“คุณฮเยยองคะ”
“โปรดฟังสิ่งที่ฉันจะพูด”
“ช่วยไปกับคุณกียองด้วยค่ะ”
“อะไรนะคะ?”
“ฉันเชื่อว่าการทำให้สิ่งต่าง ๆ สะดวกสบายขึ้นสำหรับคุณกียองจะเป็นประโยชน์มากกว่า ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่ในก้าวข้างหน้าด้วยค่ะ”
“ฉันไม่แน่ใจว่าคุณหมายถึงอะไร….?”
“การตัดสินใจทั้งหมดเป็นของคุณเองค่ะ คุณสามารถทำอะไรก็ได้ ที่คุณคิดว่าสามารถจัดการได้ ฉันไม่สนว่าคุณจะเป็นแค่ตัวล่อ … อ๊ะ! หรือว่าจะเป็นคนรับใช้ก็ตาม”
“…….”
“สุดท้ายนั่นเป็นเพียงเรื่องตลก แต่การคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้าย…. สถานการณ์ที่นี่ไม่ค่อยดีนัก ไม่เพียงแต่เราขาดอาหาร แต่ยังมีคนจำนวนจำกัดที่สามารถออกไปข้างนอก คุณฮยอนซึงช่วยพวกเราด้วยการกำจัดมอนสเตอร์แถวนี้เป็นประจำ แต่ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นแบบไหน ความจริงคือเราไม่สามารถตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับอนาคตได้ เราต้องคิดถึงความเป็นไปได้ที่ถ้าคนที่ออกไปข้างนอกไม่กลับมาอีกด้วย เราควรจะถามตัวเองว่าจากนั้น ควนจะทำอย่างไร?”
“…….”
“แต่มันไม่ใช่ความคิดแย่นัก หากจะทำความคุ้นเคยกับคนที่มีความสามารถ มันไม่ดีกว่าเหรอคะ ที่คุณจะทำหลักประกันไว้? หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี บางทีคุณอาจได้รับการดูแลพิเศษแบบจองฮายัน….”
“ฉันเข้าใจแล้วว่าแล้วว่าคุณหมายถึงอะไร”
” โอ้! ยังมีข่าวลือว่าพวกเขาจะพาคุณฮายันออกไปข้างนอกในครั้งต่อไป นี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีนะคะ”
“ขอบคุณที่ให้คำแนะนำค่ะ …แต่มีเหตุผลอะไรที่คุณดีกับฉันขนาดนี้”
” มันเป็นเพียงจินตนาการที่ผ่านมา แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฉันอยากให้คุณตอบแทนฉันบ้าง เพราะฉันไม่ใช่คนชอบเสี่ยงโชค”
* * *
“ยัยบ้า”
ลีจีฮเย นัง X นั่น
เธอยังคงสาปแช่งลีจีฮเยจากภายใน แม้ว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม
ท้ายที่สุดเธอเป็นคนที่ทำผิดพลาดและทุกอย่างเป็นทางเลือกของเธอเอง
ทั้งที่เห็นด้วยกับคำพูดของลีจีฮเยและการติดตามลีกียองไป ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความคาดหวังว่ามันจะได้ผล
เธอได้ทำอะไรโง่ ๆ จากการจู่โจมและตัดสินใจที่จะชดเชยความผิดพลาด
การผลักดันตัวเองให้ดูมีประโยชน์ด้วยการถือหอก ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่
เสียงกรีดร้องที่ดังจากปากเธอนั้นเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่กว่า
เธอสามารถเห็นลีกียองและปาร์คด็อกกูเดินไปข้างหน้า
ลีกียองไม่เคยหยุดร่ายคาถาและปาร์คด็อกกูก็ป้องกันมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาด้วยโล่ขนาดใหญ่ของเขา
อาจเป็นเพราะความกลัว ขาของเธอจึงรู้สึกสั่นเทา แต่โดยธรรมชาติแล้วการทรุดตัวลงนั้นเป็นไม่ได้
‘ฉันกำลังจะตาย’
เธอรู้ว่าเธอกำลังจะตาย ถ้าเธอหยุดวิ่ง
เมื่อมองไปด้านข้าง เธอเห็นว่าจองฮายันที่ตามมาด้านหลังกำลังพึมพำกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ
‘ยัยโง่….’
