่ขึ้นมา ทำไมกล่องหินถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร?’
หานเซิ่นมองไปที่ด้านบนของกล่องหินที่เดิมทีมีเลือดของจิ้งหรีดอยู่ แต่ในตอนนี้เลือดแห้งไปเรียบร้อยแล้ว
หัวใจของหานเซิ่นเต้นตึกตักและเขาคิดไปว่า ‘สิ่งนี้คงจะไม่ได้มีปฏิกิริยากับเลือดหรอกใช่ไหม?’
ถึงแม้หานเซิ่นจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะลองทดสอบด้วยเลือดของตัวเอง เขามองไปรอบๆเพื่อหายีนเรซสักตัว
ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงดีดของสายพิณ มันดังมาจากภายในพุ่มหญ้า หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นพระจันทร์ปรากฏขึ้นเหนือหุบเขา ตอนนี้มันถึงเวลากลางคืนแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดีดพิณดังขึ้นอีก มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเล่นพิณอยู่ เสียงของมันฟังดูไพเราะมากๆ
หานเซิ่นกลั้นหายใจ ร่างกายของเขาหยุดนิ่งเหมือนกับว่าเขาถูกแช่แข็งให้กลายเป็นหิน
แมลงแปดเสียงไม่มีความสามารถในการมองเห็น แต่มันมีประสาทหูที่ดีเป็นพิเศษ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ไกลไปหลายไมล์ก็ไม่สามารถซ่อนตัวจากพวกมันได้ ถ้าผู้คนต้องการจะจับแมลงแปดเสียง พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เกิดเสียงได้ แม้แต่เสียงเต้นของหัวใจก็จะทำให้พวกมันตื่นตัว
เขาจำเป็นต้องรอจนกระทั่งพวกมันออกมาจากพื้นและจัดการกับพวกมันในตอนที่เข้ามาใกล้ เขาไม่สามารถเปิดโอกาสให้พวกมันหนีกลับลงไปในพื้นดินได้
หานเซิ่นควบคุมร่างกายและนั่งนิ่งเหมือนกับเป็นก้อนหิน ไม่นานหลังจากนั้นจากเขาก็เห็นแสงสีขาวบินออกมาจากพุ่มไม้ ภายในความมืดยามค่ำคืนนั้นมันดูเหมือนกับหิ่งห้อย