ทะเลตะวันออก
ทะเลกระจกเงา
ผิวทะเลราบเรียบราวกับกระจก แม้ลมทะเลจะโหมกระหน่า แต่น้ำทะเลยังสงบนิ่ง
เซี่ยเจิ้งชิงของตระกูลเซียประจําการอยู่ที่นี่
ทะเลกระจกเงาเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์มันสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความมืดและเส้นทางแห่งกฎปริมาณมหาศาลให้กับตระกูลเซียแม้ตระกูลเซียจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีเป็นหลักแต่ทรัพยากรเหล่านี้สามารถขายทํากําไร
เซี่ยเจิ้งชิงกําลังปิดประตูฝึกตนเมื่อสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
“ปลาอสรบรรพกาลโจมตีงั้นหรือ?” เซี่ยเจิ้งชิงคิดว่าสัตว์ทะเลก่อความวุ่นวายดังนั้นเขาจึงบนออกไปตรวจสอบ
แต่ต่อมาร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้น “ศัตรูบุก!”
สามผู้อมตะระดับเจ็ดพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกัน
เซี่ยเจิ้งชิงเร่งกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้ค่ายกลวิญญญาณอมตะของตระกูลเซียกลับเกิดการระเบิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
ปรากฏว่าผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์ขนกําลังทุบตีมันด้วยค้อนขนาดใหญ่
เซียเจ๋งชิงพ่นเลือดออกมาจากปาก เขาตระหนักในทันทีว่าสามผู้อมตะระดับเจ็ดก่อนหน้าเป็นเพียงเหยื่อล่อขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคือกําลังหลัก
“ผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์ขนงั้นหรือ?” เซี่ยเจิ้งชิงรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามเขาเร่งใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อส่งตนเองออกไปทันที
ในเวลาต่อมา เขาปรากฏตัวขึ้นห่างจากค่ายกลวิญญาณอมตะเป็นระยะทางหนึ่งพันลี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาถูกส่งมาที่นี่จริงๆ มารดาอมตะแห่งปัญญาช่างน่าประทับใจนัก!” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งยกย่อง
มารดาอมตะแห่งปัญญาส่ายศีรษะ “หากไม่ได้รับข้อมูลจากท่านผู้นํา ข้าจะสามารถอนุมาานได้อย่างแม่นยําเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เซี่ยเจิ้งชิงรู้สึกสิ้นหวัง
หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์สองคนอยู่ที่นี่
“ตั้งแต่เมื่อใดที่ผู้อมตะระดับแปดสามารถพบเห็นได้ทั่วไป!?”
“มีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน!”
เซี่ยเจิ้งชิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “พวกเจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดพวกเจ้าจึงโจมตีตระกูลเซียของเรา?
จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งไม่พูดแต่โจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะระดับแปดทันที
เซี่ยเจิ้งซึ่งเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาไม่สามารถต่อต้านและถูกแช่แข็งในพริบตา
ฐานทัพใหญ่ของตระกูลเซียแห่งทะเลตะวันออก แดนศักดิ์สิทธิ์น้ำพุร้อน
“โอ้ ไม่ ศัตรูที่แข็งแกร่งบุกโจมตีทะเลกระจกเงา แม้เซี่ยเจิ้งชิงจะใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อหลบหนีแต่เราสูญเสียการติดต่อกับเขาไปแล้ว!”
ข้อมูลจากเซี่ยเจิ้งซึ่งถูกส่งมาแล้ว
ตอนนี้ผู้อมตะของตระกูลเซียส่วนใหญ่อยู่ในฐานทัพใหญ่แห่งนี้ หลังจากทั้งหมดพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น
“เซี่ยเจิ้งชิงส่งข้อมูลมาว่ามีกลุ่มผู้อมตะทั้งเผ่ามนุษย์และเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บุกโจมตีท่ามกลางพวกเขามีผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์ขนรวมอยู่ด้วย”
“คนเหล่านี้มาจากที่ใด?”
“ข้าเกรงว่าพวกเขาจะเป็นกองกําลังจากสวรรค์สีดําและสวรรค์สีขาว กระแสลมปราณอาละวาดถ้าสวรรค์ของพวกเขาถูกเปิดเผย ดังนั้นพวกเขาจึงฉวยโอกาสลงมือกับพวกเรา!”
“เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ หากพวกเขาไม่ใช้โอกาสนี้ เมื่อกระแสลมปราณสงบลงห้าภูมิภาคจะสํารวจสวรรค์ทั้งสอง หากพวกเราพบถ้าสวรรค์ของพวกเขาพวกเราจะกวาดล้างพวกมัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ย้อนกลับไป กระทั่งเทพอมตะแรกกําเนิดและเทพอมตะกลุ่มดาวก็ไม่สามารถค้นหาถ้าสวรรค์เหล่านั้นแต่ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ถูกบังคับให้เผยตัว”
ผู้อมตะของตระกูลเซียไม่หวั่นไหว แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขาก็มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่สามารถต่อต้านศัตรู
แต่ไม่นานข่าวร้ายก็มาถึง
ทะเลคลื่นแสงและทะเลตกปลาของตระกูลเซียถูกทําลายล้างโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มเดิมผู้อมตะของตระกูลเซียที่ปกป้องแหล่งทรัพยากรทั้งสองแห่งอ่อนแอกว่าพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะส่งข้อมูลใดๆกลับฐานทัพก่อนจะสูญเสียการติดต่อ
ผู้อมตะตระกูลเซียโกรธมาก
“เราต้องมอบบทเรียนให้กับมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้!”
“อืม มนุษย์กลายพันธุ์กล้ารังแกมนุษย์งั้นหรือ?”
“มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้บ้าไปแล้ว”
“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง โปรดใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะฆ่าพวกมัน!”
“ถูกต้อง ผู้อมตะสามคนของเราตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว เราต้องช่วยสมาชิกของเราและทวงคืนความอัปยศนี้!”
ผู้อมตะของตระกูลเซียต้องการต่อสู้
ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซียคือเซี่ยรัยจอ เมื่อได้ยินคํากล่าวของกลุ่มผู้อมตะใบหน้าของเขากลายเป็นมืดครึม
เขาส่ายศีรษะ “มันไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะโจมตีตอนนี้ เราสูญเสียแหล่งทรัพยากรไปสามแห่งทั้งสามล้วนเป็นสถานที่สําคัญของตระกูลเรามีค่ายกลวิญญาณอมตะปกป้องพวกมันแต่เรากลับสูญเสียพวกมันไปอย่างรวดเร็วนี่ไม่ใช่เรื่องปกติ”
“ตระกูลเซียของเราไม่มีผู้อมตะระดับแปด หากเรานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองหลังออกไปฐานทัพใหญ่ของเราจะอ่อนแอลงมากตอนนี้ทะเลมนุษย์ของเราเกือบสมบูรณ์แล้วเราไม่สามารถลดการป้องกัน!”
“ในความคิดเห็นของข้า เราต้องป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่จนกว่าทะเลมนุษย์จะสมบูรณ์เมื่อเวลานั้นมาถึงรากฐานของเราจะแข็งแกร่งขึ้นมากเราจะเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ระดับแนวหน้าของทะเลตะวันออกและสามารถรับมือกับศัตรูได้ดีขึ้น”
แม้เซียรู้ยจื่อจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาค่อนข้างมีความสามารถและมีชื่อเสียงหลังจากได้ยินคํากล่าวของเขากลุ่มผู้อมตะของตระกูลเซียถูกโน้มน้าวทันที
แต่หลังจากนั้นเสียงระเบิดกลับดังขึ้นพร้อมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่บุกทะลวงเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาโดยตรง
“วังมังกร!”
“ส่วย!”
“โอ้ สวรรค์ ผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จํานวนมาก!”
กลุ่มผู้อมตะของตระกูลเซียหน้าซีด พวกเขาหวาดกลัวมาก
แต่อู่ส่วยไม่ให้เวลาพวกเขายอมรับความจริง เขาโบกมือ “โจมตี!”
ในเสี้ยวพริบตากลุ่มผู้อมตะระดับแปดก็พุ่งเข้าสู่สนามรบ
หัวใจของผู้อมตะตระกูลเซียจมดิ่งลง บางคนเกือบหมดสติไป ณ จุดนั้น
ตระกูลเซียไม่มีผู้อมตะระดับแปดแม้แต่คนเดียวขณะที่อู่ส่วยมีผู้อมตะระดับแปดมากกว่าสิบคน
“แดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเซียไม่ใช่วังสวรรค์ เหตุใดผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากจึงบุกโจมตีพวกเรา?”เซี่ยรู้ยจื่อพึมพําด้วยความสิ้นหวัง
“ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เราต้องถอย!” ผู้อมตะหญิงนามว่าเซียอิงตะโกน
เซี่ยงัยจอกัดฟันกล่าว “ไป เข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!”
หลังจากได้ยินคําปรามาสของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง การแสดงออกของสามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกก็เปลี่ยนแปลงไป
เหลียนเค่อซินยังยิ้ม “เราเข้าใจความตั้งใจของท่านแต่เราจะไม่ถูกยั่วยุโดยคํากล่าวของท่านเผ่ามนุษย์เงือกอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออกอย่างสงบสุขมาตลอดเราจะไม่เข้าร่วมในความขัดแย้ง ภายนอก”
จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งส่ายศีรษะ “ไร้สาระ!ผู้ใดไม่อยากอยู่อย่างสงบสุข? ในประวัติศาสตร์ความสงบสุขจะเกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้เท่านั้นเผ่ามนุษย์เงือกได้รับความช่วยเหลือจากเทพอมตะสวรรค์พิภพในอดีตนั่นคือเหตุผลที่พวกเจ้าสามารถใช้ชีวิตเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน”
“แต่เราทุกคนเห็นสงครามชะตากรรมแล้ว วิญญาณชะตากรรมถูกทําลายห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่งโลกกําลังเปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเรา ด้วยภัยพิบัติและความขัดแย้งเราจะอยู่อย่างสงบสุขได้
28Cอีกนานเท่าใด?”
“วังเงือกศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าต้องการอยู่ห่างจากเรื่องนี้งั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เทพอมตะสวรรค์พิภพเสียชีวิตไปนานเท่าใดแล้ว? อิทธิพลของเขาจะสามารถปกป้องพวกเจ้าได้อีกนานเพียงใด?”
ใบหน้าของเหลียนเค่อซินกลายเป็นมืดครึม นางไม่สามารถโต้แย้งหรือตําหนิฝ่ายตรงข้าม
หยูจือกล่าวเสียงเย็นมาจากด้านข้าง “เรามีผู้อมตะมากกว่าสิบคนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะนาวาเห็นเกียรติยศมันไม่ใช่อิทธิพลของเทพอมตะสวรรค์พิภพเท่านั้นที่ทําให้เราพัฒนามาถึงทุกวันนี้”
จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับนาวาเห็นเกียรติยศของพวกเจ้ามานานแล้วแต่แล้วอย่างไร? มันเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดแม้พวกเจ้าจะมีผู้อมตะมากมาย แต่พวกเจ้ามีผู้อมตะระดับแปดหรือไม่?ไม่แม้แต่คนเดียวฮ่าฮ่าลืมเรื่องอื่นไปได้เลยหากข้าโจมตีพวกเจ้าตอนนี้ผู้ใดจะสามารถหยุดข้า?”
ใบหน้าของสามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกกลายเป็นเย็นชา เซี่ยหนิงซีกล่าว “จักรพรรดิผล็กน้ำแข็งหากท่านต้องการต่อสู้เราจะแสดงความแข็งแกร่งของเราให้ท่านได้เห็น!”
จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งโบกมือ “อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มาสร้างปัญหาให้กับพวกเจ้า เราต่างเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ในยุคสมัยที่มนุษย์ปกครองโลกข้าต้องการสร้างความร่วมมือกับมนุษย์กลายพันธ์เผ่าอื่นๆไม่ใช่ศัตรข้ามาที่นี่เพื่อหาพันธมิตรข้าจะต่อสู้กับพวกเจ้าได้อย่างไร?”
“ข้าเข้าใจว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ต้องการสร้างความร่วมมือ แต่ลองคิดดูตราบเท่าที่ข้ากระจายข่าวว่าพวกเจ้าเชิญข้ามาที่นี่และส่งสัญญาณว่าต้องการเข้าร่วมกับกองกําลังพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ของสวรรค์สีดําเพื่อต่อต้านมนุษย์มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?”
สามนางเงือกมองหน้ากัน
หากพวกนางปฏิเสธ จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งจะปล่อยข่าวลือว่าเผ่ามนุษย์เงือกต้องการเข้าร่วมกับพวกเขา
เมื่อข่าวลือถูกแพร่กระจายออกไป มันจะสร้างความหวาดระแวงให้กับกองกําลังเผ่ามนุษย์เผ่ามนุษย์เงือกจะกลายเป็นศัตรูของมนุษย์ทันที
ในเวลานั้น กองกําลังเผ่ามนุษย์จะรวมตัวกันและโจมตีเผ่ามนุษย์เงือก
กองกําลังเผ่ามนุษย์ต้องการทําลายเผ่ามนุษย์เงือกมานานแล้ว แต่พวกเขายังต้องคํานึงถึงอิทธิพลของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
เผ่ามนุษย์เงือกจะถูกบังคับให้เข้าสู่สงคราม พวกเขาจะไม่สามารถอยู่มีชีวิตรอดหากไม่ทํางานร่วมกับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งหรือกองกําลังอื่นที่มีพลังอานาจเท่าเทียมกัน
ดังนั้นเป้าหมายของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งในการมาเยือนเผ่ามนุษย์เงือกจึงประสบความสําเร็จตั้งแต่แรก
สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกพบปัญหา พวกนางตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันของโลกใบนี้พวกนางกําลังคัดเลือกและหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์อมตะเช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกนางยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ เมื่อสงครามห้าภูมิภาคปะทุขึ้นสถานการณ์ของพวกนางจะยิ่งเลวร้ายลง
เผ่ามนุษย์เงือกรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง
สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกไม่มีความทะเยอทะยานมากนัก พวกนางเพียงต้องการรักษาสมาชิกเผ่าของตนเองเอาไว้ ดังนั้นพวกนางจึงไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งแต่พวกนางก็ไม่ต้องการเข้าร่วมกับผู้นําที่มีความทะเยอทะยานที่จะทําสงครามกับมนุษย์เช่นกัน
เมื่อเห็นสามนางเงือกเงียบ จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งจึงเปิดปากกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “พวกเราต่างเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ข้าจะไม่บังคับพวกเจ้ามาเดิมพันกันเถอะ”
สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกมองหน้ากันก่อนถาม “เดิมพันสิ่งใด?”
