สีหน้าของลู่โจวยังคงไร้อารมณ์เช่นเคย ‘ทำไมฉันต้องไปทำอะไรไร้ความหมายแบบนั้นด้วยล่ะ? เจ้าพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่’ ลู่โจวลูบเคราของตัวเองหลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาไม่นานมากนักก่อนที่จะลืมเรื่องนี้ไป
หลังจากที่ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายได้จากไป ในตอนนั้นรอบๆ ตัวของพวกเขาทั้งสองคนก็เงียบตัวลง หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นจึงได้พูดออกมา “ท่านอาจารย์ ทำไมพวกเราไม่จับพวกนั้นและจัดการมันซะเลย? “
“แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ? ” ลู่โจวถามออกมา
“เจ้าพวกนั้นก่นด่าในสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำ! แค่ศิษย์ได้ฟังแบบนั้นศิษย์ก็รู้สึกโกรธแค้นแทนท่านอาจารย์แล้ว เพราะแบบนั้นศิษย์ก็เลยอยากจะจัดการพวกมัน ท่านอาจารย์จะยอมให้เจ้าพวกนั้นกล่าวหาในแบบผิดๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน” หยวนเอ๋อดูดออกมาโดยที่ไม่รู้สึกผิด
‘ยัยเด็กนี้มีตรรกะแบบไหนกัน’ ลู่โจวไม่คิดว่าคำพูดของหยวนเอ๋อจะสำคัญอะไรเท่าไหร่ เขาที่คิดแบบนั้นได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ข้าก็แค่คิดซะว่าเจ้าพวกนี้กำลังด่าคนอื่นอยู่”
“ใครกัน? “
ในตอนนี้ตัวเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังใกล้เข้ามา เสียงที่ว่านั่นมาพร้อมกับเสียงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้กับแหล่งที่มาของเสียงมากขึ้น เสียงก็เริ่มดังมากขึ้น ในไม่ช้าพวกเขาทั้งสองคนก็เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา ความเร็วของคนพวกนั้นมันไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป กลุ่มคนพวกนั้นกำลังขี่สัตว์ขี่หายากมา
สัตว์ขี่ทั้งหลายล้วนมีค่ามากกว่ารถม้า รถม้าเป็นเพียงของที่หายากเท่านั้น เพียงแต่การจะควบคุมรถม้าบินได้นั้นเป็นอะไรที่ยากกว่า ผู้ฝึกยุทธที่มีพลังที่เหมาะสมเท่านั้นจะสามารถควบคุมได้ แตกต่างกันกับสัตว์ขี่ การจะหาสัตว์ขี่ได้เป็นเรื่องยากตั้งแต่ต้น และการที่จะจับรวมไปถึงทำให้มันเชื่องได้ยังเป็นเรื่องยากเช่นกัน
ในตอนนั้นเองมีสัตว์ขี่ขนาดยักษ์ค่อยๆ เดินออกมาจากป่าช้าๆ ร่างกายของมันใหญ่และดูแข็งแกร่งราวกับปราสาทยักษ์ ขาของมันมั่นคงราวกับเสาหิน สัตว์ขี่ตัวนี้เป็นสัตว์ขี่หายาก มันคือราชันย์ช้าง สัตว์ขี่ตัวนี้มีพลังการป้องกันที่แข็งแกร่งดุจดั่งหินผา มันสามารถข้ามภูเขาที่สูงชันหรือแม้แต่แม่น้ำอันไหลเชี่ยวเองก็สามารถข้ามผ่านได้ สิ่งเดียวที่สัตว์ขี่ตัวนี้ไม่สามารถทำได้นั่นก็คือการบินนั่นเอง
ราชันย์ช้างเพียงตัวเดียวสามารถแบกรถม้าทั้งคันได้ รถม้าเพียงคันเดียวมีความกว้างเท่าบ่าของมันเพียงเท่านั้น ถึงมันจะฟังดูง่ายแต่มันก็ดูไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก
“ราชันย์ช้าง” หยวนเอ๋อพึมพำออกมา
ที่ด้านหน้าของราชันย์ช้างเองมีผู้ฝึกยุทธทั้งหมดสามคนด้วยกัน แบ่งเป็นผู้ฝึกยุทธหญิง 1 และผู้ฝึกยุทธชายอีก 2 พวกเขาทั้งสามคนกำลังเคลื่อนที่ออกจากป่าโดยที่ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
ราชันย์ช้างก้าวเดินเพียงก้าวเดียวก็สามารถเดินไปได้ไกลกว่าหลายเมตรด้วยกัน ทุกครั้งที่ก้าวเดินเสียงของมันดังสนั่นไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ลู่โจวในตอนนั้นได้รีบเรียกหยวนเอ๋อให้ไปกับเขา ในตอนนี้ควรจะทำตามสุภาษิตที่ว่าเอาไว้ ‘น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง’
