ตอนที่ 599
เหมือนกัน
“……….”หลินเฟยนั่งมองการหลอมยาของเจ้าหนูยิ่งด้วยท่าทีสนใจ สูตรยาที่เจ้าหนูนั่นใช้ไม่เหมือนกับสูตรที่ตนรู้ แต่พอมองขั้นตอนการผสมแล้วก็พอเดาได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร น่าเสียดายที่สมุนไพรที่ใช้ยังไม่ใช่ของดีมากทำให้ผลที่ออกมาไม่สมบูรณ์นัก
“พี่ยิ่ง ข้าพยายามฝึกตามที่ท่านเขียนแล้ว แต่ยังไงข้าก็ไม่เข้าใจเลยขอรับ”ระหว่างรอเจ้าหนูกำลังหลอมยาอยู่นั้น ฟงเป่าก็นำตำราเล่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน ตำราเล่มนั้นทำจากเนื้อกระดาษแปลกๆเหมือนของทำเอง และลายมือภาษามนุษย์ที่เหมือนคนพึ่งหัดเขียน เห็นแล้วรู้สึกเหมือนตำราวิชา 18 ฝ่ามือท่องแดนอสูรของท่านตาเลย นั่นเป็นวิชาที่พวกท่านตาอสูรทำให้ท่านตาสมัยที่ท่านตาออกไปท่องโลกแรกๆ การเขียนภาษามนุษย์เลยไม่ค่อยชัดเจนแถมเนื้อกระดาษก็ยังไม่ได้พัฒนาเหมือนกระดาษในปัจจุบันด้วย
“อย่ากวนสิ ถ้าข้าพลาดไปเจ้าต้องเข้าไปซื้อของข้างในนั้นอีกรอบนะ”เจ้าหนูตอบพลางพยายามเพ่งสมาธิกับเปลวเพลิงต่อ ทำให้การอ่านตำราของฟงเป่าชะงักไปอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้หลินเฟยใช้จังหวะนี้ลองตรวจสอบตำราในมือฟงเป่าดู แต่เมื่อลองอ่านเนื้อหาในตำราหลินเฟยก็ถอนหายใจเฮือกออกมาทันที คิดผิดจริงๆที่เอาวิชาพวกนี้ไปเทียบกับวิชา 18 ฝ่ามือท่องแดนอสูร แม้วิชาช่วงแรกจะเขียนวิชาที่เหล่าอสูรใช้เหมือนกันก็จริง แต่ช่วงหลังก็เป็นวิชาที่พวกท่าตาอสูรคิดค้นวิชาเพื่อให้มนุษย์ใช้ได้อย่างจริงจังทำให้เกิดฝ่ามือ 18 ท่าขึ้นมา แต่ตำราของฟงเป่านั้นไม่ว่าจะมองทะลุไปกี่หน้าก็เห็นเพียงวิชาของอสูรเพียงอย่างเดียว ไม่แปลกเลยที่ฟงเป่าจะไม่เข้าใจ
“งั้น….ข้าจะลองพยายามฝึกดูนะขอรับ”ฟงเป่าพูดด้วยท่าทีเชื่อฟังก่อนจะก้มหน้าอ่านตำราต่ออย่างว่าง่าย เห็นแบบนั้นแล้วหลินเฟยก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีลำบากใจอยู่ดี หวังว่าเจ้าหนูนั่นจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกยุทธเพราะหากดันไปเข้าใจวิชาของอสูรแล้วใช้งานด้วยร่างกายมนุษย์มีหวังได้ธาตุไฟเข้าแทรกอย่างที่ท่านตาเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ ได้ข่าวว่าคนที่ทำแบบนั้นอาจารย์ของท่านน้าหลี่เย่ต้องรักษานานหลายสิบปีเลยทีเดียว
วูบ…
ระหว่างที่เจ้าหนูตัวกลมกำลังตั้งสมาธิหลอมยาอยู่นั้น อยู่ๆฟงเป่าก็ลุกขึ้นทดลองใช้วิชา ตอนแรกท่าของฟงเป่าก็ดูประหลาดดีไม่น้อย เพราะมันกำลังเลียนแบบท่าของอสูร แต่เพียงครู่เดียวก็หลินเฟยก็สัมผัสได้ถึงการใช้พลังที่ผิดปกติในร่างกายของฟงเป่า
“บ้าจริง…”หลินเฟยกระโดดลงจากต้นไม้มุ่งเข้าไปหาฟงเป่าในทันที เจ้าหนูนี่มองภายนอกเหมือนชายหนุ่มขี้อายอ่อนต่อโลก แต่เพียงเริ่มฝึกไม่นานก็เริ่มเข้าใจวิชาอสูร แถมยังจะใช้งานมันออกมาอีกต่างหาก
หมับ….
