“พี่คิดว่าจะมีอะไรอยู่ที่นั่น?”
“อืม…ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็คงไม่อร่อยไปกว่าสิ่งที่นายกินตอนนี้แน่นอน”
“….”
“บางทีคุณด็อกกูกำลังหิว?”
“อืม….”
“….”
“….”
ทั้งสองที่คุยกันเงียบลงอย่างแปลกประหลาด สิ่งนี้กลายเป็นเหตุการณ์ปกติในปัจจุบัน
จองฮายันจ้องมองมาที่ผมและกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
มันไม่ได้มีอารณ์ที่รุนแรงเหมือนครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นน้ำตาเธอ ผมก็รู้สึกแปลก ๆ กับสถานการณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นี้
นี่เป็นเพราะคิมแจจุนและจองจินโฮเอาแต่มองมาทางเรา
เพื่อทำลายบรรยากาศให้มากขึ้น ในระหว่างการสนทนาต่าง ๆ มีจองฮายันที่ร้องไห้ตลอดเวลา มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บรรยากาศจะแย่ลง คงจะมีคนคิดว่าเป็นผมที่ตายแทนลีกีชอล
ในความเป็นจริงมันกลายเป็นกิจกรรมปกติสำหรับจองฮายันที่จะจ้องคิมแจจุน คงไม่มีใครนึกออกว่าคิมแจจุนจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหน
พวกเขาอยู่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งข้างเรา
แต่เมื่อลีกีชอลประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด สมดุลของพลังที่ถูกรักษาไว้ก็พังทลาย ดูเหมือนพรรคพวกของจองจินโฮจะยอมแพ้ต่อการไล่ล่าเรา
จองจินโฮอาจตัดสินใจว่าจะยอมแพ้ ตราบใดที่ยังไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น
‘ผมก็คงทำแบบเดียวกัน’
ถ้าผมจะอยู่ในตำแหน่งของจองจินโฮ ผมก็คงจะยกเลิกแผนการที่จะฆ่าปาร์ตี้ของคิมฮยอนซึงโดยสิ้นเชิง นี่คือสาเหตุที่พวกเขารู้สึกไวต่อความขัดแย้งแม้เพียงเล็กน้อย
“ผมขอโทษจริง ๆ ”
“ไม่เลยครับคุณจินโฮ อันที่จริงผมเป็นคนที่ควรขอโทษต่างหาก”
เขาขอโทษแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ผม…ผมประหม่ามากไป”
“แน่นอนว่าคุณประหม่า ผมต้องขอโทษอีกครั้ง”
ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร แต่เมื่อใดก็ตามที่จองจินโฮขอโทษ คิมแจจุนก็แสดงความขอโทษออกมาด้วย
ปัญหาคือทีละเล็กทีละน้อยคือจองฮายันแสดงความเป็นศัตรู
“ทำไมผมทำแบบนั้นไป ผมขอโทษจริง ๆ ….”
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้กันเอง ราวกับว่ามันเราไม่ได้ฟังมัน ผมไม่กังวลเกี่ยวกับพวกเขาที่พูดถึงการโจมตี เพราะผมสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่คือปฏิกิริยาของยูซอกวู
“….”
ตั้งแต่ผมเปิดเผยว่าสนิทกับจองฮายัน ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี ตามคาดเมื่อผมกับจองฮายันเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน เขาก็มักจะแสดงอาการไม่พอใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตอนที่ฮายันตาร้องไห้เพราะผม
‘ยูซอกวู….’
