“ห๊ะ ซุปเปอร์ฮีโร่? นายไม่มีพลังพิเศษสักหน่อย!” อันโตนิโอ้ตะโกนออกมา
“ก็เป็นเหมือนแบทแมนไง!” เป็นตอบกลับ
“พลังของแบทแมนคือเงิน!”
“แกเหมือนวายร้ายมากกว่าอีก! แกทําธุรกิจฉันป่นปี้! ออกไปซะ!!” พ่อค้าขายฮ็อทด็อกที่อยู่ริมถนนตะโกนออกมา เสียงตะโกนของพวกเขาทําให้คนรอบข้างเดินหนีไปหมด เบ็นและอันโตนิโอกลับไปเดินตามถนนอีกครั้ง พวกเขามีความสุขอย่างมากที่ได้เดินออกจากกลิ่นควันเหม็นๆของร้านไส้กรอกนั่นเสียที
อันโตนิโอพูดต่อว่า “พวก จุดประสงค์ของประโยคทารกในตึกไฟไหม้ก็แค่เพื่อให้สาวสนใจ ไม่มีทางเลยที่เธอตอบกลับมาเพราะอยากรู้ จุดประสงค์ของมันก็แค่เปลี่ยนจากเธอเทนาย เป็นนายเทเธอ! ซึ่งตอนนี้นายได้อํานาจกลับมาแล้ว!”
เป็นกําหมัดแน่นและมองไปที่มัน เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลผ่านไปตามเส้นเลือดของเขา
“จําเอาไว้ว่าเธอไม่รู้ว่านายไปรอเธอที่ร้านอาหารถึง 2 ชั่ว โมง ทําให้เหมือนกับว่านายเป็นคนเทเธอเข้าใจไหม? ต่อให้นั่นไม่เป็นความจริง แต่นายก็ชนะแล้ว หากเธอตอบกลับนายว่า “โอ้ไม่นะฉันลืมไปซะสนิทเลย” นั่นหมายความว่าเธอกําลังเป็นฝ่ายรับและต้องนอนรอบนเตียงอย่างสิ้นหวัง พวกสาวๆต่างรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ดังนั้นเธอจะไม่มีวันพูดแบบนั้นออกมาเด็ดขาด หมากของนายได้วางดักเธอไว้แล้ว เข้าใจใช่ไหม? สิ่งที่ต้องทําต่อไปคือรักษาสภาวะนี้ไว้ต่อไปเรื่อยๆ”
เบ็นพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นราวกับเด็ก 5 ขวบ เชื่อฟังฮีโร่ของเขา
“จําเอาไว้ นายก็เหมือนนักการตลาดนั่นแหละ ทุกอย่างต้องจบลงด้วยการควบคุมของนาย นายต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบ นั่นหมายความว่านายต้องเป็นคนขอตัวก่อน วางสายก่อน และทําให้สาวนั้นคิดว่านายเทนัดเธอ นายจะกลายเป็นฝ่ายเทก่อน อยู่ในตําแหน่งที่นายมีอํานาจเอาไว้ ถ้าหากทํามันไม่ได้ละก็สาวๆก็จะเป็นคนทําแทนเพราะนั่นคือนิสัยตามธรรมชาติของพวกเธอตั้งแต่แรก ไม่มีทางที่จะหนีเกมนี้ไปได้นายต้องชนะเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว แล้วต้องทําอะไรต่อละ? นัดเดทอีกรอบเหรอ?”
อันโตนิโอส่ายหัวออกมา “ดูนี่”
เขาหยิบโทรศัพท์ของเบ็นขึ้นมาและส่งไปอีกข้อความ “โทษที ตอนนี้ยุ่งๆน่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะ”
เขาหันไปถามเป็น “นายเห็นใช่ไหมว่าฉันกําลังทําอะไร?”
“ทําลายชีวิตรักของฉัน?” เบ็นขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าเคธี่ เป็นคนเสนอเองงั้นเหรอว่าจะนัดเดทกันใหม่? ทําไมนายถึงไม่ตอบตกลงไปล่ะ?”
