ในตอนแรกหมิงซี่หยินคิดมาตลอดว่าลู่โจวจะเป็นคนที่จิตใจแข็งกระด้าง แต่ในตอนนี้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป เมื่อเวทมนตร์คาถาที่มีอยู่ในร่างกายหายไปหมิงซี่หยินก็รู้สึกถึงความสุขอันท่วมท้นได้อีกครั้ง แม้ว่าตัวเขาจะได้ผลกระทบไปบ้างแต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
แคล๊ง!
ตอนที่หมิงซี่หยินล้มตัวลง ในตอนนั้นเขาได้กระแทกเข้ากับชั้นวางอาวุธจนทำให้อาวุธหลายชิ้นร่วงหล่นสู่พื้น
…
ในขณะเดียวกันที่พระราชวัง ณ ห้องแห่งความมืด
ในห้องแห่งนี้มีเพียงแสงไฟจากเปลวเทียนเท่านั้น ด้วยแสงไฟที่ไม่ได้สว่างอะไรทำให้พอที่จะเห็นว่าห้องห้องนี้รกแค่ไหน
ด้านหลังบรรยากาศที่มืดครึ้มมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสวมใส่เสื้อคลุมผ้าไหมกำลังหลับตาพริ้มอยู่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาจากปาก เธอคนนี้รู้สึกโกรธมากจนใช้มือที่มีปัดทุกอย่างบนโต๊ะทิ้งไป หลังจากนั้นเธอก็พึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ใครกัน ใครกล้าทำลายเวทมนตร์คาถาของข้า? ใครกัน? “
…
ลู่โจวตกใจมากเมื่อเห็นหมิงซี่หยินกระเด็นไป ในตอนนี้ตัวเขารู้สึกสดชื่นเหมือนกับความรู้สึกที่สามารถต้านทานบทสวดพระสูตรแห่งพราหมณ์สำเร็จ ลู่โจวมั่นใจมากกว่าพลังที่เขาเพิ่งจะใช้ไปเป็นพลังพิเศษที่ได้มาจากการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาปลาบปลื้มยินดี ลู่โจวที่คิดได้จึงรีบหันไปมองหมิงซี่หยิน
หมิงซี่หยินที่รู้สึกได้ว่าพลังเวทมนตร์คาถาได้หายไป ตัวเขาก็สามารถเดินพลังลมปราณผ่านจุดตันเถียนและเส้นพลังลมปราณได้อีกครั้ง หมิงซี่หยินที่เดินลมปราณจนมันสมดุลไปทั่วทั้งร่างกายได้จึงรีบคุกเข่าก่อนที่จะพูดออกมาทันที “ขอบคุณมากท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือศิษย์คนนี้! ฝีมือของท่านอาจารย์ไหนเลยจะมีใครเทียบเคียงได้อีก! “
ลู่โจวมองไปที่หมิงซี่หยินด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ‘เคล็ดอักษรสวรรค์เป็นความสามารถที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ดูเหมือนว่ามันยังสามารถคลายมนตร์สะกดจากเวทมนตร์คาถาได้อีกด้วย’
ลู่โจวยังคงคิดถึงผลลัพธ์ในการใช้เคล็ดอักษรสวรรค์ ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้หันไปมองรอบตัวของตัวเองอีกครั้ง เขาได้หยิบอาวุธสองชิ้นขึ้นมาก่อนที่จะประเมินพวกมันอย่างละเอียด
“ท่านอาจารย์ นี่มันอะไรกัน? ” มันไม่ใช่ทั้งดาบหรือเคียว สิ่งที่เห็นอยู่เป็นสิ่งที่ดูคล้ายอาวุธทั้งสองชิ้น มันเป็นเคียวใบมีดหยักนั่นเอง เคียวใบมีดหยักชิ้นนี้ถูกออกแบบมาอย่างแปลกประหลาด อาวุธอีกชิ้นเองก็มีลักษณะคล้ายกับปลอกอาวุธ
ลู่โจวจ้องไปที่อาวุธทั้งสองชิ้นนั้น
“ติ้ง! ได้รับอาวุธเคียวพื้นพิภพ เจ้าของที่แนะนำ:หมิงซี่หยิน”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเอง คงจะมีพลังบางอย่างกำลังอยู่ในห้องลับนี่สินะ ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือเรื่องบังเอิญอะไรก็แล้วแต่ พลังนั่นจะต้องทำให้หมิงซี่หยินรู้สึกสนใจอาวุธชิ้นนี้แน่นอน
ก่อนที่ลู่โจวจะได้พูดอะไร หมิงซี่หยินก็ได้พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มซะก่อน “ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่าอาวุธสองชิ้นนี้เหมาะกับข้ามาก เคียวใบมีดและปลอกอาวุธชิ้นนี้…ศิษย์รู้สึกชอบพวกมันมาก ศิษย์แน่ใจว่าอาวุธทั้งสองชิ้นจะต้องมีระดับขั้นต่ำอยู่ที่ระดับโลกแน่! ” หมิงซี่หยินได้หยุดพูดไปชั่วขณะก่อนที่จะอ่านคำจารึกที่ถูกบันทึกเอาไว้ในฝักดาบ “เคียว-พื้น-พิ-ภพ…”
