ในฐานะที่เป็นผู้มาจากต่างโลกอันทรงเกียรติ เขาเคยอ่านนิยายแนวตัวเอกถูกส่งไปต่างโลกมามากมาย เพราะงั้นวู่หยานถึงเข้าใจความเป็นจริง!
ผู้ที่มาจากต่างโลกเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ และในเมื่อมาจากต่างโลกก็หมายความว่าเป็นพระเอก ดังนั้นเอ็งต้องมีพลัง! ไม่งั้นก็เป็นได้แค่ตัวประกอบกากๆ!
ไม่ว่าเอ็งจะโดนส่งมาแบบวิญญาณ มาเป็นตัวเลย หรือส่งมาแบบเกิดใหม่ ไม่ว่าแบบไหนท้ายสุดแล้วเอ็งก็ต้องมีไฝ่หาพลัง!ถึงจะเป็นราชันย์ที่แท้จริง!
แน่นอนว่ามันต้องมีกรณีพิเศษอยู่ด้วย……
บางคนอาจจะโดนส่งมาต่างโลกพร้อมพรจากพระเจ้า ทำให้เอ็งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกตั้งแต่แรก แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นนะสิ! เพราะงั้นวู่หยานถึงโหยหาพลัง!
ถึงแม้ว่าวู่หยานจะสามารถเก็บออมแต้มอัญเชิญ แล้วจากนั้นก็ซัมมอนสามน้อย2Dที่โครตOPมาสนับสนุนตนก็ได้ ให้พวกเธอพิชิตโลกให้ ขณะที่เขานั่งจิบชารออย่างสบายใจ
ถึงแม้พูดเหมือนง่าย จริงๆมันติดตั้งแต่เขาไม่มีแต้มอัญเชิญมากขนาดนั้นอยู่แล้วล่ะนะ แต่เหตุผลหลักคือการที่ต้องหลบอยู่หลังผู้หญิง ให้พวกเธอออกหน้าปกป้องตัวเอง ขอโทษทีเถอะตูรับไม่ได้โว้ยยยย!!!
ดังนั้น ไม่ว่าจะเงินตราจะดีแค่ไหน หรืออำนาจมันจะเย้าเยวนเพียงใด แต่มันก็เทียบไม่ได้กับพลัง!
แน่นอนว่าถึงแม้วู่หยานจะไฝ่หาพลังมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางหันเข้าไปด้านมืดแน่นอน ถ้าเจ้ากล่องนี่มันหลอกเขาหรือให้พลังชั่วๆมา วู่หยานก็ไม่ลังเลที่จะฟันมันอย่างไม่เสียใจ!
นอกจากวู่หยาน สายตาของฮินางิคุกับมิโคโตะต่างก็จดจ้องอยู่ที่ กล่อง ‘พลัง’
ไม่ต้องพูดถูงมิโคโตะเลย เธอเป็นคนที่ใชอบยอมแพ้คนอื่นอยู่แล้ว ในเมืองแห่งการศึกษาเธอก็เป็นถึงเลเวล5ที่อยู่เหนือผู้คนหลายล้าน แถมเธอยังชอบไปท้าคนอื่นต่อสู้อยู่บ่อยๆด้วย ถึงแม้มิโคโตะจะไม่ได้แคร์พลังมากมายอะไร แต่เทียบกับอำนาจและเงินตรา พลังมันดึงดูดเธอได้มากกว่า
แต่ว่ามิโคโตะในตอนนี้ได้มีเหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้นแล้ว นั่นก็คือช่วยเหล่าน้องสาว เพราะยังไงซะถ้าไม่ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งแล้วเธอจะไปช่วยน้องสาวได้ยังไงล่ะจริงมั้ย?
และสำหรับฮินางิคุ เธอเองก็คิดเหมือนกับอีกสองคนว่า พลังมันสำคัญมากกว่าอำนาจและเงินทอง
ดังนั้นตอนนี้หนึ่งหนุ่มสองสาวจึงพอกันจดจ้องกล่องที่เขียนว่าพลังกันอย่างไม่วางตา ส่วนอิคารอส รายนั้นกำลังยืนนิ่งๆอยู่ด้านข้าง สำหรับอิคารอสแล้วนอกจากแตงโมก็คงไม่มีอะไรที่จะดึงดูดความสนใจเธอได้เลยล่ะมั้ง….?
แล้วลิลิน? หลังจากถูกความจริงที่ว่าไม่มีสมบัติตีแสกหน้าเข้า เธอก็หันเหความสนใจไปที่ลูกคริสตัลซึ่งเปร่งกระกายแสงงดงาม มากกว่ากล่องแข็งๆที่ดูไม่น่ารักเลย……
“มาเปิดมันกันเถอะหยาน แล้วลองดูของข้างไหนกัน….”
มิโคโตะที่กำลังคึกคักอยากดูว่าจะมีอะไรอยู่ข้างไหนกล่อง ในมือเธอปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา นี่ทำให้วู่หยานคิดในใจ ‘เฮ้ๆ เปิดกล่องธรรมดา มันจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าด้วยเหรอไง?…..’
แน่นอนว่า ถึงแม้ในใจจะตบมุขไป แต่เขาก็คาดหวังกับกล่องพวกนี้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน
ขยับมือเปิดไปที่กล่อง ‘พลัง’ และเมื่อเห็นของข้างในวู่หยานก็อึ้งไป
“แหวนเหรอ?” ฮินางิคุกับมิโคโตะพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่มองดูแหวนโบราณสีดำสนิท
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…..” หยิบแหวนขึ้นมา แล้วเขย่ามันไปมา
“น่าจะเป็นแหวนมิติ……”
“ดูเร็วเข้า ข้างไหนมันมีอะไรกันแน่” มิโคโตะรู้สึกอยากรู้แบบสุดๆ ว่าข้างในแหวนมันมีอะไร ที่ถึงขนาดโม้ว่าทำให้คนที่ครอบครองแหวนนี้จะมี ‘พลังอันเป็นที่สุดของโลกใบนี้’
อยู่ๆวู่หยานก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าตามแนวของโลกนี้ของข้างในแหวนก็คงหนีไม่พ้นของจำพวกไอเท็มเร่งความเร็วในการบ่มเพาะพลัง วัตถุดิบหายาก วิชายุทธ์อันทรงพลัง สมบัติสวรรค์ หรือไม่ก็ยุทธภัณฑ์โหดๆ
แต่ไอ้คำพูดที่ว่า ‘พลังอันเป็นที่สุดของโลกใบนี้’ เป็นอะไรที่กระตุ้นความสนใจของวู่หยานได้ สมบัติสวรรค์ วิชายุทธ์ หรือยุทธภัณฑ์อะไรที่มันจะช่วยให้คนได้โหดถึงขนาดนั้นอยู่ในด้วยเหรอ?
ทว่าวินาทีต่อมา ใบหน้าวู่หยานก็แข็งค้าง เขาก้มหน้าลงต่ำทำให้ผมร่วงลงปิดดวงตา ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเห็นสีหน้าเขา แต่พวกเธอสามารถเห็นออร่าความไม่พอใจแผ่ออกมาจากตัวเขาได้อย่างชัดเจน……
“หยาน…” แม้แต่คนนิสับห้าวๆกล้าหาษอย่างพี่สาวเรลกันและท่านประธาน ในเวลานี่เองยังต้องค่อยๆพูดอย่างระมัดระวัง พวกเธอยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอรู้สึกกลัววู่หยาน
ออร่าดำมืดของวู่หยานหายไปในพริบตา เขาเงยหน้าขึ้น ขณะตายังคงมองแหวนในมือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แน่นอนว่าถ้าคุณทำเป็นมองไม่เห็นเส้นเลือดที่ปูดบวมบนหน้าผาก井เขาอ่ะนะ
“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าข้างในมันจะว่างเปล่า?”
สองสาวที่คุ้นเคยกับวู่หยาน จึงรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องโดนอะไรบางอย่างสะเทือนใจมา ไม่งั้นไม่มีทางเป็นแบบนี้…..
“ไม่เป็นไรหรอก….” สูมลมหายใจเข้าลึก วู่หยานจึงใจเย็นลง แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่มือยังกำแหวนไว้
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าข้างในมันว่างเปล่ารึเปล่า เป็นเพราะ..ฉันเปิดไอ้แหวนบัดซบนี่ไม่ได้!”
“เปิดไม่ได้?” ในที่สุดสองสาวก็เข้าใจว่าทำไมวู่หยานถึงได้หัวเสียขนาดนี้
“ทำไมเปิดไม่ได้ล่ะ?”
“ใช่ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเปิดไม่ได้” วู่หยานพูดออกมาขณะที่ขบฟันแน่น เขามองแหวนในมือเขม็งราวกับอยากจะกลืนมันลงท้องให้รู้แล้วรู้รอด นี่ทำให้ฮินางิคุกับมิโคโตะตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกไป
ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง วู่หยานพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ปาไอ้แหวนเน่าๆนี่ทิ้ง จากนั้นเขาก็หันไปมองอีกสองกล่อง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
ในเมื่อแหวน ‘พลัง’ มันเปิดไม่ได้ แล้ว ‘อำนาจ’ กับ ‘ทรัพย์สมบัติ’ ล่ะ?
