‘ไม่เลว.’
มันไม่ใช่ทางเลือกที่ไม่ดีที่จะแสดงเวทมนตร์ให้พวกเขาเห็น
คิมฮยอนซึงและปาร์คด็อกกูแข็งแกร่งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเส้นแบ่งระหว่างความแข็งแกร่งนั้นมาจากระบบหรือจากความสามารถทางกายภาพ พวกมันจึงแสดงผลได้ไม่ชัดเจน
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่การทำหยิบโล่ขึ้นมาจะไม่ดึงดูดพวกเขา
ในทางกลับกันเวทมนตร์มีความแตกต่าง
บอลเพลิงก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า
มันเป็นภาพที่ขัดต่อสามัญสำนึกอย่างสิ้นเชิง และเพียงพอที่จะทำให้ใคร ๆ ต้องสงสัยในสิ่งที่พวกเขาเห็น
นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้พวกเขาเลิกซ่อนตัวอยู่ในที่พักนี้
เมื่อคิมฮยอนซึงเห็นฝูงชนเงียบลง เพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นเขาก็กล่าวว่า
“มันประสบความสำเร็จ”
“อาจจะมีปัญหารออยู่ข้างหน้า คนที่ไม่ต้องการต่อสู้ยังคงหวาดกลัว …นอกจากนั้นยังมีคนที่เชื่อมากเกินไป โดยคิดว่าพวกเขาจะได้รับพลังใหม่”
“แต่ก็ยังดีกว่าล้มอยู่ด้านหลังและอดอาหารนะพี่”
“ใช่ นั่นอาจเป็นความจริง”
พัคฮเยยองเดินเข้ามาหาเราเพื่อแสดงความยินดี
“ถ้าฮเยยองและฮายันกลับมาได้สำเร็จ บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในอัตราเร็วกว่าที่คาดไว้”
ผลของการเดินทางครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคิมฮยอนซึง
ผมไม่แน่ใจว่าความพยายามครั้งนี้จะเคลียร์ดันเจี้ยนได้หรือไม่ แต่คิมฮยอนซึงเพียงลำพังคงไม่สามารถทำได้
ประการแรกเขาเหนือกว่าปาร์คด็อกกูเพียงเล็กน้อยในแง่ของความสามารถ
เขาทรงพลัง แต่ไม่ถึงขนาดที่เขาสามารถจัดการกับมอนสเตอร์หลายสิบตัวได้ในคราวเดียว
เขาอาจต้องการให้สิ่งต่าง ๆ อยู่ในมือของเขา ส่วนการดูแลที่พักควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ในนั้น
‘มันเป็นภาระที่ไม่จำเป็น’
หากไม่ใช่เพราะความมักง่ายของเขา คิมฮยอนซึงอาจก้าวไปได้ไกลกว่านี้
ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ พัคฮเยยองก็มาและจับมือเราทีละคน
“ยินดีที่ได้พบคุณนะคะ”
“เช่นกันครับ”
ผมต้องยอมรับว่าเธอเข้าสังคมได้ดีทีเดียว เมื่อมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม ผมรู้สึกได้ว่าพัคฮเยยองแตะหลังมือเพื่อส่งสัญญาณให้ผม
แต่จองฮายันยังคงมีความสำคัญเหนือกว่าเธอมาก
ขณะที่ผมหันไป ผมก็เห็นจองฮายันจ้องมองมาที่ผมเงียบ ๆ
‘อะไรกัน’
การแสดงออกของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ผมเห็นจนถึงตอนนี้
ดวงตาที่เงียบสงบของจองฮายัน ขณะที่เธอมองพัคฮเยยองทำให้กระดูกสันหลังของผมเย็นเยียบ
‘…’
ผมขนลุกไปทั้งตัว
‘อะไร เมื่อกี้มันคืออะไรกัน? ‘
“พี่เป็นอะไรไปเหรอ?”
“ฉันแค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย….”
“เอาล่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเดินทางของเรา ดังนั้นไปพักผ่อนเถอะ”
“อืม”
“ชิ …ส่วนแบ่งของผมไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย….”
