Summoning the Holy Sword 62

ตอนที่ 62

62 – ท้าประลองรึ? ขอโทษด้วยนะ

 

“คุณคลินตัน”

 

มาร์ลีนดึงมือออกมาอย่างเย็นชา

 

“พวกเราไม่ได้สนิทกัน โปรดรักษาศักดิ์ศรีของฉันด้วย”

 

“ชิ ชิ” ชายหนุ่มเดาะลิ้นของเขาและตอบกลับ “เจ้าผิดแล้ว มาร์ลีน”

 

แม้จะถูกปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มยังไม่ถอย เขาเริ่มหน้าด้านมากขึ้น

 

“ตระกูลของพวกเราสนิทสนมกันไม่ใช่รึ? เมื่อพวกเรายังเด็ก พ่อแม่ของพวกเราเคย-?”

 

“นั่นเป็นเรื่องนานมาแล้ว”

 

มาร์ลีนพูดขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“เนื่องจากตระกูลของเจ้าย้ายไปยังประเทศแห่งแสง ความสัมพันธ์ที่พวกเราเคยมีเป็นโมฆะ โปรดระวังพฤติกรรมของคุณด้วย อย่าทำตัวเป็นนักเลงใส่กระโปรง มันไม่สุภาพ”

 

“มาร์ลีน…” บิลลี่ถอนหายใจ “ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้ากลายเป็นคนดื้อรั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่จางหาย

 

“อย่างที่มีคำกล่าวไว้ คนที่ปีนขึ้นยอดน้ำตกจะไม่ลงมาแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ตระกูลคลินตันของพวกเราทำยังไงล่ะ เพื่อทำให้พวกเราไปอยู่ในจุดที่ดีกว่า ตอนนี้พวกเราอยู่ในดินแดนอิสระ มีชีวิตที่สงบสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเราไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใดๆ…เจ้าไม่คิดเหรอว่ามันงดงามขนาดไหน มาร์ลีน? ยุคของพวกคนแก่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่กับปัจจุบัน พวกเราจะเป็นคนสร้างอนาคตเจ้าไม่สงสัยเหรอว่าโลกเป็นอย่างไร ความจริงแล้วมันเป็นอย่างไร…? เจ้ายังเด็กมาก อย่าผูกตัวเองไปกับประเพณีหรือคำโกหกเลย ถ้าเจ้าต้องการ การสามารถพาเจ้าเที่ยวรอบๆประเทศแห่งแสงได้ บางทีเจ้าอาจจะเปลี่ยนมุมมองของเขา”

 

“…คนทรยศ” มาร์ลีนจ้องทองชายตรงหน้าด้วยสายตาน่ารังเกียจ เธอไม่ซ่อนความเกลียดชังแม้แต่น้อยและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่สนใจคนที่ทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อไปเป็นสุนัขรับใช้หรอก คุณออกไปได้แล้ว คุณคลินตัน ฉันหวังว่าเราจะคิดว่าพวกเราไม่เคยพบกันอีก”

 

“เจ้าผิดอีกแล้ว มาร์ลีน”

 

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของบิลลี่หนากว่าที่มาร์ลีนคิดไว้เยอะ แม้ว่าทุกคนจะมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ แต่เขาพูดกับมาร์ลีนเหมือนทั้งห้องโถงมีพวกเขาเพียง 2 คน

 

เขาเผยรอยยิ้มออกมาและพูดต่อ “จะนับว่าพวกเราทิ้งศักดิ์ศรีได้อย่างไร? พวกเราทั้งหมดอยู่ภายใต้การปกป้องของมังกรแห่งแสงไม่ใช่รึ? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรามีศัตรูคนเดียวกันไม่ใช่รึ? ทำไมเจ้าถึงเกลียดชังประเทศแห่งแสงล่ะ? พวกเรากำลังต่อสู้เพื่อทุกคนอยู่นะ…พวกเราไม่สมควรถูกเรียกว่าคนทรยศ มันไม่ยุติธรรมเลย”

 

ชายหนุ่มพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาอย่างเศร้าสร้อย แต่มาร์ลีนไม่ได้คล้อยตาม เธอยังคงมีสีหน้าเย็นชาและมองไปยังเขาด้วยความเหยียดหยามราวกับกำลังมองตัวตลก

 

“สถานที่แห่งนี้ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ คลินตัน ถ้าคุณเมินเฉยต่อคำพูดของฉัน…”

 

จอมเวทย์สาวอัจฉริยะยกไม้คทาขึ้นและชี้ไปยังเขา

 

“งั้นฉันจะทำให้คุณออกไปด้วยวิธีของฉันเอง”

 

ใบหน้าของเขาแข็งกระด้างเมื่อเห็นไม้คทาของเธอ ปากของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่เขายังรักษาความสงบได้

 

“อ่า….” เขาส่วยหัวด้วยความเสียใจ “เจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ มาร์ลีน เจ้าไม่เป็นเหมือนครั้งพวกเรายังเด็ก อะไรทำให้เจ้าเปลี่ยนไปขนาดนี้? โอ้ ใช่แล้ว…ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามากับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาอยู่ไหนล่ะ? เขาวิ่งหนีไปตั้งแต่ที่เห็นข้าแล้วรึ?”