และเพราะหมิงซี่หยินได้ประเมินอาวุธด้วยสายตาเท่านั้น ทำให้ตัวเขาไม่อาจที่จะรู้ความสามารถที่แท้จริงของอาวุธชิ้นนี้ได้ แม้ว่าเคียวพื้นพิภพจะถูกเก็บอยู่ในฝักเป็นเวลานานแสนนานแค่ไหน แต่ถ้าหากระบบแนะนำเจ้าของที่เหมาะสมเป็นหมิงซี่หยิน ในตอนที่หมิงซี่หยินเป็นผู้ถือครอง เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะกลายเป็นอาวุธระดับสรวงสวรรค์ไปในทันที
เมื่อลู่โจวมองดูหมิงซี่หยิน ตัวเขาก็รู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่มากนัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าของหมิงซี่หยินทำให้ลู่โจวรู้สึกหงุดหงิดใจ “วางมันลงซะ”
“ฮะ? ” หมิงซี่หยินตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็วางเคียวพื้นพิภพและปลอกอาวุธลงบนพื้น ตัวเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผู้เป็นอาจารย์อย่างลู่โจว
ลู่โจวรีบพูดอธิบายต่อไป “เจ้าน่ะเพิ่งจะมีวรยุทธถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น วรยุทธของเจ้าในตอนนี้ยังคงไม่มั่นคงมากพอ มันเร็วเกินไปที่เจ้าจะถือครองอาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้”
เมื่อหมิงซี่หยินได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา แต่เมื่อฟังคำอธิบายทั้งหมดของลู่โจว ตัวเขาก็กลับมารู้สึกมีความสุขอีกครั้ง จากคำพูดของลู่โจวเมื่อครู่นี้ ตัวเขาจะต้องได้เคียวพื้นพิภพมาจากลู่โจวในเร็ววันอย่างแน่นอน
“ได้ครับท่านอาจารย์! ศิษย์จะรีบฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น! ” หมิงซี่หยินตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้ลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้าให้ หลังจากนั้นเขาก็โบกมือให้อย่างไม่แยแส
หมิงซี่หยินเข้าใจว่าการโบกมือครั้งนี้เป็นการโบกมือให้ตัวเขาออกจากห้องลับไป และก่อนที่หมิงซี่หยินจะเดินออกไป ตัวเขาก็หันมามองเคียวพื้นพิภพอีกครั้ง ตัวเขาได้จ้องมองอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
หลังจากที่หมิงซี่หยินจากไป ลู่โจวก็สำรวจของที่อยู่ในห้องลับแห่งนี้ ของทั้งหลายถูกวางเกลื่อนกลาดไปทั่วทุกที่ โชคดีที่ห้องลับแห่งนี้กว้างขวางมากพอ ‘ถึงจะปล่อยให้ห้องรกแค่ไหนของพวกนี้ก็คงจะทำอันตรายฉันไม่ได้อยู่ดี’ ลู่โจวได้หยิบเคียวพื้นพิภพและปลอกอาวุธขึ้นมา
…
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดลู่โจวก็ออกมาจากห้องลับสู่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง ในตอนนี้เขาพบว่าด้วนมู่เฉิงและคนอื่นๆ ได้จากไปแล้ว ในตอนนี้มีเพียงหมิงซี่หยินที่กำลังพูดอะไรบางอย่างกับหยวนเอ๋ออยู่ ท่าทีของหมิงซี่หยินที่ได้พูดนั้นดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หยวนเอ๋อเองที่ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ลู่โจวเดินไปหาพวกเขาทั้งสองคน เมื่อศิษย์ทั้งสองเห็นการมาถึงของเขา พวกเขาก็เริ่มคำนับในทันที “ท่านอาจารย์”
“หมิงซี่หยิน”
“ครับท่านอาจารย์”
“แม้ว่าเวทมนตร์คาถาจะถูกคลายไปแล้วแต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ได้อย่าประมาทไป…”
“ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินตอบกลับอย่างเชื่อฟัง
