ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นกู่หวงที่พุ่งไปยังน้ำวนหรือซิวหลัวผู้ขมขื่น ต่อให้เป็นตาแก่ก็ไม่สังเกตเห็นว่าช่วงที่ซูหมิงเพ่งมองน้ำวนนั้น หน้าเขาเปลี่ยนสีรวมถึงส่วนลึกในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่
‘กลิ่นอายพลังคุ้นเคยนี้…เป็นของกระเรียนขนร่วง’ ซูหมิงพึมพำเป็นเสียงลมหายใจกระชั้นในใจ กลิ่นอายพลังนี้อ่อนมาก แต่แม้จะอ่อนกว่านี้ซูหมิงก็ไม่มีวันลืม
เพราะในน้ำวนนี้นอกจากกลิ่นอายพลังกระเรียนขนร่วงแล้วยังมีกลิ่นอายพลังมหึมาอีกชนิดหนึ่ง มันเหมือนกับการเปรียบเทียบ ทำให้ซูหมิงรู้สึกถึงกระเรียนขนร่วง และยังรู้สึกถึงเจ้าของกลิ่นอายพลังมหึมานั้น
นั่นคือ…เสวียนจั้ง!
กลิ่นอายพลังเสวียนจั้งที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศกลางจักรวาลกว้างใหญ่!
‘ฟ้ากู่จั้งสามสิบสามชั้นนี้…สำหรับพวกเขาคือเส้นทางสำเร็จเต๋าไร้ที่สิ้นสุด แต่สำหรับข้า…นี่คือเส้นทางออกจากโลกนี้ กลับไปลืมตาในจักรวาลกว้างใหญ่!
ก้าวผ่านฟ้าสามสิบสามชั้น เมื่อเดินก้าวนั้นออกไปแล้วข้าจะตื่นขึ้น การยึดร่างจะสิ้นสุดลง’ ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ยามนี้ความเข้าใจลอยขึ้นมาในใจ ค่อยๆ เหมือนประทับลงไปกลายเป็นลึกซึ้ง
‘นี่คือเส้นทางของข้า…’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววยึดมั่นทีละน้อย
ยามนี้กู่หวงหายไปในน้ำวนแล้ว เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น เขาห้อเหยียดไปตลอดทาง พริบตาเดียวก็ขึ้นไปฟ้าชั้นที่ยี่สิบ
เขาไม่ได้กล่าวแบบซิวหลัว แต่เดินหน้าไปเงียบๆ ไม่นานก็ผ่านชั้นที่ยี่สิบสอง ยี่สิบสาม ยี่สิบสี่…จนกระทั่งก้าวสู่ชั้นที่ยี่สิบเก้า ร่างเงาเขาหยุดลง
ตอนนี้ซิวหลัวมองน้ำวนตาไม่กะพริบ ภายในใจซับซ้อนอย่างยิ่ง ความต้องการส่วนตัวคือไม่อยากให้อีกฝ่ายสำเร็จ แต่เขาก็อยากรู้ว่าอะไรคือเต๋าไร้ที่สิ้นสุด มีเพียงตอนที่มีคนไปถึงเท่านั้นเขาถึงจะเข้าใจ
ตาแก่มีสีหน้าคงเดิมตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เสียดายก็ดี เฝ้ารอคอยก็ดี เหมือนไม่ได้เด่นชัด ต่อให้เป็นตอนนี้ก็แค่เงยหน้าขึ้นเพ่งมองเท่านั้น
กู่หวงหยุดเพียงไม่กี่ลมหายใจก็พุ่งไปยังฟ้าชั้นที่สามสิบอย่างไม่ลังเล หากขึ้นฟ้าชั้นที่สามสิบ เขาจะพิสูจน์ได้ว่าตนเองบรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุดแล้ว!
โครม!
โครมๆ!
โครมๆๆ!
เสียงโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะเทือนกึกก้องฟ้าดิน นั่นคือเสียงชนเหมือนกับซิวหลัวก่อนหน้า นั่นคือเสียงที่เกิดขึ้นตอนก้าวเข้าฟ้าชั้นสามสิบแล้วถูกขวางเอาไว้
เสียงแบบนี้ดังต่อเนื่องกันเพียงครึ่งก้านธูปแล้วก็ค่อยๆ เงียบลง ไม่เหมือนกับซิวหลัวที่ไม่ยอมอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน แต่กู่หวงลองเพียงแค่เก้าครั้ง!
เก้าครั้งใช้เวลาไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป เขาขึ้นฟ้าชั้นที่สามสิบไม่สำเร็จ เขาเลือกยอมแพ้ ตอนนี้ค่อยๆ ลงมา เมื่อร่าง
เงาเดินออกมาจากน้ำวนสีดำขาว ในตัวเขาไม่มีความขมขื่น ไม่มีความแก่ชรา มีเพียงความเสียดายที่ยากจะหลีกเลี่ยงอยู่เล็กน้อย
“ข้ายังไม่บรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุด ตอนนี้ดูแล้วดวงชะตาที่ตัดก็ยังไม่ได้ตัดอย่างสมบูรณ์…” ร่างเงากู่หวงลงมายืนบนหอคอยสูง กล่าวเสียงเบา แม้จะเสียดาย แต่ก็หลุดพ้นเช่นกัน
บางทียิ่งเป็นคนที่ยึดมั่นมากเท่าไร เวลาล้มเหลวจะต้องรับแรงกดดันมากเท่านั้น แต่กู่หวงไม่ได้สนใจเต๋าไร้ที่สิ้นสุดมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้ยกขึ้นได้ก็วางลงได้
ส่วนซิวหลัว ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงพ่ายแพ้ และก็พ่ายแพ้ใจตัวเอง เหมือนหลงทาง อยู่ในระหว่างการแสวงหาเต๋า ความคิดหรือการกระทำห่างออกไปไกล ยามที่หันกลับไปมองก็ไม่รู้ทิศทางแล้ว
“สองท่านลองแล้ว ข้าก็จะลองบ้าง ดูว่าเต๋าที่ตัดไปจะเป็นจริงหรือปลอม” ตาแก่เงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนหันหน้าไปมองซูหมิง
ซูหมิงก็มองตาแก่เช่นกัน
“อาจารย์จะสำรวจทางให้เจ้าก่อน หากอาจารย์สำเร็จ เจ้าต้องอยู่ที่นี่ หากอาจารย์เลือกผิด…เรื่องที่ข้าเคยตอบรับเจ้าในตอนนั้นจะไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย!” ตาแก่มองซูหมิงอย่างลึกซึ้งด้วยรอยยิ้มเมตตา ก่อนหมุนตัวกลับขยับวูบไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังน้ำวนสีดำขาวบนฟ้า
ซูหมิงมองเงาแผ่นหลังตาแก่ คำพูดก่อนไปของตาแก่ทำให้เขานึกถึงภาพที่ตาแก่เกิดประตูห้องรอตนไปคารวะเป็นอาจารย์ในลานบ้านตอนนั้น
และก็นึกถึงคำพูดนั้นของตาแก่
‘ข้าจะช่วยเจ้าพิสูจน์เต๋าของเจ้าเอง! หากเจ้าผิด เจ้าจะรับมรดกของข้า หากข้าผิด ข้าจะช่วยให้เจ้าออกจากที่นี่!’
ระหว่างที่คำพูดนั้นยังคงดังก้อง เกิดเสียงดังสนั่นบนฟ้า ร่างเงาตาแก่กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งเข้าไปในน้ำวน ท่ามกลางเสียงอึกทึกตลอดทาง แต่ละชั้นระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง
จักรพรรดิกู่จั้งเงยหน้าขึ้นเพ่งมองทุกอย่างในน้ำวน ซิวหลัวมองเงียบๆ เช่นกัน สำหรับพวกเขาแล้วกูหงต่างออกไปเล็กน้อย เพราะเต๋าของกูหงไม่มีความไร้ขีดจำกัดของดวงชะตา ไม่มีความบ้าอำนาจสูงสุดของซิวหลัว แต่เป็นความจริงเท็จที่มีต่อทั้งโลก เป็นเต๋าที่พวกเขาเคยไม่เข้าใจ ต่อให้เป็นตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
เต๋านี้จริงหรือเท็จ ทุกอย่างของความจริงเป็นจริง ความเป็นเท็จยังคงเลื่อนลอย ยามนี้เมื่อร่างเงาตาแก่พุ่งเข้าไปในน้ำวน การพิสูจน์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เสียงครึกโครมดังก้อง ร่างเงาตาแก่พุ่งผ่านฟ้าชั้นที่ยี่สิบจนถึงชั้นที่ยี่สิบสาม ยี่สิบหก…ยี่สิบเก้า!