ปาร์คด็อกกูพึมพำอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจมากนัก
ผมรีบหันหน้าไปมองจองฮายันอีกครั้ง
เธอดูเหมือนปกติ
ผมถามตัวเองว่ามันเป็นภาพหลอนหรือไม่ แต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่อย่างนั้น ผมเห็นเธอมองมาที่ผมและยิ้มอย่างโง่เขลา
‘อะไรน่ะ’
มีบางอย่างผิดปกติ
ผมไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่ผมกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
* * *
“ผมจะย้ำเรื่องนี้กันอีกครั้ง ด็อกกูจะอยู่ด้านหน้าตามด้วยฮยอนซึงและฮเยยอง ฮายันและผมเฝ้าระวังด้านหลัง แผนของเรานั้นเรียบง่าย ปิดกั้นด้วยโล่ด้านหน้าและเราจะปัดมันออกไปด้านหลัง ตอนนี้มีพวกมันอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นเราจะออกล่ากันต่อ ใครมีคำถามอะไรบ้างครับ? “
“ไม่ค่ะ”
“ไม่มี”
“ไม่”
“โอเคครับ..”
เราได้สรุปแบบเดียวกันนี้มาหลายครั้งแล้ว
มันแตกต่างจากตอนที่ปาร์คด็อกกู คิมฮยอนซึงและผมออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรก
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่คิมฮยอนซึงวางไว้ในการสำรวจครั้งนี้
นี่ไม่ใช่แค่การที่คนสองคนเข้าร่วม
ความสำเร็จของการล่าครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตของกลุ่มในที่พัก
หากทุกคนกลับไปได้อย่างปลอดภัย ศูนย์พักพิงจะได้รับความมั่นใจเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้อาจก่อให้เกิดการจัดการการโจมตีและรับมือเหตุการณ์ที่ซับซ้อนง่ายขึ้น
วัตถุประสงค์ที่ซ่อนอยู่ก็จะบรรลุผลเช่นกัน
เป้าหมายของ คิมฮยอนซึงค่อนข้างคล้ายกับของผม
เพื่อเอาชนะใจจองฮายัน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตามเธอมาโดยเฉพาะ จุดประสงค์ของเขาคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับคนที่เขารู้ว่าจะแข็งแกร่งในอนาคต
‘จองฮายัน’
สรุปได้ว่ามีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือการกลับมาอย่างปลอดภัยของกลุ่มและการใกล้ชิดกับวิซาร์ดที่มีพรสวรรค์ในตำนานมากขึ้น
ไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านแผนปัจจุบัน หรือดำเนินการอย่างหุนหันพลันแล่น
‘เราต้องติดตามสถานการณ์’
แต่เมื่อผมเห็นสายตาของจองฮายัน ผมก็สะดุดลง
ผมหวังว่ามันจะเป็นแค่ความเข้าใจผิด แต่ผมรู้สึกว่าจำเป็นต้องแยกพวกเขาออกจากกัน และจับตาดูจองฮายันสักพัก
“เอาฮายันเป็นศูนย์กลางจะดีกว่าไหมพี่? การได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับพี่นี่….”
“ไม่ เราจะทำตามแผน นี่คือตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ “
“ก็ถ้าพี่พูดอย่างนั้นล่ะก็….”
“ฮยอนซึงแข็งแกร่งกว่าที่เราคิด เริ่มต้นด้วยการจู่โจมจากด้านหน้าเท่านั้นจึงจะเหมาะสม ถ้าฮายันอยู่ด้านหลัง เธอจะได้รับการคุ้มครองจากฮยอนซึง ตราบใดที่เราไม่ถูกล้อม นี่จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด “
” ถูกต้อง”
คิมฮยอนซึงพยักหน้าราวกับว่าเขาเห็นด้วยกับผม
ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างอื่นหรือเปล่า แต่ผมไม่สนใจ
คิมฮยอนซึงขมวดคิ้ว ขณะที่เขามองไปที่จองฮายัน จากนั้นก็พูดอย่างเงียบ ๆ
“คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะครับ”
“คะ? อ๋อ…ค่ะ”
“คุณฮเยยอง โปรดช่วยเหลือกียองด้วย หอกน่าจะเหมาะสมกับคุณ”
” ค่ะ ฉันเข้าใจ”
“มาเริ่มกันเถอะ อย่างที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว…”
“ท – ที่ไหนนะพี่…?”