เธอโชคดีพอที่จะดึงดูดสายตาของลีกียองและโชคดีที่ได้ตำแหน่งปัจจุบันในกลุ่มนี้
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะโชคดีเท่าเธอ
หลังจากทำผิดพลาดครั้งใหญ่ หากพวกเขารอดชีวิตกลับไปอีกครั้ง ก็แทบจะแน่นอนแล้วว่าเธอต้องลาออกจากกลุ่มนี้
เมื่อพัคฮเยยองคิดว่าเธอเป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยสอนของจองฮายัน เธอจึงได้ลิ้มรสของขมในปาก
ในตอนแรก….
เธอไม่รู้ว่าจองฮายันใจเย็นได้อย่างไร
คิมฮยอนซึง ลีกียองและปาร์คด็อกกูที่ยังคงโจมตีด้วยดาบและหอกอย่างต่อเนื่อง ต่อหน้ามอนสเตอร์ก็น่าเหลือเชื่อเช่นกัน
ในกรณีของเธอ พัคฮเยยองไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกกลัวได้
มันน่าหัวเราะที่เธอคิดว่ามันง่าย
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของจองฮายันต่างออกไปเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกของเธอเช่นเดียวกับพัคฮเยยองและเป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง
การจ้องมองอันเงียบงันนั้นขาดความกลัวอย่างแน่นอน
พัคฮเยยองเคยสงสัยว่าจองฮายันเป็นบ้าหรือเปล่า เมื่อเห็นเธอพูดกับตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่หวั่นไหว
‘เธอทำบ้าอะไร’
ความเป็นจริงในบทช่วยสอน พวกเขาจะต้องสร้างความแข็งแกร่งเพื่อความอยู่รอด เธอใช้ประโยชน์จากลีกียองและคิมฮยอนซึง เพราะเธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำด้วยตัวเอง
หากลองคิดดูแล้ว ใครก็ตามที่ถูกตราหน้าว่าไม่สามารถต่อสู้ได้ จะไม่สามารถตามคนอื่นทัน และเมื่อเวลาผ่านไปเธอก็จะกลายเป็นข้าวเย็นที่เหลืออยู่
เหลือเพียงตัวเลือกเดียว
‘ฉันต้องเข้าใกล้พวกเขา’
หากเธอรอดชีวิตกลับไป เธอจะต้องสร้างความสัมพันธ์กับลีกียองให้มากขึ้น
เธอต้องเกาะติดกับเขาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
แน่นอนว่าการมีจองฮายันอยู่ข้าง ๆ เขานั้นน่ารำคาญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาจะรับรู้ถึงคุณค่าของเธอ
เห็นได้ชัดว่าเธอเก่งกว่าผู้หญิงโง่ ๆ คนนี้
ปาร์คด็อกกูและลีกียองที่กัดฟันกรอดไม่หยุดวิ่งเลี้ยวไปทางซ้าย
ในขณะนั้นเองเธอตระหนักว่าเธอไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้อีกต่อไป
‘ฮะ? ‘
เธอรู้สึกราวกับว่าถูกผีสิง เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
‘มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?’
เห็นได้ชัดว่าเธอวิ่งตามพวกเขามา
สถานการณ์แบบนี้ไม่มีอะไรนอกจากการวิ่งเข้าไปในกำแพงผี
เธอจำไม่ได้ว่าพวกเขาหายไปเมื่อไหร่หรือยังไง
จองฮายันยังจ้องมองไปยังกำแพงที่ปิดกั้นทางเดินอย่างเงียบ ๆ
“เธอรู้ไหมว่ากียองและด็อกกูไปไหน?”
เธอพยายามพูดกับผู้หญิงอีกคนอย่างระมัดระวัง แต่เธอไม่ได้รับคำตอบ
มันเป็นเรื่องผิดพลาดที่จะถามตั้งแต่แรก
‘คนโง่อย่างเธอคงไม่รู้หรอก….’