เขาไม่หยุดตรงนี้ แต่พุ่งต่อไปยังฟ้าชั้นที่สามสิบ
ตอนนี้เองกู่หวงกับซิวหลัวมองไปอย่างใจจดจ่อ ซูหมิงเองก็หรี่ตาลงเพ่งมองไปเช่นกัน
โครม!
เกิดเสียงระเบิดสนั่นฟ้า ถึงขั้นพูดได้ว่าหลังน้ำวนสีดำขาวปรากฏแล้วไม่เคยเกิดเสียงดังเช่นนี้มาก่อน ดังกังวานไปรอบๆ ดังก้องไปทั่วโลก กึกก้องมวลอากาศทุกแห่งหน!
“ฟ้า…ชั้นที่สามสิบ…” ซิวหลัวซวนเซถอยไปหลายก้าวก่อนพลันหัวเราะเสียงดัง เพียงแต่เสียงหัวเราะมีความขมขื่นที่มากกว่า มีความไม่ยอมที่เด่นชัดถึงขีดสุด
ภายในน้ำวน ร่างเงาตาแก่ก้าวสู่ฟ้าชั้นที่สามสิบ!
เมื่อก้าวสู่ชั้นสามสิบ นั่นหมายความว่าบรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุดแล้ว!
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ซิวหลัวที่ขมขื่น กู่หวงหน้าเปลี่ยนสี จ้องน้ำวน ลมหายใจกระชั้น
เกิดเสียงอึกทึกดังในความคิดซูหมิง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เพ่งมองร่างเงาตาแก่ในน้ำวน เห็นรางๆ ว่าตาแก่ไปหยุดที่ชั้นสามสิบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เวลาผ่านไปช้าๆ พริบตาเดียวก็หลายชั่วยาม ตาแก่ที่ยืนอยู่บนฟ้าชั้นสามสิบเดินหนึ่งก้าว ช่วงที่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง เขา…ยืนอยู่บนฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ด!
“ดินมีพรมแดน ฟ้าไร้พรมแดน กี่ความเป็นตายความคิดถึงไร้พรมแดน…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…” ตอนนี้เอง เสียงตาแก่ดังพึมพำมาจากฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ด ไม่ได้ดีใจในการพิสูจน์เต๋า แต่กลับขมฝาด ความรู้สึกขมฝาดที่ว่ามีการถอนหายใจอยู่ด้วย ยามนี้ดังกังวานทำให้ซิวหลัวไม่เข้าใจ ทำให้กู่หวงมีสีหน้าลังเล
“ที่แท้…ทุกอย่างก็เป็นเช่นนี้…” ช่วงที่เสียงหัวเราะตาแก่ดังก้องขึ้น ความขมฝาดกลายเป็นความคลุ้มคลั่งแล้ว เขาเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง เข้าใจอะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรความขมฝาดและบ้าคลั่งในเสียงหัวเราะนั้น พอใครได้ยินเข้าแล้วจะเกิดความเศร้าโดยไม่รู้ตัว
“กูหง เจ้าเห็นอะไร!” ซิวหลัวถามทันที เสียงดังเข้าไปในน้ำวน
“ข้าเห็นแล้ว…พวกเจ้ามองไม่เห็นโลกที่จินตนาการไม่ได้นี้หรอก…ซูหมิง…เจ้าถูก เต๋าของเจ้า…ถูก ข้าผิด เพราะเต๋านี้เดิมทีไม่ถูกต้องสำหรับข้า…
