“บางทีคำตอบนี้ วันหนึ่งตอนที่ข้ากลับแคว้นกู่จั้ง ตอนพบอาจารย์ใต้ประตูเมืองนั้น เขาคงจะบอกข้า” ซูหมิงพึมพำพลางนึกถึงคำสัญญากับเทียนเสียจื่อ
‘ตอนพวกเราพบกันใต้ประตูเมือง ข้าจะไขข้อสงสัยครั้งสุดท้ายให้เจ้า’ซูหมิงหลับตาลง ข้างหูลอยขึ้นมาเป็นคำพูดเทียนเสียจื่อ อยู่เป็นเพื่อนเขาเดินไปเรื่อยๆ
เดินไปร้อยปี เดินไปสองร้อยปี จนกระทั่งครบแผ่นดินที่เก้า ซูหมิงเห็นทะเลทรายแอ่งกระทะที่เดิมทีเป็นมหาสมุทร
ทะเลทรายนี้กว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีสิ้นสุด เหมือนกับเส้นทางใต้เท้า ขอเพียงเดินไปก็ต้องยึดมั่นเดินให้จบ แม้ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ใด แม้ไม่รู้ทิศทางอนาคต แม้ในใจจะกังวลและหวาดกลัว แต่ว่า…ในเมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้วก็อย่าหันกลับ
ช่วงที่ซูหมิงมองทะเลทรายไร้พรมแดน เด็กชายน้อยข้างกายจับชายเสื้อเขาพลางพูดเสียงเบา
“ใกล้จะถึงแล้ว เป็นใจกลางทะเลแห่งนี้ ที่นั่นคือบ้านของเฮ่าเฮ่า…” เสียงเฮ่าเฮ่ายังคงเยาว์วัย อยู่ด้วยกันมาเก้าร้อยปี ซูหมิงกับเฮ่าเฮ่าเดินทางอยู่ในโลกที่เคยรุ่งเรือง ได้เห็นภูเขาแตก เห็นแม่น้ำเหือดแห้ง เห็นซากศพ ตอนนี้ซูหมิงเห็นทะเลทราย บางทีในสายตาเฮ่าเฮ่าอาจเห็นมหาสมทุร
ซูหมิงก้มหน้าลงมองเฮ่าเฮ่าแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบ แต่พาเฮ่าเฮ่าเดินไปยังทะเลทราย เดินไกลไปเรื่อยๆ
ในทะเลทรายมีสายลม สายลมหมุนดังครืนๆ เหมือนพาเสียงถอนหายใจเปล่าเปลี่ยวลอยล่องไปรอบๆ ม้วนพายุทรายปกคลุมไปโดยรอบ และก็ปกคลุมความยิ่งใหญ่ในอดีต เพียงแต่มองจากสภาพพายุทรายเต็มฟ้าแล้ว มันคล้ายกับทะเลมาก…หากกาลเวลายึดมั่นแบบนี้ เช่นนั้นพายุทรายจะกลายเป็นทะเล และก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ในพายุทราย ซูหมิงจับมือเฮ่าเฮ่าเดินไปทีละก้าว จนกระทั่งตรงหน้ากลางพายุทรายดั่งมหาสมุทราปรากฏเรือโบราณลำหนึ่ง มันลอยล่องกลางทะเลพายุทราย บนเรือมีร่างเงาหนึ่งนั่งขัดสมาธิ ตอนที่ซูหมิงมองไปมันเลือนราง
“ก็ควรจะได้พบเขาที่นี่” ซูหมิงมองเรือลำนั้นลอยไกลไปในทะเลพายุทรายพลางพูดเสียงเบา
“ใครรึ?” เฮ่าเฮ่าเงยหน้ามองซูหมิง
“สหายเก่า” ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย ลูบหัวเฮ่าเฮ่า ก่อนพาเดินไปยังส่วนลึกของพายุทราย
“เขาเป็นอะไรรึ?” เฮ่าเฮ่าถามอีกครั้ง
“เขาหลงทางแล้ว” ซูหมิงส่ายหน้า มองเงาบนเรือเลือนรางที่ลอยไกลไป เมื่อละสายตากลับแล้วก็พาเฮ่าเฮ่าเดินต่อไป
เวลาผ่านไป ทุกช่วงหลายเดือน ซูหมิงจะเห็นเรือโบราณลำนั้นลอยล่องไปรอบๆ ในทะเลพายุทราย เหมือนกำลังหลงทาง ตามหาเส้นทางที่หลงอยู่ตลอด
นั่นคือความรู้สึกที่อยากจะเดินบนเส้นทางต่อไป ทว่า…กลับยังหาไม่พบ
“เขาน่าสงสารมาก” เฮ่าเฮ่าพูดเสียงเบา
“เพราะเหตุใดรึ?”
