“เราอยู่ที่ไหนฉันอยากกลับบ้าน…” เพื่อนนักเรียนหญิงบางคนร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้
“แท่นบูชาห้าสีอีกแห่ง…”
ผังป๋อและเย่ฟ่านยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองชำเลืองมองกันและกัน แล้วส่ายหัวอีกครั้ง พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ตอนนี้ทั้งคู่รู้สึกว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ ทุกตัวแปรอาจส่งผลให้พวกเขาได้รับอันตราย
และในเวลานี้คนอื่นๆก็เพ่งมองไปที่ดินแดนอันรกร้างว่างเปล่าด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกและเป็นกังวล
โลงศพทองแดงขนาดใหญ่ทรุดตัวอยู่ข้างหลังพวกเขา และใต้โลงศพทองแดงมีแท่นบูชาหินห้าสีที่งดงามคล้ายกับแท่นบูชาขนาดยักษ์ที่พบในเขาไท่ซาน
แท่นบูชาหินห้าสีครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มาก แท่นบูชานี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มาก แต่มันกลับจมลงไปใต้พื้นดินนั่นแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาอันยาวนานที่มันดำรงอยู่
ไม่เพียงแค่โลงศพทองแดงขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนแท่นบูชา แต่ยังมีซากมังกรขนาดใหญ่เก้าตัวก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน คุณสามารถจินตนาการถึงความงดงามของแท่นบูชาหินห้าสีได้
“เราหลงทาง หาทางกลับไม่พบ”
เพื่อนนักเรียนหญิงที่เปราะบางร้องไห้ออกมาหากว่าไม่มีใครประคองเธออยู่บางทีเธออาจจะล้มลงไปแล้ว
หลายคนหน้าซีด ในตอนนี้ทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้ และภาพตรงหน้าก็เหมือนกับโลกที่แปลกประหลาด พวกเขาไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
“อย่าตกใจ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็มีทางแก้” เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง
“จะแก้ยังไง เราจะกลับยังไง จะ … ออกจากโลกที่แปลกประหลาดนี้ได้อย่างไร”
แม้ว่าเสียงของเพื่อนนักเรียนชายบางคนก็กำลังสั่นคลอนอยู่ในขณะนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวและความไม่สบายใจอย่างแรง
พวกเขามาถึงดินแดนรกร้างไร้ผู้คนที่ไม่ใช่โลกใบเดิมของพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร
เย่ฟ่านและผังป๋อหลีกเลี่ยงซากมังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้าตัวและเดินไปข้างหน้า อยากเห็นสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียง
หลี่เสี่ยวม่านอยู่ไม่ไกลดูเหมือนเย็นชาเล็กน้อย ใบหน้างดงามซีดเซียวไปหมดแต่ก็ยังดูสงบมาก เหมือนดอกบัวงามผลิบานในความมืด
เย่ฟ่านถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองแล้วส่งต่อให้เธอ แต่เธอเพียงแค่กล่าวขอบคุณ แล้วส่ายหัวและปฏิเสธ
เย่ฟ่านไม่พูดอะไรมาก เขาสวมเสื้อคลุมของเขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับผังป๋อ พวกเขาข้ามศพมังกรขนาดใหญ่และโลงศพทองแดงเพื่อไปอีกฝั่งหนึ่ง
พวกเขาเห็นว่าแคปิต้าเพื่อนชาวอเมริกันของหลี่เสี่ยวม่านกำลังสังเกตสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียงและส่งเสียงอุทาน “พระเจ้า” ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
มีหินก้อนใหญ่อยู่ไม่ไกลจากแท่นบูชาหินห้าสี มันมีความสูงมากกว่า 20 เมตร แต่ไม่ชันมากและสามารถปีนขึ้นไปได้
เย่ฟ่านสูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเก้า(ไม่รู้จะประมาณทำไม) แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูเรียบๆแต่ในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่ป่าเถื่อนพอสมควร ในช่วงที่เรียนอยู่เขาอยู่ในชมรมรักบี้และเป็นถึงกัปตันทีม
ผังป๋อมีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่แต่ไม่อ้วน เขาแข็งแรงมากแค่แขนข้างเดียวของเขาก็หนากว่าขาของคนทั่วไปแล้ว
ทั้งสองมีร่างกายที่ยอดเยี่ยม พวกเขาจึงสามารถปีนขึ้นไปบนก้อนหินก้อนใหญ่นั้นได้อย่างง่ายดาย
