Summoning the Holy Sword 100

ตอนที่ 100

100 – วิธีใช้แต้มสกิล

 

ทุกคนดีใจมากเมื่อแอนตื่นขึ้นมา และโรดส์เองก็ไม่มีข้อยกเว้น

 

แต่ทว่าการที่พวกเขามีความสุขนั้นจะไม่ได้หมายความว่าแอนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเธอ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถสังหารอัศวินแห่งความตายได้สำเร็จ แต่แอนยังฝ่าฝืนคำสั่งของโรดส์ หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน โรดส์ตัดสินใจลงโทษเธอโดยการขังเธอไว้ในห้องมืดเป็นเวลา 3 วัน

 

ในขณะเดียวกัน มันอาจจะดูป่าเถื่อนมากในการทำแบบนี้ แต่โรดส์ไม่ยอมให้การฝ่าฝืนคำสั่งเกิดเป็นนิสัยในกิลด์ แอนมองไปยังเขาด้วยสายตาลูกหมาที่หวังให้เขาเปลี่ยนใจ แต่โรดส์ไม่สนใจแม้แต่น้อย

 

ย้อนกลับไปในเกม เหล่าผู้เล่นที่ฝ่าฝืนคำสั่งเพื่อเหตุผลต่างๆมีมากมาย เพราะว่าถ้าพวกเขาล้มเหลวและตาย พวกเขายังคงได้เกิดใหม่และกลับมาอีกเป็นรอบที่สอง

 

แต่กับแอนนั้นแตกต่างออกไป

 

สำหรับ NPC เมื่อตายไปแล้วคือจบกัน ใช่แล้ว แม้ว่าเธอจะทำหน้าที่ของเธอและยังคงเกี้ยวกราด แต่ท้ายที่สุด เธอยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีสายเลือดลูกครึ่งสัตว์ บางทีเธออาจจะตายไปแล้ว โรดส์เข้มงวดมากกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น

 

ดังนั้นถ้าทุกสิ่งดำเนินไปอย่างลงตัวล่ะ? ถ้าทุกคนทำหน้าที่ต่างๆตามใจตัวเอง แล้วจะมีหัวหน้าไว้เพื่ออะไร?

 

ทั้งไลซ์และชายชราวอร์คเกอร์พยยายามขอความเห็นใจให้กับแอน แม้แต่มาร์ลีนก็หวังให้โรดส์คิดใหม่อีกครั้ง ท้ายที่สุด โรดส์ก็ยังคงยืนยันคำเดิม

 

โชคดีที่โรดส์ลดหย่อนให้เธอได้เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะห้ามแอนออกไปข้างนอก แต่คนอื่นๆยังเข้าไปเยี่ยมเธอได้ ดังนั้นเธอจะไม่เหงาเกินไป โดยเฉพาะกับคนที่มีนิสัยแบบแอน เธอไม่สามารถนั่งจ้องมองท้องฟ้าและผืนหญ้าได้ทั้งวัน นั่นถือเป็นบทลงโทษที่ร้ายแรงมาก

 

หลังจากที่กลับมาจากสันเขาแห่งความเงียบ สตาร์ไลท์ได้เข้าสู่สถานะพักผ่อนชั่วคราว กลุ่มทหารรับจ้างอื่นเองก็เช่นกัน พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและจำเป็นต้องฟื้นฟูกำลังคน ก่อนที่พวกเขาจะรับภารกิจใหม่อีกครั้ง

 

แต่ข่าวที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้คือการก้าวกระโดดของสตาร์ไลท์ที่ขึ้นไปถึงอันดับที่ 3 ในการจัดอันดับ หลังจากที่จบภารกิจที่สันเขาแห่งความตาย สตาร์ไลท์มีคะแนนรวมทั้งหมด 9 แต้ม ทำให้พวกเขาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นรองเพียง เบิร์นนิ่งเบลดและดาร์คแฟงก์ ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายจากภารกิจก่อนหน้านี้

 

กลุ่มทหารรับจ้าง 2 อันดับแรก เบิร์นนิ่งเบลดและดาร์คแฟงก์ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเหล่าทหารรับจ้างในเขตภาฟิวด์ ทั้งคู่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะกลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งและเทียบชั้นได้กับพวกกิลด์

 

ไม่มีใครคิดว่านอกเหนือจากสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวนี้ จะมีคนที่สามารถกำชัยชนะกลับมาจากภารกิจที่ยากแสนยากจากสันเขาแห่งคววามเงียบได้ ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจเสร็จสิ้นด้วยคนเพียง 5 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น่าหัวเราะมากๆในภารกิจยากๆแบบนี้