“ค่ะ” หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้เดินตามลู่โจวอย่างเชื่อฟัง พวกเขาเดินทางต่อไปที่หมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ต่อไป
แต่ถึงแบบนั้นเด็กสาวที่อยู่ด้านหน้าของราชันย์ช้างที่กำลังบินด้วยดาบอยู่ก็ได้หยุดยืนอยู่กับที่ก่อนที่จะโกนออกมาอย่างหยาบคาย “เฮ้ย! “
เมื่อหยวนเอ๋อเห็นว่าเด็กสาวที่ตะโกนร้องเรียกมีอายุไล่เลี่ยกับเธอ ดังนั้นหยวนเอ๋อจึงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที หยวนเอ๋อตัวน้อยจึงรีบตะโกนออกมาอย่างหยาบคายเช่นกัน “เฮ้ยอะไรกัน? เจ้าน่ะหลีกทางไปซะ! “
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะมองเด็กสาวคนนั้นอย่างไม่แยแส ‘ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นหรอ ถึงแม้ว่าเธอคนนี้จะดูมีพรสวรรค์ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังห่างไกลกับหยวนเอ๋ออยู่ดี คงจะมีแต่เสียกับเสียถ้าหากใช้การ์ดกับพวกผู้ฝึกยุทธพวกนี้’
เด็กสาวที่ได้ยินแบบนั้นได้เก็บดาบของเธอไปที่เอวก่อนที่จะชี้มายังหยวนเอ๋อ หลังจากนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างหยิ่งผยอง “ข้าเป็นศิษย์คนที่เก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้า ซีหยวนเอ๋อ! ข้ามีคำถามที่อยากจะถามเจ้า เจ้าเห็นพวกผู้ฝึกยุทธทั้งสิบก่อนหน้านี้ที่วิ่งหนีไปไหม? “
หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตกตะลึง อารมณ์ของเธอในตอนนี้กำลังเดือดพล่านจนไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งรับฟังคำพูดของเด็กสาวคนนั้นอีกต่อไป ‘เจ้านี่กล้าปลอมตัวเป็นข้าอย่างงั้นหรอ? ‘ หลังจากที่คิดได้แบบนั้นหยวนเอ๋อก็พุ่งไปหาเด็กสาวคนนั้นในทันที
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
เด็กสาวทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในแง่ของพลังกาย หยวนเอ๋อผู้ที่ฝึกเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ย่อมมีพลังสูงจนสาวน้อยคนนี้ไม่อาจเทียบได้ หยวนเอ๋อตัวปลอมที่ถูกโจมตีโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่ถอยกลับเพื่อตั้งรับการโจมตีเท่านั้น
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
หยวนเอ๋อตัวจริงได้ใช้ทั้งเพลงหมัดรวมไปถึงลูกเตะของเธอโจมตีเข้าใส่ การเคลื่อนไหวของเธอในขณะที่โจมตีรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้า หยวนเอ๋อตัวปลอมนั้นไม่อาจที่จะตั้งรับการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ได้ทัน
‘เด็กคนนี้ยังคงอารมณ์ร้อนไม่เปลี่ยน’ ลู่โจวเหลือบมองไปที่ราชันย์ช้าง ดูเหมือนว่าชายอีกสองคนที่มาด้วยจะยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ผู้ฝึกยุทธที่กำลังต่อสู้กับหยวนเอ๋ออยู่เป็นผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ หยวนเอ๋อสามารถรับมือคู่ต่อสู้ระดับนี้พร้อมกันได้อย่างสบายๆ แต่ถึงแบบนั้นคนที่อยู่บนหลังของราชันย์ช้าจะต้องมีวรยุทธที่สูงกว่านั้นแน่ วรยุทธของเขาคงจะอยู่ในระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ถ้าหากคนคนนั้นเคลื่อนไหวออกมาจริง หยวนเอ๋อก็คงไม่มีหวังที่จะเอาชนะได้แน่ คนคนนั้นไม่ได้สนใจผลลัพธ์ของการต่อสู้อะไรเลย เขาคนนั้นจ้องมองการต่อสู้อย่างอยากรู้อยากเห็นเพียงเท่านั้น คนคนนั้นได้จับจ้องไปที่หยวนเอ๋ออย่างไม่คลาดสายตา
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
ในขณะที่ลู่โจวกำลังใช้ความคิดอยู่ภายในใจ ในตอนนั้นหยวนเอ๋อก็ได้ใช้กระบวนท่าเตะอีกหลายครั้งจนเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าของเธอล้มลง
ปั๊ง!
