112 – การ์ดหลัก
เด็กสาวทั้งสามสังเกตเห็นโรดส์กำลังเดินมาหาพวกเธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
จริงๆแล้ว พวกเธอเป็นไพ่ลับของสตาร์ไลท์เพราะว่าสตาร์ไลท์ขาดทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์และพวกเธอทั้งหมดก็เป็นสาวงาม
ทหารรับจ้างบางกลุ่มอิจฉามากเมื่อพวกเขาเห็นสาวงามทั้งสามคน แม้แต่บางคนยังเรียกพวกเธอว่าเป็นโสเภณีอย่างลับๆเมื่อพวกเธออยู่ด้วยกัน
แน่นอน สิ่งเหล่านี้ถูกพูดกันในที่ลับ ไม่มีใครกล้ากล่าวโจมตีสตาร์ไลท์โดยตรง เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวว่าโรดส์ได้ทำให้เจดเทียร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
แต่มันก็ไม่ได้ลดความอิจฉาของพวกเขาที่มีต่อสตาร์ไลท์ลงแม้แต่น้อย
ในบรรดาหญิงสาวทั้ง 3 คน ไลซ์เป็นคนประเภทนุ่มนวล อ่อนหวาน ผ้าคลุมนักบวชสีขาวเหมาะกับผมสีทองเป็นประกายของเธอ ทำให้เธอดูเหมือนดอกลิลลี่ที่บอบบาง แม้ว่าเธอจะกำลังยิ้มอยู่ในตอนนี้ แต่ประกายความเศร้ายังคงอยู่ในส่วนลึกในจิตใจของเธอ
แอนเป็นคนที่อ่อนต่อโลกกว่าพวกเธออีก 2 คนมาก แม้บางคนจะเขียนคำว่า ‘อ่อนต่อโลก’ ไว้บนหัวของเธอ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเป็นคู่แข่งของแอนได้ในเรื่องความไร้เดียงสาต่อโลก
แอนหาวและนอนลงบนพื้น เธอกำลังมีความสุขกับแสงแดดอุ่นๆ ผมสีทองของเธอถูกมัดรวบกลายเป็นหางม้า เผยให้เห็นความเยาว์วัยและความเป็นธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับความระมัดระวังของไลซ์และมาร์ลีน แอนดูเหมือนจะชื่นชอบเปิดเผยเรือนร่างของเธอ ชุดเกราะที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้รัดรูปและขับเน้นร่างกายที่ผอมเพียวออกมา ด้วยบุคลิกที่มีชีวิตชีวา ใครก็รู้ว่าเธอตั้งใจเลือกชุดที่มีลักษณะเปิดเผยแบบนี้
แรนดอฟและคนอื่นๆมีภูมิคุ้มกันต่อชุดของแอนเพราะพวกเขาเคยเห็นมาก่อน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ติดตามของชอว์น่านั้นต่างจ้องแอนตาเป็นมัน นี่ทำให้ชอว์น่าโกรธมาก และเธอดุกลุ่มของเธอว่าไม่มีดีอะไรเลยถ้ายังไม่สามารถควบคุมความต้องการของตัวเองได้
บอกตรงๆ ชอว์น่าเองก็มีความงดงามในแบบของเธอเอง ในขณะที่เธอไม่ได้งดงามมากมายเมื่อนำไปเทียบกับสามสาว แต่ผู้หญิงสาวห้าวและแข็งแกร่งแบบเธอก็ดึงดูดผู้ชายไม่น้อย
ถ้าโรดส์เป็นชายอ้วนบ้ากามน่าเกลียด บางทีทุกคนอาจจะเรียกเขาว่าไอ้อ้วนลามก แต่แม้ว่าพวกเขารู้ว่าเขารับหญิงสาวมากมายเข้ามาในสตาร์ไลท์ แต่ไม่มีใครกล้าเรียกโรดส์ว่าไอ้ลามกเลยแม้แต่น้อย แล้วเหตุผลคืออะไรล่ะ?
เหตุผลนั้นง่ายมาก นั่นเป็นเพราะรูปร่างของเขายังไงล่ะ! รูปร่างของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากคนที่เหลือมาก จะบอกว่าเขาเป็นคนลามก? ไม่ดีกว่าเหรอถ้าให้เขาซื้อกระจกและมองไปยังรูปร่างของตัวเอง ถ้าเขาเป็นคนลามกแบบนั้นน่ะ?
ขณะที่หลายคนกำลังวุ่นวายกับการฝึกฝน หญิงสาวทั้งสามกำลังคุยกันในหลายๆเรื่อง…จริงๆแล้วมีเพียงมาร์ลีนและไลซ์ที่กำลังคุยกันอยู่ อีกด้านหนึ่งใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของแอนกำลังเผยให้เห็นว่าเธอกำลังหลับฝันดี
“อ่า คุณโรดส์”
ไลซ์ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว มาร์ลีนยิ้มและพยักหน้า
“คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
โรดส์ถามไลซ์
“มันแปลกเล็กน้อยค่ะ…ครั้งสุดท้ายที่พวกเรามาที่ป่าราตรีก็มาเพื่อภารกิจและไม่ได้มีเวลาได้พบทิวทัศน์แถวนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่นี่โดยไม่มีภารกิจค่ะ”
ไลซ์พูดด้วยรอยยิ้มและเหลือบมองไปยังป่าไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากเธอ
“มันสวยจริงๆ ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าฉันกังวลจนหัวหมุน ในตอนที่ฉันได้มาทำภารกิจครั้งแรกที่นี่ ในตอนนั้นหัวหน้าและคนอื่นๆต่างหัวเราะใส่ฉัน….”
