My Pick Up Artist System ตอนที่ 43 : การทักทายที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เบ็นเรื่องที่ท้าทายมาก ไม่เชื่อลองถามเคทลิน เจนเนอร์ดูก็ได้… (1)
ในความเป็นจริงแล้วหากเทียบกับค่าสถานะอื่นๆทั้งหมด มันเป็นค่าที่เพิ่มขึ้นได้ยากที่สุด ปราศจากเวทมนตร์หรือศัลยกรรม ก็พูดได้อย่างเดียวว่ามันเป็นค่าสถานะที่เติบโตได้ยากมาก ค่าสเน่ห์, ทักษะการล่อลวง, ความรู้ หรือค่าสถานะอื่นๆสามารถเพิ่มขึ้นได้ผ่านเวลาและความพยายาม แต่รูปร่างล่ะ?
ต่อให้ไปยิมเพื่อพัฒนาร่างกาย มันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับส่วนสูง, หน้าตา และสิ่งอื่นๆรวมกันอยู่ดี รูปร่างเป็นค่าสถานะที่สําคัญที่สุด ทว่ามันก็ยากที่สุดที่จะพัฒนาเช่นกัน จนกว่าจะมีใครสักคนคิดค้นดัมเบลสําหรับใบหน้าขึ้นมาได้
แต่ว่าเบ็นกลับค้นวิธีเพิ่มค่าสถานะรูปร่างให้กับตัวเองแล้ว ต่อให้ไม่มีลู่วิ่งสําหรับหน้าผากเขาก็ตาม
โดยสัตย์จริง เบ็นไม่เคยคิดถึงเรื่องง่ายๆอย่างนี้มาก่อนเลย กะอีแค่เลือกทรงผมกับเสื้อผ้าให้ดีมันเป็นสิ่งที่ทุกคนในวัยของเขานั้นต่างก็รู้กันทั้งหมด เขาเสียโอกาสที่จะทํามันจนกระทั่งถึงตอนนี้เพราะสองเหตุผล
อย่างแรกคืออคติของเขาต่อช่างตัดผม
อย่างที่สองคือเขายุ่งอยู่ตลอดเวลา
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้เพียงเพราะภัยร้ายต่อชีวิตของเขา แต่เด็กหนุ่มทุกคนต้องกลายเป็นชายที่สมบูรณ์ ทุกคนต่างต้องทิ้งนิสัยเด็กๆไป ต้องทิ้งเอ็กบ็อกไปเป็นเซ็กส์บ็อกแทน
สําหรับเบ็นตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว เอาล่ะไม่ใช่ตอนนี้ แต่อีกไม่นาน เขายังยืนอยู่กลางทางเท้า เขาแกว่งถุงเสื้อของเขาอย่างตื่นเต้นราวกับคนบ้า
ในการรับรู้ของเบ็น คําก่นด่าของคนที่เดินผ่านไปมาต่างเต็มไปด้วยคําชื่นชมและเสียงปรบมือ! เขารู้สึกทะเยอทะยานขึ้นมา
ค่ารูปร่าง 6 นั้นไม่ใช่สิ่งพิเศษแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยเขาก็เข้ามาอยู่ในกลุ่มระดับท็อปของประชากรทั้งหมดแล้ว ด้วยการเดินไปช้าๆแต่มั่นคง เขานั้นจะยอดเยี่ยมขึ้นอย่างแน่นอน เบ็นเชื่อว่าตราบใดที่คนเราต่างก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆและไม่ล้มเลิกความพยายามเสียก่อน วันหนึ่งพวกเขาจะไปถึงยังจุดสูงสุดของชีวิตได้ และทุกสิ่งโดยรอบจะเปลี่ยนแปลงไป