 

ถ้าสตาร์ไลท์กระโดดขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ได้จากภารกิจนี้ภารกิจเดียว ก็อาจจะไม่มีใครตกใจมากนัก แต่เพราะสตาร์ไลท์ได้เข้าไปทำภารกิจช่วยเหลือและนั่นอาจจะไม่ได้พิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงมากนัก แต่ถ้าคนสักคนไปหาดูประวัติความสำเร็จของพวกเขา คนๆนั้นจะรับรู้ว่าพวกเขาได้สร้างปาฏิหาริย์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

เก็บกวาดสุสานพาเวล – 3 แต้ม

 

ภารกิจมือใหม่ เก็บพืชเวทมนตร์ – 1 แต้ม

 

ภารกิจช่วยชีวิตในสันเขาแห่งความเงียบ – 5 แต้ม

 

ทั้งสามภารกิจนี้ สองในสามเกี่ยวข้องกับอันเดดและเป็นภารกิจที่มีความเสี่ยงสูงมาก อย่างไรก็ตามสตาร์ไลท์สามารถจัดการพวกมันทั้งสองได้โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว

 

กลุ่มทหารรับจ้างมากมายรับภารกิจที่อันตรายน้อยกว่านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับสตาร์ไลท์ พวกเขาก็ยังเสียหายหนักอยู่ดี ลำพังทำภารกิจให้สำเร็จโดยมีชีวิตรอดกลับมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว

 

ข่าวลือของสตาร์ไลท์กระจายราวกับไฟลามทุ่ง มันมีการพูดคุยกับแม้กระทั่งใน 2 กลุ่มทหารรับจ้างอันดับต้นๆ แต่มันก็ไม่แปลก เบิร์นนิ่งเบลดและดาร์คแฟงก์มีประวัติมาอย่างยาวนาน พวกเขาจบภารกิจไปมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถยังคงอยู่ในอันดับของพวกเขาได้ ถ้าพวกเขาสนใจทำภารกิจ บางทีผลลัพธ์ที่ได้เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา

 

อีกด้านหนึ่ง แม้ว่าสตาร์ไลท์จะมีสมาชิกเพียงไม่กี่คน แต่พวกเขายังคงได้รับคำเชิญให้ไปจัดการภารกิจช่วยชีวิต ดังนั้นในสายตาของคนมากมาย พวกเขารู้สึกกว่าสตาร์ไลท์แข็งแกร่งกว่ากลุ่มทหารรับจ้างขนาดใหญ่ทั้งสองกลุ่มมาก

 

แต่โรดส์ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ หลังจากที่จัดการกับแอน เขาเก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องและเริ่มวาดบางสิ่งบนกระดาษ ปัจจุบัน เขาวุ่นอยู่กับภารกิจสำคัญมาก นั่นคือการวางแผนใช้แต้มสกิลนั่นเอง

 

แต้มสกิลเป็นแกนกลางที่สำคัญมากสำหรับผู้เล่น สำคัญว่า EXP และอุปกรณ์ต่างๆ นั่นเป็นเพราะแต้มสกิลไม่เพียงแต่สามารถปลดล็อคและอัพเกรดต้นไม้พรสวรรค์ได้ แต่มันยังสามารถเพิ่มความชำนาญของสกิลต่างๆมากขึ้น

 

แต่ละคลาสมี 3 ต้นไม้พรสวรรค์และในแต่ละรากต้องใช้แต้มสกิลอย่างน้อย 37-39 แต้มเพื่อทำให้ทั้งหมดเต็มและไม่มีอะไรให้เหลือให้อัพเกรด แต้มสกิลที่เหลือจึงจะนำไปใช้ในการอัพเกรดความสามารภของสกิล

 

มี 3 ทางที่ใช้ในการเพิ่มความชำนาญของสกิล วิธีทั่วไปที่สุดคือการใช้สกิลบ่อยๆ หลังจากที่ใช้มันครบ 100 ครั้งหรือ 1,000 ครั้ง ความชำนาญของมันจะเพิ่มมากขึ้น

 

อีกทางหนึ่งคือการหาหนังสือสกิลที่เกี่ยวข้องกับสกิลและอ่านมัน

 

วิธีสุดท้ายคือการใช้แต้มสกิลเพื่อเพิ่มความชำนาญของมันโดยตรง

 