หลินเฟยคว้าตัวฟงเป่าเอาไว้แล้วจับกดลงกับพื้นก่อนจะปล่อยพลังวิญญาณของตนเข้าไปในร่างฟงเป่าเพื่อสบายพลังของฟงเป่าที่กำลังจะใช้งานท่าของอสูรในทันที
“จะ เจ้า เจ้าเป็นใคร ออกไปจากฟงเป่านะ”เจ้าหนูตัวกลมที่เห็นเหตุการณ์เข้าก็รีบเข้ามาขวางทันทีโดยปล่อยให้ลูกไฟที่ตนควบคุมอยู่สลายไปก่อนที่ยาจะเสร็จเสียอีก พริบตาที่เจ้าหนูอ้วนพุ่งเข้ามานั้นร่างของมันก็ปรากฏเพลิงสีแดงสดไหลอาบทั่วตัว วินาทีที่เข้ามาถึงตัวหลินเฟยนั้นแทบจะเหมือนลูกไฟลอยได้เลย
เปรี้ยง!!
เพียงฝ่ามือเดียวหลินเฟยก็รับร่างของเจ้าหนูเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แถมไฟที่มันใช้คลุมร่างก็ไม่มีผลอะไรกับหลินเฟยอีกด้วย การโดนโจมตีโดยอสูรระดับมายาขั้น 3 อย่างเจ้าหนูตัวนี้ในอาณาจักรซานคงเป็นเรื่องเลวร้ายมาก หากเป็นคนอื่นไม่ใช่หลินเฟยละก็ลูกการโจมตีเมื่อครู่คงเอาชีวิตอีกฝ่ายไปได้แล้วแน่ๆ
“ใจเย็นเจ้าหนู”หลินเฟยว่าพลางจับร่างของเจ้าหนูเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
“จะ เจ้าเป็นคนของตระกูลหยูสินะ เจ้าจะตามล้างตามผลาญฟงเป่าไปถึงไหน”เจ้าหนูตนนั้นพยายามดิ้นด้วยท่าทีโกรธจัด แต่ถึงมันจะเพิ่มพลังไฟมากเท่าไหร่หลินเฟยก็จับมันเอาไว้ด้วยมือเปล่าโดยไม่มีอาการร้อนเลยแม้แต่น้อย
“คนของตระกูลหยู ไม่ใช่หรอก ข้าไม่ใช่คนของตระกูลที่เจ้าพูด”หลินเฟยตอบพลางปล่อยร่างของฟงเป่าให้เป็นอิสระ แต่คงยังปล่อยเจ้าหนูนี่ออกมาไม่ได้
“แล้วท่านเป็นใครหรือขอรับ แล้วมาโจมตีข้าทำไม”ฟงเป่าลุกขึ้นมานั่งก่อนจะถามหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย
“ข้าเป็นเพียงผู้ผ่านทางมาเท่านั้น บังเอิญเห็นเจ้ากำลังฝึกฝนวิชาผิดๆอยู่ก็เลยเข้ามาช่วยเท่านั้น”หลินเฟยตอบก่อนจะมองไปที่เจ้าหนูมิ่งด้วยท่าทีเหมือนจะถามว่าใจเย็นลงหรือยัง
“วิชาผิดๆอะไรกัน นั่นเป็นยอดวิชาที่ข้าเขียนให้เลยนะ”เจ้าหนูมิ่งตอบพลางจ้องหลินเฟยด้วยท่าทีโมโหที่บังอาจมาต่อว่าวิชาของตน
“ไม่ผิดหรอก วิชาของเจ้าก็ไม่เลวแต่มันไม่ใช่วิชาของมนุษย์ มนุษย์อย่างเราไม่สามารถฝึกฝนวิชาของอสูรได้โดยตรงหรอกนะ”หลินเฟยว่าพลางปล่อยเจ้าหนูมิ่งลงบนพื้น
“เอ๊ะ….”เจ้าหนูมิ่งชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้านี่ไม่เหมือนท่านตาอสูรทั้งหลาย ตอนนั้นมีท่านตามังกรช่วยชี้แนะและทำความเข้าใจร่างกายมนุษย์ทำให้วิชาที่ทุกตนช่วยกันคิดกลายเป็นวิชาที่มนุษย์สามารถใช้ได้ แต่เจ้าหนูนี่เหมือนจะไม่รู้เรื่องนั้นเลย
“หากข้าไม่เข้ามาห้าม เจ้าหนูฟงเป่าคงกลายเป็นบ้าไปแล้ว”หลินเฟยว่าพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ
“งะ งั้นหรือ…..”เจ้าหนูมิ่งตอบด้วยท่าทีรู้สึกผิด ตัวมันไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณของมนุษย์ได้ ก็เลยไม่ทราบว่าเมื่อครู่ฟงเป่าเกือบจะธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว พอได้ทราบความจริงเจ้าหนูมิ่งก็ได้แต่หันไปหาฟงเป่าก่อนจะขอโทษด้วยท่าทีรู้สึกผิด แต่ภาพเช่นนั้นกลับทำให้หลินเฟยยิ่งสงสัย ทำไมอสูรระดับมายาถึงเข้ามาสนิทสนมกับฟงเป่าได้