อย่าบอกนะว่า……
คิดถึงตรงนี้วู่หยานก็สั่นทันที รีบเอื้อมมือเข้าไปเปิดกล่อง อย่างที่คิดเลยมีแหวนสองวงสีขาวกับสีทองอยู่ข้างในกล่อง
มองดูแหวนทั้งสอง วู่หยานหยิบมันขึ้นมา จากนั้นไม่นาน เขาก็เงียบไป
“นี่อย่าบอกนะว่า แหวนมิติสองวงนั้นก็เปิดไม่ได้น่ะ….”
ฮินางิคุพูดถึงตรงนี่ วู่หยานก็ระเบิดออร่าโกรธออกมา ทำให้ฮินางิคุหุบปากทันที แล้วไปยืนอยู่ข้างหลังมิโคโตะอย่างว่าง่าย นี่ทำให้มิโคโตะยิ้มแห้งๆออกมา
อยากร้องไห้ แต่มันไม่มีน้ำตา…..
ดี ห้องหินที่ไม่มีสมบัติ เขายังพอรับได้…
แต่ทำไมถึงได้วางไอ้กล่องเชี่ยนี้ไว้? แถมยังอธิบายไว้ซะอลังการ แต่พอเอาเข้าจริงกลับเปิดไม่ได้ซะงั้น!?
นี่เอ็งคิดจะเยาะเย้ยพวกเราใช่มั้ย?
วู่หยานเงยหน้ามองฟ้า(เพดาน)แล้วถอนหายใจ ในใจคิดอยากจะเอาปืนไประเบิดสมองเจ้าของกล่องพวกนี้ แต่ทว่าหลังจากนี้อีกนาน นานมากๆ ตัววู่หยานในอนาคตจะอยากจูบคนที่ทิ้งแหวนไว้ให้สักสองสามฟอด……
วู่หยานพูดไม่ออก เขารู้สึกเสียใจจริงๆ หันไปมองฮินางิคุกับมิโคโตะที่กำลังพูดคุยกับเสียงเบาด้วยหัวข้อที่ว่า ต้องทำยังไงวู่หยานถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
บทสรุปที่ได้คือ ให้มิโคโตะช็อตวู่หยานสักสองสามครั้ง…..
สองสาวพยักหน้าให้กัน จากนั้นขณะที่มิโคโตะกำลังเตรียมปล่อยกระแสไฟฟ้า ฮินางิคุที่บังเอิญหันไปมองข้างในกล่อง ทันใดนั้นดวงตาเธอก็เปล่งกระกายวิบวับ รีบอ้าปากตะโกนเรียกวู่หยาน
“หยาน! มาดูนี่เร็ว! ข้างในกล่องมีตัวอักษรสลักไว้ด้วย!”
“ห๊ะ? มีตัวอักษร?” สติเขาถูกเสียงเรียกของฮินางิคุดึงกลับมาจากความเศร้า วู่หยานมองเข้าไปในกล่อง ‘อำนาจ’ จากนั้นเขาก็ช็อคไป
‘ถึงบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ แหวนวงนี้ไม่สามารถทำลายได้ และยังไม่ใช่แหวนมิติ แต่คนที่มีแหวนวงนี้จะสามารถควบคุมจักรวรรดิไอย์ลูได้ จักรวรรดิไอย์ลูจะเป็นของเจ้า!’
วู่หยาน ฮินางิคุ กับ มิโคโตะหันมามองหน้ากันและกันด้วยแววตาว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนไม่เชื่อที่ข้อความว่ามา ที่สามารถครอบครองจักรวรรดิไอย์ลูได้ขอเพียงแค่มีแหวนนี่
“ในเมื่อกล่องนี้ยังมีข้อความทิ้งไว้ งั้นกล่องอื่นก็น่าจะมีด้วย ลองดูกัน….”
หลังจากไม่สามารถหาความหมายจริงๆที่ข้อความว่ามาได้ วู่หยานจึงยอมแพ้ที่จะใช้เซลล์สมองคิดไปมากกว่านี้ จากนั้นเขาก็หันไปมองกล่องอื่น โดยเริ่มจากกล่อง ‘พลัง’
‘ถึงบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ แหวนวงนี้เป็นแหวนมิติ ตราบใดที่เจ้าสามารถเปิดมันได้ สิ่งที่อยู่ข้างในจะทำให้เจ้าสามารถอยู่เหนือกว่าผู้คนทั้งหมดบนโลกใบนี้! ส่วนวิธีเปิด จงไปหา ราชาแห่งจักรวรรดิไอย์ลู เขาจะบอกเจ้าทุกอย่าง!’
“ให้ไปหาราชา?” วู่หยานไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาอธิบายอารมณ์ความรู้สึกณตอนนี้ของตนดี เขาได้แค่แอบตบมุขในใจแล้วจึงหันไปมองกล่อง ‘ทรัพย์สมบัติ’
‘ถึงบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ ต้องการสมบัติของข้าน่ะเหรอ? ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ! ไปหาเอาเลย! กุญแจน่ะ ข้าเอาสมบัติทั้งหมดไปทิ้งใว้ในแหวนวงนี้แล้ว!’
“……….”
“ระบบ เอ็งแน่ใจนะว่านอกจากฉันแล้วไม่มีคนที่มาจากต่างโลกคนอื่นอีก?”
“ยูสเซอร์ ระบบมีเพียงแค่หนึ่ง และมีเพียงแค่ระบบที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนจากต่างมิติหรือโลกอื่นได้ ดังนั้นยกเว้นแต่ตัวยูสเซอร์เองแล้ว ก็จะไม่มีทางมีผู้ข้ามมิติคนอื่นอีก!”
“งั้น แกช่วยบอกฉันทีสิว่าทำไม ลุงราชาโจรสลัด โกล์ด ดี โรเจอร์ ถึงได้ข้ามมิติมาอยู่โลกซิลวาเรียได้ฟะ!”
หลังจากถามระบบไป มันก็ตอบกลับมาว่า เป็นเพราะฮินางิคุไม่มีอบิลิตี้ไว้ป้องกันตัวเลย ดังนั้นระบบเลยช่วยยกระดับชิโระซากุระให้
แต่ทว่าวู่หยานไม่ได้ตื่นเต้นดีใจเหมือนสองสาวตรงหน้า ตรงกันข้ามเขากำลังขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหวาดระแวง!
ประสบการณ์มากมายในอดีตได้สอนเขามาว่า ระบบมันเป็นสิบแปดมงกุฎ! เป็นจอมตอแหล! มันไม่มีทางใจดีแบบนี้แน่!
ดังนั้น บทสนทนาปัญญาอ่อน ในมุมมองของคนอื่นจึงเริ่มต้นขึ้น…..
“ระบบ เอ็งแน่นะว่าเป็นเพราะฮินางิคุอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเลยช่วยอัพเกรดชิโระซากุระให้น่ะ?”
“ถูกต้อง!”
“ไม่จำเป็นต้องให้ฉันจ่ายคืน? อย่างเช่นแต้มอะไรพวกนี้…..”
“นี่คือการตัดสินใจส่วนตัวของระบบ ดังนั้นยูสเซอร์ไม่จำเป็นต้องจ่าย!”
“หรือฉันต้องจ่ายด้วยอย่างอื่น?”
“ไม่!”
“แน่นะ?”
“แน่!”
“เอ็งไม่ได้กำลังวางแผนลับหลังอะไรไว้ใช่มั้ย?”
“ยูสเซอร์ โปรดอย่าได้ใส่ร้ายระบบ! ระวังระบบจะฟ้องร้องกลับ!”
“ฟ้องร้องน้องสาวแกสิ! ฮึ่ม เอาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเอ็งจะฟ้องร้องยังไง!”
“ยูสเซอร์ โปรดอย่าได้ป้ายสีระบบ! ระวังระบบจะแบนไอดียูสเซอร์!”
“เหอะ เอ็งไม่รู้จะไปฟ้องกับใครล่ะสิ แล้วตอนนี้ถึงได้หันมาขู่แบนไอดีฉันสินะ? แบนตูดตูนี่! แกจะไปมีปัญญาแบนไอดีอะไรฉันได้วะ!”
“วู่หยาน!”
“อะไร! ทำมาเป็นขึ้นเสียง! เอาดิ ต่อให้แกแบนไป มันจะส่งผลกระทบต่อฉันสักเท่าไหร่กันเชียววะ!”
“ต่อจากนี้ไป ยูสเซอร์จะไม่สามารถใช้ระบบการอัญเชิญได้อีก!”
“ห๊ะ? ดะ..เดียว! ช้าก่อน!ผมผิดไปแล้วคร้าบบ ยกโทษให้ผมด้วย ฮืออ…..”
………………………..
แน่นอนว่า ชิโรซากุระไม่สามารถอัพเกรดได้อย่างไร้ขีดจำกัด หลังจากระบบบอก พวกเขาก็เข้าใจว่า สูงสุดที่ชิโระซากุระอัพเกรดได้คือ อุปกรณ์ระดับB หรือ ยุทธภัณฑ์ฟ้า ถ้าต้องการอัพเกรดมันให้สูงขึ้นไปมากกว่านี้ก็ต้องจ่ายแต้มที่สมน้ำสมเนื้อให้พอกับเงื่อนไข!
