Regressor Instruction Manual 16 ในทุก ๆ ห้าคนจะมีหนึ่งคนที่ตายลง (1)

ตอนที่ 16 ในทุก ๆ ห้าคนจะมีหนึ่งคนที่ตายลง (1)

‘ไม่เลว.’  

 

มันไม่ใช่ทางเลือกที่ไม่ดีที่จะแสดงเวทมนตร์ให้พวกเขาเห็น  

 

คิมฮยอนซึงและปาร์คด็อกกูแข็งแกร่งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเส้นแบ่งระหว่างความแข็งแกร่งนั้นมาจากระบบหรือจากความสามารถทางกายภาพ พวกมันจึงแสดงผลได้ไม่ชัดเจน  

 

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่การทำหยิบโล่ขึ้นมาจะไม่ดึงดูดพวกเขา  

 

ในทางกลับกันเวทมนตร์มีความแตกต่าง  

 

บอลเพลิงก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า  

 

มันเป็นภาพที่ขัดต่อสามัญสำนึกอย่างสิ้นเชิง และเพียงพอที่จะทำให้ใคร ๆ ต้องสงสัยในสิ่งที่พวกเขาเห็น  

 

นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้พวกเขาเลิกซ่อนตัวอยู่ในที่พักนี้  

 

เมื่อคิมฮยอนซึงเห็นฝูงชนเงียบลง เพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นเขาก็กล่าวว่า  

 

“มันประสบความสำเร็จ”  

 

“อาจจะมีปัญหารออยู่ข้างหน้า คนที่ไม่ต้องการต่อสู้ยังคงหวาดกลัว …นอกจากนั้นยังมีคนที่เชื่อมากเกินไป โดยคิดว่าพวกเขาจะได้รับพลังใหม่”  

 

“แต่ก็ยังดีกว่าล้มอยู่ด้านหลังและอดอาหารนะพี่”  

 

“ใช่ นั่นอาจเป็นความจริง”  

 

พัคฮเยยองเดินเข้ามาหาเราเพื่อแสดงความยินดี  

 

“ถ้าฮเยยองและฮายันกลับมาได้สำเร็จ บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในอัตราเร็วกว่าที่คาดไว้”  

 

ผลของการเดินทางครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคิมฮยอนซึง  

 

ผมไม่แน่ใจว่าความพยายามครั้งนี้จะเคลียร์ดันเจี้ยนได้หรือไม่ แต่คิมฮยอนซึงเพียงลำพังคงไม่สามารถทำได้  

 

ประการแรกเขาเหนือกว่าปาร์คด็อกกูเพียงเล็กน้อยในแง่ของความสามารถ  

 

เขาทรงพลัง แต่ไม่ถึงขนาดที่เขาสามารถจัดการกับมอนสเตอร์หลายสิบตัวได้ในคราวเดียว  

 

เขาอาจต้องการให้สิ่งต่าง ๆ อยู่ในมือของเขา ส่วนการดูแลที่พักควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ในนั้น  

 

‘มันเป็นภาระที่ไม่จำเป็น’  

 

หากไม่ใช่เพราะความมักง่ายของเขา คิมฮยอนซึงอาจก้าวไปได้ไกลกว่านี้  

 

ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ พัคฮเยยองก็มาและจับมือเราทีละคน  

 

“ยินดีที่ได้พบคุณนะคะ”  

 

“เช่นกันครับ”  

 

ผมต้องยอมรับว่าเธอเข้าสังคมได้ดีทีเดียว เมื่อมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม ผมรู้สึกได้ว่าพัคฮเยยองแตะหลังมือเพื่อส่งสัญญาณให้ผม  

 

แต่จองฮายันยังคงมีความสำคัญเหนือกว่าเธอมาก  

 

ขณะที่ผมหันไป ผมก็เห็นจองฮายันจ้องมองมาที่ผมเงียบ ๆ  

 

‘อะไรกัน’  

 

การแสดงออกของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ผมเห็นจนถึงตอนนี้  

 

ดวงตาที่เงียบสงบของจองฮายัน ขณะที่เธอมองพัคฮเยยองทำให้กระดูกสันหลังของผมเย็นเยียบ  

 

‘…’  

 

ผมขนลุกไปทั้งตัว  

 

‘อะไร เมื่อกี้มันคืออะไรกัน? ‘  

 

“พี่เป็นอะไรไปเหรอ?”  

 

“ฉันแค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย….”  

 

“เอาล่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเดินทางของเรา ดังนั้นไปพักผ่อนเถอะ”  

 

“อืม”  

 

“ชิ …ส่วนแบ่งของผมไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย….”  