“เราจะแข่งขันกันสามรอบ ไม่ว่าเผ่าของพวกเจ้าจะใช้วิธีใด ตราบเท่าที่พวกเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้หนึ่งครั้งข้าจะลืมข้อเสนอในการสร้างพันธมิตรข้าจะจากไปโดยไม่เปิดเผยสิ่งใดเกี่ยวกับพวกเจ้า แต่หากข้าชนะทั้งสามรอบนั่นหมายความว่าเผ่ามนุษย์เงือกอ่อนแอเกินไปพวกเจ้าจะพบกับภัยพิบัติในอนาคตอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเจ้าควรเข้าร่วมกับข้าเพื่อทําให้แน่ใจว่าเผ่าของพวกเจ้าจะอยู่รอด”จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งกล่าวอย่างช้าๆ
สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกไม่มีทางเลือก พวกนางทําได้เพียงพยักหน้าและตกลงเดิมพัน
รอบแรก สามนางเงือกออกไปรวบรวมผู้อมตะเผ่ามนุษย์เงือกและสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะคลื่นเงือกศักดิ์สิทธิ์
“เป็นค่ายกลที่ดี มันสามารถดักจับศัตรูได้จริงๆ” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งยกย่อง
“จักรพรรดิผล็กน้ำแข็ง ท่านกล้าเข้ามาหรือไม่?”
จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งหัวเราะเสียงดัง เขาเข้าไปและโจมตีหลายครั้ง ค่ายกลแตกเป็นเสี่ยงๆเขาสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เงือกกัดฟันแน่น พวกเขาได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
“น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่มีผู้อมตะระดับแปดช่วยควบคุมค่ายกลน” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งวิจาร
รอบที่สอง เผ่ามนุษย์เงือกใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะนาวาเห็นเกียรติยศ
หลังจากต่อสู้หลายรอบ จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งก็ได้รับชัยชนะอีกครั้ง
สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกพูดคุยกันด้วยความกระวนกระวายใจ
“เหลือเพียงรอบเดียวเท่านั้น เราจะทําอย่างไร?”
“หากเราแพ้ เราจะต้องร่วมมือกับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง เราควรทําอย่างไร?”
“เหตุใดเราไม่ใช้สิ่งนั้น?” เซี่ยหนิงซีเสนอ
เหลียนเค่อซินและหยุงื่อตกตะลึง พวกนางสายศีรษะ “ไม่ เราไม่สามารถใช้สิ่งนั้นผลกระทบของมันร้ายแรงเกินไป แม้จะไม่มีข่าวลือของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งแต่เรายังจะตกเป็นเป้าหมาย ของทุกคนเผ่าของเราจะถูกทําลาย!”
“หากเราไม่ใช้มัน เราจะทําอย่างไร? เราจะขอความช่วยเหลือจากกองกําลังเผ่ามนุษย์ของทะเลตะวันออกงั้นหรือ?”
“ไม่ ตอนนี้ทุกคนต่างได้รับผลกระทบจากกระแสลมปราณ พวกเขาจะมาช่วยเราได้อย่างไร?ต่อให้พวกเขามาราคาที่เราต้องจ่ายก็สูงเกินไป”
“โอ้ ข้านึกถึงบางคน เหตุใดเราไม่ลองขอความช่วยเหลือจากผู้นําเผ่า?” เซี่ยหนิงซีถาม
เหลียนเค่อซินถอนหานยใจและปฏิเสธ“เขาเป็นผู้นําเผ่ากู้แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่เขาเป็นมนุษย์อสูรสันโดษหากเราขอความช่วยเหลือจากเขามันจะสร้างปัญหาให้เขานอกจากนี้เขาอาจไม่สามารถเอาชนะจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเช่นกัน”
ดวงตาของหยุขื่อส่องประกายขึ้น “เช่นนั้นคนผู้นี้อาจช่วยเราได้ เขาอาจชนะจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง!”
“โอ้ ผู้ใด?”
“เวลานี้ผู้ใดจะสามารถช่วยเหลือพวกเรา?”
