ซูหมิงยืนขึ้น ที่นี่คือชั้นสอง ที่นี่ ต่อให้มีมหาเต๋าสูงศักดิ์เข้ามาด้วยวิธีใดไม่รู้ก็ตาม แต่ไม่มีทางกำเริบทำตามอำเภอใจได้เหมือนชั้นหนึ่ง เพราะจะต้องเกิดการรบกวนอย่างแน่นอน
และที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการสังหารของซูหมิง!
ช่วงที่นัยน์ตาซูหมิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร จิตแผ่ขยายออก สัมผัสถึงพื้นที่ที่สุนัขสี่ตัวอยู่ ครึ่งก้านธูปต่อมามีแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งเข้ามาแต่ไกล ปรากฏข้างกายซูหมิง นั่นคือซานไป๋
สุนัขใหญ่สีขาวอีกสามตัวก็อยู่คนละที่กัน กำลังมุ่งหน้ามาหาเขาอย่างเร็วไว
ซูหมิงขยับวูบไหวพาซานไป๋ตรงไปยังหินข้างบน เมื่อห้อเหยียดไปราวครึ่งชั่วยาม จิตสังหารในแววตาขยับประกายวาว เขาเห็นศิษย์สำนักเจ็ดจันทราสามคนกำลังแย่งชิงแท่นบวงสรวงกับสำนักเอกะเต๋าสองคนอยู่ข้างหน้า
ชั้นสองมีทั้งหมดหนึ่งหมื่นแท่นบวงสรวงเหมือนกับชั้นหนึ่ง ภายในสามสิบหกชั่วยามผู้ครองแท่นบวงสรวงได้เยอะที่สุดจะได้สิทธิ์เข้าชั้นสามก่อน
หน้าตาแท่นบวงสรวงโบราณและธรรมดากว่าเล็กน้อย ต้นไม้หินข้างบนก็ใหญ่หนากว่า หากเปรียบเป็นอายุ หากชั้นแรกเป็นต้นไม้อายุสิบปี เช่นนั้นที่นี่ก็จะเป็นต้นไม้แก่ร้อยปี
ทันทีที่เห็นผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าสองคน ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวขยับวูบไหวเข้าไปใกล้คนหนึ่ง ขณะเดียวกับที่เดินผ่านคนนี้ มือขวาคว้าเข้าที่คออีกฝ่ายแล้ว ออกแรงบีบจนเกิดเสียงดังกรุบ ผู้ฝึกฌานคนนี้เบิกตากว้าง สิ้นลมหายใจไป พลังชีวิตรวมถึงพลังทั้งหมดถูกตราประทับในมือขวาซูหมิงสูบไป ผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าอีกคนข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหวาดกลัว คิดจะถอย แต่กลับกรีดร้องเพราะถูกซานไป๋กระโจนเข้าใส่ กัดฉีกจนสิ้นชีพไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราสามคนนั้นอึ้งงันก่อนตื่นตัวในฉับพลัน แต่พอเห็นหน้าตาซูหมิงแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ประสานมือคารวะซูหมิงแล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวสามสายไปจากที่นี่
ซูหมิงมองแท่นบวงสรวงนั้นพลางเดินเข้าไป ใช้เวลาไปสี่สิบลมหายใจในการเปิดแท่นบวงสรวง กลิ่นหอมจำนวนมากคละคลุ้ง จากการสูบทำให้ดวงตาเขาเปล่งประกาย ก่อนหมุนตัวบินไกลออกไปอีกครั้ง
ซูหมิงห้อทะยานไปตลอดทาง มีซานไป๋อยู่ข้างๆ ต่อให้เจอเต๋าสูงศักดิ์เขาก็มีพลังสู้ได้ เพียงแต่ว่าครั้งนี้เมื่อเขาขึ้นฟ้าไปเรื่อยๆ กลับไม่พบผู้ฝึกฌานเต๋าสูงศักดิ์เลย เจอแต่กับผู้ฝึกฌานขั้นพลังอื่นไม่น้อย ทว่าขอเพียงเจอคนสำนักเอกะเต๋า ซูหมิงจะลงมือสังหารอย่างไม่ลังเล
การลงมือทุกครั้ง เขาจะสูบขั้นพลังและพลังชีวิตอีกฝ่ายมาทั้งหมด สั่งสมในตราประทับมือขวาให้กลายเป็นการโจมตีที่แกร่งที่สุดจนถึงระดับที่มั่นคง
สังหารไม่รู้จบสิ้น จุดที่ผ่าน ศพเหล่านั้นยืนยันจิตสังหารของซูหมิง แต่ตอนนี้ยังไม่พอ…หนึ่งชั่วยามต่อมาเขาแผ่ดวงจิตบนฟ้าชั้นสอง ระหว่างที่ขยายออกไปรอบๆ ดวงตาเขาสว่างวาบ ก่อนหมุนตัวกลับพุ่งไปยังทางเหนือ ตรงนั้นมีผู้ฝึกฌานสองคนกำลังปะทะกันเพื่อแย่งแท่นบวงสรวงแห่งหนึ่ง
