บทนำ
เรื่องทั้งหมดนี่มันเกี่ยวกับอะไรน่ะเหรอคะ?
ถึงคุณจะถามโคมาจิไปโคมาจิเองก็ไม่รู้เหมือนกันแหละค่ะ…….โคมาจิก็อยากที่จะถามเขาด้วยตัวเองอยู่เหมือนกัน
อยากจะถามพี่จ๋าเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี่แต่ทุกครั้งที่โคมาจิพยายามจะถาม โคมาจิก็ดันไปต่อไม่เป็นเพราะอายเกินกว่าจะพูดต่อ…….
มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ไม่ใช่เพราะว่า
“พี่จ๋ากำลังจะถูกพรากไปจากโคมาจิแล้ว โคมาจิเหงาเหลือเกิน ฮือๆ…….”
อ๊ะ เมื่อกี้โคมาจิแต้มสูงใช้ได้เลยใช่ม้า?
ไม่ล่ะ ไม่จริงเลยเจ้าค่ะ
โคมาจิไม่ได้กำลังโกหกซักหน่อย! เอ๋ นี่ถามว่าโคมาจิซื่อตรงมากแค่ไหนเหรอคะ?
โคมาจิก็ค่อนข้างที่จะซื่อตรงพอที่จะพูดความจริงแหละค่ะ
ว่ามันคงจะดีนะถ้าพี่จ๋าได้แต่งงานไวๆน่ะนั่นคือสิ่งที่โคมาจิคิดมาตลอดเลยล่ะ
ค๊า โคมาจิไม่ได้โกหกคุณจริงๆนะเออ มันเป็นความจริงนะ!
โคมาจิไม่ได้รู้สึกเหงาเลยสักนิดเพราะงั้นสิ่งที่โคมาจิพูดมันคือความจริงที่ไม่มีอะไรจะจริงไปมากกว่านี้ได้แล้วล่ะค่ะ!!
……ก็บอกแล้วไงคะว่าโคมาจิพูดจริงๆน่ะ!!
เฮ้อ คุณนี่น่ารำคาญชะมัดเลย………จะไม่ยอมแพ้เลยสินะคะ!
นี่คิดจะถามเรื่องเดิมๆซ้ำๆไปอีกกี่รอบกันคะ!
พ่อแม่เป็นนกแก้วนกขุนทองรึไงคะ!
อ๋า อย่างนี้นี่เอง โคมาจิเข้าใจแล้วค่ะ!
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรที่โคมาจิจะสามารถทำได้แล้ว……คิดว่าจะได้เจอคู่แข่งที่เป็นรองแชมป์ของการแข่ง Birdman ที่นี่แล้วซะอีก…….
จริงๆแล้วโคมาจิไม่ได้รู้สึกเหงาหรืออิจฉาอะไรเลยสักนิดไม่ใช่ว่าโคมาจิกำลังปฏิเสธที่จะยอมรับนะ มันก็แค่นั่นไง….โคมาจิแค่อายเกินกว่าที่จะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
มันเหมือนกับการถามพ่อแม่ของคุณว่าพวกเขาเริ่มคบกันได้ยังไงนั่นแหละค่ะ
และการที่ไปได้ยินว่าพ่อจีบแม่ติดได้ยังไงมันก็ฟังดูจั๊กจี้หูเกินไปว่าไหมล่ะค่ะ?
แล้วถ้าเกิดว่าเขาทำหน้าเขินแล้วพูดใส่อารมณ์กลับมามันก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก!
เหมือนกับเวลาคุณรู้สึกไม่สบายใจอะไรซักอย่างคุณก็จะเอาแต่นั่งจ้องนิ้วตัวเองอย่างเหม่อลอยอย่างนั้นแหละแล้วคุณก็จะทําสีหน้าเหมือนกับโคมาจิที่กําลังทำอยู่ตอนนี้
การได้ฟังพี่ชายของคุณสาธยายเรื่องราวความรักของตัวเองมันก็เป็นสถานการณ์ที่คล้ายๆกันนั่นแหละค่ะ
ทีนี้เข้าใจยังคะ? เข้าใจแล้วสินะคะ?