การแกว่งถุงเสื้อครั้งสุดท้ายเกือบทําให้เบ็นโยนเสื้อไปให้คนส่งจดหมายแล้ว เบ็นสูดลมหายใจเข้าลึกและสงบสติอารมณ์ลง
การเพิ่มค่าสถานะรูปร่างนั้นช่วยเขาอย่างมาก แต่เขาก็ยังมีสิ่งที่น่ากลัวรอเขาอยู่ เขายืนอยู่ที่ยอดของแกรนด์ แคนยอน และหากเขาไม่อยากตายภายใน 7 วัน เขาต้องเริ่มวิ่ง…และจัดการภูเขาเชี่ยนี่ซะ
เบ็นได้เปิดเผยสิ่งที่น่าสนใจอีกสิ่งหนึ่งเข้าแล้ว ดูเหมือนว่าไอเทมบางอย่างในโลกจะมีค่าสถานะลับซ่อนอยู่ มันก็สมเหตุสมผลอยู่ หากมีใครสักคนขับแลมโบกินี หมอนั่นต้องมีค่าสถานะทางสังคมเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าระบบจะมีไอเทมที่พิเศษมากกว่าเพราะว่ามันเป็นค่าสถานะที่ผิดธรรมชาติ และมาจากเวทมนตร์ก็ตาม
“โย่ นายเสร็จยัง?” อันโตนิโอเอาโทรศัพท์ลงเมื่อเห็นว่าโชว์จบแล้ว
“นายทําอะไรอยู่?” เบ็นถาม
“เมื่อนายกําลังคลั่งเหมือนซูแลนเดอร์ ฉันก็เริ่มถ่ายมันไว้ นายรู้ไหม…เพื่อความทรงจําไง” (2)
เบ็นไม่ได้คิดมาก “ช่างมันเถอะ แล้วพวกเราจะไปบาร์กัน ไหม?”
“แน่นอนที่เดิมเป็นไง?”
“อ่า ไปที่อื่นกันเถอะ” มันมีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับระบบที่เบ็นต้องการจะยืนยันและเขาต้องไปที่บาร์แห่งใหม่เพื่อการนัน
ทั้งสองกลับมายังหอพักของเบ็น เขาขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อเก็บของ ขณะที่อันโตนิโอรออยู่ที่ล็อบบี้ ไม่นานนักในภายหลัง เบ็นจะได้เห็นวีดีโอหนึ่งภายในโซเชียลมีเดีย ชื่อของมันคือ “ไอ้โง่ที่ซื้อของอย่างสนุกสนาน”
มันเป็นวีดีโอเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากร้านค้า และยืนอยู่บนถนนที่วุ่นวายและเริ่มเหวี่ยงถุงของเขาราวกับเป็นไก่ที่อยู่ในอ่างน้ําเกลือ
มันเป็นคลิปยาวหนึ่งนาที
เบ็นพูดออกมาว่าเขาจะกระพือปีกและบรรลุเป้าหมาย
นี่มันจุดจบชัดๆนอกจากว่าแบรนด์ของร้านค้าจะหยิบมัน ขึ้นมาและนํามันมาใช้บนโลกโซเชียลมีเดีย ด้วยสโลแกนที่ว่า “เปิดโหมดนก! เสื้อผ้านั้นพอดีตัวเบ็นอย่างมาก มันทําให้คุณราวกับเคลื่อนไหวได้อยู่บนอากาศ!”