แม้แต่พัคฮเยยองก็สูญเสียการมองเห็นไปในพริบตา
ถ้าเธอไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาหายไปไหน ก็ไม่มีทางที่ยัยบ้าข้าง ๆ เธอจะทำได้
ผู้หญิงคนนี้อาจจะแค่ตามหลังเธอมาเท่านั้น
“กรรรร”
เสียงของมอนสเตอร์ดังมาแต่ไกล
โดยธรรมชาติแล้วเธอเริ่มสั่นทันที
เธอรู้ว่าเธอต้องออกไปจากที่นี่ แต่เท้าของเธอกลับติดอยู่กับที่
เพราะเธอคิดไม่ออกว่าจะไปทางไหน
บางทีกียองอาจจะสังเกตว่าพวกเธอหลงทาง
หากพวกเธอรออีกสักหน่อย สองคนนั้นจะกลับมาอย่างแน่นอน
เธอมั่นใจว่าพวกเขาจะทำมัน
เมื่อมองเห็นจองฮายันที่พึมพำอย่างไร้สาระแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ พัคฮเยยองแทบจะกลั้นเสียงสบถของตัววเองไม่ไหว
“พลังในการปกป้องตัวจากศัตรูที่พยายามขโมยไปจากฉัน”
ดูเหมือนจะเป็นการภาวนาถึงใครบางคน แต่การกระทำของเธอนั้นเกินกว่าความเข้าใจอย่างสิ้นเชิง
ลีกียองที่เคยกังวลกับผู้หญิงแบบนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ
“ใบมีดสายลม (Wind blade) ”
ฉึก-
เธอได้ยินเสียงของอากาศที่แยกออกจากกัน
“หุบปากซะยัยเด็กปัญญาอ่อน แกไม่ได้ยินเสียงมอนสเตอร์เหรอ?”
เป็นช่วงที่เธอพยายามก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย
‘หือ? ‘
ความสมดุลของเธอหายไป
ต่างจากความตั้งใจ ร่างกายของเธอตกลงไปบนพื้นmyomu
ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนได้ที่ขาข้างซ้าย
เลือดสีแดงสดพุ่งกระเซ็นมาที่พื้น
เธอมองเห็นขาของเธอถูกแยกออกจากร่างกาย มันนอนอยู่บนพื้นห่างจากเธอไม่มากนัก
‘เกิดอะไรขึ้น….’
เสียงกรีดร้องดังออกจากปากก่อนที่เธอจะคิดได้
“อ๊ากกกกกกกกกกก! ค – ใครก็ได้! ใครก็ได้ ช่วย …ช – ช่วยฉันด้วย!”
“ม – มันไร้ประโยชน์ค่ะ ค – คุณฮเยยอง”
“ข – ขา…ขาของฉัน….”
“ฉ – ฉันได้ปิดกั้นเสียงรอบข้างด้วยมานา ฉันไม่แน่ใจว่าคุณจะได้ยินไหม แต่ค – คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่จะมาที่นี่ คุณสามารถผ่อนคลายได้”
“ได้โปรดช่วยฉันด้วย ได้โปรด….”
“ค – คุณโง่กว่าที่ฉันคิดนะคะฮเยยอง …. คุณสร้างปัญหาให้กับพี่…และค – คุณทำลายการออกมาข้างนอกของฉัน”
” หุบปาก! มันเจ็บ…ฉันเจ็บ! ตอนนี้แกไม่เห็นขาของฉันเหรอ? รีบพากียองมาที่นี่หรือ…”
พัคฮเยยองยังคงจับขาของตัวเองและกรีดร้อง
เธอไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างชัดเจน เพราะเลือดที่ไหลออกจากร่างกาย
เธอถอดแจ็คเก็ตออกแล้วมัดมันไว้รอบขา แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าการรักษาหยาบ ๆ นี้จะเพียงพอหรือไม่
ปากของเธอสั่น
ไม่สิ เป็นเรื่องธรรมดาที่ร่างกายของเธอจะสั่นเทา
เพราะเธอไม่เข้าใจตั้งแต่แรก ว่าทำไมขาของเธอถึงหลุดไป
เธอไม่ต้องการแม้แต่จะเข้าใจความเป็นจริง
อย่างไรก็ตามการรู้ว่านี่เป็นฝันร้ายหรือความจริงเป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่า
ความเจ็บปวดที่แผดเผาราวกับว่าร่างกายของเธอถูกไฟไหม้
การมองเห็นของเธอพร่ามัวไปด้วยน้ำตา
เมื่อพัคฮเยยองเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอก็เห็นจองฮายันที่ยิ้มอย่างสดใส
‘หือ? ‘
เธอถือของบางอย่างไว้ในมือซึ่งทำจากวัสดุแปลก ๆ
‘ใบมีดสายลม (Wind blade) ’
ทันใดนั้นคำพูดเหล่านั้นก็กะพริบผ่านความคิดของเธอ
พัคฮเยยองไม่เชื่อ แต่เห็นได้ชัดว่าลมสีเขียวกำลังหมุนวนรอบมือของจองฮายัน
‘เพราะอะไร? ทำไม? เป็นเธอไปได้ยังไง?’ เมื่อความคิดเหล่านั้นไหลเข้ามาในหัว เธอจึงเต็มไปด้วยความกลัวตามสัญชาตญาณ
“อา…ฮา – ฮายัน….”