ผู้เล่นพบว่าวิธีแรกนั้นเสียเวลาเป็นอย่างมาก วิธีที่สองเองก็กินเวลาเช่นกัน เพราะตัวหนังสือสกิลเป็นสิ่งที่ดรอปยากมาก ยิ่งเป็นหนังสือสกิลระดับสูงนั้นเรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่าพอๆกับอุปกรณ์ระดับโบราณ ดังนั้นผู้เล่นมากมายจึงคิดว่าวิธีที่สามเป็นวิธีที่สะดวกสบายกว่ามาก หลังจากเลื่อนระดับ พวกเขาจะได้รับแต้มสกิล ซึ่งพวกเขาสามารถใช้มันได้ตามต้องการ

 

แล้วผู้เล่นจะสามารถเพิ่มความชำนาญของสกิลไปพร้อมกับความสามารถของตัวเองได้อย่างไรล่ะ? มันเป็นไปได้ ดูอย่างเซเร็ค ตอนนี้ชำนาญของเขาอยู่ในระดับ A ถ้าผู้เล่นยินดีใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนสกิลเดียว มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสกิลนั้นๆโดยไม่จำเป็นต้องใช้แต้มสกิล แต่มีผู้เล่นคนไหนบนโลกที่จะอดทนใช้เวลาหลายต่อหลายปีในการฝึกฝนสกิลเดียวกัน?

 

เกือบทุกสกิลต้องจำนวนแต้มสกิลมหาศาลเพื่อทำให้พวกมันตัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าโรดส์ต้องการทำให้กระบวนท่าดาบเงาจันทร์ไปถึงระดับ M (ระดับสูงสุด) เขาจำเป็นต้องใช้อย่างน้อย 25 แต้มสกิลในการทำเช่นนั้น ดังนั้นการอัพเกรด 1 สกิลให้ไปถึงระดับสูงสุดนั้นสามารถทำให้ผู้เล่นอัพเกรดต้นไม้พรสวรรค์ได้เกือบทั้งหมด

 

ระบบนี้จึงค่อนข้างส่งผลรุนแรงต่อนักดาบอัญเชิญ ซึ่งสกิลของพวกเขามีระดับต่ำกว่าสกิลของพวกคลาสเดี่ยวๆ นั่นหมายความว่านักดาบอัญเชิญต้องใช้แต้มสกิลเพิ่มอีก 1 แต้มในทุกสกิล มันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยคุ้มค่า

 

ใน Dragon Soul Continent หลังจากที่ผู้เล่นไปถึงระดับสูงสุด เกมจะมอบรางวัลให้พวกเขาเป็นแต้มสกิลจำนวน 100 แต้ม อีกทั้งยังมีภารกิจพิเศษ อุปกรณ์ต่างๆมากมาย จำนวนแต้มสกิลทั้งหมดที่ผู้เล่นทั่วไปจะได้รับอยู่ราวๆ 200-300 แต้ม อย่างไรก็ตาม โรดส์มีราวๆ 500 แต้ม นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาอยู่ในจุดสูงสุด ด้วยแต้มสกิลที่เขามีมากกว่า เขาสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งและแสดงความชำนาญออกมาได้มากกว่าผู้เล่นคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนี้ กฎนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

เมื่อโรดส์สามารถเอาชนะอัศวินแห่งความตายได้ ระดับของเขาเลื่อนขึ้นไปที่ 16 เพราะอัศวินแห่งความตายเป็นบอสที่มีระดับสูงกว่าเขามากและเขาได้รับแต้มสกิล 7 แต้ม

 

โรดส์ใช้ 5 แต้มสกิลไปกับเสียงสะท้อนของวิญญาณและการหลอมรวมวิญญาณในพรสวรรค์ต้นไม้ของเขา จากนั้นเขาตั้งใจจะยกระดับกระบวนท่าดาบเงาจันทร์และกระบวนท่าดาบดาวตกซึ่งเป็น Rank C และ E ตามลำดับ  สำหรับแต้มสกิลที่เหลือ 5 แต้มนั้น เขาได้เก็บไว้ในภายหลัง

 

ถ้าทั้งหมดเป็นไปตามแผน ก่อนที่เขาจะไปถึงระดับ 100 เขาจะมีแต้มสกิลทั้งหมด 190 แต้ม

 

แต่นั่นเป็นหนทางอีกยาวไหลและสิ่งที่เขาต้องกังวลในตอนนี้คือปัญหาตรงหน้าเขา

 

โรดส์หยุดลากปากกาในมือของเขา

 

ถ้าผู้เล่นคนใดเห็นสิ่งที่เขาวาด ดวงตาของพวกเขาคงเบิกกว้าง บนกระดาษโรดส์ได้วาดแผนภาพความสัมพันธ์ของพรสวรรค์ต้นไม้ทั้งหมดของนักดาบอัญเชิญ จำนวนแต้มสกิลที่โรดส์ต้องใช้สำหรับกระบวนท่าดาบในปัจจุบัน พรสวรรค์ของเขาและสกิลของเขา โดยปราศจากคอมพิวเตอร์ เขาอ้างอิงจากความทรงจำของเขาและโรดส์จัดวางข้อมูลออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสมกับที่ได้ชื่อว่าหอสมุดเดินได้จริงๆ

 

ฉันควรเพิ่มอะไรดี?