ในตอนแรกเขาเป็นเพียงผู้ร้ายที่จะข่มขืนจองฮายัน
ในความเป็นจริงแม้เขาจะพยายามทำเพียงครั้งเดียว แต่ก็ถูกต้อง หากจะบอกว่าการมาที่นี่ของเขาเป็นเรื่องไร้สาระ
บางทีเขาคงทำข้อตกลงกับจองจินโฮ ทำให้เขาได้รับคลาสและประสบการณ์ต่อสู้
มันเป็นภาพลวงตาอันบ้าคลั่ง ถ้าเขาคิดว่าจะพาคนรักของผมหนีไป แต่ในขณะที่แผนได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ผมก็ประสบความสำเร็จโดยส่งสายตาที่แสดงความเกลียดชังไปให้เขา
ไม่ว่าในกรณีใด ปาตี้นี้กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ดี มันเป็นปาตี้ในฝันที่ลืมข้อพิพาทเก่า ๆ ไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งหมดนี้เป็นบรรยากาศที่สร้างขึ้นโดยจองจินโฮและคิมแจจุน แต่น่าเสียดายที่ผมไม่อยากรักษาความสงบนี้ไว้
บางครั้งคิมฮยอนซึงก็ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ผมหวังว่ามันจะเป็นการกำจัดจองจินโฮ เนื่องจากพวกเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าพัคฮเยยอง
ในความเป็นจริงหากพิจารณาจากปฏิกิริยาที่คิมฮยอนซึงแสดงกับจองจินโฮครั้งแรก มันก็มีความเป็นไปได้สูง
จองจินโฮ ยูซอกวูและคิมแจจุนยังคงฝืนยิ้ม
แน่นอนว่าคิมฮยอนซึงเฝ้าดูราวกับว่าคนบ้า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาคงเป็นคนแรกที่โจมตี
อย่างน้อยสำหรับปาร์คด็อกกู จองฮายันและผม เขากำลังมองหาสาเหตุหรือโอกาสที่ดี เพราะเป็นที่แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ถึงความตั้งใจของตัวเอง
ไม่สิ นั่นเป็นสิ่งแน่นอน
โอกาสที่ดีในการฆ่าพวกเขาหรือเหตุผลในการโจมตี จากการที่คิมฮยอนซึงขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้
‘ให้ผมช่วยไหม’ คิมฮยอนซึงบอกเป็นนัยว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ
เราต้องการสถานการณ์เพื่อโจมตีพวกเขา
ตัวอย่างเช่น…
‘ถ้าผมโดนโจมตีก่อน’ แล้วพวกเขาจะทำยังไง?
บางทีนั่นอาจเป็นสถานการณ์ในอุดมคติ
นักรบแห่งความยุติธรรมที่ต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรที่ลอบโจมตี นั่นให้ความรู้สึกที่ดีทีเดียว
ปัญหาคือจองจินโฮและลูกพี่ลูกน้องของเขาจะไม่โจมตีเรา อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากคนหนึ่งที่โกรธแค้นและอีกคนรู้สึกอิจฉา มันไม่ใช่เรื่องยาก
บางทีมันอาจจะง่ายกว่าการหาว
‘ท้ายที่สุดแล้วการยั่วยุเป็นความสามารถพิเศษของผม’
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของยูซอกวู อาจมีความเป็นไปได้ที่จองจินโฮอาจจะทำสิ่งที่ไม่คาดคิดเช่นกัน แต่เนื่องจากเขาเพิ่งเข้าปาตี้ของจองจินโฮ ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในหัวผมชั่วพริบตา
ก่อนอื่นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดี ที่จะใช้ฮายันเพื่อรบกวนพวกเขา ผมไม่มีแผนอื่น ๆ
“อา….”
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“พี่คะ….”
ฮายันกระซิบแผ่วเบา
มันดูน่าอายนิดหน่อย แต่ผมไม่กล้าขยับมือ เธอตัวสั่นเพียงเพราะผมเอามือโอบเอว
อาจมีคนคิดว่าผมเดินไปโดยมีฮายันคอยพยุง คนเดียวที่รู้สึกถึงความไม่ชัดเจนของตำแหน่งมือคือจองฮายันและยูซอกวู
ไม่ใช่ทั้งเอว กระดูกเชิงกรานหรือก้น ปฏิกิริยาเกิดขึ้นเพียงแค่ยึดเส้นแบ่งเขตระหว่างพื้นที่อ่อนไหว
‘เป๊าะ….’