อะไรคือโลก อะไรคือความว่างเปล่า อะไรคือความจริงเท็จ อะไรคือวัฏจักร ผิด ถูก…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” เสียงหัวเราะตาแก่คลุ้มคลั่งกว่าเดิม ขณะบ้าคลั่ง คล้ายๆ ว่าเขาก้มหน้าลงมองผ่านฟ้าสามสิบเอ็ดชั้นมาเพ่งมองซูหมิง
ซูหมิงรู้สึกได้ถึงสายตานี้ และยังรู้สึกได้ถึงความเศร้า…และการจากลาในแววตานี้ นั่นคือความรู้สึกเป็นตาย เป็นความรู้สึกที่เหมือนจะตัดขาดกันชั่วนิรันดร์
“อาจารย์!” ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ก่อนพูดขึ้นโดยจิตใต้สำนึก
“เจ้าถูก…แต่ข้ายังหวังว่าหลายปีจากนี้…เจ้าจะยังจำได้ว่าในโลกมายาที่เกิดจากการยึดร่าง เจ้า…มีอาจารย์คนหนึ่ง” เสียงตาแก่ดังแว่วมา ภายในน้ำเสียงไม่มีความขมขื่น แต่มีการถอนหายใจ ถอนหายใจให้โลกนี้ ถอนหายใจให้ชีวิตตนเอง
“เต๋าไร้ที่สิ้นสุด…ความคิดไร้พรมแดน…แต่หากข้าไม่แสวงหาความไร้ที่สิ้นสุด ไม่ละทิ้งความไร้พรมแดน ให้ทุกอย่างหวนคืน ให้ทุกอย่างกลับไปตอนแรกเริ่ม เหมือนกับย้อนเต๋าของข้า!
ซูหมิง ข้าจะกลายเป็นเทพเต๋าขั้นเก้าของเจ้า ช่วยเจ้า…ทะลวงผ่านฟ้าสามสิบสามชั้น ช่วยเจ้า…ชนะการยึดร่างครั้งนี้ ช่วยเจ้า…กลับบ้าน!” ขณะเอ่ย เสียงหัวเราะตาแก่แฝงไว้ด้วยความคลุ้มคลั่ง ทั่วร่างเขาเปล่งแสงไร้ที่สิ้นสุด แสงนี้ส่องสะท้อนฟ้าสามสิบสามชั้น ทว่ากลับรวมเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่ง…พุ่งจากฟ้าชั้นสามสิบเอ็ดลงมาข้างล่าง ทะลวงผ่านน้ำวนตรงมายังระหว่างคิ้วซูหมิง
“อาจารย์!” ซูหมิงจะหลบโดยจิตใต้สำนึก เขาเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่ทันหลบ สายรุ้งยาวทะลวงผ่านมวลอากาศมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ก่อนเข้าไปในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้ว!
“เพราะว่าเจ้าคือศิษย์ของข้า ศิษย์เพียงคนเดียว…ในเมื่ออาจารย์ผิด ก็ต้องให้ศิษย์ของข้า…ถูก! ยอมให้ข้าใช้วิธีนี้ให้เต๋าคงอยู่ต่อไปเถอะ…”
เกิดเสียงดังในความคิดซูหมิง นั่นคือเสียงแก่ชราที่มีความเมตตาจากกูหงดังก้องในความคิดซูหมิงในทันทีที่สายรุ้งยาวเข้าไปในระหว่างคิ้ว
ดวงตาซูหมิง…มีน้ำตารินไหล
ย้อนเต๋าของตัวเอง ปลดปล่อยความไร้ที่สิ้นสุดของตัวเอง ยอมเป็นเทพเต๋าขั้นเก้าของศิษย์ตัวเอง นี่…คือกูหง อาจารย์ที่ชีวิตนี้โดดเดี่ยวราวกับขนห่านป่า แต่กลับยอมจ่ายทุกอย่างเพราะการคารวะเป็นอาจารย์ครั้งนั้นจากซูหมิง