ถึงแม้จะอัพถึงแค่ยุทธภัณฑ์ฟ้าแต่วู่หยานก็พอใจมากแล้ว ต้องรู้ว่านี่…ระบบมันอัพให้ฟรี! ใครหน้าไหนล่ะที่มันจะไม่ชอบของฟรี? แถมตัวฮินางิคุเองก็ผูกพันกับมันมากด้วย บางทีต่อให้ไม่สามารถอัพเกรดได้ เธอก็คงใช้มันไปเหมือนเดิมแม้ว่าจะเต็มใจซื้อดาบใหม่ให้ก็ตาม…..
มาล่า(ปล้น)สมบัติ แต่ทั้งๆที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงามัน ตอนนี้เขาก็ได้กำไรมากขนาดนี้แล้ว มากซะจนเขาอยากอ้าปากหัวเราะดังๆสักสิบครั้ง!
“เน เน โอนี่จัง เรารีบไปตามหาสมบัติกันเถอะ….” รู้ว่าคนไม่ดีโดนกำจัดหมดแล้ว ลิลินน้อยก็คึกคักทันที สมบัติลับ คำๆนี้กับเด็กตัวเล็กๆแล้วมันมีแรงดึงดูดไม่ใช้น้อยเลยล่ะ……
“ใช่แล้ว สมบัติของจริง เรายังไม่ได้ไปเอาเลยนี่นา…..”
เงยหน้าขึ้นมองตรงที่ทางเดินหินด้านหน้า แล้วหันกลับมามองฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส แล้วก็ ลิลิน ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาโบกมือขึ้น
“ไปกัน!”
เดินไปตามทาง พวกเขาไม่ได้เดินเร็วนัก เพราะใครจะไปรู้ล่ะว่าข้างหน้ามันจะอันตรายอะไรดักรออยู่อีกรึเปล่า
การระวังก็เป็นสิ่งจำเป็น ตลอดทางเดิน ถึงแม้จะไม่มีแมงมุมศิลาโผล่ออกมาอีก และไม่มีผู้พิทักษ์สมบัติโหดๆโผลออกมา แต่ว่ากับมีกับดักเยอะมากซะจนทำให้คนที่เห็นหัวชาวาบ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกวู่หยานต้องนึกขอบคุณตัวเองในใจคือ ก่อนหน้านี้เขากับมิโคโตะได้ดื่มยา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ไปซึ่งผลของมันก็ยังไม่หมดฤทธิ์ด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้มีกี่ชีวิตก็ไม่พอ ตายหมดแน่!
แน่นอนว่าเพราะเหตุนี้ วู่หยานกับมิโคโตะจึงต้องรับหน้าที่เดินอยู่หน้าสุดไปตามระเบียบ และตอนนี้เองทั้งสองคนก็ได้โดนกับดักไปแล้วมากกว่าร้อยครั้ง!
มองดูวู่หยานกับมิโคโตะที่เดินตกลงไปนวงเวทย์ ฮินางิคุก็ถอยหลังกรูดทันที เธอนึกขอบคุณตัวเองที่อ่อนแอจึงไม่ต้องออกไปสู้ ทำให้ไม่ได้กินยา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ไม่งั้นป่านนี่เธอคงต้องเป็นแบบสองคนตรงหน้า……
ไม่เพียงแต่ฮินางิคุ มิโคโตะเองตอนนี้ก็แทบจะประสาทแดกแแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้รับบาดเจ็บหรือได้บาดแผลอะไร แต่กับสภาพจิตใจพวกเขา มันโดนเยอะมากจนใกล้จะบ้าแล้ว…..
นาทีนี้เอง มิโคโตะก็เริ่มรู้สึกเสียใจ ถ้าตอนนั้นเธอไม่ห้าวอยากจัดการพวกมัน แทนที่จะปล่อยให้พวกมันมาเดินรับกับดักแทนก็คงจะดีกว่านี้…..
วู่หยานกับมิโคโตะที่เดินนำด้านหน้าด้วยท่าทางหดหู่ ตอนนี้ทั้งสองอยากร้องไห้มากๆ แต่ทว่าในตอนนี้เองทางออกก็ได้ปรากฏออกมาด้านหน้าพวกเขา!
มันเป็นห้องโถงที่ทำมาจากหินทั้งหมด เหมือนทางเดินหินก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือมันกว้างมาก แถมผิวกำแพงมันดูยังเรียบเนียนสุดๆด้วย!
ภายในห้องโถงมีโต๊ะกลมอยู่ ซึ่งบนโต๊ะก็มี กล่องสามกล่อง และลูกแก้วคริสตัลอีกหนึ่งลูก
นอกจากที่ว่ามาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเลย!
ใช่แล้ว ไม่มีเลย!
วู่หยาน ฮินางิคุ กับ มิโคโตะอึ้งไปแทบจะพร้อมๆกัน ส่วนลิลินบนใบหน้าเล็กๆนั้นได้เขียนคำว่า ผิดหวัง เอาไว้อย่างชัดเจน
พวกเขาฝ่าอุปสรรคมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ศพเป็นภูเขา มอสเตอร์ กับดัก การโดนหลอก พวกเขาฝ่าทั้งหมดที่ว่ามาแทบตาย จนมาถึงที่เก็บสมบัติ!
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่กองสมบัติ ภูเขาทองคำหรืออัญมณี แต่กลับเป็นโต๊ะหินโง่ๆกับกล่องสามกล่องและลูกคริสตัลที่ดูไม่มีค่าอะไรเลย นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น!
เสี่ยงชีวิตเข้ามาอย่างยากลำบาก แต่กลับเจอแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงอยากเป็นบ้าใช่มั้ย?
แต่กลุ่มพวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงแม้จะสนใจสมบัติแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกคาร์ลทั้งสามคน คงคลั่งแล้วเข้าไปหาลูกน้องตัวเองแน่…….
เหตุผลที่พวกเขามาคือ คริสตัลก่อนหน้านี้ที่ให้แต้มอัญเชิญวู่หยานถึงสองแสน และเขาได้ยินมาว่าคริสตัลมันถูกเอาออกมาจากที่นี่ ดังนั้นวู่หยานจึงมาวัดดวงเผื่อเจออีกสักอัน ดังนั้นถึงไม่เจอสมบัติเขาก็ไม่ได้เศร้าใจอะไร
แต่แน่นอนว่า ความผิดหวังย่อมมีแต่มันก็แค่เล็กน้อย เพราะถึงยังไงกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ มันก็ไม่ง่ายเลย……
“ทำไมที่นี่ถึงดูไม่เหมือนห้องเก็บสมบัติเลยล่ะ?”
ฮินางิคุที่ถึงแม้จะเห็นห้องว่างเปล่าแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะการมาครั้งนี้เธอเก็บเกี่ยวได้เยอะมากจากแรงค์4โดดมาแรงค์7 บวกกับตัวเธอเองก็ไม่ได้สนใจสมบัติมาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บ่นอะไร
ส่วนมิโคโตะก็ผิดหวังเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอได้คาดหวังว่าจะเจอสมบัติ บวกกับต้องฝ่าดงกับดักมามากมาย แต่กลับไม่ได้อะไรเลย แล้วแบบนี้จะให้เธอไม่ผิดหวัง?
ดูจากจุดนี้ พี่สาวเรลกันยังคงเป้นเด็กจริงๆ……
ส่วนวู่หยาน เขานั้นใจเย็นมาก…..
เขา ที่โดนหลอกหลวงมามากมาย จึงค่อนข้างชินชาแล้ว แต่ถึงแม้จะชิน ถ้าทำได้วู่หยานก็ไม่อยากโดนหลอกเหมือนกัน…..
มองดูกล่องทั้งสามกับลูกคริสตัลบนโต๊ะกลม วู่กยานก็ใช้ความคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ ดูไอ้กล่องสามกล่องนั่นสิ บางทีอาจจะเป็นสมบัติ?”
พูดถึงตรงนี้ วู่หยานก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงพอตัวเลยล่ะ ที่นี่ที่มีแรงค์9แมงมุมราชินีเป็นผู้พิทักษ์ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีอะไร แถมจากที่ดูมาก็ดูเหมือนว่าที่นี่ยังไม่เคยมีใครเข้ามาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นไอ้กล่องสามกล่องกับคริสตัลตรงหน้าจึงดูน่าสงสัยมาก!
ได้ยินคำพูดวู่หยาน ฮินางิคุกับมิโคโตะก็มีสีหน้าดีใจทันที พวกเขาทั้งสามคนรีบเดินมาตรงโต๊ะกลมทันที แล้วมองดูกล่องทั้งสาม
กล่องทั้งสามกล่อง ดูธรรมดามากไม่ต่างอะไรจากกล่องปกติ และข้างบนมันมีตัวอักษณสลักเอาไว้ และตัวอักษรนี่ก็ทำให้สีหน้าผิดหวังของพวกเขาหายวับไปทันที
กล่องแรก เขียนไว้ว่า ‘จงเปิดมัน หากเจ้าต้องการทรัพย์สมบัติที่เทียบเคียงได้กับทองคำทั้งหมดบนโลกใบนี้’
กล่องสอง เขียนไว้ว่า ‘จงเปิดมัน หากเจ้าต้องการอำนาจที่มากที่สุดบนโลกใบนี้’
กล่องสาม เขียนไว้ว่า ‘จงเปิดมัน หากเจ้าต้องการพลังอันเป็นที่สุดของโลกใบนี้’
กล่องทั้งสามที่นอกจากข้อความที่ว่ามาก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากกล่องธรรมดาอีก แต่นี่ก็ทำให้พวกวู่หยานไม่กล้ามองพวกมันเป็นกล่องธรรมดาแล้ว!
