ดวงตาชื่อหยางไร้ประกายวาว ตัวเขาเป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋า เป็นผู้แข็งแกร่งที่เรียกได้ว่าระดับสูงสุดในแคว้นกู่จั้งที่สืบทอดเต๋าแห่งดวงชะตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะมีวันสิ้นชีพ
เขายึดถือวิชาแห่งดวงชะตา อีกทั้งด้วยความยิ่งใหญ่แห่งดวงชะตาสำนักเอกะเต๋ารวมถึงดวงชะตาของตนจึงไม่มีทางบาดเจ็บถึงชีวิต ดังนั้นแม้ชื่อหยางจะสนใจที่ซูหมิงมาที่นี่ แต่ก็ไม่เกิดความรู้สึกถึงอันตรายเป็นตาย
เขาเชื่อดวงชะตา และเชื่อโชคชะตายิ่งกว่า เขาคิดว่าตนไม่มีอันตรายถึงชีวิต และยังเชื่อดวงชะตารวมถึงกฏของมหาจักรพรรดิกู่จั้งว่าไม่มีใครทำลายได้
ความเชื่อนี้สิ้นสุดที่หนึ่งเค่อก่อนหน้า สิ้นสุดที่ดรรชนีมือขวาซูหมิงทำลายกฏของมหาจักรพรรดิกู่จั้ง ทะลวงผ่านตาข่ายใหญ่กึ่งมายาเข้ามากดที่ระหว่างคิ้วตน
สุดท้ายแล้วดรรชนีนี้ทำลายมวลอากาศ เมินเฉยต่อกฏ ประหนึ่งข้ามผ่านเวลามากดที่ระหว่างคิ้วชื่อหยาง พริบตานี้เองกิ่งไม้ต้นพิสูจน์เต๋าภายในนิ้วมือซูหมิงมุดเข้าไปในร่างชื่อหยางแล้วลุกลามไปทันที ตอนที่ซูหมิงดึงมือขวากลับ ร่างชื่อหยางดูปกติ แต่ความจริงแล้วภายในร่างกายอัดแน่นไปด้วยกิ่งไม้นับไม่ถ้วน จิตเต๋าสลายหายไป
ตอนนี้มหาเต๋าสูงศุกดิ์หนึ่งยุคสิ้นชีพลง ร่างเขาล้มลงกับพื้น ดวงตาไร้ประกายวาว เหมือนซ่อนความไม่ยอมไว้ลึกๆ เพียงแต่ตรงส่วนลึกของความไม่ยอมนั้นยังมีความเหลือเชื่อก่อนตาย
เขารู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ เพราะตั้งแต่โบราณจนมาถึงตอนนี้ พูดได้ว่าเขาเป็นคนแรกที่ถูกมหาเต๋าสูงศักดิ์ที่ไม่ใช่เทพเต๋าขั้นเก้าสังหาร ความตายนี้ทำลายกฏของกู่จั้ง มิหนำซ้ำในมุมมองเซินมู่กับไป๋ลู่ นี่เท่ากับสั่นคลอนดวงชะตาของแคว้นกู่จั้ง
การสั่นคลอนทำให้ช่วงที่เซินมู่กับไป๋ลู่เห็นชื่อหยางสิ้นชีพ ในใจสองคนเกิดเสียงดังสนั่น หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง สี่ดวงตาหรี่แคบลง มองซูหมิงด้วยความจริงจังมากกว่าก่อนหน้า
ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง หมุนตัวกลับมามองไป๋ลู่ด้วยแววตาเย็นชาและคมกริบ
“ต่อไปเป็นเจ้า” พูดจบไป๋ลู่ใจเต้นระรัว ความรู้สึกมรณะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันลอยขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจอย่างรุนแรง เมื่อเกิดความรู้สึกนี้ขึ้น เขาถอยหนีไปอย่างไม่ลังเล ทั้งยังยกมือขวาโบกไปข้างหน้า กลองสงครามยักษ์ปรากฏขึ้นตรงหน้าในฉับพลัน
กลองสงครามเป็นสีม่วงอมดำทุกส่วน เพิ่งปรากฏก็แผ่กลิ่นอายผ่านโลกมาเนิ่นนานกับพลังอำนาจสะเทือนฟ้า ความรู้สึกประหนึ่งกดดันฟ้าดินอบอวลในโลกของสำนักเอกะเต๋า
แทบเป็นขณะเดียวกับที่เรียกกลองสงคราม ไป๋ลู่พูดกับเซินมู่อย่างรีบร้อนด้วยความตึงเครียด
“เซินมู่ หากพวกเราสองคนยังไม่ลงมืออย่างสุดกำลัง วันนี้จะเป็นภัยของพวกเรา!”