 

เขากำลังจดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลตรงหน้า

 

ถ้าเป็นผู้เล่นคนอื่นที่ได้รับรางวัลมากมายขนาดนี้ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำคือการอัพเกรดพรสวรรค์ทั้งหมด ตอนแรกโรดส์อยากจะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อเขาครุ่นคิดช้าๆว่า….เขาต้องการทำแบบนั้นจริงๆเหรอ?

 

เขาต้องเข้าใจก่อนว่านี่ไม่ใช่เกม ถ้าย้อนกลับไปในเกม Dragon Soul Continent โรดส์อาจจะมีแนวคิดแบบเดียวกับผู้เล่นเพราะเขาจะเอาตัวเองไปลง PvP แต่ทว่าตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว ผู้คนที่นี่ไม่รู้ว่าแต้มสกิลและความชำนาญคืออะไร พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งคลาสนักดาบอัญเชิญ เนื่องจากพวกเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว โรดส์จึงไม่คิดจะวางแผนโดยการใช้แนวคิดแบบเดียวกับตอนยังเป็นผู้เล่น

 

ฮืมมม…ฉันควรเพิ่มรากหนึ่งให้เต็มไปเลยดีไหม? แต่มันจะเปลืองมากเกินไปเพราะตอนนี้แต้มไม่พอที่จะทำให้พวกมันตัน….

 

โรดส์ยังไม่คิดจะใช้แต้มไปในกระบวนท่าดาบเพราะเขายังไม่ได้ปลดล็อคกระบวนท่าดาบที่เขาอยากได้

 

เขาควรทำอย่างไรดี?

 

อันดับแรก เขาต้องคิดถึงสิ่งที่เขาอยากจะทำต่อไป โรดส์อยากจะเลื่อนระดับให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีเวลาเหลือไม่มาก เขาจำเป็นต้องฟาร์ม EXP อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทันใดนั้น แววตาของเขาทอประกายแวบ เขานึกถึงบางสิ่งได้ในอดีตเมื่อนานมาแล้วในกระดานข่าว มีผู้เล่นคนหนึ่งถามเขาเกี่ยวกับการอัพพรสวรรค์ของคลาสนักดาบอัญเชิญ ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆถามเรื่องที่สร้างสรรค์กว่านั้นเช่นการเพิ่มแต้มสกิล แต่ในตอนนั้น ด้วยข้อจำกัด เขาไม่ได้ตอบไป โรดส์เองจึงไม่ได้แนะนำอะไรเขาไป แต่ตอนนี้ ในโลกใบนี้ วิธีนี้ของเขาเป็นไปได้….

 

“ถ้าเขารวมคุณภาพเข้ากับปริมาณ…”

 

โรดส์เอนตัวพิงกำแพงและหลับตาลง ระบบพรสวรรค์ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขาและเขามุ่งความสนใจไปที่พรสวรรค์และต่อมาคือ ‘นักดาบอัญเชิญ’ ซึ่งนั่นคือ ‘ผู้ส่งสารวิญญาณ’

 

ระดับแรกของผู้ส่งสารวิญญาณ

 

[เกราะวิญญาณ (เมื่อวิญญาณอัญเชิญถูกเรียกออกมา จะได้รับการป้องกันจากเกราะวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะป้องกัน 10%,20%,30%)]

 

[สามเป็นหนึ่ง(เมื่อมีวิญญาณอัญเชิญ 1 ตัวหรือมากกว่า คุณสมบัติของวิญญาณเพิ่มขึ้น 5%,10%)]

 

[ผู้ติดตามเงา (อนุญาตให้ผู้อัญเชิญมีธาตุเดียวกับวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะโจมตี 30%,60%,90%)]

 

เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว!!