“เพราะว่าเขาเองไม่ได้อยากหลงทาง หากเป็นแบบนี้จะยังมีความสุขของตัวเองได้ แต่ใจเขาไม่ยอม เพียงแต่เขาหลงทางบนเส้นทางนี้แล้ว กลับก็ไม่ได้แล้ว” เฮ่าเฮ่าขบคิดเล็กน้อยแล้วตอบกลับ
“แต่ว่าเขาโง่เขลามาก ไม่อยากเชื่อว่าจะหลงทาง” เฮ่าเฮ่าหัวเราะ เสียงหัวเราะไพเราะมาก ดั่งกับหยดน้ำกระทบแผ่นหิน
ซูหมิงก็หัวเราะเช่นกัน มองเรือผ่านไปอยู่ไกลๆ อีกครั้ง ในเสียงหัวเราะมีความปลงอนิจจัง มีการถอนหายใจเบา
ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงหลงทางแล้ว เขาเดินอยู่บนเส้นทางของเขามาตลอดชีวิต นำพาความฝันเดินไปทีละก้าว ความขัดแย้งกับซูหมิงไม่มีถูกผิด เพียงแต่ว่าบางครั้ง…เส้นทางนี้ ข้าเดินได้ แต่เจ้า…เดินอยู่หน้าข้าไม่ได้!
นี่คือสิ่งที่ซูหมิงปลงอนิจจัง ทั้งยังเป็นการถอนหายใจเบา เขาไม่รู้ว่าจะมีวันหนึ่งที่ตนเป็นแบบนี้หรือไม่ ยังคงยืนหยัดแต่หลงทาง
เพราะหากหลงทางก็จะหลงไปชั่วชีวิต
บางทีอาจจะมีอีกทางเลือกหนึ่ง…
ซูหมิงย่อตัวลงมองเฮ่าเฮ่าเงียบๆ
“น่าจะยังมีอีกทางหนึ่ง…เฮ่าเฮ่า รอข้าที่นี่” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา เฮ่าเฮ่ามองซูหมิงพลางพยักหน้าให้
“ทางเลือกแบบใดรึ? จะชี้นำเส้นทางให้เขารึ?”