สิ้นเสียง ฝ่ามือขวาไป๋ลู่ตบเข้าที่กลองสงครามยักษ์อย่างไม่ลังเล เสียงดังสนั่นกึกก้องไปรอบๆ ศิษย์สำนักเอกะเต๋าข้างล่างต่างมีใบหน้าเป็นสีเลือด พากันนั่งขัดสมาธิลง ไม่ว่าใครก็นั่งขัดสมาธิ ก่อนมีเส้นเล็กโลหิตลอยมาจากกลางกระหม่อมทีละเส้น!
นี่ต่างหากคืออภินิหารแท้จริงของไป๋ลู่ วิชาเขาเปลี่ยนแปลงได้หลากหลาย ทว่าส่วนสำคัญก็ยังอยู่ที่ดวงชะตา เมื่อวิชาแห่งดวงชะตาอยู่ในมือเขา เขาจะหมุนโคจรดวงชะตาของผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าทุกคนได้ เส้นเล็กสีแดงนั้นเหมือนกับชะตาชีวิตทุกคน ช่วงที่อัดแน่นอยู่จำนวนมาก ไป๋ลู่กลางอากาศประสานมุทราด้วยสองมือแล้วชี้ไป เส้นเหล่านั้นพลันรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นร่างเงาสีโลหิต
ในร่างเงานั้นแผ่กระกายพลังน่าสะพรึงประหนึ่งว่าเป็นร่างแยกของไป๋ลู่ ซึ่งเขาควบคุมได้ตามอำเภอใจ ยามนี้ร่างเงานั้นเงยหน้าขึ้น แสงสว่างทั่วร่างขยายไปหมื่นจั้ง ก่อนกลายเป็นร่างเงาสีโลหิตพุ่งไปหาซูหมิง
ขณะเดียวกันนัยน์ตาเซินมู่ฉายแววยึดมั่น ความจริงช่วงที่ชื่อหยางสิ้นชีพลง ภยันตรายในตอนนี้ได้ลอยขึ้นมาในใจเขาอย่างเด่นชัดแล้ว ตอนนี้พูดได้ว่าอยู่ในช่วงเวลาเป็นตาย หากเขากับไป๋ลู่รับมือกับซูหมิงไม่ได้ เช่นนั้นวันนี้เขาสองคนจะต้องมีจุดจบเดียวกันชื่อหยางแน่
ฝึกฝนมาหลายปี แต่นับจากนี้ต้องหายไป พลังของมหาเต๋าสูงศักดิ์หายไปนับจากนี้ ชีวิตมัวหมองลง ไม่อยู่ในโลกอีก เขารับเรื่องนี้ไม่ได้ แทบเป็นขณะเดียวกับที่ร่างเงาสีโลหิตพุ่งไปหาซูหมิง เซินมู่สูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขวากดหน้าผาก
“ฝึกฝนมาหลายสิบยุค กลายเป็นวัฏจักรร้อยโลก…เปิด…พลังแห่งวัฏจักรสามสิบโลก!” เซินมู่กล่าวเสียงดังกังวาน ทันใดนั้นเองเกิดเสียงดังสนั่นในตัวเขา ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก ปรากฏเงามายายี่สิบเก้าร่างรอบตัวเขา
ร่างเงาเหล่านี้มีบุรุษและสตรี แม้หน้าตาต่างกัน แต่ในมุมมองผู้ฝึกฌานยอดฝีมือ วิญญาณพวกเขาเหมือนกัน เหล่านี้คือเซินมู่ทั้งหมด!