หยูจอกระพริบตาก่อนกล่าว“พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้มีผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในฐานทัพของเผ่า”
“อา…เป็นเขา!” เหลียนเค่อซินตระหนักได้ในที่สุด
“ยอดเยี่ยม ข้าจะติดต่อผู้นําเผ่ากู้และขอความช่วยเหลือจากท่านอู่ส่วยเดี๋ยวนี้!”เซี่ยหนิงซีกล่าวและรีบดําเนินการ
การระเบิดของค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดาราทําให้การต่อสู้ในวังสวรรค์หยุดชะงักไปชั่วครู
ต่อมาผู้อมตะภาคเหนือก็โห่ร้องและสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่
“จื่อเว่ย!” ฉินติงหลิงหน้าซีดด้วยความตกใจ นางรีบบินเข้าไปหาเทพธิดาจื่อเว่ยที่อยู่ในซากปรักหักพัง
เทพธิดาจื่อเว่ยอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก นางหมดสติไปแล้ว ฉินติงหลิงต้องช่วยชีวิตนางอย่างเร่งด่วน
ฉินติงหลิงไม่ลังเล นางตัดสินใจล่าถอยและไม่อยู่สนับสนุนราชันมังกรอีกต่อไป นางรู้ขีดจํากัดของตนเอง นางไม่มีประโยชน์สําหรับราชันมังกร ในทางตรงข้าม เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นนักวางกลยุทธ์ของวังสวรรค์ นางมีความสําคัญ วังสวรรค์ไม่สามารถสูญเสียนาง
ฟางหยวนต้องการใช้โอกาสนี้สังหารเทพธิดาจื่อเว่ยแต่ราชันมังกรปิดกั้นเขาเอาไว้อีกครั้ง
กําแพงปราณมังกรทั้งแข็งแกร่งและสามารถเคลื่อนย้าย แม้ฟางหยวนจะมีเรือรบหมื่นปี แต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนีจากมันได้โดยง่าย
ภายในกําแพงปราณมังกร ใบหน้าของราชันมังกรกลายเป็นดุร้าย เขาปฏิบัติต่อฟางหยวนเหมือนศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของเขา การดูถูกก่อนหน้านี้หายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดาราถูกทําลาย ราชันมังกรจึงตระหนักได้ว่าท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนของฟางหยวนเป็นเพียงเหยื่อล่อ จุดประสงค์ของมันคือการถ่วงเวลา
วิธีการที่แท้จริงของฟางหยวนถูกจัดเตรียมอยู่ในความมืด เมื่อเขาใช้มันออกมา มันสามารถแสดงผลลัพธ์ที่น่าตกใจได้ทันที
“เหตุใดฟางหยวนจึงมีวิธีทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดารา? มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ?”
ราชันมังกรรู้ว่าฟางหยวนสามารถทําลายกําแพงปราณเพราะการกําเนิดใหม่ของเขา แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดาราไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ฟางหยวนประสบปัญหาจากมันก่อนหน้านี้ หากเขาเคยเห็นมันในชีวิตก่อนหน้า เขาย่อมเตรียมตัวรับมือและสามารถต่อต้านมันตั้งแต่เริ่มต้น
“หมายความว่าฟางหยวนสามารถอนุมานวิธีการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดาราระหว่างการต่อสู้งั้นหรือ? นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ราชันมังกรรู้สึกมึนงง
วังสวรรค์รู้ว่าฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและเตรียมตัวรับมือมันไว้แล้ว
ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องยากสําหรับฟางหยวนที่จะคลี่คลายค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดารา
แต่เรื่องนี้ค่อนข้างบังเอิญ
ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนสํารวจถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เขาได้รับต้นเหล็กดาวตกมาจากเฉินกงเจิ้ง
ต้นเหล็กดาวตกเป็นพืชอสูรแรกกําเนิด มันมีความสามารถพิเศษและหาได้ยาก
สิ่งนี้สามารถดึงดูดดาวดาวให้ตกลงมาที่มันและกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋
ตามข่าวลือ เทพอมตะบัวสวรรค์เดินทางไปรอบโลกเพียงลําพังเพื่อรวบรวมพืชอสูรแรกกําเนิดชนิดนี้
คุณค่าของต้นเหล็กดาวตกไม่ได้อยู่ที่ตัวมันเท่านั้น
ด้วยการปลูกมันไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ มันสามารถสร้างระบบดวงดาวขึ้นบนท้องฟ้าและสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์
หากไม่มีต้นเหล็กดาวดาว แม้ฟางหยวนจะมีความรู้เกี่ยวกับมัน เขาก็ยังไม่สามารถแปลงร่างเป็นต้นเหล็กดาวตก แต่หลังจากได้รับมันมา เขาศึกษาเกี่ยวกับมันและสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นต้นเหล็กดาวตกได้สําเร็จในที่สุด
นอกเหนือจากต้นเหล็กดาวตก ฟางหยวนยังมีท่าไม้ตายอมตะหมื่นนิ่งห้อยดาราของตงฟาง ชางฟานและดวงดาวของเย่หลิวชุนซึ่ง ทั้งหมดเป็นสมบัติที่เขาได้รับในอดีต
ด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนแสงแห่งปัญญา เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนดาราและบรรลุผลลัพธ์ที่น่าทึ่งนี้
ราชันมังกรตกใจมากที่ฟางหยวนสามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะทางผ่านดารา
ในสายตาของราชันมังกร ฟางหยวนเริ่มยากที่จะหยั่งถึงมาขึ้นเรื่อยๆ
ภายในเรือรบหมื่นปี ฟางหยวนกลับสู่ร่างมนุษย์
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!