#โหมดนกกลายเป็นกระแส…
โหมดนกกลายเป็นชาเลนท์ประจําอินสตาร์แกรมและติ๊กต๊อก
และนั่นเองเป็นจุดกําเนิดของสัญลักษณ์แบรนด์ใหม่ ผู้ชมจะนํามันไปเปรียบเทียบกับตํานานอย่าง ร้านซับเวย์ของเจอราดส์ เจลโล่ของบิลล์ คอสบี้ เบ็นจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อถึงจุดนั้นแล้วเขาจะกลายเป็นคนดังระดับ E และจะไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขาอีกต่อไป
“เบอร์เป็นแสนโสโครก” นั่นคือชื่อบาร์ที่เบ็นและอันโตนิโอต่อแถวอยู่ในตอนนี้ เบ็นจ้องมองไปที่พื้นตลอดการรอคอยในใจของเขาหมุนเวียนไปด้วยความคิดของเขา
“บัตรล่ะ?” คนตรวจบัตรถาม พร้อมทําให้เบ็นกลับสู่โลกความเป็นจริง
เบ็นยื่นบัตรเบ็นนี่ เบวิโต้ให้แก่เขา มันยังได้ผล และเบ็นก็เดินเข้าไปด้านในพร้อมได้ยืนยันการสะกดจิตของเขาแล้ว
*ตึก**ตีก**ตึก**ตีก*
เสียงเพลงผ่านร่างของเขาไปเหมือนกับ เจอซี เยเกอร์บ็อม (3)…ทว่าเขาก็ไม่สนใจมันเพราะเขากําลังรอบางสิ่งอยู่ เขามองไปรอบๆพร้อมเดินเข้าไปให้ลึกขึ้น ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นายเป็นอะไรพวก?” อันโตนิโอถาม
เบ็นระพริบตาและส่ายหน้า “ไม่มีอะไรเข้าไปในบาร์กันเถอะ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่มีสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน ทําไมฉันถึงไม่ได้รับการแจ้งเตือนดันเจี้ยนกัน?” เบ็นคิดว่าหากเมื่อคืนเขาเข้าบาร์เป็นครั้งแรกแล้วมันปลดล็อคระบบดันเจี้ยนออกมา มันก็น่าจะได้ผลกับบาร์อีกแห่งเช่นกัน ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่เพราะแบบนั้น หรือว่าบางทีอาจจะมีอะไรพิเศษที่โดมิน่างั้นเหรอ? แล้วมันคืออะไรกัน?” ขณะกําลังครุ่นคิด เขาก็เดินเข้าไปยังบาร์และจ้องมองไปที่กําแพงด้วยสายตาลุกโชน
บาร์เทนเดอร์มองมาที่เบ็น และมองไปยังสิ่งที่เบ็นจ้องมองอยู่ พวกบ้าแอลกอฮอลล์อีกแล้วสินะ…” เขาส่ายหัวออกมา
ผ่านไปนาทีกว่า เบ็นก็ถอนหายใจออกมา ฉันไม่รูเลย บางทีอาจจะเพราะมันมีธีม S&M หรือไม่มันก็เป็นเพียงการหลอกลวงกันของระบบดันเจี้ยนก็เพียงเท่านั้น ช่างมัน” โดยไม่รู้ตัว ก็มีเบียร์กระป๋องตั้งอยู่ตรงหน้าเบ็นเสียแล้ว
เขาหันหน้าไปทางที่เบียร์ถูกเลื่อนมาและพบว่าคนที่เลื่อนมาให้คืออันโตนิโอ จากนั้นเขาก็ชี้มันให้เขา
เบนซ์เงียบไปพักหนึ่ง “ฉันเคยแค่จะบ่ายกับครอบครัวในวันหยุดแค่นั้นเองนะ…”
อันโตนิโอยิ้ม “แอลกอฮอล์ถือเป็นเครื่องมือเข้าสังคมชั้น เยี่ยม นายไม่เคยได้ยินหรอ แค่แก้วสองแก้วไม่เป็นไรหรอกน่า
หากนายรู้สึกมันก็บอกฉันละกัน อย่าดื่มหนักเกินไปล่ะเข้าใจ ไหม”
เบ็นพยักหน้า เขาหยิบเบียร์ขึ้นมาแล้วจิบมันก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น มันมีรสชาติที่น่าสนใจ เขายิ้มให้กับอันโตนิโอ พวกเขาชนกระป๋องกันและเริ่มดื่ม “ฉันไม่เมาหรอกน่า!”