 

ปาร์คด็อกกูพึมพำอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจมากนัก  

 

ผมรีบหันหน้าไปมองจองฮายันอีกครั้ง  

 

เธอดูเหมือนปกติ  

 

ผมถามตัวเองว่ามันเป็นภาพหลอนหรือไม่ แต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่อย่างนั้น ผมเห็นเธอมองมาที่ผมและยิ้มอย่างโง่เขลา  

 

‘อะไรน่ะ’  

 

มีบางอย่างผิดปกติ  

 

ผมไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่ผมกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ  

 

* * *  

 

“ผมจะย้ำเรื่องนี้กันอีกครั้ง ด็อกกูจะอยู่ด้านหน้าตามด้วยฮยอนซึงและฮเยยอง ฮายันและผมเฝ้าระวังด้านหลัง แผนของเรานั้นเรียบง่าย ปิดกั้นด้วยโล่ด้านหน้าและเราจะปัดมันออกไปด้านหลัง ตอนนี้มีพวกมันอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นเราจะออกล่ากันต่อ ใครมีคำถามอะไรบ้างครับ? “  

 

“ไม่ค่ะ”  

 

“ไม่มี”  

 

“ไม่”  

 

“โอเคครับ..”  

 

เราได้สรุปแบบเดียวกันนี้มาหลายครั้งแล้ว  

 

มันแตกต่างจากตอนที่ปาร์คด็อกกู คิมฮยอนซึงและผมออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรก  

 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่คิมฮยอนซึงวางไว้ในการสำรวจครั้งนี้  

 

นี่ไม่ใช่แค่การที่คนสองคนเข้าร่วม  

 

ความสำเร็จของการล่าครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตของกลุ่มในที่พัก  

 

หากทุกคนกลับไปได้อย่างปลอดภัย ศูนย์พักพิงจะได้รับความมั่นใจเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้อาจก่อให้เกิดการจัดการการโจมตีและรับมือเหตุการณ์ที่ซับซ้อนง่ายขึ้น  

 

วัตถุประสงค์ที่ซ่อนอยู่ก็จะบรรลุผลเช่นกัน  

 

เป้าหมายของ คิมฮยอนซึงค่อนข้างคล้ายกับของผม  

 

เพื่อเอาชนะใจจองฮายัน  

 

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตามเธอมาโดยเฉพาะ จุดประสงค์ของเขาคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับคนที่เขารู้ว่าจะแข็งแกร่งในอนาคต  

 

‘จองฮายัน’  

 

สรุปได้ว่ามีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือการกลับมาอย่างปลอดภัยของกลุ่มและการใกล้ชิดกับวิซาร์ดที่มีพรสวรรค์ในตำนานมากขึ้น  

 

ไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านแผนปัจจุบัน หรือดำเนินการอย่างหุนหันพลันแล่น  

 

‘เราต้องติดตามสถานการณ์’  

 

แต่เมื่อผมเห็นสายตาของจองฮายัน ผมก็สะดุดลง  

 

ผมหวังว่ามันจะเป็นแค่ความเข้าใจผิด แต่ผมรู้สึกว่าจำเป็นต้องแยกพวกเขาออกจากกัน และจับตาดูจองฮายันสักพัก  

 

“เอาฮายันเป็นศูนย์กลางจะดีกว่าไหมพี่? การได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับพี่นี่….”  

 

“ไม่ เราจะทำตามแผน นี่คือตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ “  

 

“ก็ถ้าพี่พูดอย่างนั้นล่ะก็….”  

 

“ฮยอนซึงแข็งแกร่งกว่าที่เราคิด เริ่มต้นด้วยการจู่โจมจากด้านหน้าเท่านั้นจึงจะเหมาะสม ถ้าฮายันอยู่ด้านหลัง เธอจะได้รับการคุ้มครองจากฮยอนซึง ตราบใดที่เราไม่ถูกล้อม นี่จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด “  

 

” ถูกต้อง”  

 

คิมฮยอนซึงพยักหน้าราวกับว่าเขาเห็นด้วยกับผม  

 

ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างอื่นหรือเปล่า แต่ผมไม่สนใจ  

 

คิมฮยอนซึงขมวดคิ้ว ขณะที่เขามองไปที่จองฮายัน จากนั้นก็พูดอย่างเงียบ ๆ  

 

“คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะครับ”  

 

“คะ? อ๋อ…ค่ะ”  

 

“คุณฮเยยอง โปรดช่วยเหลือกียองด้วย หอกน่าจะเหมาะสมกับคุณ”  

 

” ค่ะ ฉันเข้าใจ”  

 

“มาเริ่มกันเถอะ อย่างที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว…”  

 

“ท – ที่ไหนนะพี่…?”  