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับกลับไป ในตอนนี้ลู่โจวยังไม่ได้วางแผนที่จะออกจากภูเขาทองไป ท้ายที่สุดแล้วด้วยพลังยุทธที่มีสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการอยู่บนศาลาปีศาจลอยฟ้าต่อไป อยู่บนศาลาแห่งนี้และหาวิธีทางทุกอย่างที่จะได้รับแต้มบุญจากเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลาย แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ไม่สามารถอยู่เฉิยได้ไปซะทีเดียว เรื่องของเบื้องหลังเหตุการณ์หมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เรื่องในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับผู้ใช้เวทมนตร์ที่อยู่ในพระราชวังอีกด้วย ถ้าหากพยายามสืบหาความจริงต่อไปบางทีตัวเขาอาจจะเจอคนที่ผนึกพลังวรยุทธ์ของจ้าวยู่ได้
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ลู่โจวให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นเพราะว่าเมนูภารกิจที่มีของเขาได้ให้ความสำคัญไปกับการสืบหาความจริงเกี่ยวกับเหตุกวาดล้างในหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ ถ้าหากลู่โจวสามารถคลี่คลายความจริงได้ ตัวเขาก็จะได้รับแต้มบุญไปถึง 3,000 แต้มด้วยกัน จากในอดีตที่ผ่านมาลู่โจวก็ไม่เคยที่จะได้รับรางวัลตอบแทนจากแต้มบุญถึง 3,000 แต้มมาก่อน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว
ในที่สุดลู่โจวก็ได้พูดออกไปอีกครั้ง “ข้าจะออกไปที่หมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ในเช้ารุ่ง”
หมิงซี่หยินถึงกับผงะเมื่อได้ยินแบบนั้น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ท่านอาจารย์จะต้องพบความจริงแน่ถ้าหากเคลื่อนไหวเองแบบนี้! ” และเพราะลู่โจวเป็นคนที่คลายมนตร์คาถาทั้งหมดที่มีในตัวหมิงซี่หยินไป ความศรัทธารวมไปถึงความเชื่อมั่นที่มีในตัวของลู่โจวจึงมีมากกว่าที่ลู่โจวรู้สึกมั่นใจในตัวเองซะอีก
ในทางกลับกัน หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นมีความสุขมาก เธอปรบมืออย่างตื่นเต้นก่อนที่พูดออกไป “ท่านอาจารย์ ศิษย์อยากไปกับท่านด้วย…”
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรหยวนเอ๋อ เขามองไปที่หมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดต่อไป “เจ้าน่ะดูพวกอัศวินดำเอาไว้ให้ดี”
“ได้ครับท่านอาจารย์! ” หมิงซี่หยินตอบรับก่อนที่จะโค้งคำนับให้ “ในเมื่อศิษย์กับศิษย์พี่สามอยู่ที่นี่ เจ้าพวกนั้นไม่สามารถหนีไปไหนได้อย่างแน่นอนแม้ว่าเจ้าพวกนั้นจะงอกปีกขึ้นมาก็ตาม”
หลังจากนั้นลู่โจวก็หันหลังก่อนที่จะเดินจากไป แต่ในตอนที่เขาก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นลู่โจวก็หันกลับมาก่อนที่จะถามอีกครั้ง “มีข่าวเกี่ยวกับเจ้าพวกคนทรยศนั่นไหม? ” คนทรยศที่ลู่โจวพูดถึงคือลูกศิษย์ของเขาที่ได้จากภูเขาทองไปนั่นเอง มีทั้งยู่เฉิงไห่ม ยู่ฉางตง และคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
หมิงซี่หยินได้ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับไปในทันที “เมื่อเร็วๆ นี้ศิษย์ไม่ได้ออกจากภูเขาทองเท่าไหร่ เพราะแบบนั้นศิษย์เลยไม่อาจทราบสถานการณ์โลกภายนอกได้”
ลู่โจวพยักหน้าเล็กน้อย เนื่องจากตัวเขาเอาชนะผู้คนจากสำนักฝ่ายธรรมะมาได้ถึงสองครั้ง ดังนั้นพวกคนทรยศทั้งหลายคงจะไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้งแน่ ‘หลังจากที่ฉันจัดการกับเรื่องหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ได้ ฉันจะต้องคิดหาวิธีจัดการกับพวกคนทรยศพวกนี้! ‘
