ภายในแมนชั่นที่จงซาน อินเตอร์เนชั่นแนล
หลังจากที่ทำงานเสร็จและกลับมาที่บ้านแล้ว ลู่โจวเปิดประตูและเห็นโดรนบินตรงมาที่เขา
เสี่ยวไอ: [เจ้านาย!]
ผมของลู่โจวปลิวไปด้านข้างจากกระแสลมของโดรน เขามองเสี่ยวไอด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสี่ยวไอ [มีผู้หญิงคนหนึ่งทำเรื่องแปลกๆ ทันทีที่เธอเข้ามาในนี้]
เรื่องแปลกๆ เหรอ
ลู่โจวถอดรองเท้าและกำลังจะเดินเข้าไปในครัว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ มาจากมุมทางเดิน
“นายกลับมาแล้วเหรอ”
เฉินยู่ซานเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกระเพาะปลาในมือ เธอมีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าขณะที่พูดเย้าแหย่ “ฉันยืมใช้ครัวนายสักพักนะ นายจะโอเคไหม”
“ฉันมั่นใจว่าผู้ชายทุกคนก็ต้องโอเคทั้งนั้นแหละ…” ลู่โจวพูด “วันนี้เธอเลิกงานเร็วเหรอ”
“ฉันอยากเซอร์ไพรส์นาย ฉันก็เลยกลับเร็ว”
“เซอร์ไพรส์เหรอ”
“อย่าบอกนะว่านายลืมวันเกิดตัวเอง”
วันเกิดเหรอ
ทันใดนั้นช่วงเวลาแห่งการตระหนักรู้ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่โจว
เฉินยู่ซานยิ้มมุมปากและพูด
“แปลว่านายลืมจริงๆ อย่างน้อยฉันก็จำได้”
“ยู่ซาน…”
“อ๊า…อย่าอายนักเลย” เฉินยู่ซานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอายทุกครั้งที่เธอได้ยินชื่อตัวเอง เธอพูด “นายไปล้างมือและเตรียมตัวทานข้าวเถอะ!”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดพร้อมรอยยิ้ม
“โอเค! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
เสี่ยวไอ [(╯‵□′)╯(┴─┴]
เทียนถูกปักลงบนเค้ก ตามด้วยเพลงวันเกิด
ลู่โจวมองไปที่ตัวเล็กที่ติดอยู่กับเทียนและเริ่มอธิษฐาน เขารู้สึกอิ่มเอมในหัวใจ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้ แต่ทันทีที่เขาเป่าเทียนเขาก็รู้สึกราวกับคนแก่
ในชั่วพริบตา เขาได้เปลี่ยนจากเป็นนักศึกษาหนุ่มไปเป็นนักวิชาการที่มีอายุ
โชคดีที่ยี่สิบปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขาไม่เสียเปล่า
เราสามารถพูดได้ว่าเขาประสบความสำเร็จค่อนข้างมากด้วยวัยของเขาในตอนนี้
“นายอธิษฐานว่าอะไรเหรอ”
ลู่โจวนำมือมาประสานกันและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเราพูดคำอธิษฐานออกไปมันจะไม่เป็นจริงไม่ใช่เหรอ”
เฉินยู่ซานพูดอย่างมีความสุข “ไม่ใช่สักหน่อย เราสามารถบรรลุคำอธิษฐานของนายร่วมกันได้ นั่นเป็นโอกาสสองเท่าไม่ใช่เหรอ”
ลู่โจวพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะบอก”
เฉินยู่ซานพยักหน้า
“โอเค! บอกมาเลย”
ลู่โจวหลับตาลง
เขานำมือมาประสานกันและอธิษฐานอีกรอบ
“ฉันต้องการใช้เงินที่ฉันได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตัวอย่างเช่น… เหมือนที่ชายแก่คนหนึ่งแนะนำฉันว่าให้ตั้งรางวัลในนามของฉันเพื่อให้กำลังใจนักวิชาการรุ่นเยาว์”
อันที่จริงความคิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น แต่มันอยู่ในใจของเขามานานแล้ว
เขาตัดสินใจตั้งแต่อยู่ที่ทะเลสาบมาลาเรนแล้ว
หลังจากที่ได้ยินคำอธิษฐานของลู่โจว เฉินยู่ซานทำหน้ามุ่ย
“ฉันคิดว่าจะมีอะไรเกี่ยวกับฉันเสียอีก”
ลู่โจวมองเฉินยู่ซานและยิ้ม
“ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ ฉันหวังว่าจะแสดงให้เธอเห็นผ่านความจริงใจของฉัน ไม่ใช่แค่ผ่านคำอธิษฐาน”
“นี่คุณมีเสน่ห์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
หลังจากที่คิดเรื่องนี้อย่างจริงจังอยู่สักพัก ลู่โจวพูดขึ้น
“ฉันเหรอ?”