กองทัพภูตมนุษย์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ายของวังสวรรค์รู้สึกถึงความยากลําบากในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาขาดกําลังรบ
แม้เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวจะปลุกผู้อมตะจํานวนมากขึ้นมาจากสุสานอมตะล่วงหน้า แต่พวกเขาติดอยู่ในสนามรบภูเขาขนดก
“กองกําลังที่อยู่ห่างไกลไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์” ราชันมังกรถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่น
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ปราณภูเขาและแม่น้ํา!
แรงกดดันมหาศาลพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
กองทัพภูตมนุษย์ของฟางหยวนถูกทําลายในครั้งเดียว แท่นบูชาแห่งโชคถูกกดลงบนพื้น กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์ที่อยู่ในรัศมีการทําลายล้างของท่าไม้ตายนี้ยังได้รับผลกระทบและถูกทําลายกลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา
ฟางหยวนและเรือรบหมื่นปีก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ความเร็วของเรือรบหมื่นปีลดลงและเริ่มร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับมันก่าลังแบกรับน้ําหนักของภูเขาและแม่น้ําเอาไว้
ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ตกใจ ตรงข้าม เขารู้สึกมีความสุข
เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะปราณภูเขาและแม่น้ํา ในชีวิตก่อนหน้าราชันมังกรเคยใช้มันเพื่อเอาชนะในการต่อสู้แย่งชิงวังมังกร
แต่ตอนนี้ราชันมังกรต้องใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อทําลายกองทัพภูตมนุษย์ของฟางหยวน เขาอยู่ในจุดที่ไม่สามารถรักษาความสงบและต้องละทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นอสูรปีวอกแรกกําเนิด!
ฟางหยวนเปลี่ยนร่างอีกครั้ง คราวนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนร่องรอยของเขากลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทั้งหมด
เรือรบหมื่นปีเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ตอนนี้มันถูกกระตุ้นใช้งาน โดยฟางหยวนอย่างเต็มกําลัง พลังอํานาจของมันพุ่งสูงขึ้นมาก มันเหมือนดาบที่พุ่งผ่านปราณภูเขาและแม่น้ําไปอย่างรวดเร็ว
ราชันมังกรตามฟางหยวนไม่ทันและทําได้เพียงมองเขาพุ่งไปยังสุสานอมตะเท่านั้น
ฟางหยวนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์ ประการแรก หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับการปกป้องโดยค่ายกลวิญญาณอมตะ มันต้องใช้เวลาในการบุกเข้าไป ประการที่สอง การจัดเตรียมของเทพอมตะบัวสวรรค์ยังอยู่ที่นั่น ฟางหยวนต้องระวังสิ่งนั้น
สุสานอมตะเป็นสถานที่สําคัญของวังสวรรค์ แม้เทพอมตะจะจัดเตรียมบางอย่างไว้ที่นั่น แต่ฟางหยวนก็ต้องเสี่ยง
สุสานอมตะเป็นตัวแปรสําคัญ การทําลายมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวนและคนอื่นๆ
ภายในศาลาแห่งความโศกเศร้า
เมื่อเห็นฟางหยวนเข้าใกล้สุสานอมตะ การแสดงออกของเทพอมตะกลุ่มดาวก็เปลี่ยนแปลงไป นางคว้าตัวหมากรุกขึ้นมาและเตรียมที่จะโยนมันออกไปอีกครั้ง
แต่ในจังหวะนี้เทพปีศาจไร้ขอบเขตกลับเผยรอยยิ้มบางและเตรียมวางตัวหมากรุกชิ้นใหม่ลงบนกระดาน
มือของเทพอมตะกลุ่มดาวหยุดชะงัก หากนางโยนตัวหมากชิ้นนี้ออกไป เทพปีศาจไร้ขอบเขตจะได้เปรียบมาก นางไม่สามารถเพิกเฉยต่อมัน
“ไร้ขอบเขต เจ้าช่วยฟางหยวนมากจริงๆ” เทพอมตะกลุ่มดาวถอนหายใจ นางวางตัวหมากกลับลงบนกระดาน
ต่อมา สายตาของนางก็เปลี่ยนเป็นคมกริบ นางกล่าวเสียงเย็น “แต่มันไม่ง่ายที่จะหยุดข้า”
ก่อนที่นางจะกล่าวจบ นางก็เริ่มเคลื่อนย้ายตัวหมากหลายชิ้นบนกระดาน