โคมาจิคิดว่าในชีวิตประจำวันโคมาจิมักจะรักษาระยะห่างให้พอเหมาะจากพี่จ๋าเพราะงั้นถึงแม้โคมาจิจะได้ยินหัวข้ออะไรที่มันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ โคมาจิก็ยังพอที่จะสงบสติอารมณ์ได้อยู่
หา? นี่คุณกำลังจะบอกว่ามันคนละกรณีกันเพราะพวกเราสนิทกันมากงั้นเหรอ?
จริงเหรอคะ? ไม่ใช่ว่าคนที่มีพี่น้องทุกคนเป็นแบบนี้กันหรอกเหรอคะ?
อันที่จริงตัวโคมาจิเองก็ชักจะไม่แน่เหมือนกัน
เพราะงั้นจนถึงวันนี้โคมาจิก็ไม่มีปัญหาในการได้ยินเรื่องแบบนี้เลยไม่รู้เพราะตอนนั้นโคมาจิไม่เข้าใจหรืออะไรกันแน่ แต่ยังไงมันก็รู้สึกเหมือนกับไม่ใช่เรื่องจริงเลยค่ะ
อ้ะ! ไม่ใช่ว่าโคมาจิไม่เคยจินตนาการว่าวันนี้จะมาถึงหรอกนะแต่แค่โคมาจิเองยังจินตนาการไม่มากพอล่ะมั้งมันเหมือนมีฉากที่พร่ามัวเข้ามาซึ่งในจินตนาการก็ทํานองว่า
“ว้ายโคมาจิมีความสุขที่ซู๊ดดเลย พี่จ๋า!!”
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ
อะไรนะ?อยากให้โคมาจิพูดอีกรอบหรอ?
“ว้าย โคมาจิมีความสุขที่ซู๊ดด เลย โอนี่จัง”ท่อนนี้อ่ะนะ ?
แล้วทําไมโคมาจิต้องพูดอีกรอบด้วยล่ะ? แต่เอาเถอะ เดี๋ยวโคมาจิจะพูดอีกรอบให้ก็แล้วกันนะเพราะโคมาจิน่ะ มีจิตวิญญาณในการ “เซอร์วิส”คุณผู้อ่านยังไงล่ะ!
เอาล่ะ นึง ,สอง,ซั่ม !!!
เฮ้อ…. คุณนี่จริงๆเลยน๊า…..อ๊ะ…..โคมาจิขอดื่มชาก่อนล่ะ
อึกๆๆๆ…..ฮ๊า !โทษทีๆ เดี๋ยวพูดต่อนะ เอ๊ะ ….เดี๋ยวนะแล้วไหงโคมาจิถึงต้องขอโทษด้วยละเนี่ย! ยังไงก็เถอะเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
โคมาจิก็เคยได้ยินแว่วๆว่าพี่จ๋าพยายามจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกันอยู่ครั้งนึงเพราะเขาสัญญาว่าจะบอกโคมาจิด้วยถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแต่ด้วยความที่พี่จ๋าก็เป็นคนอย่างงนั้นถึงโคมาจิพยายามจะถามเขาไปเขาก็จะพยายามปิดบังแล้วก้แถหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย
ด้วยเหตุนี้ โคมาจิจะให้เวลาเขาค่อยๆเปิดเผยความในใจนั้นออกมาเองทีละเล็กทีละน้อยและด้วยวิธีนี้เองโคมาจิก็จะสามารถค่อยๆยอมรับความจริงนั้นได้ทีละนิดเช่นกัน…..แต่หลายๆอย่างมันไม่เป็นอย่างที่จินตนาการไว้น่ะสิ…ทีแรกก็กะว่าจะชวนคุยให้เขาไหลไปตามกระแสเพื่อที่จะบีบให้เขาพูดออกมาให้ได้แต่เมื่อมาถึงช่วง
“แล้วพวกพี่สองคนกําลังคบกันงั้นเหรอ?”
ทันใดนั้นก็ทนต่อพูดคุยกันต่อไม่ไหวไปกันต่อไม่เป็นทันทีนี่ละคือ พี่จ๋าล่ะ! พี่จ๋าของโคมาจิเองค่ะ!! แล้วคุณรู้มะว่าเกิดไรขึ้นต่อ? จู่ๆพี่จ๋าก็ทำหน้าจริงจังแล้วก็กระแอมไอออกมา แล้วพูดกับโคมาจิอย่างเครียดๆแบบว่า “อะแฮ่มๆ โคมาจิอันที่จริงพี่มีอะไรจะบอกน่ะ…”
โคมาจิเลยคิดว่า เอาแล้วๆเข้าเรื่องนี้สักที ในที่สุดก็เข้าเรื่องนี้สักทีนึง เย้!