เมื่อหยวนเอ๋อตัวปลอมล้มลง เธอก็ได้นอนหงานลงกับพื้น สภาพของเธอในตอนนี้ดูสะบักสะบอมมาก
เมื่อหยวนเอ๋อตัวปลอมกำลังจะยืนขึ้น ในตอนนั้นเองเสียงของใครจากด้านหลังก็ได้ดังขึ้นมาซะก่อน “ถอยกลับมา”
ลู่โจวมองไปที่ชายคนนั้น ชายคนนั้นเป็นชายชราผมขาวโพน หนวดของเขาเองก็ขาวโพนเช่นเดียวกัน ที่เปลือกตาของเขาเต็มไปด้วยลอยเหี่ยวย่น และใบหน้าเองก็เต็มไปด้วยริ้วรอย ภาพรวมของชายคนนั้นดูเหมือนจีเทียนเด๋าโดยแท้ มันเหมือนกับจีเทียนเด๋าในตอนที่ลู่โจวมาที่นี่แรกๆ แต่ในตอนนี้ตัวเขาต่างออกไปแล้ว ลู่โจวได้ใช้การ์ดพลังชีวิตหลายใบด้วยกันจนรูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไป และเพราะแบบนั้นเองชายชราที่อยู่ตรงหน้าของเขาจึงแตกต่างกับตัวเองอย่างสิ้นเชิง
ชื่อ: ฝานเชียว
เผ่า: มนุษย์
วรยุทธ: มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
ฝานเชียวได้ลุกขึ้นมา ในตอนนี้ตัวเขากำลังจับจ้องหยวนเอ๋ออย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็เหลือบมองมายังลู่โจวก่อนที่จะเอ่ยปากถามขึ้น “เจ้าไม่กล้วข้าอย่างงั้นหรอ? “
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามออกไปอย่างเฉยเมย “แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวเจ้าด้วยล่ะ? “
ฝานเชียวชี้ไปยังหยวนเอ๋อก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “วันนี้น่ะข้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ถ้าหากเป็นวันอื่นข้าก็คงจะจัดการกับเจ้าไปแล้วที่ทำตัวหยาบคายกับตัวข้าแบบนี้
หยวนเอ๋อในตอนนั้นไม่อาจที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้ เธอกระโดดลอยตัวลงมาจากอากาศก่อนที่จะเดินไปหาลู่โจว เธอเอานิ้วชี้ไปที่ฝานเชียวที่กำลังอยู่บนหลังของราชันย์ช้างก่อนจะเริ่มพูดออกมา “ตาแก่ เจ้าคิดว่าคนคนนี้เป็นใครกัน? ” สายตาของเธอในตอนนี้กำลังโกรธเกรี้ยวจนถึงขีดสุด ‘ท่านอาจารย์ของข้าจะต้องแสดงให้เจ้าได้เห็นผลลัพธ์ของการที่แอบอ้างแน่! ‘
แต่ไม่ทันที่ลู่โจวจะตอบอะไรมา ฝานเชียวก็ได้จ้องมองหยวนเอ๋ออีกครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจราวกับว่าได้เจอกับเหยื่อชั้นดี “สาวน้อย เจ้าน่ะมีพรสวรรค์สูงมาก นี่ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งเลยนะที่จะหาหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์แบบเจ้าได้”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นขยับเข้ามาใกล้ลู่โจวมากขึ้น เธอได้แลบลิ้นใส่เด็กสาวที่พ่ายแพ้ให้กับตัวเธอไป
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงดูสงบนิ่งดังเดิม เขาไม่ได้ตอบกลับอะไรแม้แต่คำเดียว
ฝานเชียวเองไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เขาที่เห็นลู่โจวยังคงเฉยเมยจึงได้พูดต่อ “ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะต้องได้ยินชื่อเสียงข้ามาไม่มากก็น้อย”