เทพปีศาจไร้ขอบเขตดําเนินการต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้นางมีความได้เปรียบ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด ตัวหมากหลายร้อยชิ้นถูกเคลื่อนที่ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือกระดานหมากรุกนี้ราวกับไร้ขอบเขต ไม่ว่าพวกเขาจะวางตัวหมากลงไปมากเท่าใด กระดานหมากรุกนี้ก็ยังสามารถรองรับมันได้
เทพอมตะกลุ่มดาวถูกหยุดโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขต นี่ทําให้ฟางหยวนไปถึงสุสานอมตะอีก ครั้งโดยไร้อุปสรรค
“ฟางหยวน หากเจ้าทําสิ่งใดกับมัน ข้าจะทําให้เจ้าตายอย่างไร้ซากศพ!” ราชันมังกรตะโกน ขณะไล่ล่ามาจากด้านหลัง
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและส่งกําปั้นยักษ์พุ่งออกไปทันที
แต่ในช่วงเวลาสําคัญ บางสิ่งกลับเข้าแทรกแซง แต่มันไม่ใช่วิธีการของเทพอมตะ
“ผู้ใด?” ฟางหยวนตะโกนขณะที่เขามองไปทางซ้าย
ในวิสัยทัศน์ของเขา ผู้อมตะหญิงค่อยๆปรากฏตัวขึ้น
นางอยู่ในรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด ร่างกายของนางเป็นไม้ นางอยู่ในชุดสีเขียวที่ทําจากเถาวัลย์ แม้นางจะมีใบหน้ามนุษย์ แต่สามารถมองเห็นเส้นวงปีของต้นไม้อยู่บนใบหน้าและร่างกายของนาง
รม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง จากกลิ่นอายของนาง นางอยู่ในระดับเดียวกับที่จางเฉิง
“ผู้อมตะมนุษย์ หยุด อย่าพยายามทําลายวังสวรรค์ มิฉะนั้นข้า กังซวนจือ จะต้องหยุดเจ้า” ผู้อมตะหญิงกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“กังซวนจือ?” ฟางหยวนตระหนักถึงตัวตนของนางได้ในที่สุด
นางคือพืชอสูรแรกกําเนิดในตํานานของวังสวรค์
กังซวนจื่อเป็นเถาวัลย์สวรรค์ มันอาศัยอยู่ในวังสวรรค์มานานแล้ว มันไม่ต้องปฏิบัติตามคําสั่ง แต่มันต้องผลิตผลไม้สวรรค์ให้กับวังสวรรค์ทุกหนึ่งพันปี
ในชีวิตก่อนหน้า เมื่อถ้ําสวรรค์นิรันดรบุกวังสวรรค์ กังซวนอไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ แต่ผู้ใดจะคิดว่านางจะลงมือหยุดฟางหยวนในครั้งนี้
“ดูเหมือนกังซวนจื่อและเทพอมตะบัวสวรรค์จะมีข้อตกลงพิเศษบางอย่าง!” ฟางหยวนก่นเสียงเย็นขณะนําเรือรบหมื่นปีพุ่งเข้าสู่สุสานอมตะ
กังซวนซื้อถอนหายใจ นางกลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งเข้าไปปิดกั้นเรือรบหมื่นปี
เรือรบหมื่นปีพุ่งชนร่างของกังซวนจื่อและหยุดเคลื่อนไหว ขณะที่กังซวนจื่อถูกส่งลอยกลับหลัง
นางกระอักเลือดสีเขียวออกมาแต่นางยังโจมตีเรือรบหมื่นปีต่อไป
“ฟางหยวน ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า!” ราชันมังกรมาถึงในที่สุด เขาเปิดปากและส่งดาบเขี้ยวมังกรออกไป
ฟางหยวนเผชิญหน้าอยู่ในการต่อสู้สองทาง
แต่เขาไม่กระวนกระวาย เขาชี้นิ้วไปที่ราชันมังกรและส่งกรรไกรฤดูใบไม้ผลิออกไป จากนั้น เขาก็ชี้นิ้วไปที่กังซวนจื่อและปลดปล่อยดาบรุ่งอรุณจํานวนนับไม่ถ้วนออกจากเรือรบหมื่นปี
กรรไกรฤดูใบไม้ผลิปะทะดาบเขี้ยวมังกรและบังคับให้ราชันมังกรล่าถอย
ดาบรุ่งอรุณบังคับให้กังซวนจอถอยกลับเช่นกัน
ฟางหยวนตะโกนและนําเรือรบหมื่นปีทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งลงไปยังสุสานอมตะด้วยความเร็วสูง
อย่างไรก็ตามระยะทางระหว่างเรือรบหมื่นปีกับสุสานอมตะกลับถูกขยายออก
ฟางหยวนมองไปที่กังซวนจื่อและกล่าว “รนหาที่ตาย!”
ใบหน้าของกังซวนจื่อเต็มไปด้วยเหงื่อ นางพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอย่างเต็มที่ แต่นางสามารถกีดขวางฟางหยวนได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
โชคดีที่ราชันมังกรอยู่ใกล้ๆ เขาโจมตีฟางหยวนอีกครั้งก่อนจะถูกบังคับให้ล่าถอย
ความแข็งแกร่งของฟางหยวนสามารถสะกดข่มราชันมังกรและกังซวนจื่อได้พร้อมกัน!