 

“แก!!”

 

มาร์ลีนโกรธขึ้นมาทันที เธอกัดฟันและเตรียมด่าเขาออกมา ในขณะที่เธอกำลังจะด่า ทันใดนั้นน้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน

 

“ผมได้ยินมาว่าผู้คนจากประเทศแห่งแสงเก่งเรื่องการพูดไร้สาระ วันนี้ผมได้เห็นด้วยตาตัวเอง ดีใจจริง แล้วก็ได้ยินมาว่ามีคนที่ดีแต่พูด แต่ไม่กล้าเจอกันแบบตัวต่อตัว”

 

โรดส์เดินออกมาท่ามกลางฝูงชนและตรงไปหาบิลลี่

 

“เจ้าเองสินะชายคนนั้น เจ้าคิดผิดแล้ว”

 

แม้ว่าจะได้ยินคำเหยียดหยามของโรดส์ ท่าทางเย่อหยิ่งของบิลลี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

 

“แน่ใจนะ?”

 

โรดส์มองดูชายตรงหน้าและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

 

“ฮืมม…ดูเหมือนว่าคุณเป็นคนที่รักประเทศจริงๆ ผมขอโทษสำหรับพฤติกรรมหยาบคายด้วย”

 

“คุณโรดส์…!”

 

มาร์ลีนไม่พอใจกับท่าทางของโรดส์และอ้าปากขึ้นเพื่อจะพูดบางอย่าง แต่เธอถูกขัดจังหวะโดยบิลลี่

 

“โอ้โห…ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนฉลาดนะที่เข้าใจเหตุผล ข้าทำทุกอย่างเพื่อประเทศของข้า น่าเสียดาย…” บิลลี่หยุดพูดและหันไปมองมาร์ลีน “น่าเสียดายทืทุกคนไม่เข้าใจ”

 

“ผมเข้าใจคุณดี”

 

โรดส์แสดงท่าทางออกมาราวกับเขาเข้าใจความรู้สึกของบิลลี่ดี เอาจริงๆ เมื่อตอนที่เขายินยินว่ามาร์ลีนมางานเลี้ยงกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาแทบจะบ้าคลั่งและอยากจะเอาชนะชายคนนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะฉลาดพอที่เข้าใจในตัวเขา ความโกรธของเขาจึงลดน้อยลง เนื่องจากอีกฝ่ายไว้หน้าเขา เขาก็ยินดีรับไว้ อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดีที่ประโยคต่อไปของโรดส์ทำให้ใบหน้าของเขาซีดลงทันที

 

“นี่คือคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้ช่วยชีวิต’ งั้นรึ? เก็บความหวังดีของคุณแล้วเอาไปใส่ถังขยะนะ ถ้าอยากช่วยเหลืออาณาจักรมันน์จริงๆ คุณต้องเริ่มจากการเอาตัวเองออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่ใช่ทุกคนจะไปสนใจกับการเสียสละเพื่อประเทศอะไรของคุณ ผมชื่นชมความคิดที่เสียสละของคุณจริงๆ”

 

“พรึบ!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า….”

 

เหล่าขุนนางไม่ใช่คนโง่ เป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกเขาจะเข้าใจความหมายของโรดส์ หลังจากที่โรดส์พูดจบ หลายคนเริ่มหัวเราะออกมา ขุนนางจำนวนมากที่มาในงานเลี้ยงนี้ต่างเกลียดชังชายหนุ่มที่มาจากประเทศแห่งแสงอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเขาเป็นทูตพิเศษ พวกเขาจึงไม่มีใครกล้าพูดออกมาโดยตรง แต่ตอนนี้โรดส์กำลังพูดสิ่งที่พวกเขาคิดออกมา มันทำให้พวกเขามีความสุขมาก แม้แต่สีหน้าของมาร์ลีนเองก็ผ่อนคลายลง เธอมองไปที่โรดส์และยิ้มออกมา ด้วยสถานะของเธอ เธอเคยพบปะผู้คนมามากมายที่มีสถานะสูงกว่า แต่ไม่เคยมีใครฉลาดและใจเย็นเท่าโรดส์ ยิ่งไปกว่านั้น โรดส์ยังดูมีเสน่ห์และแข็งแกร่งมากด้วย ในอีกความหมายหนึ่ง – เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบได้ ถ้าเขายิ้มบ่อยขึ้น

 

แม้ว่าเธอจะพยายามซ่อนยังไง บิลลี่ก็ยังสังเกตเห็นรอยยิ้มหัวเราะของมาร์ลีน ตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่ เธอไม่เคยยิ้มให้เขาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเดือดดาลอย่างมาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มคนนี้พูดเพียงไม่กี่คำ เธอก็ยิ้มออกมาแล้วรึ?