นั่นคือเซินมู่ที่ฝึกฝนเต๋าแห่งดวงชะตาที่เขามีโดยเฉพาะมาไม่รู้กี่ปี จนเดินออกมาจากเส้นทางของตัวเอง นั่นคือ…เส้นทางแห่งวัฏจักร!
วัฏจักรร้อยโลกถูกเขาควบคุมไว้หลายต่อหลายครั้งจนกลายเป็นผนึกพันธนาการตัวเอง ตอนนี้เขาปลดออกสามส่วน จะปลดผนึกทั้งหมดไม่ได้ มิเช่นนั้นเขาต้องเจอกับภัยจิตใจปั่นป่วน ทำได้เพียงค่อยๆ เปิดออก ตอนนี้เปิดครั้งเดียวสามส่วน นั่นคือขีดจำกัดในเวลาสั้นๆ แล้ว
เงามายาทั้งหมดสามสิบร่างรวมตัวเขาอยู่กันอย่างเนืองแน่น ยามนี้เองกลิ่นอายพลังมหาศาลจากตัวเซินมู่สั่นสะเทือนฟ้าดิน
กระทั่งเขาขยับตัวยังเหมือนสามสิบคนเดินหน้าพร้อมกัน พุ่งตรงไปหาซูหมิงโดยทันที วนล้อมรอบซูหมิงคล้ายๆ วงแหวนอาคม
“วัฏจักรสามสิบโลก หวนคิดอดีต…ผ่านโลกมาเนิ่นนานไม่มีสิ้นสุด!” เซินมู่กล่าวขึ้นยังเหมือนสามสิบคนพูดขึ้นพร้อมกัน เสียงรวมกัน ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกเป็นคลื่นเสียงเท่านั้น แต่กลับคลับคล้ายการพึมพำ ยามนี้ดังก้องกังวานรวมขึ้นเป็นวงแหวนอาคมน้ำวนแห่งวัฏจักร
ภายในวงแหวนอาคมคือซูหมิง และยังมีร่างเงาสายรุ้งยาวสีโลหิตที่พุ่งตรงไปหาซูหมิง ถึงขั้นนอกวงแหวนอาคมวัฏจักรนี้ เมื่อไป๋ลู่ใช้วิชาก็มีร่างเงาสีโลหิตที่รวมจากเส้นเลือดดวงชะตาศิษย์สำนักเอกะเต๋าอีกสามร่างปรากฏกายขึ้น จากนั้นพุ่งไปหาซูหมิงราวกับข้ามผ่านมวลอากาศ
ซูหมิงมองทุกอย่างด้วยสีหน้าราบเรียบ แววตาเฉยชา ระหว่างที่วงแหวนอาคมวัฏจักรหมุนโคจรรวมถึงร่างเงาสีโลหิตพุ่งเข้ามา เขาหลับตาลง
ขณะเดียวกับที่หลับตา ภายในใจเขาลอยขึ้นมาเป็นแผ่นดินหมาน ลอยขึ้นมาเป็น…เพลงเทพหมานบทนั้น
เมื่อซูหมิงลืมตาขึ้น เขาอ้าปากเปล่งเสียงคำรามแห่งเทพหมาน!
อ๊าก!
ภายใต้เสียงคำรามสุดบรรยาย พลังอำนาจสะเทือนฟ้าแผ่มาจากตัวเขา ระลอกคลื่นพลันหมุนม้วนไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าเกิดการถล่มลงของมิติหลังเสียงดังสนั่นถึงขีดสุด!
ขณะถล่มลง ข้างหลังซูหมิง…ปรากฏแผ่นดินหมานลักษณะมายาขึ้น!