แล้วโคมาจิก็นั่งหลังตรงทันที
โคมาจิรอให้โอนี่จังเปิดปากพูดมานานแล้วซึ่งเขาไม่เคยคิดจะพูดเลย
และท้ายที่สุดเขาก็พูดออกมาเบาๆแว่วๆฟังดูเหมือนยุงบินมาตอมที่หู
“อืม….พี่เองก็คิดว่ามันก็ไปได้สวยนะโคมาจิ……”
หูโอนี่จังแดงก่ำแถมยังหลบตาพร้อมกับถอนหายใจแล้วก็ยังฝืนยิ้มเจื่อนๆออกมา
โคมาจิไม่รู้ว่าควรเรียกพี่จ๋าว่า “น่าขยะแขยง”หรือ “น่ารักใสๆ”ดีนะ?
และจริงๆก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีความสุขรึเปล่า?
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้โคมาจิเริ่มรู้สึกอายและก็อดไม่ได้ที่จะพูว่า
“อะ-โอ้ งั้นเหรอ….อย่างนี้นี่เอง เยี่ยมไปเลย ถ้าเป็นอย่างงั้นโคมาจิก็เบาใจแล้วล่ะ”
และก็แกล้งทําสีหน้าสงบเสงี่ยมแล้วก็จบการสทนาไป
โอ้ว…..นี่มันทำให้โคมาจิตกใจจริงๆนะเนี่ย! โคมาจิไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองก็มีพรสวรรค์ด้านการแสดงอยู่ด้วยน่ะ! นี่ถ้าไม่คุมตัวเองดีๆ โคมาจิก็อาจจะกลายเป็นนางร้ายที่คอยเล่นกับหัวใจของเหล่าชายหนุ่มก็ได้นะ!
หืม อะไรนะคุณจะบอกว่าพวกเราคล้ายกันตรงชอบทำให้ปัญหาของพวกเรามันยุ่งยากขึ้นอย่างงั้นเหรอ?
ไม่เลยๆ พวกเราน่ะไม่ได้คล้ายกันเลยซักนิด!! ถ้าขืนพูดอีกล่ะก็โคมาจิจะโกรธจริงๆด้วย!
พี่จ๋าน่ะเป็นพวกชอบทําเรื่องมันยุ่งยากขึ้นด้วยการเพิ่ม “การดูถูกตัวเองแบบแปลกๆ” เข้าไปนั่นแหละเลยทําให้เขาดูน่าขยะแขยงเป็นพิเศษใส่ไข่เลยล่ะ
แต่เทคนิคของโคมาจิน่ะนะ อืม…..มันก็อธิบายไม่ได้หรอกนะ…..
ก็น่ารักแล้วก็มีไหวพริบ……..
นี่หัวเราะเยาะอะไรกันคะ?! อาๆ ก็อย่างที่บอกไปว่าพวกเราน่ะไม่ได้คล้ายกันเลยซักนิด..หืม.. นี่คุณกําลังจะบอกว่าโคมาจิกําลังพยายามจะเข้าไปจุ้นจ้านสินะ?
อื้อ….อันนั้นก็ยอมรับแหละ! เราสองคนเนี่ยคิดอะไรเหมือนๆกันเลยนะ
ตอนนี้โคมาจิน่ะนะหลวมตัวไปเจอกับปัญหานี้อีกแล้วล่ะแล้วก็คิดว่าพี่จ๋าเองก็ด้วย
มันเหมือนกับมีหนามที่ทิ่มแทงอยู่ภายในใจมีบางอย่างที่เขาไม่ได้พร้อมที่จะปลดปล่อยมันออกมาเพราะงั้นเขาก็เลยพูดมันออกมาดังๆไม่ได้
นั่นก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มเติมกับโคมาจิเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่นั่นเป็นเพียงแค่ความคิดที่เห็นแก่ตัวของโคมาจิเอง…….