“พี่สาว ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆที่เข้ามาช่วยเอาไว้ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย”ฟงเป่าลุกขึ้นมาก่อนจะประสานมือคารวะหลินเฟยอย่างนอบน้อม ตนเองก็ทราบเช่นกันว่าพลังเมื่อครู่มันแปลกๆแต่ตนเองหยุดไม่ทันเสียแล้วหากไม่มีหลินเฟยเข้ามาห้ามตนเองก็คงธาตุไฟเข้าแทรกจริงๆเป็นแน่
“เอ๊ะ…ท่าน….พี่สาวในร้านขายสมุนไพรนี่นา”ฟงเป่ามองหน้าหลินเฟยก็พลันสะดุ้งโหยงทันทีเพราะตัวหลินเฟยคือพนักงานที่ตนพึ่งไปซื้อสมุนไพรมานั่นเอง
“ข้อแรกข้าไม่ใช่พี่สาว และข้อสองร้านของข้าเป็นร้านขายของหายากไม่ใช่ร้านสมุนไพร”หลินเฟยทำหน้าบึ้งออกมาทันทีเมื่อฟงเป่าเข้าใจผิดไปหลายเรื่องเลยทีเดียว
“แต่ว่า ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะขอรับ แถมยังหยุดข้าได้ง่ายๆอีกหรือว่าท่านเป็นอสูร”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีงุนงง ก็ตนวิ่งออกมาสุดแรงเลยนี่นา หลินเฟยไม่น่าจะตามมาจากร้านได้ทันทั้งๆที่ไม่มีพลังวิญญาณ
“ไม่ เจ้านี่ไม่มีพลังอสูร ไม่ใช่อสูรหรอก”เจ้าหนูมิ่งตอบพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีงุนงง หากฟังจากที่ฟงเป่าพูดก็หมายความว่าตัวหลินเฟยก็ไม่มีพลังวิญญาณเช่นกัน แล้วเมื่อครู่มันรับการโจมตีของตนเองได้อย่างไร
“ถูกแล้ว ข้าไม่ใช่อสูร แต่เป็นมนุษย์ แต่….ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่มีพลังอสูรเสียหน่อย”หลินเฟยตอบพลางปล่อยพลังอสูรและพลังวิญญาณออกมาเล็กน้อย
“แล้วเจ้าตามพวกเรามาต้องการอะไรกันแน่”เจ้าหนูมิ่งถามพลางจ้องมองหลินเฟยอีกรอบ เรื่องหลินเฟยเป็นมนุษย์นั้นยืนยันได้แล้ว แต่หลินเฟยจะตามพวกตนมาทำไมกัน
“ข้าเห็นลูกค้าคนหนึ่งเอาอสูรติดตัวมาด้วย ข้าก็เลยสงสัยนะสิ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาช้าๆ ก่อนมองไปที่เจ้าหนูมิ่งบ้าง
“เอ่อ….ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรเมืองนี้เลยนะ ข้าแค่อยากจะช่วยฟงเป่าเท่านั้น”เจ้าหนูมิ่งเห็นหลินเฟยมองมาด้วยท่าทีระแวงเช่นนั้นก็รีบแก้ตัวมันที แต่เรื่องนั้นหลินเฟยก็วางใจไปนานแล้วเพราะเห็นเจ้าหนูมิ่งไม่ได้มีท่าทีจะทำร้ายใครเลย แถมยังเอาแต่ช่วยฟงเป่าจริงๆเสียด้วย
“แล้ว…ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ด้วยกันได้ล่ะ อสูรไม่ถูกกับมนุษย์ไม่ใช่หรือ”หลินเฟยถามเรื่องที่ตนเองสงสัยออกไปในที่สุด เรื่องเจ้าหนูมิ่งก็อีกเรื่อง แต่ที่หลินเฟยข้องใจที่สุดก็คือตัวฟงเป่านั่นเอง ฟงเป่านั้นมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรหรือไม่ เพราะหากมีก็มีโอกาสที่ฟงเป่าจะเป็นญาติห่างๆของตนเอง พลังดึงดูดเหล่าอสูรนี้แม้ไม่ทราบว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน แต่ก็สืบทอดกันมาเนิ่นนานแล้ว หลินเฟยก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกันว่าระหว่างรุ่นมีทายาทคนไหนเดินทางลงมาทางใต้จนให้กำเนิดบุตรจนสร้างครอบครัวในดินแดนทางใต้หรือไม่