…
หลังจากพูดคุยกับศิษย์ทั้งหลาย ลู่โจวก็กลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อนที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อีกครั้ง หลังจากที่เขาคลายมนตร์สะกดอย่างสมบูรณ์แบบ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าลู่โจวจะสามารถทำความเข้าใจกับเคล็ดอักษรสวรรค์ได้มากขึ้น
ลู่โจวได้เปิดเมนูขึ้นก่อนที่จะเริ่มศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ เนื้อหาของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนแรกได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าลู่โจว เนื้อหาที่ปรากฏขึ้นเริ่มส่องแสงสว่างมากขึ้น และเพราะแบบนั้นเองลู่โจวจึงสามารถอ่านเนื้อหาเคล็ดอักษรสวรรค์ได้ง่ายมากขึ้น
“กลับคืนสู่ต้นกำเนิดแห่งแสงสว่าง เส้นทางแห่งพลังจะถูกเปิดขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นจะก่อให้เกิดทักษะความสามารถทั้งสิบประการ” ลู่โจวได้อ่านข้อความใหม่ออกมาดังๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง “พระสูตรแห่งพราหมณ์ใช้ไม่ได้ผล และยังสามารถคลายมนตร์คาถาได้ เคล็ดมนุษย์อักษรสวรรค์คงมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพลังวรยุทธแน่ หรือว่ามันจะทำให้แก่นแท้ของพลังยุทธแปรปรวน? “
ลู่โจวได้เริ่มอ่านต่อไป ในตอนนั้นเองเนื้อหาใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านล่าง
“เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งนามธรรม พลังที่จะทำให้ไปที่ไหนก็ได้ในใต้หล้า พลังที่มีผลประโยชน์นานานัปการ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการควบคุมทุกสิ่ง พลังที่สามารถรักษาสมาธิให้สำแดงเดชได้ พลังที่เปรียบเป็นได้ทั้งแสงและเงา พลังที่จะแทรกซึมอยู่ในทั่วทุกที่ พลังที่ยังสถิตอยู่ในสมาธิ” ลู่โจวได้ทำความเข้าต่อไปจนกระทั่งหมดเวลา
…
เช้าวันต่อมา
ลุ่โจวรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก หลังจากที่ปิดเมนูของเคล็ดอักษรสวรรค์ไป เขาก็ได้ออกจากห้องลับมา
หยวนเอ๋อตัวน้อยในตอนนี้กำลังรอลู่โจวอยู่ในห้องโถง สีหน้าท่าทางของเธอทำให้ลู่โจวรู้ได้ทันทีว่าหยวนเอ๋อรู้สึกกระตือรือร้นมากขนาดไหน เมื่อเห็นลู่โจวออกมาจากห้อง ในตอนนั้นเธอก็วิ่งตรงมาทันที “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์…ศิษย์อยากจะขี่วิซซาร์ด! ไม่สิศิษย์อยากขี่บี่เอี๊ยน! “
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดตำหนิติเตียนเธอไป “เจ้านี่มันเด็กน้อยซะจริง” แต่สุดท้ายแล้วลู่โจวก็ยอมที่จะทำตามความต้องการของเด็กคนนี้ ตัวเขาในตอนนี้อายุมากแล้ว เพราะแบบนั้นการจะเดินทางขึ้นเขาลงห้วยในแบบทั่วไปก็คงจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
ทั้งคู่ได้เดินออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปด้วยกัน
หยวนเอ๋อฉีกยิ้มให้กับหมิงซี่หยินที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง หมิงซี่หยินเดินตามพวกเขาทั้งสองคนออกจากห้องโถงใหญ่ไปในทันที
เมื่อพวกเขาอยู่ด้านนอก ในตอนนั้นเองวิซซาร์ดก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากก้อนเมฆก่อนที่จะลงมายังป่าในภูเขาทอง
เมื่อหมิงซี่หยินเห็นสัตว์ขี่ในตำนาน ตัวเขาก็รู้สึกอิจฉาจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า ถ้าหากตัวเขามีสัตว์ขี่ในตำนานแบบนี้ หมิงซี่หยินจะยอมถูกเฆี่ยนตีในทุกวันก็ยอมได้