เชื่อได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ต้องเป็นเหมือนกัน!
ถ้าสิ่งที่ข้อความว่าไว้ มันเป็นจริง งั้นกล่องทั้งสามก็สามารถให้ทุกอย่างที่ไม่ว่าใครก็ต้องการได้หมด!
เงินตรา! อำนาจ! พลัง!
นอกจากพวกนี้แล้ว ยังมีอะไรที่สามารถดึงดูดได้มากกว่านี้อีกมั้ยล่ะ?
บางที คนไม่ปกติคงเลือกที่จะไม่สนใจ แต่ต้องขอโทษมากๆขอโทษจริงๆที่วู่หยานไม่ใช่คนพวกนั้น
เหรียญทอง? ตูรักมัน! ตอนนี้กระเป๋าสตางค์เขาถือว่าดีกว่าตอนที่ยังเป็นโอตาคุอยู่มาก สมัยนั้นเขายังต้องมานั่งเป็นห่วงเลยว่าจะมีข้าวมื้อต่อไปกินมั้ย ดังนั้นเขาจึงถือว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมี
อำนาจ อันนี้เขารู้สึกเฉยๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานอะไร ที่เขาชอบ(รัก)ก็คือสาว2D ‘อำนาจแล้วไงวะ มันจะไปสำคัญมากว่าสาวน้อยได้ยังไงล่ะจริงมั้ย?’
แต่ทว่า พลัง มันดึงดูดวู่หยานได้อย่างแท้จริง!!
ตอนที่ 104 : SGS บทที่ 104 – ตอนนี้พวกเราก้าวเท้าออกมาจากหมู่บ้านผู้เล่นมือใหม่แล้วล่ะ!
วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ต่างก็ตกอยู่ในภวังค์อึ้งทึ้ง(เสียว)กันหมด ไม่เว้นแม้แต่วู่หยานที่มั่นใจในตัวอิคารอสมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ของจริงที่เห็นด้วยลูกตาตัวเองกับที่เห็นผ่านหน้าจอคอม คิดว่ามันเทียบกันได้มั้ยล่ะ?
เสาแสงขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ราวกับเป็นเสาค้ำสวรรค์ ไม่เพียงแต่ลำแสงนี้ได้ลบพวกคาร์ลจนหายไปไม่เหลือแม้แต่เศษซาก แต่มันยังได้ประทัปตราเข้าไปในความทรงจำของพวกวู่หยานด้วย
มิโคโตะทำหน้าเหม่อลอยนึกถึงเสาแสงเมื่อกี้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเรลกันที่ตนเองภาคภูมิใจนักหนา บางทีมันก็คงไม่ได้ดีเด่อะไรเลย……
ขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา มิโคโตะก็ได้ส่ายหัวทันที เธอยังต้องไปช่วยเหล่าน้องสาว แล้วจะมาถอดใจยอมแพ้แบบนี้ได้ยังไงกัน!
ความคิดอันมืดมนในใจเธอ ณ ตอนนี้ มันก็ได้ถูกแทนที่ด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงแล้ว!
วันหนึ่ง เรลกันของฉันต้องสามารถเป็นอย่างลำแสงนั้นได้แน่! ไม่สิ….ต้องเหนือกว่านั้น!
ทันใดนั้น รอบตัวมิโคโตะก็ระเบิดกระกายสายฟ้าออกมาอย่างบ้าคลั่ง เส้นกระแสไฟฟ้ายิ่งมายิ่งไหลเร็วขึ้นเร็วขึ้น และยังเร็วขึ้นไม่หยุด! จนในที่สุดมันก็ได้ส่องแสงสว่างออกมาจนบดบังร่างของมิโคโตะ!
มิโคโตะที่อยู่ๆก็ปลอยกระแสไฟฟ้าออกมา ทำให้วู่หยานกับฮินางิคุสะดุ้งเฮือก เวลาผ่านไปเส้นสายฟ้ายิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และมันยังไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรูแม้แต่พวกวู่หยานก็ยังโดนสายฟ้าโจมตี!
วู่หยานหน้าเปลี่ยนสี รีบยกมือขึ้นมาบล็อคกระแสไฟฟ้า ถ้าเป็นตามปกติเขาที่มีพลังพิเศษแบบเดียวกับมิโคโตะย่อมควบคุมไฟฟ้าพวกนี้ได้ แต่ทว่าตอนนี้เขากลับ…ทำไม่ได้!
กระแสไฟฟ้าไดไหลไปทั่วร่างวู่หยาน ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังรู้สึกชาอยู่ดี ตอนนี้นิ้วสักนิ้วยังขยับไม่ได้เลย บนใบหน้าของวู่หยานเผยให้เห็นความช็อคอย่างชัดเจน!
เพราะว่าก่อนหน้านี้ มันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น…..
กระแสไฟฟ้าพวกนี้ เทียบกับกระแสไฟฟ้าที่แรงที่สุดของมิโคโตะ นับว่ายังแรงกว่าหลายเท่า!
แถมดูจากสีหน้าที่จนปัญญาของมิโคโตะ แสดงว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฮินางิคุที่พาตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังวู่หยานเอ่ยปากถามขึ้นมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆมิโคโตะถึงได้ ‘คลั่ง’
วู่หยานขมวดคิ้ว มองดูมิโคโตะที่ปล่อยแรงกดดันอันหนักหน่วงออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างออก
“บางที…มิโคโตะคงกำลังเลื่อนแรงค์อยู่!”
“เลื่อนแรงค์?” ฮินางิคุได้ยินแบบนี้ก็ทำสีหน้าตกใจ ส่วนมิโคโตะก็อึ้งไปก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยสีหน้ามีความสุข
มิโคโตะมองดูไฟฟ้ารอบตัว ก่อนจะหลับตาลงพยายามควบคุมมัน ในไม่ช้าเธอก็เริ่มควบคุมมันได้ นี่ได้พิสูจน์ว่าการคาดเดาของวู่หยานเป็นความจริง!
ใช้เวลาไม่นาน มิโคโตะก็เก็บกระแสไฟฟ้าเข้าไปในตัวจนหมด สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตน มิโคโตะก็ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข “จริงด้วย! ฉันรู้สึกได้เลย ถึงแม้ว่าพลังพิเศษของฉันมันยังเลเวล5อยู่ แต่มันแข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะ!”
“ดูเหมือนว่าเธอจะเลื่อนเป็นแรงค์8ได้แล้วนะ!” เห็นมิโคโตะมีความสุข วู่หยานก็พลอยมีความสุขไปด้วย ถึงแม้ภายในใจเขาคิดว่าไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็ต้องแรงค์อัพอยู่แล้ว แต่ว่ากับมิโคโตะแล้วเธอแคร์มันมาก เพราะตามที่เดาไว้แอคเซลาเรเตอร์เองก็เป็นแรงค์8!
และการที่เธอเลื่อนเป็นแรงค์8 ก็หมายความว่าเธอมีพลังพอที่จะสู้กับแอคเซลาเรเตอร์แล้ว!
แล้วนี่จะไม่ให้มิโคโตะ ที่ในหัวคิดแต่จะช่วยเหล่าน้องสาวอยู่ตลอดเวลามีความสุขได้ยังไงล่ะ!
“ไม่ใช้แค่มิโคโตะนะ หยานนายเองก็เลเวลอัพด้วย ฉันเองก็เหมือนกัน!”
ฮินางิคุที่กำลังอุ้มลิลินอยู่ ได้เปิดฟังก์ชั่นตรวจสอบของระบบไปที่ร่างของวู่หยาน ก่อนจะกลับมามองตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็รีบเช็คทันที จริงด้วย ตอนนี้เขาเลื่อนเป็นแรงค์7แล้ว!
ไม่ใช้แค่เขา แม้แต่ท่านประธานเองก็เลื่อนขึ้นมาเป็นแรงค์7แล้วเหมือนกัน! นี่มันโครตกำไรเลยวะเฮ้ย!
แรงค์8สามคน แรงค์7อีกสิบคน และพวกแรงค์ต่ำกว่านี้อีกบาน การที่วู่หยานจะเลื่อนเป็นแรงค์7และมิโคโตะเลื่อนเป็นแรงค์เป็น8จึงไม่ใช้เรื่องน่าแปลกใจอะไร
แต่กับฮินางิคุที่แต่เดิมมีเลเวลไม่สูงมาก ไอ้พวกตัวประกอบพวกนี้นับได้ว่า ‘ช่วย’ เธอได้เยอะมาก!
ตอนนี้ กลุ่มของวู่หยาน มีแรงค์8สองคน แรงค์7อีกสอ และบวกกับมาสคอตน้อยอีกหนึ่ง ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าคงอ้าปากค้างแน่นอน แน่นอนว่านั่นเป็นกรณีที่พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของพวกเขาล่ะนะ……
เอาแค่สิ่งที่ได้ตอนนี้ ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีสมบัติ พวกเขาก็ถือว่าได้มาโครตคุ้มแล้ว!