ไลซ์หยุดพูดและเหลือบมองไปป่าอย่างเงียบๆ เธอรู้ดีว่าเธอไม่ควรพูดเรื่องนี้ แต่เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงมัน
เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของเธอ โรดส์ขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้สังเกตอารมณ์ของเธอ แต่ความทรงจำที่เจ็บปวดของเธอไม่ใช่สิ่งที่จะถูกจบออกไปได้ง่ายๆ
ถ้ามันเป็นปัญหาในการต่อสู้ โรดส์อาจจะสามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้ แต่นี่เป็นปัญหาทางจิตใจ และความสามารถของโรดส์ในการเดาว่าผู้คนกำลังคิดอะไรอยู่ก็พอๆกับคนทั่วไปที่อยู่ถัดจากตัวเขา
ไลซ์มองออกไปด้านนอกอย่างสบายใจ แต่ในใจลึกๆมีรอยแผลเป็นที่ไม่ว่านักบวชคนไหนก็ไม่สามารถรักษาได้ ถ้าอุบัติเหตุที่คล้ายๆกันเกิดขึ้น บางทีรอยแผลเป็นนัน้อาจจะเปิดขึ้นอีกครั้งและนำมาซึ่งความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม
“ฉันจะออกไปตรวจสอบทุกคนหน่อยค่ะ”
ไลซ์ดูเหมือนว่าสังเกตเห็นบางสิ่ง ดังนั้นเธอจึงยิ้มออกมาแห้งๆและเลือกที่จะเดินออกไป โรดส์มองร่างของเธอเดินจากไปอย่างคิดไม่ออก
“ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ตะทิ้งรอยแผลเป็นลึกไว้ให้เธอเลยนะคะ”
มาร์ลีนที่เงียบอยู่ได้พูดขึ้น
“จริงๆแล้ว…”
โรดส์พยักหน้าเห็นด้วย
“คุณมีแผนอะไรไหมคะ? คุณโรดส์”
“ตอนนี้เหรอ? ไม่มีนะ”
“เนื่องจากมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น พวกเราต้องทำตัวตามสถานการณ์ไปเท่านั้น มาร์ลีน คุณช่วยรายงานผมด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ปล่อยให้เห็นหน้าที่ฉันเถอะค่ะ คุณโรดส์”
มาร์ลีนไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธไลซ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะ เธอเองยังเป็นจิตแพทย์ด้วย คนอื่นๆที่อยู่ข้างเธอ ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้
โรดส์พยักหน้า จากนั้นเขาเดินตรงไปยังลำธารที่อยู่ตรงเนินเขา
มาร์ลีนขมวดคิ้วเมื่อมองไปยังร่างของโรดส์ เธอรู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกัน
อ่าใช่แล้ว…มันเหมือนกับที่สันเขาแห่งความเงียบ เขาเข้าไปในป่าและอัญเชิญทูตสวรรค์ออกมาใช่ไหม?
แต่ตอนนี้เขาจะทำอะไร? เขาจะออกไปอัญเชิญใครออกมาอีกใช่ไหม?
มาร์ลีนจมอยู่กับความคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่ตะสั่นหัวของเธอ โรดส์มีความลับมากเกินไป มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเข้าไปยุ่งกับความลับของเขา เธอเชื่อว่าเขาจะบอกความจริงเมื่อเวลามาถึง
แต่เมื่อเธอมองไปยังโรดส์ที่กำลังเดินไป เธออดไม่ได้ที่จะถึงนึกพระราชวังใต้ดิน สิ่งก่อสร้างในยุคฟาสคาร์ล….รูปปั้นแปลกๆและการทดสอบ…
เป็นเขาจริงๆหรือ?
ทันใดนั้น ดวงตาของเธอทอประกายตกตะลึง เธอไม่คิดว่าหัวใจของเธอเคยเต้นเร็วแบบนี้มาก่อน ความคิดที่เป็นไปไม่ได้โจมตีเธอ ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิด จากนั้นโรดส์….