 

“ดี ดี! ถ้าเป็นอย่างนั้น…!”

 

บิลลี่ขึ้นเสียงและชี้ไม้เท้าไปทางโรดส์ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความโกรธ

 

“ข้าขอท้าประลองเจ้า!”

 

“ท้าประลองรึ?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดจากปากของบิลลี่ ทุกๆคนตกใจอย่างมาก เคลเลอร์ที่กำลังมองดูจากด้านข้างเริ่มเครียดมากขึ้น เขาไม่อยากให้มีเรื่องเกิดขึ้นในงานเลี้ยงที่เขาเป็นเจ้าภาพ ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร โรดส์พูดขึ้นทันที

 

“ท้าประลองรึ? การท้าประลองควรมีการเดิมพันสิ ผมพูดถูกไหม?”

 

“ผู้หญิงคนนี้”

 

บิลลี่ยื่นมือออกมาและชี้ไปยังมาร์ลีน

 

“ถ้าข้าชนะ ข้าอยากให้เจ้าทิ้งเธอไป และเธอจะเป็นของข้า แต่ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะยอมแพ้ต่อเธอ เจ้าคิดว่าเงื่อนไขนี้เป็นอย่างไร?”

 

“อย่างนั้นรึ…ผมเข้าใจแล้ว” โรดส์พยักหน้าและพูดต่อ “งั้นผมขอปฏิเสธ”

 

“ดีมาก…เนื่องจากเจ้ายอมรับแล้ว งั้น…อะไรนะ? เจ้าปฏิเสธ?”

 

ไม่เพียงแต่บิลลี่เท่านั้นที่พูดไม่ออก แต่ขุนนางทุกคนเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เมื่อพวกเขาได้ยินคำตอบของโรดส์ การปฏิเสธการท้าประลองเปรียบเสมือนการโยนศักดิ์ศรีของขุนนางทิ้งไป?

 

“ทำไมเจ้าปฏิเสธล่ะ? เจ้ากลัวข้ารึ?”

 

“อย่างที่คิด เจ้านี่มัน IQ ต่ำจริงๆด้วย”

 

โรดส์ถอนหายใจยาว ขณะที่เขามองบิลลี่อย่าง ‘เอ็นดู’  ราวกับครูกำลังมองดูนักเรียนที่ได้คะแนนต่ำ

 

“ผมอยากเตือนคุณว่าคุณมาร์ลีนไม่ใช่สิ่งของ เธอไม่ได้เป็นของผม หรือของคุณ ถึงแม้ว่าคุณชนะ คุณคิดว่ามาร์ลีนจะเชื่อฟังคุณอย่างนั้นรึ?” โรดส์พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “ผมขอเตือนอีกครั้ง เธอไม่ใช่สิ่งของของใครทั้งนั้น ดังนั้นผมจึงไม่มีอำนาจในการตัดสินตัวเธอ ถ้าเธอจะไปกับคุณ ผมก็รั้งเธอไว้ไม่ได้”

 

โรดส์เหลือบมองไปยังมาร์ลีนและเห็นเธอเงยหน้าขึ้นอย่างสง่างาม จากนั้นเธอเดินไปยืนด้านข้างโรดส์และยกไม้คทาขึ้นและชี้ไปทางบิลลี่

 

“ใช่แล้ว คุณคลินตัน ฉัน มาร์ลีน เซเนีย ไม่ใช่สิ่งของของใคร ไม่มีใครสามารถสั่งฉันให้อยู่หรือไปได้ ถ้าคุณอยากพาฉันไปด้วย ก็เข้ามาและพาฉันไปสิ”

 

ในขณะนั้น เห็นได้ชัดว่ามาร์ลีนไม่สามารถระงับความโกรธได้ เสื้อคลุมเวทมนตร์ของเธอเรืองแสงออกมา แม้แต่คทาทับทิมในมือของเธอเองก็เริ่มส่องแสงออกมา

 

“เจ้า…”

 

เขาเห็นมาร์ลีนกำลังจริงจัง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังเวทมนตร์มหาศาลกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างเล็กๆของเธอ ถ้าเขาบังคับเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธออาจฆ่าเขาจริงก็ได้