แต่ว่านะ…..ทำไมตอนพี่สาวเรลกันแรงค์อัพถึงได้มีเอฟเฟคอลังการงานสร้างออกมาแบบนี้ แต่พอหันมาดูตัวเอง….แม่งเงียบกริบ! ไม่มีเชี่ยไรเกิดขึ้นเลยยย ทำไมเป็นงี้วะ! ฮืออ
ฮึก….นี่มันสองมาตรฐานหว่า……
“มาสเตอร์คะ….”
อิคารอสที่คืนร่างกลับมาเป็นโหมดปกติแล้ว ได้บินลงมายืนตรงด้านหน้าทุกคน วู่หยานจึงเอื่อมมือไปลูบหัวเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ต้องรบกวนเธอแล้ว ขอบคุณมากอิคารอส!”
อันนี้เรื่องจริง ถ้าไม่มีอิคารอส มันคงไม่ได้จบง่ายแบบนี้แน่ พูดได้เลยว่าผลลัพธ์นี่อิคารอสมีผลถึง80%!!
อิคารอสได้ยินคำพูดวู่หยาน ก็ผลุบตาลงต่ำก้มหน้าลง สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออันอบอุ่นบนศีรษะตน แม้แต่หัวใจเธอยังพลอยรู้สึกอบอุ่นไปด้วย ทำให้อิคารอสต้องหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นอันหายากนี้อย่างอดไม่ได้
หลังจากนั้นก็เริ่มงานทำความสะอาด พวกวู่หยานได้ลงมือกำจัดซากศพทิ้งและทำลายร่องลอยเลือดจนหมด จากนั้นจึงเอาผ้าเช็ดหน้าที่ปิดตาลิลินน้อยออก ด้วยแบบนี้เองโลลิน้อยที่ร่าเริงแจ่มใส ลิลินจึงหวนกลับมาสู่สนามแล้ว
ถึงแม้จะบอกว่าทำความสะอาดสนามรบ แต่อะไรที่มีประโยชน์พวกเขาก็เหลือไว้ ต้องพูดเลยว่ามันทำให้พวกเขาประหลาดใจปนดีใจจริงๆ มียุทธภัณฑ์หลักประมาณ30ชิ้น และยังยุทธภัณฑ์ดินของพวกคาร์ลอีก3ชิ้น ทั้งหมดนี่คือรายได้ของเขาล่ะ!
นอกจากนี้มันยังมีของเล็กๆน้อยๆบางอย่างด้วย อาทิเช่นเหรียญทอง วู่หยานจึงต้องจำยอมรับไปด้วยความ(ไม่)เต็มใจ เขาโยนพวกมันลงแหวนมิติหมด
ส่วนยุทธภัณฑ์หลัก30ชิ้น และยุทธภัณฑ์ดิน3ชิ้น ได้ถูกวู่หยานเปลี่ยนมาเป็นแต้มอุปกรณ์หมด! ได้มาถึง50,000แต็มไอเท็ม!
จากนั้นวู่หยานก็ลองแลกเปลี่ยนกับศพของแมงมุมราชินีและสองแมงมุมองครักษ์ดู ปรากฏว่าแม่งได้ด้วยววะเฮ้ย! ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้มาอีก600,000แต้มไอเท็ม รวย! บอกเลยว่าตอนนี้ตู โค-ร-ต-ร-ว-ย! ฮาๆ
ต้องรู้ก่อนว่า พวกแมงมุมหินที่ตายเป็ยเบือนั่นวู่หยานไม่สามารถแลกเป็นแต้มได้ เขาจึงไม่ได้หวังว่าบอสของพวกมันจะแลกได้……
เก็บของที่ได้ลงแหวนมิติหมด ตอนนี้ปากวู่หยานได้อ้าออกกว้างแทบไม่ต่างจากฮิปโป เขาได้ทั้งเลเวลได้ทั้งทรัพย์สินเงินทอง แล้วเขาจะไปบ่นอะไรได้อีกล่ะ? ตอนนี้ในสายตาวู่หยาน พวกคาร์ลทั้งสามได้เปลี่ยนเป็น ‘คนดี’ ไปเรียบร้อยแล้ว….
ต่อมา วู่หยานก็เปิดระบบ เพื่อตรวจสอบสเตตัส….
ชื่อ : วู่หยาน
ความสามารถ : ปรมาจารย์ดาบ ปรมาจารย์อาหาร ความจำสมบูรณ์ ดาราพลิกสวรรค์ Electro Master LV.4
อุปกรณ์ : นิเอโทโนะ โนะ ชานะ(C) เกราะมังกรไร้ลักษณ์(C)
ซัมมอน : มิซากะ มิโคโตะ คัตซึระ ฮินางิคุ อิคารอส
แต้มอุปกรณ์ : 71,000
แต้มไอเท็ม : 8,800,000
แต้มอบิลิตี้ : 101,000
แต้มอัญเชิญ : 120,000
เลเวล : 65
ชื่อ : มิซากะ มิโคโตะ
ความสามารถ : Electro Master LV.5 (กระแสไฟฟ้า)
พลัง : B
ความอึด : B
ความเร็ว : A
จิตใจ : A
อุปกรณ์ : ไม่มี
Level : 70
ชื่อ : คัตซึระ ฮินางิคุ
ความสามารถ : ไม่มี
พลัง(พละกำลัง) : B
ความอึด : B
ความเร็ว : A
จิตใจ : B
อุปกรณ์ : ชิโระซากุระ(ระดับC)
Level : 60
ชื่อ : อิคารอส
ความสามารถ : โหมด ‘ยูเรนัสควีน’
พลัง(พละกำลัง) : A
ความอึด : B
ความเร็ว : A
จิตใจ : A
อุปกรณ์ : อาร์เทมิส (ระดับC) อีจิส ‘แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์’ (ระดับC) อพอลโล (ระดับC) ยูเรนัสซิสเต็มส์ (ระดับB)
Level : 78
ถ้าเมินไอ้ตัว ‘B’ ที่ชวนให้คนอยากพูดตบมุขออกไปล่ะก็ มันก็ดีทุกอย่างเลยล่ะนะ แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่เขาสงสัยคือชิโระซากุระของท่านประธานทำไมอยู่ดีๆมันถึงได้เลเวลอัพด้วยวะ? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันยังระดับD(ยุทธภัณฑ์หลัก) อยู่เลย!
หลังจากถามระบบไป มันก็ตอบกลับมาว่า เป็นเพราะฮินางิคุไม่มีอบิลิตี้เลย ตอนที่อัญเชิญออกมาสเตตัสก็ถือว่าต่ำมาก ดังนั้นระบบเลยช่วยยกระดับชิโระซากุระให้!
นี่มัน…เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลยวะ! อำกันเล่นปะเนี่ย!?
@ข้างล่างนี้เป็นสเตตัสก่อนสู้ของพวกวู่หยาน……จะสอบแล้วโว้ยย อีกไม่กี่วันเอง ไฟลนสุดๆ
ชื่อ : วู่หยาน
ความสามารถ : ปรมาจารย์ดาบ ปรมาจารย์อาหาร ความจำสมบูรณ์ ดาราพลิกสวรรค์ Electro Master LV.4
อุปกรณ์ : นิเอโทโนะ โนะ ชานะ(C) เกราะมังกรไร้ลักษณ์(C)
ซัมมอน : มิซากะ มิโคโตะ คัตซึระ ฮินางิคุ อิคารอส
แต้มอุปกรณ์ : 21,000
แต้มไอเท็ม : 8,100,000
แต้มอบิลิตี้ : 101,000
แต้มอัญเชิญ : 120,000
เลเวล : 50
ชื่อ : มิซากะ มิโคโตะ
ความสามารถ : Electro Master LV.5 (กระแสไฟฟ้า)
พลัง : C
ความอึด : C
ความเร็ว : B
จิตใจ : A
อุปกรณ์ : ไม่มี
Level : 69
ชื่อ : คัตซึระ ฮินางิคุ
ความสามารถ : ไม่มี
พลัง(พละกำลัง) : C
ความอึด : D
ความเร็ว : C
จิตใจ : C
อุปกรณ์ : ชิโระซากุระ(ระดับD)
Level : 35
ชื่อ : อิคารอส
ความสามารถ : โหมด ‘ยูเรนัสควีน’
พลัง(พละกำลัง) : A
ความอึด : B
ความเร็ว : B
จิตใจ : A
อุปกรณ์ : อาร์เทมิส (ระดับC) อีจิส ‘แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์’ (ระดับC) อพอลโล (ระดับC) ยูเรนัสซิสเต็มส์ (ระดับB)
Level : 77
ตอนที่ 103 : SGS บทที่ 103 – พลังอันเหนือชั้น และ ฉากจบของแรงค์8ทั้งสามคนล่ะ!
“เคอร์เคอิส!” (มิสไซล์ นําวิถี รุ่นอัพเกรดหรือตี+1ก็ได้)
มิสไซล์เวอร์ชั่นมินิปรากฏขึ้นมารอบตัวอิคารอส เห็นภาพนี้พวกคาร์ลรีบบินถอยทันที
“อย่าบอกนะว่ามันเป็นแค่ยุทธภัณฑ์ที่ไว้ยิงเศษเหล็กบินได้พวกนี้?”