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นเวลานาน กลิ่นอายของฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้น ในทางกลับกัน ราชันมังกรและถังซวนจื่อเริ่มได้รับบาดเจ็บมากขึ้น
“ปัง!”
ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปของฟางหยวนพุ่งเข้าโจมตีกังซวนจอและทําให้นางกรีดร้องเสียงแหลม กําปั้นยักษ์หมื่นตัวตนส่งราชันมังกรพุ่งกระแทกพื้น
“ราชันมังกร เจ้าแก่แล้ว ด้วยร่างกายแก่ชราของเจ้า เจ้าจะทนได้นานเท่าใด?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา
“จนกว่าข้าจะตาย” ราชันมังกรเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขามังกรข้างหนึ่งของเขาหักไปแล้ว เกล็ดมังกรบนร่างของเขาเต็มไปด้วยรอยแตก เลือดไหลออกมาจากบาดแผลของเขาอย่างต่อเนื่อง
แต่เขายังต้องการสู้
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ผู้อมตะภาคเหนือปิดล้อมกงเยี่ยนและเช่อเว่ย
“ฆ่าพวกเขา!”
“พวกเขาถึงขีดจํากัดแล้ว!”
“เพียงสองคน ฮัม พวกเจ้าประเมินตนเองสูงเกินไป!”
ผู้อมตะภาคเหนือโจมตีอย่างดุเดือด
ร่างของเช่อเว่ยและกงเยี่ยนเต็มไปด้วยเลือด
“ดูเหมือนพวกเราจะตายที่นี่”
“ฮ่าฮ่า แม้พวกเราจะตาย พวกเราก็ต้องใช้ชีวิตของพวกเราซื้อเวลาให้หยวนเชียง”
ทั้งสองมองหน้ากันและตัดสินใจสู้ตาย
“นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเรา!” พวกเขาตะโกนเสียงดัง
การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคเหนือเปลี่ยนแปลงไป
“พวกเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ายกย่อง”
“ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อแสดงความเคารพต่อพวกเจ้า!”
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
การต่อสู้ที่รุนแรงปะทุขึ้นอีกครั้ง
เมืองจักรพรรดิ
ในการแข่งขันรอบสุดท้าย ผู้ใช้วิญญาณส่วนใหญ่ล้มเหลวและออกไปจากลานประลอง
ตอนนี้เหลือเพียงเยี่ฟานและหงอี้เท่านั้น ผู้ชนะคนสุดท้ายจะเป็นหนึ่งในสองคนนี้
“การแข่งขันกําลังจะสิ้นสุด ภารกิจป้องกันของพวกเรากําลังจะประสบความสําเร็จ!”
“ทุกคน อดทนไว้!”
ผู้อมตะภาคกลางโห่ร้องล่วงหน้า
“พวกเราควรทําอย่างไร?” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกกังวล
ฟางที่เฉิงเงียบและคิด พวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไป แม้พวกเราจะถูกปิดกัน แล้วอย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า มันมาแล้ว
ในจังหวะนี้พื้นดินพลันแยกออก แผ่นดินสันสะเทือนอย่างรุนแรง ร่องลึกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น และขยายตัวไปยังเมืองจักรพรรดิ
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“บัดซบ! รอยแยกเกิดขึ้นที่เมืองจักรพรรดิ!”
“เร็ว ช่วยชาวเมือง!”
ผู้อมตะภาคกลางต้องการกอบกู้สถานการณ์ แต่ฟางเฉิงเตรียมพร้อมตั้งแต่เริ่มต้น เขาน่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไปปิดกั้นกองกําลังของภาคกลาง
ผู้อมตะภาคกลางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาไม่มีเวลาและพลังงานพอที่จะช่วยเหลือมนุษย์ที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ
“พวกเราจบสิ้นแล้ว!”
“ผู้ใดก็ได้ช่วยเราด้วย!”
เมืองจักรพรรดิตกสู่ความโกลาหล
สายธารแห่งกาลเวลา
ฟงจิวเก๋อยืนอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะและเฝ้ามองสายธารแห่งกาลเวลาอยู่อย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างขึ้น การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
เกาะบัวหินค่อยๆปรากฏขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก่อ!
“นี่คือ…” ฟงจิวเก่อนึกถึงถ้อยค่าของฉินติงหลิงที่นางกล่าวก่อนที่เขาจะจากมา
นางกล่าวว่า “ข้าตรวจสอบโชคของเจ้าแล้ว มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าจะพบการเผชิญหน้าโดยบังเอิญในสายธารแห่งกาลเวลา ไปเถอะ โชคของเจ้าอยู่ที่นั่น มันจะนําเจ้าไปสู่ความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ การไปยังสายธารแห่งกาลเวลาเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด!”
“อย่าบอกว่านี่คือการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของข้า?” ฟงจิวเก้อสงบจิตใจลงและพุ่งเข้าไปในเกาะบัวหิน