“คนอื่นไม่อาจชี้นำเส้นทางของคนอื่นได้” ซูหมิงส่ายศีรษะ ก่อนหมุนตัวกลับเดินไปตรงจุดที่เรือลำนั้นหายไป ร่างเงาเขาค่อยๆ หายไปในพายุทรายจนกระทั่งมองไม่เห็น
เรือเดินหน้าต้านพายุทรายอยู่กลางทะเลทราย ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงสวมอาภรณ์ยาวเหมือนในความทรงจำซูหมิง นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ราวกับไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเป็นโลกซางเซียงหรือที่นี่ก็ตาม
จนกระทั่งร่างเงาซูหมิงปรากฏบนเรือ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววยึดมั่น ยามที่มองซูหมิง เขาไม่มีสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อย ราวกับรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งจะได้พบซูหมิงที่นี่
“ผิดทางแล้ว” ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ
“อะไรคือผิด” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเงียบไปชั่วครู่แล้วตอบกลับเรียบๆ
ซูหมิงยิ้ม ไม่พูดต่อ
“ในมุมมองข้า เส้นทางไม่มีผิด ที่ผิดมีเพียงคน แต่ความผิดพลาดของข้าคือพ่ายแพ้ให้กับเจ้าในโลกซางเซียง…” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเอ่ยขึ้นเนิบๆ ช่วงที่เสียงดังแว่วไปยังคล้ายว่าเกิดระลอกคลื่นแห่งความทรงจำ
“นี่คือความผิดพลาดแรก ความผิดพลาดที่สอง…คือพ่ายแพ้เป็นครั้งที่สองในโลกแคว้นกู่จั้ง” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมีสีหน้าเหมือนปกติ เพียงแต่แววตามีความเสียดาย
“ข้าไม่ชนะ”
“เช่นนั้นเจ้าพูดได้อย่างไรว่าผิดทาง” นัยน์ตาผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเป็นประกายวาว
“เส้นทางของเจ้าจะต้องถูกอย่างนั้นรึ? เจ้ามองว่าข้าเดินผิดทาง แล้วคิดว่าข้าไม่เคยมองว่าเจ้าเดินเต๋าผิดทางอย่างนั้นรึ ใครถูกใครผิด เจ้าก็ดี ข้าก็ดี ล้วนไม่มีสิทธิ์พูด
รอดูผลเถอะ เส้นทางนี้ที่เจ้ากับข้าเลือกเหมือนกัน เจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อคืนชีพใบหน้าคุ้นเคยทุกคน ส่วนข้าจะบรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุด ให้กาลเวลาย้อนกลับ กลับไปยังอดีต กลับไปตอนที่เสวียนจั้งยังมาไม่ถึง
ถึงตอนนั้นข้าจะทำทุกอย่างเพื่อสังหารเสวียนจั้ง แม้ต้องเสียทุกอย่างก็ตาม!” ดวงตาผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย มองซูหมิงอย่างเย็นชา
“หากเจ้าเดินบนเส้นทางของเจ้าต่อไป สุดท้ายแล้วทั้งจักรวาลและในโลกของเจ้าจะมีเพียงเจ้าคนเดียว” ซูหมิงเงียบ ผ่านไปพักใหญ่ถึงพูดต่อช้าๆ
ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเงียบนานยิ่งกว่า เริ่มมีสีหน้าซับซ้อนทีละน้อย ตอนที่มองซูหมิง ความซับซ้อนมากขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งเขาถามกลับ
“เช่นนั้นเส้นทางของเจ้าล่ะ เดินต่อไป สุดท้ายทั้งจักรวาลจะมีแค่เจ้าคนเดียวที่หายไป!”
ซูหมิงเงียบ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงก็เงียบเช่นกัน สองคนอยู่บนเรือโบราณ หนึ่งยืนอยู่ อีกหนึ่งนั่งขัดสมาธิ เรือเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะถูกหรือผิด มันก็กำลังเคลื่อนตัว ไม่มีวันหยุดชั่วนิรันดร์
“เช่นนั้นนี่ก็คงเป็นการต่อสู้ครั้งที่สามระหว่างเรา!” ผ่านไปนานซูหมิงถึงยิ้มมองผู้เฒ่าเมี่ยเซิง
“เจ้ามาหาข้าก็คงเพราะจะพูดแบบนี้” ดวงตาผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเผยประกายวาวก่อนกล่าวขึ้นช้าๆ
“เจ้ารอข้าที่นี่มานานขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อรอให้ข้าพูดประโยคนี้รึ” ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย
“เป็นเช่นนั้น!” ประกายในแววตาผู้เฒ่าเมี่ยเซิงกลายเป็นความมุ่งมั่นในการต่อสู้ นี่ไม่ใช่การลงมือด้วยอภินิหาร ไม่ใช่การสังหารด้วยวิชา แต่เป็นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับเต๋าของกันและกันจึงเกิดการปะทะครั้งสุดท้ายด้วยการพิสูจน์!
“หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องฝังเต๋าของข้าในโลกของเจ้า เพราะจักรวาลที่ข้าอยู่จะไม่มีเจ้า” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงกล่าวทีละคำด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“หากข้าชนะ เจ้าจะติดค้างคำสัญญาข้าข้อหนึ่ง” ซูหมิงพูดตอบเรียบนิ่ง ไม่ได้มีความมุ่งมั่นในการต่อสู้เปี่ยมล้นเหมือนผู้เฒ่าเมี่ยเซิง แต่ราบเรียบจนไม่มีอารมณ์โกรธแม้แต่น้อย เขาไม่มองผู้เฒ่าเมี่ยเซิงอีก แต่หมุนตัวกลับเดินไปยังความกว้างใหญ่นอกเรือ เดินต่อไป ร่างเงาค่อยๆ หายไปในพายุทราย
ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมองร่างเงาซูหมิงจากไปไกล ดวงตาแวววาว ก่อนพูดพึมพำ
“เดิมทีไม่มีถูกผิด แต่เจ้ากลับยึดมั่นเช่นนี้…การต่อสู้ครั้งที่สามรึ…เดิมทีข้าไม่ยอมกับความพ่ายแพ้สองครั้งแรกอยู่แล้ว แบบนี้…ก็ดี!” ผ่านไปพักใหญ่ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงหลับตาลงช้าๆ ตกอยู่ในห้วงสมาธิอีกครั้ง นั่งอยู่บนเรือของเขาลอยไกลออกไป
ซูหมิงเดินหน้าอยูในพายุทรายเงียบๆ เขายังคงไม่หันกลับมา มีเพียงในแววตาที่จะมีประกายพิลึกวูบผ่าน แต่ก็หายไปในพริบตา
ซูหมิงเดินอยู่ในพายุทรายจนมาอยู่ข้างกายเฮ่าเฮ่าที่รออยู่ พอเฮ่าเฮ่าเห็นซูหมิงก็ยิ้มด้วยความเยาว์วัยทันที
“เฮ่าเฮ่านึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านพูดไม่ถูก เขาไม่ได้หลงทาง”
“เพราะเหตุใด?”
“เพราะว่าเดิมทีไม่มีเส้นทาง เส้นทางอยู่ใต้เท้า ที่ที่เดินไปก็คือเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นสุดทางก็ดีหรือระหว่างทางก็ดี หากมัวดื้อดึงในความถูกผิดของเส้นทาง นั่นต่างหากที่เรียกเดินผิดทาง
ข้าพูดถูกหรือไม่?” เฮ่าเฮ่าจับชายเสื้อซูหมิงพลางยิ้มพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำพองใจเล็กน้อย เหมือนดีใจมากที่ตนคิดหลักการที่ซูหมิงยังไม่เข้าใจได้
ซูหมิงยิ้มลูบหัวเฮ่าเฮ่าอีกครั้ง แล้วพยักหน้าให้ด้วยความอ่อนโยน
“เจ้าพูดถูก ทุกคนในโลกนี้เดิมทีไม่มีเส้นทาง ย่อมไม่มีถูกผิด ไม่ควรจะใส่ใจสิ่งเหล่านี้ มิเช่นนั้นแล้วจะเกิดความถูกผิดจริงๆ” ซูหมิงยิ้มตอบกลับ จากนั้นพาเฮ่าเฮ่าเดินไกลไป
พวกเขาเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ในพายุทราย เสียงแว่วเบาเล็กน้อย แต่ก็ยังได้ยินเลาๆ
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงบอกว่าเขาเดินผิดทาง?”
“เพราะข้าหวังให้เขาเดินผิดทาง”
“อ้อ…ก่อนท่านจะไปเลยบอกเขาว่าเดินผิดทางรึ?”
“เส้นทางไม่มีถูกผิด แต่ข้าพูดไปแล้วเลยมีถูกผิด นี่คือทางเลือกอีกทางนั้นที่ข้าพูดถึง เดินต่อไปในความผิดพลาด จนกระทั่งติดค้างคำสัญญากับข้า”
ร่างเงาสองคนค่อยๆ หายไปในพายุทราย แม้แต่เสียงยังได้ยินไม่ชัด ค่อยๆ ถูกเสียงพายุกลบหายไป