เมื่อรู้ว่าตัวเองได้ย้อนกลับมาสิบขวบอีกครั้ง ผมก็คิด
“เพื่ออะไร”
สมมติว่ามีคนคนหนึ่งที่ไม่เคยนึกเสียใจอะไรในชีวิตตัวเองเลย คนนั้นอาจจะเป็นคนที่มีความสุขมาก หรือไม่ก็เป็นคนโง่มาก เพราะแปลว่าอาจจะใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ไม่มีอะไรให้นึกย้อนอีก หรือไม่ก็ไม่มีสมองให้นึกย้อนอะไรเลย
ผมเป็นอย่างแรก ผมรู้ว่าอาจจะลำเอียงสักหน่อยเพราะพูดถึงตัวเอง ผมเป็นคนที่มีความสุข สนุกกับชีวิตมาก ๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว มีแฟนที่แสนดี เพื่อนก็แสนดี ครอบครัวแสนสุข ไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลย
ก็อาจจะมีอย่างตรงที่ว่าสนุกกับการใช้ชีวิตเสียขนาดนั้นจนนอนน้อยกว่าหกชั่วโมงแล้วรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด เพราะรู้ว่าตื่นมายังไงก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ อยู่แล้ว เลยยังอยู่ต่อไม่ยอมนอนสักที กลายเป็นว่าการนอนเนี่ยคือข้อเสียอย่างหนึ่งของชีวิตไปเสียแล้ว
และสำหรับผมที่ใช้ชีวิตมาอย่างดีขนาดนั้น การได้รับโอกาสให้ได้แก้ไขชีวิตอะไรแบบนี้ก็เป็นได้แค่อะไรที่น่ารำคาญ โอกาสแบบนี้ควรจะเอาไปให้คนที่สิ้นหวังกับชีวิตแล้วเสียมากกว่า คงจะมีคนอีกมากมายที่ไม่ขัดข้องอะไรถ้าจะต้องใช้ชีวิตตั้งแต่สิบขวบไปจนยี่สิบปีอีกครั้ง
โอกาสมักมาหาคนที่ไม่ได้คาดหวังถึง ไอ้พระเจ้าอะไรก็คงเป็นคนขวางโลกนั่นแหละ ถ้าลองเปิดโทรทัศน์ดูหน่อยก็จะเห็นว่าความคิดที่ว่า “พรสวรรค์อย่างเดียวไม่พอ” นั้นโกหกทั้งเพ พูดไปก็อาจเหมือนหาเรื่องตกนรกไปหน่อย แต่พระเจ้าน่ะคงไม่รู้จักคำว่า “เท่าเทียม” เลย
พอได้ประสบกับความขวางโลกของพระเจ้าด้วยตัวเองก็เลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนั้นน่ะนะ ผมก็พอใจแล้วละกับชีวิตแรกของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้อยากจะแก้ไขอะไรในชีวิตที่สองนี้เลย—
เพราะงั้น ก็ใช้ชีวิตครั้งที่สองนี้ให้เหมือนกับครั้งแรกนั่นแหละ
คิดไว้ว่าอย่างนั้น
อันที่จริงผมเองก็คงเป็นขวางโลกพอ ๆ กับไอ้พระเจ้านั่นละมั้งที่ไม่ยอมทำตามที่จะให้แก้ไขข้อผิดพลาดอะไรในชีวิตแรกนั่น ผมจะใช้ชีวิตทุกอย่างให้เหมือนเดิม
ทำให้ที่ส่งย้อนมาสิบปีนี่เสียเปล่าโดยสิ้นเชิง
ผมพอจะจำได้ลาง ๆ ว่าจากนี้จะมีเหตุการณ์ ภัยพิบัติ อันตราย หรือความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็จะปิดปากเงียบไว้ เพราะยังไงถ้าได้พูดแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปสุดที่ตรงไหน และอีกอย่าง แค่ตอนนี้ก็มีพวกบ้า ๆ ที่บอกว่า “มาจากอนาคตและรู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เยอะแล้ว คงไม่มีใครมาเชื่อที่ผมพูดอีกหรอก ขืนทำไปก็โดนจับเข้าโรงพยาบาลบ้าเปล่า ๆ
ก็จริงอยู่ที่ต้องช่วยคนที่พอจะช่วยได้ แต่ว่าตามตรง ผมไม่มีใครให้สนใจพอจนต้องยอมเสียสละความสุขของตัวเอง คนที่ยอมเสียสละตัวเองมีอยู่แน่ละ แต่ที่เขาทำก็เพราะความอิ่มใจที่ได้จากการกระทำนั้นได้มากกว่าสิ่งที่ต้องเสียไป ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาความสุขของตัวเองมาก่อนอยู่ดี
ประเด็นคือสิ่งใดที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุดได้ และสำหรับผม ความสุขที่ว่าก็คือ “การที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ผมก็อยากจะใช้ชีวิตครั้งที่สองนี้ให้เหมือนครั้งแรกก็พอ คนที่ย้อนเวลาแล้วไม่ต้องการอะไรมากมายคงหายากทีเดียว ถือว่าน่าชื่นชมเหมือนกันนะ