“…”
เฉินยู่ซานหันหน้าไปทางอื่น แก้มของเธอแดงระเรื่อ
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนหลงเสน่ห์ง่ายๆ แต่เธอก็รู้สึกอุ่นใจเสมอเมื่อได้เห็นเขาพูดคำเหล่านั้นอย่างจริงจัง
ราวกับว่าสวิตช์ของหัวใจเธอถูกเปิด
อ๊าาาาา…
ฉันรักเขาจังเลย!
ลู่โจว “…?”
หลังจากที่เป่าเทียนเสร็จแล้วก็ได้เวลาตัดเค้ก
แต่ลู่โจวไม่ได้อยากทานเค้กเลยสักนิด
เพราะห่างออกไปเพียงไม่กี่ฟุตก็มีอาหารเต็มโต๊ะ แค่ได้กลิ่นก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาของมันที่ดูเหมือนออกมาจากการ์ตูน
หากมีระบบการให้คะแนนสำหรับอาหาร ลู่โจวมั่นใจว่าอาหารพวกนี้จะอยู่ในหมวด ‘ยอดเยี่ยม’ หรือ ‘สมบูรณ์แบบ’
หลังอาหารค่ำอันโอ่อ่า ทั้งสองนั่งพิงกันเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ ทั่วไป
เสี่ยวไอรับหน้าที่ทำความสะอาดโต๊ะ
เฉินยู่ซานมองไปที่โทรทัศน์ เธอดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะที่พูดขึ้น
“นายจะกลับมาจากดาวอังคารช่วงสิ้นปีใช่ไหม”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้า เขาหันกลับมามองเธอและพูด “เราจะแต่งงานกันทันทีที่ฉันกลับมา โอเคไหม”
“ไม่ นายไม่จริงใจเลยนะ”
เฉินยู่ซานไม่คิดว่าเฉินยู่ซานจะปฏิเสธ
“แล้วถ้าเป็น”
“ไม่!” นิ้วชี้ของเฉินยู่ซานสัมผัสริมฝีปากลู่โจวและขัดจังหวะเขา เธอกลอกตาและจ้องไปที่เขา เธอพูด “สัญญากับฉันก่อน!”
“เอ่อ…โอเค” ลู่โจวพูดพร้อมความรู้สึกอบอุ่นในท้อง “ฉันสัญญาว่าจะทำให้เธอมีความสุขตลอดชีวิตของเรา”
เฉินยู่ซานยิ้มมุมปาก
“ฮืม ฉันจะจำไว้…เกี่ยวก้อยสัญญา”
ลู่โจวยิ้มและยื่นมือขวาออกไป
“เกี่ยวก้อยสัญญา”
…
ชูลทซ์ย้ายมาอยู่ที่จุดปล่อยยานจินหลิงและเข้าร่วมโปรแกรมฝึกฝน หลังจากที่ตัวแทนจากประเทศอื่นๆ เดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดลู่โจวก็ได้พบกับสมาชิกคณะสำรวจทั้งหมดที่เขากำลังจะเป็นผู้นำ
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะไม่ได้รู้จักกัน แต่พวกเขาก็เข้ากันได้อย่างดี
เพราะสุดท้ายนี่คืออนาคตของอารยธรรมมนุษย์ ทุกคนอุทิศตนกับการเตรียมตัวปล่อยยาน
เมื่อใกล้ถึงวันออกเดินทาง งานปกติของลู่โจวก็เริ่มยุ่งมากขึ้น แต่เขาก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับคู่หมั้นให้มากที่สุด
ในเวลาเดียวกันการถกเถียงกันบนอินเทอร์เน็ตก็มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะเรื่องของรายชื่อคณะทูตที่เป็นตัวแทนของอารยธรรมมนุษย์ไปยังดาวอังคารเพื่อแลกเปลี่ยนกับอารยธรรมนอกโลกยังไม่ได้รับการประกาศ คนมากมายพากันคาดเดาว่าใครจะอยู่ในรายชื่อคณะทูตเหล่านั้น
“ฉันเดาว่าสมาชิกในทีมวิจัย LSPM ต้องไปแน่ๆ ! ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณสังเกตเห็นหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าอารยธรรมนอกโลกจะชี้ให้เห็นว่าพวกเขาจะสื่อสารกับคนที่แก้ข้อคาดการณ์ ABC ได้เท่านั้น”