เมื่อเห็นว่ามันมีแค่เหล็กบินได้ออกมา พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กับเศษเหล็กบินพวกเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย จะกลัวก็แต่อีกฝ่ายจะงัดเอาอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างธนูนรกแตกนั่นออกมา
อนิจจัง พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อเทียบกับอพอลโลแล้ว ยูเรนัสซิสเต็มส์นั่นน่ากลัวกว่าเยอะ!
บางทีอาจจะเป็นเห็นท่าทางสบายใจของอีกฝ่าย อิคารอสจึงโบกมือ จากนั้นมิสไซล์จำนวนนับไม่ถ้วนด้านหลังเธอก็บินเข้าใส่พวกคาร์ลทั้งสาม!
เมื่อเห็นจำนวนมิสไซล์ที่เรียกได้ว่าเยอะจนน่ากลัว ทั้งสามคนก็หน้าซีดรีบหันหลังบินหนีทันที ระหว่างบินก็คอยทำลายมิสไซล์ไปด้วย แต่ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาก็ตะมีมิสไซล์อันใหม่มาแทนที่อันที่ถูกทำลายไป!
ตอนนี้ทั้งสามอยากร้องไห้ออกมาจริงๆ ก่อนหน้านี้ถึงแม้ไอ้เหล็กบินได้พวกนี้มันจะน่ารำคาญสุดๆ แต่มันก็แค่นั้น มันไม่สามารถทำอะไรพวกเขาที่มียุทธภัณฑ์ดินได้!
แต่ว่าเมื่อจำนวนเปลี่ยน มันก็กลายเป็นหนังคนละม้วนแล้ว ถ้าตอนนี้พวกเขายังคิดว่ามันยังไม่สามารถทำอะไรตนได้ งั้น…อีกไม่นานต่อจากนี้ทั้งสามคงได้ไปนอนคุยกับแมงมุมราชินีแล้วล่ะ…….
ขบฟันแน่นมองตรงไปที่อิคารอสที่อยู่ห่างไกลออกไป พวกคาร์ลโดนบีบให้ถอยไม่หยุด ควบแน่นปราณในร่างแล้งส่งไปที่ยุทธภัณฑ์ของตน…..
เมื่อถอยไปถึงจุดๆหนึ่ง ทั้งสามคนก็ปล่อยวิชายุทธ์ออกมาพร้อมกัน ทำลายมิสไซล์ที่บินเข้ามาหาตนจนหมด พวกคาร์ลอ้าปากหอบหายใจด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย
พวกเขาสามารถรู้ได้เลยว่าปราณในร่างมันเหือดแห้งไปเกือบหมดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่สะบักสะบอมทั่วทั้งตัวเนื่องจากการฝืนใช้ปราณเกินขีดจำกัดเมื่อกี้ ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม ทั้งสามคนมองอิคารอสด้วยแววตาที่อันแน่นไปด้วยความเกลีดชัง!
นี่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะขณะที่พวกเขากำลังจะได้สมบัติอยู่แล้ว กลับมีใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขวาง แถมยังเล่นอัดพวกเขาซะไม่มีชิ้นดีแบบนี้ จึงไม่แปลกที่ทั้งสามคนจะโกรธเกลี้ยวราวกับว่าอีกฝ่ายได้ฆ่าบุพการีของตน
ตอนแรกพวกเขาก็สงสัยว่าอีกฝ่ายอาจะเป็นผู้พิทักษ์สมบัติอีกตนหนึ่งก็ได้ แต่ทว่าเมื่อเห็นวู่หยานกับมิโคโตะยืนอยู่ท่ามกล่างซากศพของลูกน้องตนเอง พวกเขาก็เข้าใจทันที!
ผู้พิทักษ์ห่าเหวอะไรกันละ มันก็แค่โจรขโมยสมบัติอีกลุ่มหนึ่งเท่านั้นแหละ!!
ด้วยแรงฮึดจากความอารมณ์โกรธเกลียด ทั้งสามก็อ้าปากคำรสมลั่นก่อนที่จะพุ่งเข้าหาอิคารอส ณ ตอนนี้พวกเขาได้หลงลืมเรื่องอพอลโลไปแล้ว
อิคารอสมองอีกฝ่ายที่บินเข้ามาหาตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ด้วยการกระดิกนิ้วหนึ่งที แท่งที่ยืนออกมาด้านหน้าก็เริ่มควบแน่นลำแสง เมื่อเธอโบกมือ ลำแสงหลายเส้นก็ได้ยิงออกไป!
“!!!” เลเซอร์มันเร็วเกินไป เพียงแค่พริบตามันก็มาถึงตัวพวกเขา!
ถูกโจมตีโดยเลเซอร์ คาร์ล ชาร์ล และ โมมิลี้ต่างก็อ้าปากพ่นกองเลือดออกมา นี่ทำให้ทั้งสามคนที่กำลังหัวร้อนใจเย็นลง….
แน่นอนว่า ราคามันแพงไม่ใช้น้อยเลยล่ะ……
เห็นร่างทั้งสามร่างร่วงหล่นลงไปด้านล่างจากเลเซอร์ของตน อิคารอสก็ไม่มีแม้แต่อาการชะงักค้างหรือความเมตตาอะไร เพราะเธอคือแองเจิ้ลรอยด์ คือยูเรนัสควีนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการเข่นฆ่า ในอดีต ชีวิตที่ถูกพรากไปด้วยน้ำมือเธอ ถึงแม้จะไปถึงร้อยล้านแต่ก็มากกว่าสิบล้านแน่นอน!
ดังนั้นถึงแม้อิคารอสจะไร้เดียงสา แต่กับสิ่งที่เรียกว่าามเมตตาเธอไม่มีมันอย่างแน่นอน!!
เธอโบกมืออีกครั้ง มิสไซล์ก็ปรากฏออกมาก่อนจะบินเข้าไปหาทั้งสาม ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะได้ทันแตะพื้น ฝูงมิสไซล์จำนวนมหาศาลก็ได้ระเบิดใส่ร่างพวกเขา!
“ตู้ม!!” “ตู้ม!!” “ตู้ม!!”……..
เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิสไซล์ส่วนหนึ่งที่ไม่โดนเป้าหมายก็จะไประเบิดรอบๆแทน ทำให้พื้นหินที่แต่เดิมก็เต็มไปด้วยหลุมบ่ออยู่แล้วยิ่งเละเทะมากกว่าเดิม
“สำเร็จแล้ว!”
มิโคโตะยิ้มออกมาด้วยสีหน้ามีความสุข จนเธออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แถมตรงหน้าผากเธอก็มีเส้นสายฟ้าแล่นไปมาด้วย นี่ทำให้วู่หยานสงสัยว่าตกลงเธอดีใจหรือเพราะคันไม้คันมือกันแน่…..
ทว่าวู่หยานไม่ได้ออกอาการโอเวอร์เหมือนมิโคโตะ เพราะถึงแม้มิไซล์อิคารอสจะแรงจริง แต่ถ้าจะบอกว่าอีกฝ่ายตายด้วยของแค่นี้เขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อแน่นอน
‘เฮ้ พวกเอ็งเป็นถึงแรงค์8เลยนะ คงไม่คิดจะตายไปง่ายๆแบบนี้ใช้มั้ย…..’
วินาทีต่อมาความคิดวู่หยานก็เป็นจริง!
พื้นที่โดนมิสไซล์ถล่มไป เต็มไปด้วยกลุ่มควัน แต่ทว่ามันก็ไม่ได้อยู่นานนัก ทันใดนั้นก็มีเงาสามร่างโผขึ้นมา พวกคาร์ลที่มือถือยุทธภัณฑ์ที่กำลังอัดแน่นไปด้วยปราณ จากนั้นพวกเขาก็ชี้ไปที่อิคารอส!
“อย่าคิดว่าพวกเราทำได้แค่โจมตีระยะประชิดนะโว้ย! นังบ้าเอ้ย!!” เสื้อผ้าทั้งสามคนได้เปลี่ยนเป็นผ้าขี้ริ้วซึ่งเต็มไปด้วยรอยขาดไม่ต่างจากขอทานแถมมันยังเป็นสีแดงซึ่งมาจากเลือดสดของพวกเขาที่ตอนนี้กำลังไหลออกมาจากแทบจะทั่วทุกจุดในร่างกาย จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าพวกเขาได้รับดาเมจไปไม่น้อยจากฝูงมิสไซล์เมื่อกี้
คาร์ลเรียสหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง จากนั้นทั้งสามก็กู่ร้องแล้วเอายุทธภัณฑ์มารวมกัน
ทันใดนั้นปราณของทั้งสามคนก็ได้รวมตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อ จากตอนแรกที่เป็นแค่ปราณอ่อนกำลังก็ยกตัวสูงขึ้นไปสู่ระดับใหม่! ในไม่ช้าก็มีแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปล่อยออกมาจากยุทธภัณฑ์ของพวกเขา!
เดิมที วิชายุทธ์ของนักรบที่ใช้โจมตีระยะไกลก็ไม่มีมากอยู่แล้ว แต่ในฐานะที่เป็นผู่เชี่ยวชาญแรงค์8พวกเขาย่อมมีมัน….