“นั่นมันก็แค่เหยื่อล่อโง่ๆ บ่อยครั้งไปที่นายจะตบปากรับข้อเสนอแบบนั้นไปแล้วสาวๆจะหมดความสนใจในตัวนายไปทันที แล้วตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้นายคือคนที่ยุ่งมากกก นายเคยนัดสาวเองแล้วถูกสาวเทใช่ไหม? แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าพวกเธอยุ่งแต่อย่างใด เกือบตลอดเวลาพวกสาวๆไม่ทําเชี่ยไรเลย! กว่า 95% เธอก็แค่ยุ่งกับการเทหนุ่มๆเท่านั้นแหละ…”
เสียงไซเร็นของรถตํารวจที่ขับผ่านไปกลบเสียงคําพูดของอันโตนิโอ
“สําหรับผู้ชายอีก 5% ที่เหลือ สาวๆต่างจะทําตัวเองให้ว่าง เพราะพวกเธอจะคิดว่านายยุ่งมากกว่าพวกเธอ ดังนั้นสําหรับยัยนี่ ทําตัวเย็นชาไปสักสองสามวัน นายแค่ต้องอ้างไปว่านายยุ่งกับการช่วยชีวิตเด็กทารกอยู่ก็เท่านั้น หลังจากนั้นเธอจะสนใจนายมากยิ่งขึ้น”
เบ็นมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างสงสัย ตอนที่พวกเขาเข้าไปจีบสาว อันโตนิโอก็ดูไม่ได้เก่งกว่าเขาสักเท่าไหร่ แต่ว่าในด้านการส่งข้อความนั้นหมอนี่มันเทพชัดๆ! “ขอบคุณมากพวก!”
“ไม่มีปัญหา! เอาล่ะทิ้งมันไว้ก่อน เรามีเรื่องใหญ่กว่านั้นที่ต้องจัดการ นั่นเป็นสาเหตุว่าทําไมฉันถึงพานายมาที่นี่” อันโตนิโอชี้ไปยังร้านที่อยู่ข้างเขา
“ร้านตัดผม?” เบ็นถาม
อันโตนิโอพยักหน้าและเริ่มยืดขาออก เพื่อ? เขามีหนังหุ้มปลายอยู่งั้นเหรอ
ตอนนั้นเองเป็นก็รู้สึกอยากวิ่งหนีไปในทันที
***
“ไม่เอาน่า มันก็แค่ตัดผมเอง!” อันโตนิโอตะโกนออกมา พร้อมกอดเป็นแน่น
“ทําไมฉันต้องทําด้วย?!?” เบ็นตะโกนออกมา
“นายเหมือนคอลั่น คาเพนิค ตอนที่เลิกเล่น NFL ไปเล่นแมดเด็นไม่มีผิด!
“แต่เขารวย!”
“นักกีฬาทําอะไรก็ไม่ผิด!”
***
ไม่กี่นาทีให้หลังเป็นกําลังขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ตัดผมและมี อันโตนิโอนั่งอยู่และคอยเปิดแม็กกาซีนอยู่ใกล้ๆ
มันไม่ใช่ว่าเป็นชอบผมทรงนี้ แต่เขาไม่ชอบการตัดผมต่างหาก เขาเคยดูหนังมาเฟียเรื่องหนึ่งที่นักเลงโดนช่างตัดผมปาดคอ จากนั้นมาเขาก็ไม่เชื่อใจคนแปลกหน้าที่เข้าใกล้หัวของเขาพร้อมของมีคมอีกเลย พ่อของเขามักจะเป็นคนตัดผมให้เขาเสมอ เบ็นต้องตกเป็นเหยื่อของชายคนนั้นมาร่วมทศวรรต
เสียงโลหะของปัตตาเลี่ยน ความเย็นของกรรไกรบนผิวหนังของเขา ความชุ่มชื้นจากสเปรย์ที่ช่างตัดผมสาดใส่เขาราวกับเป็นต้นไม้…
สิ่งเหล่านี้ทําให้เบ็นรู้สึกไม่สบายใจ ต่อให้เขารู้ว่าการตัดผมจะช่วยทําให้หน้าตาของเขาดูดีขึ้นและต่อให้ในอีก 7 วัน ระบบจะตัดคอของเขาทิ้ง และทําให้ตัวของเขาไม่ต้องรับน้ําหนักจากหัวก็ตาม
อันโตนิโอมองขึ้นเมื่อเห็นช่างตัดผมเดินออกมา “คาลอส ดูหน่อยว่านายช่วยไรเขาได้บ้าง”
ช่างตัดผมชราที่มีหนวดเคราะแพะมองพิจารณาเบ็นจากทุกมุม ก่อนหันหน้าไปหาอันโตนิโอ “ต้องขอโทษด้วย ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก”
“นี่ฉันมาตัดผมหรือมารักษามะเร็งระยะสุดท้ายกันเนี่ย?” ใบหน้าของเบ็นตกลงทันที
ช่างตัดผมตอบกลับไปว่า “เจ้าหนู นายดูเหมือนบ็อบ รอส.แต่ทรงผมของนายมันเลวร้ายยิ่งกว่าขนของบิ๊กฟุตเสียอีก”
เบ็นตอบกลับไปทันที “ถ้าฉันเป็นบ็อบ รอส แล้วคุณเป็นเจฟ รอสงั้นเหรอ? มาแฉสดๆกันตรงนี้เลยไหม?!?”
ถ้าหากทรงผมของเขาไม่ได้ช่วยทําให้เขาดูดีขึ้นละก็ เบ็นก็พร้อมที่จะวีนแตกออกมา!