” ฉันจะแจ้งให้นายรู้”
ผมมีแผนผังของสถานที่นี้อยู่ในหัวของผมแล้ว
ปาร์คด็อกกูมองผมด้วยความขอบคุณ
ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาขาดความสนใจในสิ่งรอบข้างหรือว่าเขาพึ่งผมมากเกินไป แต่ดูเหมือนเขา0tขี้เกียจเกินไปที่จะใช้หัวของเขา
เขาดูน่าเชื่อถือมากเมื่อถือโล่ไม้ขนาดใหญ่
ในแง่ของรูปร่างหน้าตา ผมจะให้คะแนนปาร์คด็อกกูมากกว่าคิมฮยอนซึง
อุปกรณ์ของเขาประกอบไปด้วยชุดเกราะหนังที่เลอะเทอะและโล่ที่ผมหยิบขึ้นมาในตอนcid แต่เขาก็ดูไม่ได้อ้วนเกินไป
“มาเริ่มกันเถอะ”
“ทำให้ดีที่สุดล่ะ”
ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย
ทั้งพัคฮเยยองและจองฮายันดูเหมือนจะกังวล
เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะกลัวกับมอนสเตอร์ที่พวกเTvพบ
ผมส่งคำพูดปลอบโยนให้กับพัคฮเยยองที่อยู่ข้าง ๆ
“อย่ากังวลมากเกินไปนะครับ”
“มันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“พวกเขาจะไม่ได้ล้อมเราเหมือนตอนจุดเริ่มต้น เราได้เคลียร์พื้นที่นี้ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือสงบสติอารมณ์และแทงมอนสเตอร์ที่ด็อกกูป้องกัน ผมรู้ว่ามันน่ากลัว แต่มันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ”
“คุณดีกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะคะ”
แน่นอนว่าผมต้องทำ
‘ถ้าคุณตกใจ ผมจะเป็นคนที่ต้องตาย’
ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ เป็นไปได้ว่าในขณะที่โจมตีด้วยหอกแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ผู้หญิงคนนี้จะแทงผมแทน
เมื่อมองไปด้านหลัง ผมเห็นคิมฮยอนซึงพูดคุยกับจองฮายัน
ตามที่คาดไว้ดูเหมือนว่าเขาจะถามเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ แต่จองฮายันเหมือนจะไม่สนใจเขาเลย
เธอดูเหมือนจะมีปัญหาในการสื่อสาร ขณะที่เธอก้มศีรษะและตอบคำถามของเขาสั้น ๆ
มันทำให้ผมนึกถึงความพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับจองฮายันมากขึ้น
ผมยิ้มเมื่อสบตากัยจองฮายัน และเธอก็พยักหน้าอย่างมีความสุข
อย่างน้อยนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นที่คิดว่าผมมีความสัมพันธ์กับเธอ
“โอ้ ฉันเป็นคู่ของคุณนะคะ”
“ผมแค่ตรวจดูรูปแบบด้านหลังของเราน่ะ นอกจากนี้อย่าพูดเสียงดัง ในขณะที่เรากำลังเดินทางสิครับ….”
” ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
ตอนนั้นเอง
“มีหนึ่งตัว เตรียมพร้อม”
“รับทราบ”
เสียงของคิมฮยอนซึงดังมาจากด้านหลังและปาร์คด็อกกูบ่นตอบจากด้านหน้า
ร่างกายของปาร์คด็อกกูดูตึงเครียด
“ในขณะที่ด็อกกูป้องกัน ฮเยยองจะจัดการมัน ส่วนกียองเตรียมตัวไว้เผื่อจะเกิดอะไรขึ้น”
พวกเราพยักหน้า
แม้ว่าพัคฮเยยองจะดูสงบ แต่เธอก็ยังแสดงอาการหวาดกลัวและตึงเครียด
พวกเราก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่พัคฮเยยองเป็นคนปิดฉากมัน
คงจะแปลกถ้าเธอไม่กลัว
เราได้ยินเพียงเสียงเดียวที่มาจากทางซ้าย
“ด็อกกูมันจะมาจากทางซ้าย”
“ผมเข้าใจแล้วพี่”
ปาร์คด็อกกูผลักมันกลับไปด้วยโล่ของเขา
พลั่ก!