ซูหมิงไม่รู้จักสองคนนี้ แต่มองจากอาภรณ์หนึ่งเป็นฝ่ายอสุรา อีกหนึ่งเป็นสำนักเอกะเต๋า สำหรับซูหมิงแล้ว ร่างเงาเต๋าสูงศักดิ์ของสำนักเอกะเต๋ามากพอจะให้เขาเกิดจิตสังหาร ยามนี้เข้าไปใกล้ ซานไป๋อยู่ข้างกาย ระหว่างที่เต๋าสูงศักดิ์สองคนกำลังใช้อภินิหารปะทะกันจนถอยไปนั้น ใต้เท้าซูหมิงปรากฏเข็มทิศขึ้นโดยพลัน ความเร็วเพิ่มขึ้น วูบเดียวก็ตรงไปยังเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋า
เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าคนนี้เป็นชายวัยกลางคน ยามนี้หน้ามืดทะมึน พลันมองมาทางซูหมิง คิ้วขมวดเป็นปม ตอนนี้ซูหมิงเข้ามาใกล้แล้ว ซานไป๋อยู่ข้างกาย เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน ทำให้เต๋าสูงศักดิ์ฝ่ายอสุราหรี่ตาลง จากนั้นเลือกลงมือเช่นกัน
การลงมือของซานไป๋กับเต๋าสูงศักดิ์ฝ่ายอสุราทำให้เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ขณะคิดถอยไป ซูหมิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างเย็นชา ทันทีที่เข้ามาใกล้ นัยน์ตาเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าขยับประกายจิตสังหาร พลังซูหมิงไม่อยู่ในสายตาเขาจึงใช้มือขวาตบไปทางซูหมิง ขณะนี้เองซูหมิงใช้มือขวาปะทะกับเต๋าสูงศักดิ์คนนี้เช่นเดียวกัน ร่างซูหมิงสั่นสะท้าน กระอักเลือด แขนขวาเห็นเป็นกระดูกและเนื้อเหมือนจะแหลกสลายไป แต่เขากลับฝืนควบคุมไว้ ดูจากราคาต้องจ่ายนี้แล้ว ร่างกายเขาคงบาดเจ็บสาหัส
ทว่าเขากลับมีสีหน้าเหี้ยมโหดกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ไม่หลบ ทั้งยังไม่สนใจอาการบาดเจ็บ แต่ใช้ตราประทับมือขวาสูบกิน
เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว ฉายแววตกตะลึง ขณะเดียวกันซานไป๋หมุนตัวกลับมาจ้องเต๋าสูงศักดิ์ฝ่ายอสุราที่กำลังตกตะลึงต่อซูหมิง
เขาเห็นกับตาว่าเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋ามือขวาแห้งเหี่ยวลงอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันอาการบาดเจ็บซูหมิงฟื้นกลับมา ทุกอย่างเกิดขึ้นในไม่กี่ลมหายใจ เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าคำรามเสียงต่ำ แขนขวาแตกออก ถอยร่นไปอย่างเร็วรี่ มองซูหมิงด้วยแววตาตื่นกลัว
‘นี่มันวิชาอะไร!’ ตอนนี้เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าถอยไปพลางมองซูหมิงด้วยแววตาหวาดกลัว
ดวงตาซูหมิงขยับประกาย มองเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าอย่างเย็นชา การสูบเมื่อไม่กี่ลมหายใจเมื่อครู่ทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นกลับมา ตอนนี้นัยน์ตาเผยจิตสังหาร ก่อนขยับวูบไหวไปข้างหน้า ตรงไปยังเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋า
ในใจเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าสั่นสะท้าน ขณะที่ถอยโดยจิตใต้สำนึกนั้น พลันมีแสงสีขาวสว่างวาบข้างหลัง นั่นคือซื่อไป๋เข้ามาใกล้ ท่ามกลางเสียงดังสนั่นกึกก้อง เข็มทิศใต้เท้าซูหมิงขยับพุ่งไปปรากฏข้างเต๋าสูงศักดิ์คนนี้อีกครั้ง ใช้มือขวากดแขนอีกฝ่ายแล้วทำการสูบ เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าหมุนตัวกลับหมายจะลงมือ แต่ซื่อไป๋พุ่งเข้ามาพัวพันไว้ ซูหมิงจึงถอยไปได้
เป็นแบบนี้ไป ระหว่างที่ซื่อไป๋กับเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋ากำลังพัวพันกัน ซูหมิงเข้าประชิดทั้งหมดหกครั้ง ทุกครั้งจะสูบพลังชีวิตและขั้นพลังจากอีกฝ่ายไม่น้อย จนกระทั่งซูหมิงเข้ามาใกล้เป็นครั้งที่เจ็ด เขาไม่สนใจการต่อต้านของเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าแล้ว แต่ใช้มือขวากดระหว่างคิ้วอีกฝ่ายก่อนทำการสูบ เต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าร่างสั่นไหว เปล่งเสียงร้องโหยหวน ร่างกลายเป็นศพแห้ง
เต๋าสูงศักดิ์ฝ่ายอสุราเห็นภาพนี้ทั้งหมด เขามีสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง มองซูหมิงด้วยความหวาดกลัวเด่นชัด
“ข้าสังหารเพียงผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋า” ซูหมิงมองเต๋าสูงศักดิ์ฝ่ายอสุราแวบหนึ่ง ช่วงที่เอ่ยเนิบๆ สุนัขใหญ่สีขาวสองตัวข้างกายจ้องเต๋าสูงศักดิ์ฝ่ายอสุราอย่างดุร้าย
เต๋าสูงศักดิ์คนนี้ถอยไปหลายก้าว มองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้วหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่แท่นบวงสรวงที่นี่ยังไม่สนใจ เห็นได้ชัดว่าภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ความเหี้ยมโหดและความประหลาดจากมือขวาซูหมิงสร้างความหวาดหวั่นแก่เขา
ซูหมิงเปิดแท่นบวงสรวง สูบกลิ่นอายพลังก่อนก้มหน้ามองตราประทับมือขวาแวบหนึ่ง ตอนนี้ในตราประทับสั่งสมการโจมตีอย่างสุดกำลังของเต๋าสูงศักดิ์ไว้ครั้งหนึ่ง ดวงตาเขาขยับวูบไหวแล้วหมุนตัวกลับพาสุนัขใหญ่สีขาวสองตัวขึ้นไปข้างบน หนึ่งชั่วยามต่อมามีสุนัขใหญ่สีขาวอีกตัวมาถึง เขาจึงพาสุนัขใหญ่สามตัวบินไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางเจอกับผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าคนหนึ่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายมีขั้นพลังระดับใด ซูหมิงจะลงมือสังหารทันที โดยเฉพาะตอนที่พบเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าอีกคน เขาจะลงมือโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บตัวเอง ขอเพียงมีโอกาสสูบพลังชีวิตอีกฝ่าย อาการบาดเจ็บทุกอย่างจะฟื้นกลับมาอย่างฉับพลัน ระหว่างทางมานี้ เขาไม่เพียงแค่สูบขั้นพลังและพลังชีวิตของผู้ฝึกฌานทุกคน แต่ว่าข้างหลังยังปรากฏจันทร์โลหิตดวงหนึ่ง!
จันทร์โลหิตนี้รวมออกมาจากวิชาของสำนักเจ็ดจันทรา ยามนี้เมื่อปรากฏแล้วก็เหมือนซูหมิงอยู่กลางทะเลโลหิต จนผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม เขาได้ยินเสียงครึกโครมอยู่ไกลๆ ท่ามกลางเสียงนั้น เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นในแวบแรกว่าบนหินยักษ์หลายหมื่นจั้งก้อนหนึ่งข้างบนมีผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนกำลังเข่นฆ่ากัน!