 

” ฉันจะแจ้งให้นายรู้”  

 

ผมมีแผนผังของสถานที่นี้อยู่ในหัวของผมแล้ว  

 

ปาร์คด็อกกูมองผมด้วยความขอบคุณ  

 

ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาขาดความสนใจในสิ่งรอบข้างหรือว่าเขาพึ่งผมมากเกินไป แต่ดูเหมือนเขา0tขี้เกียจเกินไปที่จะใช้หัวของเขา  

 

เขาดูน่าเชื่อถือมากเมื่อถือโล่ไม้ขนาดใหญ่  

 

ในแง่ของรูปร่างหน้าตา ผมจะให้คะแนนปาร์คด็อกกูมากกว่าคิมฮยอนซึง  

 

อุปกรณ์ของเขาประกอบไปด้วยชุดเกราะหนังที่เลอะเทอะและโล่ที่ผมหยิบขึ้นมาในตอนcid แต่เขาก็ดูไม่ได้อ้วนเกินไป  

 

“มาเริ่มกันเถอะ”  

 

“ทำให้ดีที่สุดล่ะ”  

 

ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย  

 

ทั้งพัคฮเยยองและจองฮายันดูเหมือนจะกังวล  

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะกลัวกับมอนสเตอร์ที่พวกเTvพบ  

 

ผมส่งคำพูดปลอบโยนให้กับพัคฮเยยองที่อยู่ข้าง ๆ  

 

“อย่ากังวลมากเกินไปนะครับ”  

 

“มันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”  

 

“พวกเขาจะไม่ได้ล้อมเราเหมือนตอนจุดเริ่มต้น เราได้เคลียร์พื้นที่นี้ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือสงบสติอารมณ์และแทงมอนสเตอร์ที่ด็อกกูป้องกัน ผมรู้ว่ามันน่ากลัว แต่มันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ”  

 

“คุณดีกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะคะ”  

 

แน่นอนว่าผมต้องทำ  

 

‘ถ้าคุณตกใจ ผมจะเป็นคนที่ต้องตาย’  

 

ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ เป็นไปได้ว่าในขณะที่โจมตีด้วยหอกแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ผู้หญิงคนนี้จะแทงผมแทน  

 

เมื่อมองไปด้านหลัง ผมเห็นคิมฮยอนซึงพูดคุยกับจองฮายัน  

 

ตามที่คาดไว้ดูเหมือนว่าเขาจะถามเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ แต่จองฮายันเหมือนจะไม่สนใจเขาเลย  

 

เธอดูเหมือนจะมีปัญหาในการสื่อสาร ขณะที่เธอก้มศีรษะและตอบคำถามของเขาสั้น ๆ  

 

มันทำให้ผมนึกถึงความพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับจองฮายันมากขึ้น  

 

ผมยิ้มเมื่อสบตากัยจองฮายัน และเธอก็พยักหน้าอย่างมีความสุข  

 

อย่างน้อยนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นที่คิดว่าผมมีความสัมพันธ์กับเธอ  

 

“โอ้ ฉันเป็นคู่ของคุณนะคะ”  

 

“ผมแค่ตรวจดูรูปแบบด้านหลังของเราน่ะ นอกจากนี้อย่าพูดเสียงดัง ในขณะที่เรากำลังเดินทางสิครับ….”  

 

” ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว”  

 

ตอนนั้นเอง  

 

“มีหนึ่งตัว เตรียมพร้อม”  

 

“รับทราบ”  

 

เสียงของคิมฮยอนซึงดังมาจากด้านหลังและปาร์คด็อกกูบ่นตอบจากด้านหน้า  

 

ร่างกายของปาร์คด็อกกูดูตึงเครียด  

 

“ในขณะที่ด็อกกูป้องกัน ฮเยยองจะจัดการมัน ส่วนกียองเตรียมตัวไว้เผื่อจะเกิดอะไรขึ้น”  

 

พวกเราพยักหน้า  

 

แม้ว่าพัคฮเยยองจะดูสงบ แต่เธอก็ยังแสดงอาการหวาดกลัวและตึงเครียด  

 

พวกเราก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่พัคฮเยยองเป็นคนปิดฉากมัน  

 

คงจะแปลกถ้าเธอไม่กลัว  

 

เราได้ยินเพียงเสียงเดียวที่มาจากทางซ้าย  

 

“ด็อกกูมันจะมาจากทางซ้าย”  

 

“ผมเข้าใจแล้วพี่”  

 

ปาร์คด็อกกูผลักมันกลับไปด้วยโล่ของเขา  

 

พลั่ก!  

 

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น สิ่งมีชีวิตก็ติดอยู่ระหว่างทางตันและโล่  

 

พัคฮเยยองจึงเดินตามหลังอย่างลนลาน  

 

“แกร๊กกก!”  