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น สิ่งมีชีวิตก็ติดอยู่ระหว่างทางตันและโล่
พัคฮเยยองจึงเดินตามหลังอย่างลนลาน
“แกร๊กกก!”
” คุณกำลังทำอะไรอยู่? “
แขนและขาของเธอสั่น
ผมสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่สุนัขยังมีประโยชน์มากกว่าในสถานการณ์เช่นนี้
“ย – ยังไงคะ”
“แทงมัน!”
“เฮ้ จัดการมันเร็ว มันยากนะที่จะทำแบบนี้”
“อา….”
ดวงตาของเธอมีชีวิตชีวา แต่ร่างกายของเธอดูเหมือนจะไม่ตอบสนอง
‘…เธอแค่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งเท่านั้น’
ผมจับแขนของเธอจากด้านหลังอย่างหลวม ๆ ขณะที่ผมจับมืออันสั่นเทาของพัคฮเยยองและหอก อาการสั่นที่แขนขาของเธอก็เริ่มลดลง
ผมคิดว่าการส่งข้อความของผมอย่างเงียบ ๆ จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ผมจึงกระซิบข้างหูเธอ
“ถ้าคุณยังทำแบบนี้อีกในครั้งต่อไป พวกเราทุกคนจะตาย คุณเข้าใจไหมครับ? “
” ค – ค่ะ”
“เพิ่มแรงจับของคุณ”
“…….”
ผมกดมือเธอให้แน่นขึ้น…
หอกค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหาลำตัวของมอนสเตอร์ที่ปาร์คด็อกกูขวางอยู่ และแขนของพัคฮเยยองก็ตามมา
ผมเป็นคนแทงมันไปข้างหน้า แต่ความรู้สึกน่าจะส่งผ่านไปมือของเธอเช่นกัน
ฉึก!
ด้วยเสียงนั้น ของเหลวที่ไม่รู้จักก็เริ่มพรั่งพรูออกมา
พัคฮเยยองพยายามจะปล่อยหอก แต่ผมคว้าแขนเธอไว้อีกครั้ง
“มันยังไม่ตายครับ อย่าผ่อนคลาย”
“กี๋!”
มอนสเตอร์ตัวนั้นร้อง มันดิ้นรนและพยายามข่วนปาร์คด็อกกู
ผมจับมือของพัคฮเยยองอีกครั้งแล้วแทงหอกจากด้านบน
ตามที่คาดไว้มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัว
“คิดว่ามันเป็นเนื้อสัตว์”
“ค – ค่ะ”
พลั่ก!
ฉึก!
ผมฟาดด้วยหอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันหยุดกระตุกไปนานแล้ว แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการบังคับให้เธอปรับตัวกับสถานการณ์
หลังจากนั้นไม่นานปาร์คด็อกกูก็วางโล่ลงและถอยห่างจากมอนสเตอร์
ผมก็คลายจากการจับมือของพัคฮเยยองด้วย
มอนสเตอร์หลุดออกจากกัน ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงแทงหอกเข้าไป
ผมไม่รู้ว่ามันเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวหรือไม่ แต่ริมฝีปากของเธอถูกกดแน่นและมีรอยมือสีขาวรอบ ๆ ด้ามหอก
‘ผมเข้าใจ.’
การฆ่าสิ่งมีชีวิตเป็นเรื่องที่ยากสำหรับครั้งแรก
ไม่ว่าคุณจะบอกตัวเองว่าคู่ต่อสู้เป็นมอนสเตอร์ก็ตาม มันไม่แตกต่าง
หลังจากได้ยินเสียงที่น่าสยดสยองเป็นเวลานาน เธอก็มีอาการเหนื่อยหอบ
เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะมีความคิดมากมายวิ่งอยู่ในหัว
ผมเข้าไปหาพัคฮเยยองที่ทรุดลงกับพื้น แล้วพูดอย่างระมัดระวัง
“ทำได้ดีครับ”
แต่เธอไม่ตอบกลับ