“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยากนั่งหน้า! ” หยวนเอ๋อพูดก่อนที่จะชี้ไปยังด้านหน้าของวิซซาร์ด
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา
หลังของวิซซาร์ดนั้นกว้างขวางมาก มันกว้างจะทำให้ผู้ที่เลือกขี่มันมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน และเพราะพื้นที่ที่กว้างขวางมากทำให้ผู้ที่ขี่มันไม่รู้สึกอึดอัดและสามารถบินไปกับวิซซาร์ดได้อย่างสบายๆ
เมื่อทั้งสองคนขึ้นไปบนหลังของวิซซาร์ดสำเร็จ วิซซาร์ดก็ได้ส่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศและหายไปในขอบฟ้า
หมิงซี่หยินวิ่งตามพวกเขาทั้งสองคนไประยะหนึ่ง ตัวเขาได้จ้องมองวิซซาร์ดหายไปในขอบฟ้าอย่างช้าๆ
…
เมื่อวิซซาร์ดบินอยู่บนท้องฟ้า ลู่โจวก็ได้จ้องมองระบบเมนูที่ตัวเขามี ตอนนี้ตัวเขามีแต้มบุญ 2,210 แต้ม เขาแทบที่จะไม่ได้ซื้อการ์ดพิเศษอะไรเลย ลู่โจวในตอนนี้ตัดสินใจที่จะซื้อการ์ดตามสถานการณ์ที่ตัวเขาเจอแทน ถ้าหากตัวเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ลู่โจวก็จะเลือกซื้อการ์ดการป้องกันไร้ที่ติมาแทน
…
สองชั่วโมงต่อไป
วิซซาร์ดที่บินมาเป็นสองชั่วโมงได้เริ่มชะลอตัวลงก่อนที่จะลงมาจากท้องฟ้า
“ท่านอาจารย์ พวกเราถึงแล้วอย่างงั้นหรอ? ” หยวนเอ๋อถามออกมา เธอในตอนนี้ดูไม่อยากที่จะลงจากหลังของวิซซาร์ดเลย
ลู่โจวไม่ได้ตอบโต้อะไรเธอ ในตอนนี้เขาคอยควบคุมวิซซาร์ดให้ลงสู่พื้นอยู่นั่นเอง
หยวนเอ๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากก้าวเท้าลงสู่พื้น
ลู่โจวที่ลงมาจากหลังของวิซซาร์ดเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมในทันที “พวกเรามาใกล้กับแม่น้ำสวรรค์แล้ว วิซซาร์ดคงจะดูดึงดูดความสนใจในที่แห่งนี้จนเกินไป”
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์น่ะมีพลังมหาศาล ท่านอาจารย์จะไปจัดการพวกนั้นเลยไหมคะ? ” หยวนเอ๋อถามออกมาอย่างสับสน
“เจ้ากำลังพูดอยู่กับใครกัน…” ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหน็บแนม คำพูดของอาจารย์เปรียบเสมือนคำพูดศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถโต้แย้งได้
ในตอนที่ทั้งคู่กำลังพักผ่อนอยู่ ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็เริ่มพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์ มีใครบางคนกำลังมาหาพวกเรา! ” หยวนเอ๋อในตอนนี้มีประโยชน์สำหรับลู่โจวมาก
ในไม่ช้ากลุ่มผู้ฝึกยุทธทั้งหลายก็ได้บินผ่านเหนือป่าที่ลู่โจวกำลังอยู่ด้วยดาบไป
“จีเทียนเด๋ามาแล้ว พวกเราหนีเร็ว! “
“ปรมาจารย์มหาวายร้ายนั่นมาแล้ว! เร็วเข้า! “
พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ผู้ฝึกยุทธได้บินผ่านหัวของลู่โจวและหยวนเอ๋อในเวลากลางวันแสกๆ
ในตอนนั้นเองมีผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูได้บินผ่านพวกเขาสองคนไป เขาก็ได้พูดแนะนำอะไรบางอย่างกับลู่โจว “ตาแก่ รีบวิ่งเร็วเข้า! ปรมาจารย์มหาวายร้ายจีเทียนเด๋าคนนั้นกำลังมา! เร็วเข้า พวกเจ้าเบื่อที่จะใช้ชีวิตแล้วอย่างงั้นหรอ?! “
พรึ๊บ!
ผู้ฝึกยุทธคนนั้นได้บินต่อไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายออกไปจากป่า
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หน้ามุ่ยก่อนที่จะถามออกมาอย่างสงสัย “ท่านอาจารย์ไปไล่ล่าเจ้าพวกนี้ตอนไหนกัน? “