ผมรู้สึกได้ถึงความโกรธของเขาจากตรงนั้น
“อา ฮายันขอโทษนะ….”
“ไม่เป็นไรค่ะ นั่นมัน … พี่จับมันได้….”
“แต่…”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ….”
สีหน้าราวกับแฟนที่รักของเขาถูกขโมยไป มันช่างดูน่ากลัว
ในขณะที่คิมฮยอนซึง จองจินโฮ ปาร์คด็อกกูและคิมแจจุนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับดันเจี้ยน เขาก็เอาแต่มองมาที่ผมเท่านั้น
ตอนนั้นที่ผมลดมือลง จองฮายันเองก็ก้มหน้า
‘ผมชอบมันมาก….’
ผมไม่ได้คาดหวังปฏิกิริยานี้ แต่ตรงกันข้ามกับยูซอกวูมีสีหน้าบ่งบอกว่าเขากำลังจะระเบิด
เราสบตากันเป็นครั้งที่สอง และผมก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้
‘ลองดูสิ’ นั่นคือสิ่งที่ใบหน้าของผมแสดงออกอย่างลับ ๆ
ผมไม่จำเป็นต้องกล่าวเป็นคำพูด บางครั้งการกระทำและการแสดงออกทางสีหน้าก็เป็นการสื่อสารที่ดี
“ขอบคุณนะฮายัน มันไม่ลำบากเหรอ?”
“อา! ไม่เมื่อเทียบกับสิ่งที่พี่ช่วยฉันแล้ว นี่ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ” จริง ๆ แล้วจองฮายันยังคงต้องการให้ผมกอดเธอไว้
ผมจับเธอไว้จริง ๆ ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่เธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
ไม่สำคัญว่ายูซอกวูจะจริงจังกับฮายันตั้งแต่แรกหรือไม่ แต่ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับการกระทำของผม…
‘ดี’
นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่าน
นอกจากนี้ยังมีสิ่งอื่น ๆ เกิดขึ้น เช่นเดียวกับดวงตาของฮายันหรือเสียงหวาน ๆ และวิธีที่เธอเป็นห่วงผมในตอนนี้ แน่นอนว่ามันฟังดูไม่ไพเราะสำหรับผม แต่ผมรู้ดีว่าเสียงที่ดูเหมือนว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยความหอมหวานจะบดขยี้หัวใจอันเจ็บปวดของเขามากขึ้น
‘จับมือเธอ’
‘ดึงร่างเธอเข้ามาใกล้ ๆ ’
‘วางมือบนหลังหรือไหล่ และรักษาความตึงเครียดพอสมควรไว้’
‘มามีช่วงเวลาแห่งความสุขกันเถอะ’
เป็นวิธีที่กระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดทางเพศ
สถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าของจองฮายันกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มที่ห้อยอยู่ที่มุมปากเธอไม่หายไป ผมคิดว่าต้องหยุด เพราะการหายใจของเธอดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น …
แต่ผมไม่สามารถหยุดตัวเองได้
ในที่สุดผมก็ถามว่า เธอสบายดีไหม
“ฮายัน เธอดูลำบาก…ให้ฉัน…”
“….”
“ฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของผมโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่เป็นเพราะผมเห็นว่าฮายันไม่สนใจยูซอกวูโดยสิ้นเชิง
คุณสามารถเห็นใบหน้าของยูซอกวูเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเหตุผลที่แตกต่างจากฮายัน
คิมฮยอนซึง จองจินโฮและปาร์คด็อกกูมองย้อนกลับมายังเสียงเอะอะเบา ๆ ที่เกิดขึ้นเบื้องหลังพวกเขา
ปาร์คด็อกกูอ้าปากค้างทันทีที่เห็นจองฮายันหอบหายใจอย่างรุนแรง
“โอ้ พี่สาวบาดเจ็บเหรอ?”
“ไม่นะฮายัน ที่จริงฉันไม่ได้เจ็บขนาดนั้น….”
“อา! ไม่นะคะ! ฉัน…ฉันจะช่วยพี่เอง….”