เมื่อยืนบนก้อนหินและมองออกไปไกลๆพวกเขาก็เห็นแสงจางๆ ส่องออกมาจากความมืด ซึ่งทำให้ทั้งสองคนประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเราไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว”
เมื่ออยู่ด้วยกันกับเพื่อนรักเย่ฟ่านจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเขาถูกระบายออกมา
“แค่มองดูก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่โลกของเรา”
“นี่ไม่ใช่โลกของเราจริงๆ”
แม้ว่าผังป๋อจะมีสีหน้าเรียบเฉยไร้กังวลแต่เมื่อมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเขาก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
“เจ้าคิดว่าโลกนี้มีเทพเจ้าหรือเปล่า”
เย่ฟ่านยังจ้องมองไปที่แสงที่ลุกโชนอยู่ไกลๆ โดยกล่าวว่า
“มังกรก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกสักนิด”
“สิ่งมีชีวิตของโลกนี้จะเป็นแบบไหนกันนะ” ผังป๋อกระซิบ
แคปิต้าที่ปีนขึ้นมาด้วยกันก็ส่งเสียงตะโกนไม่หยุด
“โอ้พระเจ้าผู้ทรงเมตตา … นั่นคือแสงนำทางของพระองค์หรือเปล่า”
เขาพูดเป็นภาษาจีนที่ไม่ค่อยคล่องจากนั้นหันหลังกลับและโบกมือให้หลี่เสี่ยวม่านในฝูงชน
“ฉันเห็น … ไบรท์!” จากนั้นเขาก็ปีนจากก้อนหินเพื่อให้ขึ้นไปสูงกว่านี้
เสียงตะโกนของเขาทำให้เกิดความสับสนขึ้นในทันใด และหลายคนก็วิ่งมาที่นี่
ผังป๋อมองไปที่หลี่เสี่ยวม่านและเคด(หลังจากนี้ต้นฉบับจะใช้ชื่อนี้ตลอด) จากนั้นก็หันมาพูดกับเย่ฟ่านว่า
“ปีศาจต่างชาติเป็นแฟนเสี่ยวม่านหรือเปล่า”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง”
“ยอมแพ้แบบนี้จริงๆเหรอ” ผังป๋อเหลือบมองเขา
“บางสิ่งแม้เริ่มต้นจากศูนย์ได้ แต่ก็ยากที่จะหวนคืนสู่จุดเดิม คนเราไม่ควรยึดติดกับอดีตเราควรมองไปข้างหน้า “เย่ฟ่านแล้วดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้จึงหันมายิ้มและกล่าวว่า
” แล้วนายล่ะเลิกใช้ชีวิตกลางคืนหรือยัง “
“นั่นมันชีวิตของฉันฉันจะเลิกได้ยังไง”
พูดจบพวกเขาก็หัวเราะออกมา ในเวลานี้คงมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ยังสามารถผ่อนคลายในสถานการณ์แบบนี้ได้
เพื่อนร่วมชั้นหลายคนปีนขึ้นมาบนก้อนหินแล้วมองไปยังแสงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของดินแดนรกร้าง
แสงสลัวราวกับหิ่งห้อยแวบวับ ทะลุผ่านพื้นที่มืดครึ้มมาถึงดวงตาของทุกคน แม้แสงระยิบระยับพวกนี้จะมีขนาดเล็กแต่มันก็จุดประกายความหวังให้กับพวกเขา
แสงมันอยู่ข้างหน้าแม้ว่ามันอาจจะเป็นอันตรายต่อพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องไปเพราะบางทีที่นั่นอาจจะเป็นชุมชนของสิ่งมีชีวิต
“อย่าทำให้เราผิดหวัง”
“หวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น”
หลายคนเริ่มสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้า
“ทุกอย่างที่นี่แปลกมากสำหรับเรา แม้ว่าจะมีแสงอยู่ข้างหน้าก็ควรระมัดระวัง” หวังจื่อเหวินระมัดระวังมากขึ้นและกล่าวเสนอแนะออกมา
โจวยี่สงบมาก เขาพยักหน้าและพูดว่า
“ใช่ พวกเราควรส่งทีมสำรวจออกไปก่อนเพื่อป้องกันอันตรายกับคนหมู่มาก ดังนั้นขออาสาสมัครด้วย”
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าไม่ควรจะเดินทางไปข้างหน้าพร้อมกันทั้งหมดเพราะมันอาจจะมีอันตรายเกินไป
“บูม”
ทันใดนั้น เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นและโลงศพทองแดงบนแท่นบูชาห้าสีก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรจะออกมาจากโลงศพนั่น” เพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่ใกล้กับโลงศพทองแดงพูดด้วยเสียงสั่นสะท้าน
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีโลงศพทองแดงอีกอันอยู่ในโลงศพทองแดงขนาดใหญ่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าภายในโลงศพทองแดงที่เล็กกว่านั้นมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่