แต่แค่ว่าพลังมันจะอ่อนจากวิชายุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาอยู่หนึ่งระดับ คำถามแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะในเมื่อมันแรงน้อยกว่า?
ตอนนี้ การจะเข้าใกล้ตัวอีกฝ่ายมันทำไม่ได้ง่ายๆอีกแล้ว ดังนั้นทั้งสามคนจึงคิดอีกวิธีหนึ่งออก นั่นก็คือการรวมพลังของวิชายุทธ์!
แน่นอนว่า ไม่มีวิชายุทธ์อะไรที่จะผสานพลังได้ แต่ผลของการที่พวกเขาฝืนประสานคือร่างกายยิ่งบาดเจ็บหนักกว่าเดิม แต่พวกเขาคิดว่าในเมื่อปล่อยไว้ยังก็ต้องตายอยู่แล้ว งั้นไม่สู้เดิมพันกับการโจมตีนี้ไปเลยล่ะ!
ปราณจำนวนมหาศาลได้รวมตัวกันที่ยุทธภัณฑ์ทั้งสาม รอบๆตัวพวกเขาเกิดลมพายุขึ้น พัดเศษหินกระจัดกระจายไปทั่ว
วู่หยานกับมิโคโตะถอยออกไปจนถึงจุดปลอดภัย ถึงแม้ทั้งสองจะกินยาลมหายใจแห่งชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงถอยหนีออกมาด้วยสัญชาตญาณที่ตอบสนองจากอันตราย จากนั้นทั้งสองก็เงยหน้ามองไปที่สนามรบ
แต่ทว่าการเคลื่อนไหวของวู่หยานและมิโคโตะก็ราวกับเป็นระฆังส่งสัญญาณเริ่ม ขณะที่ทั้งสองถอย แรงกดดันและปราณของพวกคาร์ลก็ได้พุ่งไปถึงจุดสูงสุด!
จากนั้นทั้งสามคนก็ยกมือที่ถือยุทธภัณฑ์ขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ฟันลงไปทางอิคารอส!
ปราณอันทรงพลังได้ถูกปล่อยออกมาจากยุทธภัณฑ์ของทั้งสามคนไปทางอิคารอสด้วยความเร็วสูง การโจมตีนี้เมื่อเทียบกับวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาแล้วนับว่าแรงกว่าเยอะมาก!
แต่น่าเสียดาน ที่อิคารอสไม่ได้สนใจมัน เธอเมินสนิท….
กับคลื่นปราณที่ทรงพลัง เชื่อได้เลยว่าไม่ว่าใครก็ต้องกลัวแน่นอน แต่อิคารอสกลับยือมองด้วยแววตาสงบนิ่งไม่มีวีแววของความกลัวเลยแม้แต้น้อย
แต่ว่าเห็นแบบนี้ พวกคาร์ลก็มีความสุขทันที กับการโจมตีนี้พวกเขามั่นใจมาก
เมื่อคลื่นดาบมาถึงตรงหน้า ในที่สุดอิคารอสก็เคลื่อนไหว เธอยกหัวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นแท่งทั้งหมดก็ได้ยื่นออกมาด้านหน้าอิคารอส ก่อนจะปล่อยบาเรียเรืองแสงออกมา!
วินาทีต่อมา ปราณดาบก็ได้มาถึง มันเข้าปะทะกับบาเรีย ทว่ามันก็ต้านได้ไม่นานนักก่อนที่จะโดนบาเรียสะท้อนกลับไป!
“เป็นไปไม่ได้!!!”
เพิ่งตะโกนออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งวิพวกเขาก็โดนโจมตีด้วยปราณดาบของตน หลังเสียง ‘ตู้ม’ ทั้งสามคนก็ร่วงลงไปกองกับพื้นขณะที่ปากก็กระอักเลือดสดๆไปด้วย บนพื้นเจิงนองเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลทั่วทั้งตัวพวกเขา
อิคารอสโบกมือไปด้านล่าง จากนั้นบาเรียก็สั่นเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นลำแสงสีชมพูขนาดใหญ่ยักษ์ยิงไปกองเลือดซึ่งมีพวกคาร์ลนอนอยู่!
ขณะที่คาร์ลเรียส ชาร์ล และ โมมิลี้กำลังนอนซึมซาบไปกับความเจ็บปวดที่ถูกส่งออกมาจากทั่วทั้งตัว แสงเลเซอร์ขนาดยักษ์ก็ได้ตกลงมาใส่ เปลี่ยนทั้งสามคนให้กลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นขี้เถ้าก็กลายเป็นควันสลายไป……
ตอนที่ 102 : SGS บทที่ 102 – ยูเรนัสซิสเต็มส์ มาแล้วล่ะ!
ตอนที่ 101 : SGS บทที่ 101 – การต่อสู้ของแรงค์8 ยกที่สามล่ะ!

การต่อสู้ของแรงค์8 ยกที่สองล่ะ!

การต่อสู้ของแรงค์8 ยกหนึ่งล่ะ!

เปิดก่อนได้เปรียบ! ฆ่ามันอิคารอสส!!
ผู้คนที่แอบซ่อนตัวอยู่ และ ผลลัพธ์สุดท้ายล่ะ!
สองสาวอดที่จะรู้สึกอิจฉานิดๆไม่ได้เมื่อเห็นความเชื่อใจที่เขามีต่ออิคารอส มิโคโตะหันหน้าไปอีกทางด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าเธอก็ยังคงกังวลอยู่ “นายแน่ใจนะว่าอิคารอสจะสู้แบบสามต่อหนึ่งได้น่ะ? ถึงแม้การสู้แบบกลุ่มอิคารอสจะเก่งกว่าเดิม แต่ถ้าเจอคนระดับเดียวกันสามคนพร้อมกัน มันก็ออกจะตึงมือเกินไปรึเปล่า?”
“ใช้แล้วหยาน มันอันตายเดินไปนะ…..” ฮินางิคุหันมองไปอิคารอสด้วยความกังวล “นายมั่นใจจริงเหรอว่าอีกฝ่ายจะไม่มียุทธภัณฑ์ฟ้าน่ะ? ถ้าเกิดพวกมันดันมีจริงๆล่ะ? จะทำยังไงถ้าเกิดอิคารอสบาดเจ็บขึ้นมา….”
“ไม่ว่าจะทางด้านอาวุธหรือความสามารถที่นายว่ามามันก็แค่การคาดเดาไม่ใช้? ถ้าเกิดอีกฝ่ายมียุทธภัณฑ์ฟ้าหรืออิคารอสที่ถึงแม้จะเก่งขึ้น แต่ก็ยังคงสู้แบบสามต่อหนึ่งไม่ไหว ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะทำยังไง?”
อิคารอสที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้เองเธอก็เงยหน้าขึ้นพรวด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ก็แฝงไปด้วยแน่วแน่ “อิคารอส สู้ได้!”
ฮินางิคุกับมิโคโตะ หันไปมองอิคารอสที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะหันไปมองวู่หยานอย่างจนปัญญา
วู่หยานพูดไม่ออก ภายใต้สายตาของสองสาว ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนได้ทำอะไรที่ผิดมากๆ ดังนั้นวู่หยานจึงรีบเอ่ยปากพูดว่า “พวกเธอพูดก็ถูก ทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้หมด แต่ถึงยังั้น ถ้าอิคารอสสู้ไม่ได้จริงๆ แล้วถ้าเกิดให้เธอกิน ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ล่ะ? เป็นอมตะตั้งสามชั่วโมงก็คงไม่มีปัญอะไรใช้เปล่า?”
“ใช้แล้ว! ยังมียานี้อยู่!” ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมามองหน้ากันด้วยความอาย เพราะพวกเธอสองได้ ‘ลืม’ มันไปซะสนิทเลย
เห็นภาพนี้ วู่หยานก็ส่ายหัวอย่างขบขัน แล้วพูดทั้งๆมีรอยยิ้มๆว่า “มี ลมหายใจแห่งชีวิต ที่ทำให้เป็นอมตะสามชั่วโมง ถึงแม้อิคารอสจะเสียเปรียบอีกฝ่าย แต่ก็สู้ได้แน่! ดังนั้นสบายใจได้เลย!”
ฮินางิคุกับมิโคโตะพยักหน้า ต่อมามิโคโตะก็พูดด้วยสีหน้าสลดว่า “บางครั้งฉันก็คิดนะว่าระบบมันขี้โกงเกินไปจริงๆ มีไอเท็มที่แหกคอกเต็มไปหมด ถ้าใครได้เป็นศัตรูด้วยก็คงพูดได้แค่อีกฝ่ายมันซวยจริงๆ……”
ได้ยินคำพูดมิโคโตะ วู่หยานก็หัวเราะร่า ถูกแล้ว! ระบบมันขี้โกงมาก!
เอิ่ม….ถึงแม้ว่ามันออกจะมี…นิสัยเสียชอบหลอกเขาอยู่บ่อยๆก็เถอะ…….
…………….
ในที่สุด เมื่อศพทุกศพโดนดูดของเหลวในร่างไปจนหมด เหลือแค่หนังหุ้มกระดูก วงเวทย์ก็ได้สำแดงพลังที่แท้จริงซักที!!