“ฉันว่าจะต้องเป็นนักวิชาการลู่แน่ๆ จุดสูงสุดของอารยธรรมมนุษย์…นอกจากเขาฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะสมเท่าใครในการเป็นตัวแทนของมนุษย์ระดับสูงสุด”
“ไม่มีทาง! ถ้าฉันเป็นคนใหญ่คนโตของรัฐ ผมไม่มีทางปล่อยให้เขาไปแน่ๆ ”
“ฮ่าฮ่า แต่น่าเสียดายที่คุณไม่ได้เป็น”
“หรือจะเป็นเพเรลมาน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียและดูเหมือนว่าเขาจะทำงานที่มหาวิทยาลัยจินหลิง บางทีพวกเขาอาจจะส่งเขาขึ้นไป”
“ไม่น่าจะเป็นเขานะ เขา…ดูเหมือนจะไม่สนใจ สภาพจิตใจของเขาไม่มั่นคง ใครจะกล้าส่งเขาขึ้นไปล่ะ”
“ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะสนใจหรือเปล่า ถ้าฉันเป็นปูติน”
“พอแล้ว พอแล้ว คุณจะบังคับให้ใครขึ้นไปบนดาวอังคารไม่ได้”
“…”
ความขัดแย้งเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ขอบเขตเริ่มขยายออกไปเรื่อยๆ
สมาพันธ์มนุษย์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายและกลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ
ก่อนหน้านี้อนาคตร่วมกันของมนุษยชาติเป็นแนวคิดที่เป็นนามธรรมมาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันกลับให้ความหมายที่สมจริง
นักสังคมวิทยาหัวรุนแรงหลายคนถึงกับเสนอแนวคิดที่อาจหาญ
การแลกเปลี่ยนกับอารยธรรมนอกโลกไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มระดับเทคโนโลยีของอารยธรรมทั้งสองและส่งเสริมรูปแบบศิลปะใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางการเมืองบนโลกและเปลี่ยนแนวความคิดเกี่ยวกับขอบเขตดั้งเดิมได้อย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่างเช่น ศาสตราจารย์คามิลลา อิเวน นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้แสดงความคิดเห็นเชิงบวกในการให้สัมภาษณ์
“ความสำเร็จทั้งหมดของสังคมมนุษย์จนถึงปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยจินตนาการ การติดต่อกับอารยธรรมนอกโลกจะขยายจินตนาการของเราไปสู่มิติใหม่ เราจะค้นพบกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดกว่าเราในมุมหนึ่งของจักรวาล”
“และผลผลิตทางเศรษฐกิจของพวกเขาจะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน”
นอกจากภารกิจการเดินทางบนดาวอังคารรอบที่ 2 ที่กำลังจะมาถึงแล้ว คณะกรรมการวงโคจรรอบดวงจันทร์ของจีนยังได้ประกาศแผนอพยพขนาดใหญ่ชุดที่สองสำหรับเมืองก่วงฮั่นด้วย
ในครั้งนี้ระดับการอพยพจะอยู่ที่ 500 คน
แม้ว่าจะไม่มีสาเหตุและผลกระทบที่ชัดเจน แต่ผู้คนยังคงรู้สึกว่าการค้นพบอารยธรรมนอกโลกดูเหมือนจะทำให้การพัฒนาทรัพยากรดวงจันทร์ของจีนเคลื่อนเข้าสู่ช่องทางที่รวดเร็ว
หลายคนรู้สึกถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจของตัวเอง
ราวกับจะตอบรับกับความรู้สึกนี้ บทความที่เป็นที่นิยมบนวีแชทได้รับความสนใจจากคนส่วนใหญ่ และมันทำให้คนนึกถึงอนาคต…