“ดูเหมือนว่าพี่สาวของผมจะอยากอยู่กับพี่ชายของเธอ…ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกผมละกัน”
“ค่ะ”
ปาร์คด็อกกูเข้ามาแทรกในจังหวะที่ดีทีเดียว เขากำลังบอกให้ผมรู้ทางอ้อมว่า จองฮายันต้องการมัน ไม่ใช่ว่าผมต้องการเช่นนั้น
ขณะที่ผมวางมือบนเอวของฮายันและมองย้อนกลับไป ผมก็สบสายตายูซอกวูอีกครั้ง
การได้เห็นรอยยิ้มของผม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะอดกลั้น
“น่ารักจังนะ”
“คะ? “
“ไม่มีอะไรน่ะฮายัน”
“ค่ะ….”
คุณจะเห็นผู้ชายตัวสั่นเล็กน้อย
เขามีพฤติกรรมค่อนข้างเป็นธรรมชาติ หากเขาเคยเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีตั้งแต่แรก
ถ้าจองจินโฮอยู่คนเดียว มันคงจะยากกว่านี้
เมื่อเห็นว่าเขากำหมัดแน่น ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาอยากจะแทงผมด้วยดาบ แม้ตอนนี้ผมอยากจะชมเชยเขาสำหรับความอดทน แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งกระตุ้นนั้นขาดไปหน่อย หรือว่าเขากำลังรอโอกาสอยู่ มันเป็นได้ทั้งสองอย่าง
เมื่อผมมองกลับไปและคว้าเอวของฮายันอีกครั้ง ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น
“กว๊า – อ๊า – อ๊า – อ๊า!”
“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้”
โอกาสมาพร้อมกับจังหวะดี ๆ
ผมยกหอกด้วยใบหน้าอ่อนแรง ส่วนฮายันก็หลบไปสักพักแล้วเริ่มร่ายคาถา
ปาร์คด็อกกู จองจินโฮและคิมฮยอนซึงเพ่งสายตาไปที่ด้านหน้า
“ฟู่ว….”
ผมเริ่มพึมพำเงียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยิน “อิจฉาใช่ไหมล่ะ?”
“อะไรนะ….”
“เธอนุ่มนวลจริง ๆ ฮายันของเรา” ผมไม่สามารถหยุดรอยยิ้มบนริมฝีปาก
“มีห้าตัว เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้โดยเร็วที่สุด!”
“แกไอ้สารเลว! “
ทันใดนั้นเขาก็ยกดาบขึ้น
ผมสงสัยว่าผมควรจะวิ่งหนีไปดีไหม เพราะผมเห็นใบมีดพุ่งตรงมาที่ผม …
‘โดนน่าจะดีกว่า’ ผมรู้ว่าตัวเองทนได้
ในขณะที่จองฮายันมีแหวนรักษา ผมจะสามารถฟื้นฟูบาดแผลที่ได้รับอย่างง่ายดาย ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่าขนลุกพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น
“อ๊ากกกกกก!”
จากนั้นความเจ็บปวดที่เทียบไม่ได้กับการถูกตบหน้า เสียงกรีดร้องดังออกมาโดยไม่รู้ตัว จากความเจ็บปวดที่แผดเผาไปทั่วร่าง
ไม่น่าแปลกเลยที่สายตาของทุกคนจะจับจ้องมาทันที
จองจินโฮและคิมแจจุนดูเหมือนจะพูดไม่ออก อย่างไรก็ตามพวกเขาเข้าใจทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
ยูซอกวูแทงผม
ผมกังวลว่าจองจินโฮจะปฏิบัติกับยูซอกวูเหมือนคนบ้าและทิ้งเขาไป …
จากนั้นผมก็ตระหนักว่าความกังวลของผมไม่มีประโยชน์ เพราะเสียงตะโกนของเขา
“ฉ…ฉัน! ฉันทำมันแล้ว! จินโฮ!! แจจุน!! ฉันได้ทำมันได้แล้ว! “
จองจินโฮมีไพ่อย่างน้อยอีกใบคือคนโง่นี้