เธอส่ายหัวและสลัดความคิดบ้าๆทั้งหมดออกไป
ในขณะน้ัน แอนที่ควรจะหลับอยู่ได้ลืมตาขึ้นและมองไปยังมาร์ลีน ใบหน้าที่งดงามของเธอแดงช่าในขณะนี้
โรดส์รู้สึกว่าป่านี้มีชะตาคู่กับเขา
เขาเดินเข้าไปในป่าลึกและหลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาๆได้หยิบแกนวิญญาณขนาดเล็กออกมา มันเป็นหินผูกวิญญาณชิ้นที่สอง หินนี้มีวิญญาณของอัศวินแห่งความตายที่พ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ จริงๆแล้วโรดส์ไม่คิดจะผูกวิญญาณของวิญญาณดวงนี้แม้แต่น้อย เนื่องจากเขาพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่กลับเป็นเพราะความบ้าบิ่นของแอน ดังนั้นโรดส์จึงเปลี่ยนใจและนำหินผูกวิญญาณออกมาผนึกวิญญาณของอัศวินแห่งความตาย
ไม่เหมือนกับเนโครแมนเซอร์ วิญญาณของอัศวินแห่งความตายไม่ได้มีสีดำบริสุทธิ์ มันมีสีเทา โรดส์อดรู้สึกกังวลไม่ได้เมื่อเขามองไปยังหมอกที่หมุนอยู่รอบๆ
อัศวินแห่งความตายเป็นมอนสเตอร์ระดับมากกว่า 30 และเขามีระดับเพียง 15 เท่านั้น เขามีระดับไม่ถึงครึ่งหนึ่งของมันด้วยซ้ำ แกนวิญญาณที่มาจากมอนสเตอร์ระดับสูงสามารถทำให้เขาอัญเชิญดวงวิญญาณระดับสูงได้ ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือลดความไม่มีเสถียรภาพของมันให้เหลือน้อยที่สุด
การ์ดระดับสูงนั้นหายากมาก ในเกม ผู้เล่นนักดาบอัญเชิญส่วนใหญ่ต้องหลอมรวมการ์ดระดับสูง 3 ใบถึงจะได้มันมา แน่นอน ถ้าหนึ่งในนั้นเป็นแกนวิญญาณระดับสูง คนๆนั้นอาจจะได้รับการ์ดระดับสูงตามไปด้วย ซึ่งโอกาสที่จะได้รับนั้นจะมากกว่าการหลอมรวมการ์ด 3 ใบทั่วไป
โรดส์หวังว่าแกนวิญญาณระดับ 30 ของเขาจะไม่เปลี่ยนเป็นขยะ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง โรดส์ตัดสินใจเริ่มทันที
“….เฮ้อออ”
โรดส์หายใจออกและมองไปยังแกนวิญญาณที่ปกคลุมไปด้วยหมอกในมือของเขา เขาตรวจสอบรอบๆเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครมากวนเขา จากนั้นเขาหลับตาและเริ่มขึ้น
ไม่นานประกายแสงลึกลับได้ปรากฎขึ้นจากมือของเขา ราวกับสายน้ำ มันไหลไปทั่วร่างของเขาและไหลลงสู่พื้น หลังจากนั้นโดยมีโรดส์เป็นศูนย์กลาง มันก่อตัวเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่!
หลังจากนั้นชุดการ์ดลอยขึ้นไปในอากาศ พวกมันบินไปมาอยู่ภายในวงเวทย์ พวกมันทั้งหมดทอแสงที่แตกต่างกันออกมา
ในขณะนั้น โรดส์ชูมือขวาขึ้นและแสดงตัวตนของแกนวิญญาณต่อหน้าชุดการ์ด
นี่เป็นวิธีที่เขาคิดขึ้น ดีกว่าการปล่อยให้แกนวิญญาณไปหลอมรวมด้วยตัวมันเอง มันจะดีกว่าถ้าเขาวางมันไปที่การ์ดที่เขามี ด้วยการกระทำนี้ เขามีโอกาสได้รับดวงวิญญาณในอัตราที่สูงขึ้น นั่นเป็นการสรุปของเขาเอง หลังจากที่ผ่านการทดสอบและความผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วนและได้นำวิธีการมาจากกระดานข่าว
และตอนนี้ เขามีโอกาสได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง
ราวกับรับรู้ถึงการคงอยู่ของแกนวิญญาณ ชุดการ์ดเริ่มส่องประกายแสงลึกลับ แกนวิญญาณเริ่มเปลี่ยนสีราวกับว่ามันกำลังสื่อสารกับชุดการ์ด แกนวิญญาณส่องแสงแวบวัยและเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว จากขาวไปดำ ไปแดง ไปเขียว สีสันต่างๆเริ่มเปลี่ยนไปเร็วกว่าที่ตาของโรดส์จะมองทัน
แต่ทันใดนั้น สีหน้าของโรดส์เปลี่ยนไป
เขาพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
แกนวิญญาณในมือของเขาเริ่มสั่นและวงเวทย์รอบตัวเขาเริ่มสลายตัวลงเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
โรดส์สงบสติลงและเก็บความสงสัยไว้ในใจ เขาพยายามควบคุมวงเวทย์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้วงเวทย์ระเบิดออกมาด้วยพลังที่รุนแรงกว่าเดิม
แกร็กก
เมื่อแกนวิญญาณในมือเริ่มแตก ร่างของเขาเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวด
เหลือเพียงความมืดปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้นเขาหมดสติลง