 

“การใช้กำลังกับผู้หญิง ดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะครับ คุณคลินตัน”

 

แม้ว่าบิลลี่จะดูน่าสงสาร แต่โรดส์ไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ในความคิดของเขา ทุกคนที่มาจากประเทศแห่งแสงต้องถูกบดขยี้จนตาย

 

“ก็ได้ครับ ถ้าคุณอยากสู้จริงๆ ผมไม่รังเกียจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง”

 

“นับข้าไปด้วย ไอ้หนู”

 

ในเวลานี้เซเร็คเดินออกมาจากฝูงชน

 

“เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าอยู่ในเมืองดีพสโตนซึ่งอยู่ภายใต้อาณาจักรมันน์ หากเจ้าต้องการต่อสู้ที่นี่ ข้าว่าเจ้าต้องคิดให้ดี”

 

“เซเร็ค….”

 

เมื่อเซเร็คเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ บิลลี่เห็นว่าสถานการณ์เกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว เขาไม่ได้โง่ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ต่างสร้างภาพว่าเขาเป็นทูตพิเศษ แต่จริงๆแล้วกำลังดูถูกเหยียดหยามเขา ถ้าเขายังดื้อดึงจะอยู่ต่อ เขาอาจจะถูกโยนออกจากงานเลี้ยงได้ สำหรับทูตแล้ว การสูญเสียบางอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องกังวล…

 

“ดูเหมือนว่าข้าจะอยู่นานเกินไปแล้ว ข้าขอลาล่ะ”

 

บิลลี่พูดขณะกัดฟันด้วยความโกรธ จากนั้นเขาหันหลังกลับและเดินออกไป

 

เมื่อบิลลี่เดินจากไป มาร์ลีนเก็บไม้คทาและยิ้มให้กับโรดส์

 

“ขอบคุณนะ คุณโรดส์ เพราะคุณ เราเลยกำจัดคนน่ารังเกียจออกไปได้”

 

“ไม่ใช่ปัญหาหรอก ผมแค่ไม่ชอบคนงี่เง่าพวกนั้น”

 

โรดส์โบกมือ นั่นทำให้มาร์ลีนหัวเราะเบาๆ จากนั้นทั้งคู่ยกแก้วไวน์ในมือ

 

“เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง คุณรังเกียจไหม ถ้าฉันจะดื่มอวยพรให้?”

 

“แน่นอน ไม่มีปัญหา”

 

 

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างปกติ ด้านนอกอาคาร บิลลี่นั่งอยู่บนรถม้า ใบหน้าของเขาแดงกล่ำและอารมณ์เสียอย่างมาก

 

“ข้าขอโทษด้วยครับ ท่าน”

 

ในขณะนั้น ชายหนุ่มถ่อมตัวลงและก้มหัวของเขาให้กับบุคคลอีกคนหนึ่งในรถม้า

 

“ข้าล้มเหลวที่ไม่สามารถทำตามคำขอที่ทำให้ชายคนนั้นเคลื่อนไหวได้”

 

“ไม่ต้องกังวลไป คลินตัน”

 

อีกฝั่งหนึ่งของรถม้า มีชายคนหนึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด

 

“พวกเรายังมีโอกาส ไม่ว่าจะเจ้าหรือข้า”

 

จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปบนท้องฟ้า

 

“เราจะบรรลุเป้าหมายของพวกเรา”

Summoning the Holy Sword

Summoning the Holy Sword

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 51 อ่านนิยาย ตอนที่ 52 – 53 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


โรดส์ หัวหน้ากิลด์ระดับตำนานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกม VRMMO : Dragon Soul Continent เพื่อรับมือกับการตายของน้องสาวสุดที่รัก เขาจึงเข้ามาใช้เวลาอยู่ในเกมส์นานถึง 7 ปี ในช่วงเวลานั้นโรดส์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเขาผ่านการเล่นเกม แต่สุดท้ายหัวใจของเขาต้องมาแตกสลายอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินว่าพ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเครื่องบินตก

หนึ่งเดือนหลังจากอุบัติเหตุ เขาได้ตัดสินใจออกจากเกมและกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ก่อนจะไป โรดส์ตัดสินใจต่อสู้กับบอสที่ทรงพลังที่สุดในเกมพร้อมกับกิลด์ของเขา ท้ายที่สุด เขาสามารถเอาชนะบอสได้แต่ต้องแลกด้วยตัวละครของเขา โรดส์ยิ้มให้เขาตัวละครของเขาที่ถูกลำแสงสลายไป อย่างไรก็ตามแทนที่จะกลับไปที่ลานเกิดใหม่….

Options

not work with dark mode
Reset