“ หมอนี่ดื่มหนักเกินไปแล้ว…” อันโตนิโอส่ายหัวออกมา
ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้านนอกอยู่บนถนน เบนซ์ที่เมาหนักชี้ไปยังผู้หญิงรอบๆและปล่อยมุขเสี่ยวออกมา
“ฉันจะเช็ดแก! ฉันจะเช็ดแก! ฉันจะเช็ดแก!..ไม่สิแบบนี้ ไม่ดีแน่ ฉันจะเช็ดแกอย่างแน่นอน!”
“หมอนี่เมาเพราะเบียร์ 2 กระป๋องเนี่ยนะ…”
อันโตนิโอไม่เข้าใจเลยว่าทําไมเขาถึงคออ่อนขนาดนี้ สาเหตุที่พวกเขาอยู่ข้างนอกในตอนนี้เพราะพวกการ์ดได้เตะ เบ็นออกมาเพราะเขาได้ก่ออุบัติเหตุบางอย่างขึ้น
มันมีผู้หญิงอยู่คนนึงอยู่ที่บาร์ หากเป็นไปตามการประเมินของอันโตนิโอหละก็สาวคนนี้คงได้สักประมาณ 4 คะแนน เบนซ์เดินเข้าไปหาเธอและพูดว่า “ฉันเริ่มเมานิดหน่อยค่ะ แล้วเธอก็เริ่มดูสวยขึ้นทันตาเลย…”
มันไม่ได้ผล
หลังจากเบียร์กระป๋องที่ 2 เบ็นก็ทําการจีบโดย “ไม่สามารถปฏิเสธได้” เขาเดินไปใกล้เธอจากนั้นเขาก็วางมือขวาของเขาเข้าไปยังเครื่องดื่มของเธอและควักของที่อยู่ด้านในนั้นทั้งหมดออกมา และกระทืบมันลงกับพื้น!
“นายทําอะไรกัน?!?” เธอตะโกนออกมา
“ทําลายน้ําแข็งไง” (4)
เขาส่งเสียงอ้อแอ้ “ชื่อเบ็นนะ…อยากไปมั่วกันไหม?”
แต่ดูเหมือนการ์ดจะไม่ชอบมุขนั้นสักเท่าไหร่ ตอนนี้พวกเขาเลยต้องมาอยู่ข้างนอก
“เชี่ย หมอนั่นทําอะไรกันเนี่ย?” อันโตนิโอมองดูคนที่อยู่ด้านหน้าตะโกนให้เบ็นออกไป เบ็นเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางไม่พอใจราวกับต้องการฟ้องอะไรเขาสักอย่าง
อันโตนิโอพยายามดึงเขาออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “หมอนี่ไปสร้างเรื่องอะไรกับพวกการ์ดอีกเนี่ย?!?…ตอนนี้เบ็นวิ่งมาทางนี้ และตอนนี้การ์ดก็วิ่งมาทางนี้เช่นกัน!”
“ถอยไป ไอ้โง่!” เบ็นกรีดร้องออกมา
1.เคทลิน เจนเนอร์ ชายวัย 50 กว่าๆ แปลงเพศเป็นผู้หญิง
2.ซูแลนเดอร์ Zoolander หนังกาวสนุกมากๆ เป็นหนังในตํานาน แนะนําไปดูครับ+++
3.เจอซี่ เยเกอร์บ็อม การกินเหล้าบอมบ์โดยมีเหล้า Jager เป็นส่วนผสมหลัก คือการใส่เหล้าลงแก้ว Shot แล้วปล่อย แก้ว Shot ทั้งแก้วลงในแก้วใหญ่ให้เหล้าผสมกัน
4.ทําลายน้ําแข็ง = Break the ice หรือละลายพฤติกรรม
Joke คือเบ็นพยายามจะ Break the ice เธอ แต่เขาเมา แทนที่จะละลายพฤติกรรมสาวเลย กลายเป็นทําลายก้อนน้ํา แข็งซะแทน