หินใหญ่นี้มีแท่นบวงสรวงมากกว่าสองหมื่นแห่ง นี่จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นต้นเหตุของสงครามขนาดเล็ก ในผู้ฝึกฌานสองฝ่าย ซูหมิงมองแวบเดียวก็เห็นสวี่จงฝานกับพวกเต้าหานแห่งสำนักเจ็ดจันทรา ส่วนคนที่ทำสงครามกับสำนักเจ็ดจันทราคือสำนักเอกะเต๋า!
การปรากฏตัวของซูหมิง สีสันของจันทร์โลหิตนั้นพลันเป็นที่จับตามองของสองฝ่ายที่ทำสงครามกันที่นี่ทันที โดยเฉพาะซูหมิงนอกจันทร์โลหิต ตอนนี้…มีไม่น้อยคนที่รู้ฐานะเขา
สวี่จงฝานหน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้เองเต๋าสูงศักดิ์แห่งสำนักเอกะเต๋าคนหนึ่งพลันหัวเราะเสียงดัง ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวตีตัวออกจากสวี่จงฝานตรงมาที่ซูหมิง ขณะเดียวกันข้างหลังเขายังมีผู้ฝึกฌานอีกหลายร้อยคน ต่างเป็นสายรุ้งยาวพุ่งมาที่ซูหมิงพร้อมกัน
“มีทางอื่นไม่ไป แต่ดันมาที่นี่ ฆ่าเจ้าแล้วข้าก็จะสร้างคุณูปการครั้งใหญ่ ได้มหาดวงชะตา!” เต๋าสูงศักดิ์แห่งสำนักเอกะเต๋าคนนั้นเป็นชายร่างกำยำหัวโล้น สวมชุดคลุมยาวสีส้ม ตอนนี้หัวเราะลากยาวพลางเข้ามาใกล้ซูหมิงในฉับพลัน สุนัขใหญ่สีขาวสามตัวข้างกายซูหมิงนัยน์ตาเป็นประกายดุร้าย ช่วงที่จะพุ่งออกไปนั้น จิตสังหารในแววตาซูหมิงขยับไหว พริบตาที่คนหลายหมื่นคนรอบๆ มองมาพร้อมกัน รวมถึงสวี่จงฝานรีบเข้ามาหานั้น ซูหมิงขยับวูบวาบไปปรากฏตัวตรงหน้าชายร่างกำยำหัวโล้น
ยกมือขวาขึ้น แสงตราประทับมือขวากลายเป็นแสงสว่างจ้าแสบตาปกคลุมไปรอบๆ ยามนี้เองซูหมิงลดมือขวาลง ปะทะกับชายร่างกำยำหัวโล้นกลางอากาศ
ซูหมิงไม่ได้สูบต่อ เขาจะสังหารจนมีชื่อเสียงโด่งดัง สังหารจนมีอำนาจ โดยเฉพาะสงครามหลายหมื่นคนที่นี่ ต้องผงาดขึ้นด้วยพลังอำนาจ ดังนั้นแล้ว…เขาจึงไม่สูบ แต่ปลดปล่อย!
ปลดปล่อยพลังที่สูบมาจากหลายร้อยคนตลอดทาง ในนี้ยังมีพลังของเต๋าสูงศักดิ์อีกสองคน ยามนี้ระเบิดออกจากมือขวาเขา
เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดิน ฟ้าเปลี่ยนสี มวลอากาศข้างล่างบิดเบี้ยว ทั้งยังทำให้หินแตกรอบๆ พังทลายลง ก่อเป็นแรงปะทะรุนแรงกวาดล้างหลายหมื่นคน ทำให้พวกเขาเหล่านี้หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกันชายร่างกำยำหัวโล้นมีสีหน้าหวาดกลัวและเหลือเชื่อ กระทั่งไม่ทันร้องโหยหวนร่างก็บิดเบี้ยวตรงมือขวาซูหมิงแล้ว ร่างหายวับไป แม้แต่วิญญาณยังถูกลบหายไป!
สังหารในพริบตา!