ลู่โจวได้ใช้มือลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะใช้เสียงอันเย็นชาตอบกลับมา “ข้าน่ะอาศัยอยู่บนภูเขามานานมากแล้ว ตัวข้าไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวภายนอกของโลกยุทธภพเท่าไหร่…”
“…”
ผู้ฝึกยุทธทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ฝางเชียวรู้สึกโกรธทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของลู่โจว
ฝางเชียวโบกมือให้อย่างไม่แยแสก่อนจะพูดต่อไป “ไม่ต้องห่วงไป ข้าจะบอกทุกอย่างด้วยตัวเอง” หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อไป “ได้โปรดขึ้นมาที่รถม้าของข้าก่อนเถอะ” หลังจากที่ได้ฟังแบบนั้นลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเขากำลังถูกหาเรื่องอยู่
ในตอนนั้นเหล่าสาวกของฝางเชียวต่างก็รู้สึกตื่นตกใจ พวกเขาทั้งคู่ไม่อาจที่จะเข้าใจความต้องการของผู้เป็นเจ้านายได้เลย
ลู่โจวได้แต่คิดอยู่กับตัวเอง ‘เจ้าพวกนี้มาทำอะไรกันที่แม่น้ำสวรรค์นี่ ฝางเชียวเป็นถึงผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ เขาคนนี้ใช้ชื่อฉันโดยไม่เกรงกลัวการตามล่าของเหล่าผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะเลยแม้แต่น้อย? มันจะต้องมีอะไรที่มากกว่านี้แน่ ฉันจะต้องจับตาดูชายคนนี้เอาไว้’
ลู่โจวได้ถามออกมา “เจ้าจะไปที่แม่น้ำสวรรค์อย่างงั้นหรอ? ” ในขณะที่พูด ในตอนนั้นเองแสงสว่างจาการ์ดพิเศษก็ได้ส่องแสงอยู่บนมือของลู่โจว ทุกคนไม่รู้เลยว่ามันคือแสงของอะไรกันแน่ แต่พลังงานที่ผันผวนรอบๆ แสงสว่างนั่นมันดูแปลกเกินไป
ในเวลาเดียวกันนั้นฝานเชียวในตอนนี้ก็ยังคงลอยอยู่ที่กลางอากาศ ตัวเขาไม่รู้เลยว่ากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูนรกเป็นที่เรียบร้อย ถ้าหากฝานเชียวให้คำตอบไม่ถูกใจลู่โจว ตัวเขาก็จะไม่ลังเลเลยที่จะใช้การ์ดพิเศษใบนี้
“ที่จริงข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำสวรรค์น่ะ…ราชันย์ช้างของข้าสามารถฝ่าขวากนามอันตรายจนไปถึงที่นั่นได้อย่างง่ายดาย ขึ้นมาซะสิ”
สาวกของฝานเชียวที่อยู่ด้านหลังเองก็ทำท่าทางเชิญชวนเช่นกัน
ในตอนนั้นแสงจางๆ ในมือของลู่โจวถึงหายไปในทันที
“ข้าน่ะอายุมากแล้ว เพราะงั้นการจะเคลื่อนไหวไปไหนก็เลยไม่สะดวกตัวคล่องไหร่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นข้าก็คงจะต้องขอติดไปด้วยก็แล้วกัน” ลู่โจวตอบกลับมาอย่างใจเย็น
“ตาแก่ เจ้าเองก็อยากที่จะไปแม่น้ำสวรรค์ด้วยอย่างงั้นสินะ? ” ฝานเชียวถามกลับมา
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย “ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็สนใจในแม่น้ำสวรรค์เหมือนกัน”
ฝานเชียวหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเย็นชา ตัวเขาโบกมือส่งสัญญาณอย่างโอ้อวด
ในตอนนั้นเองราชันย์ช้างก็ได้งอขาของมันลงมาเพื่อที่จะให้ลู่โจวและหยวนเอ๋อก้าวเท้าขึ้นรถม้าของพวกเขา