 

” คุณกำลังทำอะไรอยู่? “  

 

แขนและขาของเธอสั่น  

 

ผมสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น  

 

แม้แต่สุนัขยังมีประโยชน์มากกว่าในสถานการณ์เช่นนี้  

 

“ย – ยังไงคะ”  

 

“แทงมัน!”  

 

“เฮ้ จัดการมันเร็ว มันยากนะที่จะทำแบบนี้”  

 

“อา….”  

 

ดวงตาของเธอมีชีวิตชีวา แต่ร่างกายของเธอดูเหมือนจะไม่ตอบสนอง  

 

‘…เธอแค่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งเท่านั้น’  

 

ผมจับแขนของเธอจากด้านหลังอย่างหลวม ๆ ขณะที่ผมจับมืออันสั่นเทาของพัคฮเยยองและหอก อาการสั่นที่แขนขาของเธอก็เริ่มลดลง  

 

ผมคิดว่าการส่งข้อความของผมอย่างเงียบ ๆ จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ผมจึงกระซิบข้างหูเธอ  

 

“ถ้าคุณยังทำแบบนี้อีกในครั้งต่อไป พวกเราทุกคนจะตาย คุณเข้าใจไหมครับ? “  

 

” ค – ค่ะ”  

 

“เพิ่มแรงจับของคุณ”  

 

“…….”  

 

ผมกดมือเธอให้แน่นขึ้น…  

 

หอกค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหาลำตัวของมอนสเตอร์ที่ปาร์คด็อกกูขวางอยู่ และแขนของพัคฮเยยองก็ตามมา  

 

ผมเป็นคนแทงมันไปข้างหน้า แต่ความรู้สึกน่าจะส่งผ่านไปมือของเธอเช่นกัน  

 

ฉึก!  

 

ด้วยเสียงนั้น ของเหลวที่ไม่รู้จักก็เริ่มพรั่งพรูออกมา  

 

พัคฮเยยองพยายามจะปล่อยหอก แต่ผมคว้าแขนเธอไว้อีกครั้ง  

 

“มันยังไม่ตายครับ อย่าผ่อนคลาย”  

 

“กี๋!”  

 

มอนสเตอร์ตัวนั้นร้อง มันดิ้นรนและพยายามข่วนปาร์คด็อกกู  

 

ผมจับมือของพัคฮเยยองอีกครั้งแล้วแทงหอกจากด้านบน  

 

ตามที่คาดไว้มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัว  

 

“คิดว่ามันเป็นเนื้อสัตว์”  

 

“ค – ค่ะ”  

 

พลั่ก!  

 

ฉึก!  

 

ผมฟาดด้วยหอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า  

 

มันหยุดกระตุกไปนานแล้ว แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการบังคับให้เธอปรับตัวกับสถานการณ์  

 

หลังจากนั้นไม่นานปาร์คด็อกกูก็วางโล่ลงและถอยห่างจากมอนสเตอร์  

 

ผมก็คลายจากการจับมือของพัคฮเยยองด้วย  

 

มอนสเตอร์หลุดออกจากกัน ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงแทงหอกเข้าไป  

 

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวหรือไม่ แต่ริมฝีปากของเธอถูกกดแน่นและมีรอยมือสีขาวรอบ ๆ ด้ามหอก  

 

‘ผมเข้าใจ.’  

 

การฆ่าสิ่งมีชีวิตเป็นเรื่องที่ยากสำหรับครั้งแรก  

 

ไม่ว่าคุณจะบอกตัวเองว่าคู่ต่อสู้เป็นมอนสเตอร์ก็ตาม มันไม่แตกต่าง  

 

หลังจากได้ยินเสียงที่น่าสยดสยองเป็นเวลานาน เธอก็มีอาการเหนื่อยหอบ  

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะมีความคิดมากมายวิ่งอยู่ในหัว  

 

ผมเข้าไปหาพัคฮเยยองที่ทรุดลงกับพื้น แล้วพูดอย่างระมัดระวัง  

 

“ทำได้ดีครับ”  

 

แต่เธอไม่ตอบกลับ

Regressor Instruction Manual

Regressor Instruction Manual

Score 10
Status: Completed

วันหนึ่งผมถูกเรียกตัวมายังโลกใบนี้

สัตว์ร้ายหลั่งไหลออกมาและวิกฤตที่น่าเหลือเชื่อก็มาถึง

พรสวรรค์ของผมไม่อาจแย่ไปได้กว่านี้แล้ว

[ระดับความสามารถของผู้เล่นอยู่ในระดับต่ำสุด]

[ตัวเลขทั้งหมดเกือบสิ้นหวัง]

ไม่ว่าผมจะเลือกเป็นนักรบหรือพ่อมดที่มีความสามารถก็ตาม

ไม่ว่าคุณจะย้อนเวลากลับไป

คุณต้องใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งเพื่อที่จะอยู่รอด

Options

not work with dark mode
Reset