อ๊ะ ไม่ใช่ว่าไม่มีหลักฐานที่แท้จริงมามัดตัวอะไรหรอกนะ ยังไงซะโคมาจิเองก็ไม่ได้อยู่กับเขาตลอด ไม่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดและมีอีกหลายๆเรื่องที่โคมาจิยังไม่เข้าใจ
ยังไงซะช่วงที่อยู่ในห้องชมรมโคมาจิก็อดคิดไม่ได้ว่า
“อ๋า พี่จ๋าฝันกลางวันอีกแล้วนะ”
นี่ๆรู้ป่ะ ตอนพี่จ๋าฝันกลางวันน่ะ เขาชอบฝันถึงเรื่องอะไรที่มันซับซ้อนๆและสีหน้าก็จะยุ่งเหยิงหน่อยๆ อ้อ ใช่ๆๆ คิดใบหน้าตอนที่กินขนมที่มันเปรี้ยวๆแบบนั้นแหละ
หืม…คุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ? แหม…คุณเนี่ยดูฉลาดกว่าหน้าตาอีกนะคะเนี่ย!
ก็แบบว่ามันก็คงไม่เป็นอะไรหรอกนะถ้าเขาฝันแล้วทําหน้าบึ้งตึงขมวดคิ้วตามปกติ
แต่พอฝันกลางวันทีไรก็ชอบทําหน้าอารมณ์เสียเหมือนมีของเปรี้ยวๆเข้าปากอย่างงั้นแหละ
และแน่นอนเรื่องแบบนี้หากไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานก็ไม่มีวันรู้หรอกนะใช่มะ?
นั่นแหละคือสิ่งที่ทําให้โคมาจิคิดว่า เอาจริงดิ ? นอกจากโคมาจิ มีคนรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?
โอ๊ะ โอเค……..
ในเมื่อทุกคนจะรู้อยู่แล้ว……..งั้นโคมาจิก็คงพูดอะไรไม่จําเป็นออกไปสินะ….
อ๊า! หยุดเลยไม่ต้องมาลูบหัวโคมาจิเลยนะ!
รู้ไหมว่ากว่าจะจัดผมได้มันใช้เวลานานนะ!
นี่รุนแรงแบบนี้เวลาลูบหัวคนอื่นเหรอคะ?
เอามือออกไปจากหัวของโคมาจินะ! ……. อืมม เอาจริงๆมันก็ไม่เลวนะ……..
…….อื้อ ก็ถูกของคุณ
ถึงโคมาจิจะไม่ได้ทําอะไรเลยแต่คนอื่นก็คงจะลงมือทําอะไรซักอย่างเองนั่นแหละ
แฮะๆ พอได้ยินคุณพูดแบบนั้นแล้วโคมาจิเองก็ค่อยมีกําลังใจขึ้นมาหน่อย
เอ๊ะ ! ก็บอกให้หยุดลูบหัวได้แล้วไง!
แต่ว่าอนาคตมันก็ทำให้โคมาจิรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ
เฮ้อ……..ช่างเป็นอนาคตที่ยากลำบากซะเหลือเกินค่ะ……พอคิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้แล้วโคมาจิก็เริ่มเป็นกังวลจริงๆ
อื้อ ก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ
เรื่องนี้คงจะดําเนินต่อไปอีกสักพักแแต่โคมาจิเองก็คิดว่าหลายๆอย่างก็จะค่อยๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆไม่ว่าจะเป็นตัวโคมาจิเองหรือจะเป็นตัวพี่จ๋า……
หรือจะเป็นสมาชิกของชมรมอุทิศตนทุกคนเองก็ด้วย…….
ส่วนชีวิตใหม่ของโคมาจิน่ะเหรอ? อื้อ ก็ไปได้สวยเลยล่ะ! โคมาจิพยายามอย่างหนักเลยล่ะเป็นพวกทำงานช้าแต่ชัวร์ ส่วนเรื่องชมรมน่ะเหรอ? ก็นะ….บางอย่างไปได้สวยนะ….ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้แย่…….
เพราะงั้นถ้าคุณสามารถที่จะกรุณาเขาให้นานกว่านี้อีกสักหน่อยนึง
โคมาจิจะมีความสุขมากเลยนะ ในฐานะที่เป็นน้องสาวน่ะ !
อ๊ะ เมื่อกี้โคมาจิแต้มสูงใช้ได้เลยใช่ม้า?
งั้นถ้ามีอะไรอีกจะบอกให้รู้นะ!
สาระสำคัญมันก็ประมาณนี้แหละ
ขอฝากเนื้อฝากตัวไปอีกสักหน่อยนะคะ!!