แสงสีแดงดุจเลือดได้ฉายแสงสว่างจ้าไม่ต่างจากพระอาทิตย์ยามพลบค่ำ และหลังจากที่เลือดหยดสุดท้ายไหลเข้าไปในวงเวทย์ ตัววงเวทย์ก็กลับคืนไปสู่สภาพเดินก่อนที่มันจะเปล่งแสง
แต่ทว่าถึงจะเห็นแบบนี้ คาร์ลเรียส โมมิลี้ และ ชาร์ลก็ไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจอะไรเลย กลับกันพวกเขายิ่งยิ้มกว้างมีความสุขมากกว่าเดิม จากนั้นก็คลายความระวังไปจนหมด ริมฝีปากโค้งขึ้น สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา
สีหน้าท่างแบบนั้น สามารถอธิบายได้อย่างเดียวว่า พวกมันทำตามแผนสำเร็จแล้ว!
และความจริงก็เป็นแบบนั้นจริงๆด้วย!
วงเวทย์ได้สูญเสียประกายแสงทั้งหมดไป แต่นี่กลับทำให้แมงมุมราชินีรู้สึกได้ถึงวิกฤติ อารมณ์โกรธทั้งหมดของมันได้เปลี่ยนไปเป็นลางสังหรณ์แห่งความตายจนหมด และตอนนี้เองแมงมุมราชินีก็ได้บ้าคลั่ง
ขณะที่วงเวทย์ยังคงไม่มีท่าทีอะไรเกิดขึ้น แมงมุมราชินีได้ใช้โอกาศนี้กระโดดขึ้นไปบนอากาศโดยใช้ขาทุกคู่ของมันกระทืบพื้นเป็นแรงส่งตัวขึ้นไป เพื่อให้มันได้ออกห่างจากวงเวทย์แม้สักนิดก็ยังดี
แต่ทว่ามันยังไม่ทันได้มีความสุข ก็มีแรงไร้ตัวตนกดตัวมันที่เป็นถึงแรงค์9และยังมีร่างกายที่ใหญ่โตซึ่งยากต่อการสั่นคลอนก็ได้ถูกกดตัวล่วงหล่นลงไปง่ายๆดุจกระดาษ ลงพื้น ณ จุดเดิมในวงเวทย์…..
พวกคาร์ลเรียสทั้งสามมองการดิ้นรนของแมงมุมราชานี พวกเขาก็ฉีกยิ้มเยาะเย้ยออกมา แตกต่างจากสีหน้าหวาดกลัวก่อนหน้านี้ลิบลับ มองรอยยิ้มชั่วๆแบบวายร้ายของพวกมัน วู่หยานก็คลี่ยิ้มเยาะเย้ยออกมาเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ที่วงเวทย์ยังไม่ได้แสดงผล แค่แมงมุมราชินีขยับตัวนิดหน่อยพวกเอ็งสามตัวก็รีบวิ่งหนีหางจุกตูดแล้ว แต่พอตอนนี้มีวงเวทย์ช่วยปราบก็รีบทำท่ายังกับชนะแล้วเชียวนะ เหอะๆ พวกเอ็งมันพวกวายร้ายเกรดBชัดๆเลยวะ!
แมงมุมราชินียังคงดิ้นรนไม่หยุด อ้าปากส่งเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่ว แต่ไม่ว่ามันจะทำยังไงก็ไม่อายจะขัยบตัวได้แม้แต่นิ้วเดียวยังกับโดนขุนเขากดทับไว้ รู้สึกร่างกายหนักขึ้น ไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่ส่วนเดียว แมงมุมองครักษ์ก็โดนเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้พวกมันสองตัวก็ได้นอนแผ่ไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
พวกคาร์ลเรียสหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะของพวกมันเป็นการส่งสัญญาณรึเปล่า แต่ทว่าหลังจากที่พวกมันหัวเราะ อีกด้านหนึ่งของทางศิลาก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ไม่นานนัก คงของโรงประมูลก็ปรากฏตัวออกมาให้พวกวู่หยานเห็น แต่สิ่งที่ให้พวกเขาต้องขมวดคิ้ว ก็คือคนที่มามันได้มีแค่คนของโรงประมูล แต่มันยังมีคนอีกสองกลุ่มตามมาด้วย
ขบคิดชั่วครู่ วู่หยานก็รู้ทันที
‘ตูว่าแล้ว ถ้าโรงประมูลมันมีแรงค์8ถึงสามคนจริงๆ ป่านนี้พวกมันก็คงครอบครองเมืองท่าไปคนเดียวแล้วล่ะ งี้นี่เองยังมีอีกสองฝ่ายร่วมมือกับแผนบัดซบนี้สินะ……’
นี่จะโทษวู่หยานก็ไม่ได้ ถึงแม้เขาจะมี ‘ความทรงจำสมบูรณ์’ แต่เขาก็โดนพวกโรงประมูลดึงดูดความสนใจไปหมด จึงไม่ได้ให้ความสนใจกลุ่มอื่น บวกกับเขาสนใจแค่คนที่แรงค์6ขึ้นไป ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตุเห็นอีกสองกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่กับพวกโรงประมูล
“คนเลวมักอยู่ด้วยกัน!” เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ท่านประธานเราก็โกรธเกรี้ยวขึ้นทันที เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
วู่หยานมองฮินางิคุด้วยความประหลาดใจปนอึ้งนิดๆ “เธอศึกษาคำพูดคนจีนมาได้ไม่เลวเลยนะ!”
ลุงจากโรงประมูลได้เดินออกมาจากฝูงคน มาตรงหน้าพวกคาร์ลเรียส แล้วโค้งตัวให้ให้ด้วยความเคารพ “ท่านทั้งสามทำสำเร็จแล้วหรือขอรับ?”
“เรืองแบบนี้ยังต้องให้พูดกันอีกรึ?” คาร์ลเรียสโบกมือราวกับไม่ใส่ใจ ถึงแม้จะพูดด้วยเสียงใจเย็น แต่ถ้าฟังดีๆจะรู้เลยว่าน้ำเสียงที่เขาพูดมันเต็มไปด้วยความพึงพอใจด้วย
ลุงเงยหน้ามองไปที่แมงมุมราชินี จึงรู้สึกได้ถึงออร่าความตายและแรงกดดันมหาศาลจากตัวมัน และยังมีเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปทั้งตัว ลุงก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อย
“คาร์ลเรียส จบชีวิตมันซะ!” โมมิลี้เองสังเกตเห็นแรงกดดันที่แมงมุมราชินีส่งออกมา ทำเอาคนอื่นๆรอบๆตัวเขาแข็งค้างไปหมด คาร์ลเรียสพยักหน้าเห็นด้วย
“รู้แล้ว!” ก่อนจะหันไปจัดการ คาร์ลเรียสก็ได้ถลึงตามองไอ้สองคนที่ไม่ให้โอกาศตนโชว์ออฟต่อหน้าลูกน้องเลย จากนั้นก็หยิบเอาก้อนหินเล็กๆสีแดงดุจโลหิตออกมาจากหน้าอก
ทั้งสามคนก้าวเดินหลายก้าวเข้าไปใกล้แมงมุมราชินี เห็นมันที่ดิ้นรนไม่หยุดขณะเดียวกันก็มองพวกตนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารกับความโกรธเกลียด ทำเอาพวกเขาทั้งสามขนลุกซู่
คาร์ลเรียสส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาหนึ่งที เมื่อคิดว่าตนยังมากลัวการสัตว์อสูรที่ใกล้จะตายต่อหน้าลูกน้องตน เขาก็รู้สึกขายหน้าทันที “เหอะ เป็นแรงค์9แล้วมันยังไงล่ะวะ จงจำชื่อฉันที่เป็นคนปราบและฆ่าแกด้วยมือตัวเอง คาร์ลเรียสผู้นี้ไงล่ะ!”
คำพูดโออ้วดไร้มูลของมัน ทำเอาพวกวู่หยานที่แอบดูอยู่พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งเลย…..
ทั้งสามคนต่างก็โยนหินสีเลือดเข้าไปในวงเวทย์จากนั้นก็รียถอยทันที ภายใต้สายตาของแมงมุมราชินี หินก็ได้ลอยไปตกตรงหน้ามัน วินาทีต่อมาหินก็ได้ละเหยกลายเป็นแก๊ส!
ในเวลาเดียวกันกับที่หินได้เปลี่ยนเป็นแก๊ส วงเวทย์ก็หมุนวนทันทีราวกับได้รับการกระตุ้น!
ตัวอักษรรูนที่สลับซับซ้อนได้เปล่างแสงบนอากาศ กลุ่มควันสีแดงที่แต่เดิมเป็นเลือดของผู้คนที่ตายก็ไปเข้าไปวนรอบแมงมุมทั้งสามตัว จากนั้นก็มีบาเรียสีเลือดพุ่งขึ้นมาจากใต้วงเวทย์ มาปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างในแน่นอนว่าแมงมุมทั้งสามก็ไม่เป็นข้อยกเว้น…..
แมงมุมราชินีราวกับรู้ผลลัพธ์ของตน มันได้คำรามออกมาเสียงดังสนั่นชนิดที่ว่าสามารถเขย่าขวัญจิตใจคนที่ได้ยินได้เลย…..
“บึ้ม!!!!”