“เรื่องนั้น เพราะเจ้าหนูนี่โดนคนของตระกูลหยูไล่ฆ่ามาจนถึงในเขตอสูรนะสิ”เจ้าหนูมิ่งตอบพลางถอนหายใจออกมา ดูเหมือนฟงเป่าจะมีเรื่องกับตระกูลหยูเมื่อ 5 ปีก่อน ตัวมันที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็เลยหนีหัวซุกหัวซุนเข้าไปในเขตอสูรจนได้พบกันเจ้าหนูมิ่งเข้า
“พอเจอกับเจ้า เจ้าก็เลยช่วยเจ้าหนูนี่เลยงั้นหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีสงสัย เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเป็นเพราะพลังดึงดูดเหล่าอสูรแน่ๆ
“เปล่าหรอก ตอนแรกเข้าจะฆ่าฟงเป่าทิ้งเหมือนกันเพราะมันเข้ามาในเขตข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่…ข้าเห็นมันก็ไม่ต่างจากข้าก็เลยอยากจะช่วยขึ้นมา”เจ้าหนูมิ่งตอบพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเหมือนคนแก่ที่กำลังเล่าถึงความหลังของตนเอง
“เหมือนเจ้างั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ข้าเองก็ถูกขับไล่ออกมาจากเขตอสูรที่ข้าเติบโตมาเช่นกัน ตอนนั้นข้าอ่อนแอไร้พลังก็เลยต้องหนีไปแอบในเขตอสูรอีกแห่ง แล้วก็สร้างพื้นที่ของตนเองขึ้นมา พอเห็นเจ้าหนูนี่โดนมนุษย์เหมือนกันไล่ฆ่าก็เลยสงสาร”เจ้าหนูมิ่งตอบออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู นับตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมา 5 ปีแล้วทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันราวกับพี่น้องไม่มีผิด
“แล้วอสูรตนอื่นล่ะ ได้ช่วยดูแลฟงเป่าหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางมองไปทางฟงเป่าด้วยท่าทีสงสัย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนที่เกิดถูกใจอสูรแล้วได้รับการช่วยเหลือจากอสูรเฉยๆเสียด้วย อย่างน้าผิงกั่วเองก็เหมือนกัน นางไม่ได้มีพลังดึงดูดเหล่าอสูรแต่ก็ได้ราชินีน้ำแข็งช่วยเลี้ยงดูจนเติบใหญ่อยู่ดี
“อสูรตนอื่นไม่ค่อยดีกับข้าเท่าไหร่ขอรับ ข้าต้องหลบอยู่ในรังของพี่ยิ่งตลอดเลย”ฟงเป่าตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ท่าทางมันจะไม่ใช่ผู้มีพลังดึงดูดเหล่าอสูรสินะ แต่ความสามารถเรียนรู้ที่สามารถเข้าใจวิชาของอสูรได้อย่างง่ายดายนั้นยอดเยี่ยมมาก ไหนจะมีอสูรคอยช่วยเหลือแถมยังมีดวงตาสีทองนั่นอีก
“ฟงเป่า เจ้าอยากจะมาเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่”หลินเฟยถามพลางมองฟงเป่ากับเจ้าหนูมิ่งสลับกัน ไม่ใช่ว่าฟงเป่ามีความสามารถจนหลินเฟยสนใจหรอก แต่เพราะฟงเป่ามีเจ้าหนูมิ่งเป็นคนช่วยอยู่แล้วต่างหาก แถมฟงเป่าเหมือนจะอยากฝึกกลับไปแก้แค้นเจ้าพวกที่ตามล่าตนเองเสียด้วย ได้ฟงเป่าไปเป็นศิษย์ก็ไม่เลวจะได้ช่วยให้ผานซูบ่นน้อยลงหน่อย ที่เหลือก็แค่หาวิชาที่เหมาะกับฟงเป่าให้ฝึกแล้วปล่อยให้อยู่กับเจ้าหนูมิ่งก็เป็นอันจบ แบบนี้นอกจากฟงเป่าจะได้กำไรแล้วตัวหลินเฟยยังสบายอีกด้วย