” คะ คุณฮเยยอง”
“ท – ทำไมจู่ ๆ คุณถึงทำแบบนี้”
“ฉ – ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้ค่ะ แต่มันช่วยไม่ได้ เพราะคุณพยายามจะแย่งพี่ไปจากฉัน มันไม่สามารถช่วยได้ ฉันไม่ได้ทำมันเพราะฉันชอบ”
“ค – คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
“ฉันเกลียดเวลาที่คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้…ฮเยยอง คุณน่าจะรู้ว่าคุณจะเอาพี่ของฉันใช่มั้ย? ค – ค – คุณจะพยายามจะพาเขาไปใช่ไหม คุณบอกว่าจะพาเขาไปไม่ใช่เหรอ?”
‘บ้า”
เธอบ้าไปแล้ว
พัคฮเยยองมึนงงกับสิ่งที่เธอไม่เคยสังเกตมาก่อน
ผู้หญิงตรงหน้าเธอเป็นบ้าอย่างแน่นอน มุมปากของเธอยกขึ้นและดวงตาของเธอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแสงแห่งความบ้าคลั่ง
“ม – มัน…มันเป็นเพียงการพูดพล่อย ๆ”
“โกหก”
” จริง ๆ แล้ว…”
” คุณโกหก ค -คุณรู้ไหมว่าคุณทำร้ายฉันมากแค่ไหน? ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจของฉันจะแตกสลาย เมื่อคุณพูดคุย จับมือกับท่านพี่และโน้มตัวไปหาเขา บางทีคุณอาจจะไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าฉันรู้สึกยังไง”
“ฉ – ฉันเข้าใจ … ฉ – ฉันเข้าใจแล้ว ดังนั้นช่วยฉันด้วย ฉันจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพี่ของคุณอีก”
“ขอโทษนะคะ ไม่ว่าฉันจะคิดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน ฉันก็มองคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮเยยอง ฉันไม่สามารถให้อภัยคุณได้จริง ๆ ที่พยายามแย่งพี่ชายของฉันไปและถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะรู้สึกกังวลมาก….”
“ฉึก!”
มีเสียงที่น่าสยดสยองขณะที่แขนอีกข้างของเธอถูกตัดออก
เธอรู้สึกเจ็บปวด
เธอดิ้นรน แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เธอคิดได้ก็คือเธอต้องออกไปจากที่นี่
แม้ว่าเธอจะพยายามคลานหนี แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะความเจ็บปวดและความกลัว
“ช่วยฉันด้วย ได้โปรด…ได้โปรดฉันผิดไปแล้ว ช่วยฉันด้วย …”
“ไม่ อย่าทำอย่างนั้น มันมีแต่จะทำให้คุณอ่อนแอลง”
“ได้โปรดเถอะ ฉันคิดผิดไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด! มันเป็นความผิดพลาดของฉันเอง!”
“เวทมนตร์นี่ก็ทำได้เช่นกัน ปิดปากไว้ก่อนจะดีกว่าเพราะคุณเสียงดังมาก”
เสียงของเธอไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้
ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างบีบรัดทำให้เธอเริ่มมีน้ำตา เธอยังคงดิ้นรนต่อไปเพราะความเจ็บปวดที่ทำร้ายร่างกาย แต่มันไม่ได้ผล
“อึมม … ม! มมม!”
“ด – ดังนั้นฉันขอโทษ”
ในขณะที่เธอต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เธอก็ได้ยินเสียงจากที่ไหนสักแห่งที่อยู่ไกลจากสายตาของเธอ
“ฮายัน?”
“พ – พี่”
ลีกียอง ผู้ชายที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ทั้งหมด