 

โรดส์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เชสลืมตาขึ้นมาและมองไปที่หน้าต่างข้อมูลอีกครั้ง จากนั้นเขาสงบจิตใจลงและยื่นมือออกมาเปิดไปที่พรสวรรค์ต้นไม้ที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา ไม่นาน ระบบแจ้งเตือนดังขึ้น

 

[ใช้ 1 แต้มสกิลเพื่อปลดล็อคพรสวรรค์ที่ถูกเลือก —- ผู้ส่งสารวิญญาณ]

 

โรดส์รู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อย หลังจากนั้นความอบอุ่นแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา

 

[ปลดล็อคระดับแรกของพรสวรรค์ผู้ส่งสารวิญญาณ: เกราะวิญญาณ (เมื่อวิญญาณอัญเชิญถูกเรียกออกมา จะได้รับการป้องกันจากเกราะวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะป้องกัน 10%)]

 

[ได้รับสกิล: เกราะวิญญาณ Lv.1]

 

[ใช้ 1 แต้มสกิลเพื่อเลื่อนระดับเกราะวิญญาณ Lv.2 (เมื่อวิญญาณอัญเชิญถูกเรียกออกมา จะได้รับการป้องกันจากเกราะวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะป้องกัน 20%)]

 

[ใช้ 1 แต้มสกิลเพื่อเลื่อนระดับเกราะวิญญาณ Lv.3 (เมื่อวิญญาณอัญเชิญถูกเรียกออกมา จะได้รับการป้องกันจากเกราะวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะป้องกัน 30%)]

 

ดีล่ะ!

 

โรดส์บีบกำปั้นขึ้นมาอย่างดีใจ แต่เขายังไม่หยุด

 

[ปลดล็อคระดับแรกของพรสวรรค์ของผู้ส่งสารวิญญาณ: ผู้ติดตามเงา Lv.1 (อนุญาตให้ผู้อัญเชิญมีธาตุเดียวกับวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะโจมตี 30%,60%,90%)]

 

[ได้รับสกิล: ผู้ติดตามเงา Lv.1]

 

[ใช้ 1 แต้มสกิลเพื่อเลื่อนระดับผู้ติดตามเงา Lv.2 (อนุญาตให้ผู้อัญเชิญมีธาตุเดียวกับวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะโจมตี 60%)]

 

[ใช้ 1 แต้มสกิลเพื่อเลื่อนระดับผู้ติดตามเงา Lv.3 (อนุญาตให้ผู้อัญเชิญมีธาตุเดียวกับวิญญาณ เพิ่มค่าสถานะโจมตี 90%)]

 

โรดส์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เขายืนขึ้นและมองไปยังมือขวาของเขา เมื่อส่งความคิดไป การ์ดสีดำปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา

 

วืดดดดด!! การ์ดในมือของเขาถูกทำลายและกลายเป็นหมอกสีดำ มันหมุนรอบนิ้วมือของเขาและเข้าห่อหุ้มตัวโรดส์ในพริบตา จากนั้นเมื่อโรดส์ลืมตาขึ้นมา มีแสงสีแดงทอประกายอยู่ในแววตาของเขา

 

หอกความมืดที่อยู่ในมือขวาและมือซ้ายของเขา การ์ดสีดำที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนได้ปรากฎขึ้น ในเวลาเดียวกัน บาเรียสีฟ้าโปร่งใสปกคลุมร่างของโรดส์

[สกิลใช้งาน: เกราะวิญญาณ Lv.3]

 

[สกิลใช้งาน: ผู้ติดตามเงา Lv.3]

Summoning the Holy Sword

Summoning the Holy Sword

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 51 อ่านนิยาย ตอนที่ 52 – 53 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


โรดส์ หัวหน้ากิลด์ระดับตำนานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกม VRMMO : Dragon Soul Continent เพื่อรับมือกับการตายของน้องสาวสุดที่รัก เขาจึงเข้ามาใช้เวลาอยู่ในเกมส์นานถึง 7 ปี ในช่วงเวลานั้นโรดส์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเขาผ่านการเล่นเกม แต่สุดท้ายหัวใจของเขาต้องมาแตกสลายอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินว่าพ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเครื่องบินตก

หนึ่งเดือนหลังจากอุบัติเหตุ เขาได้ตัดสินใจออกจากเกมและกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ก่อนจะไป โรดส์ตัดสินใจต่อสู้กับบอสที่ทรงพลังที่สุดในเกมพร้อมกับกิลด์ของเขา ท้ายที่สุด เขาสามารถเอาชนะบอสได้แต่ต้องแลกด้วยตัวละครของเขา โรดส์ยิ้มให้เขาตัวละครของเขาที่ถูกลำแสงสลายไป อย่างไรก็ตามแทนที่จะกลับไปที่ลานเกิดใหม่….

Options

not work with dark mode
Reset