ลู่โจวไม่รู้เลยว่าใช้เวลาไปในความมืดนานแค่ไหน การบินเป็นเวลานานทําให้ประสาทสัมผัสที่เขามีด้านชา แต่เมื่อเห็นท้องฟ้าอีกครั้งลู่โจวก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นแบบนั้น
เมื่อวัดพลังลมปราณที่เหลืออยู่ตอนนี้เหลือพลังไม่มาก แต่ถึงแบบนั้นมันก็เพียงพอที่จะบินไปสู่ด้านบนได้ จนถึงตอนนี้แรงดึงที่เคยฉุดเขาไว้ได้หายไปแล้ว
ลู่โจวยกมือขึ้นก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือ
พลังฝ่ามือส่องสว่างที่เบื้องหน้าเขา ในที่สุดจู่โจวก็ได้เห็นก้อนหินที่ดูคุ้นตา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหนาว
พรึ๊บ!
ลู่โจวกลับมาจากหุบเหวแสนฟุตสําเร็จ! เมื่อขึ้นมาได้ทัศนวิสัยของเขาก็กลับมากว้างอีกครั้ง ความรู้สึกอึดอัดทุกอย่างจางหายไป
เมื่อบินไปบนท้องฟ้าก่อนจะสํารวจไปทั่วตัว ลู่โจวก็ไม่พบกับเหล่าสาวกอยู่ใกล้ๆ เมื่อเหลือบมองกลับไปยังหุบเหวด้านล่าง แม้จะขึ้นมาได้แต่ลูโจวก็ยังรู้สึกอึดอัดอีกครั้งอยู่ดี
ไม่นานนักลูโจวก็กลับมาใกล้กับขอบหุบเหว แม้ว่ามันจะมืดมากแต่เขาก็ยังพอเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวอยู่
สู่โจวออกจากหุบเหวก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปด้านหน้า หลังจากนั้นไม่นานจู่โจวก็ตระหนักได้ถึงความสูงชันของพื้น เมื่อเดินไปรอบๆ ก้อนหินก้อนใหญ่ลูโจวก็พบกับอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายปล่อง
ที่ด้านล่างปล่องมีทางเข้าเหวลึกแสนฟุตอยู่
พรึ๊บ!
เมื่อบินต่อไปเสียงลมแรงที่พัดผ่านก็เริ่มดังขึ้น
ลู่โจวมองไปรอบตัวก่อนที่จะมองเห็นหิมะ
“คูสวรรค์?!” สู่โจวรู้ตัวแล้วว่าตัวเองมาถึงคูสวรรค์ มันมีพื้นที่ที่ว่างเปล่าที่คูสวรรค์ และเหวลึกทับซ้อนกัน
ลู่โจวบินสูงขึ้น
ตอนนี้เขาอยู่ที่จุดสูงสุดของคูสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
มันคือส่วนใต้สุดของคูสวรรค์ ที่ตรงนี้มีภูเขาที่สูงที่สุดในโลกอยู่ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครเข้าถึงได้
สู่โจวไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงนี้
เขาบินไปรอบๆ เพื่อยืนยันจุดสูงสุดของคูสวรรค์ ที่นี่ไม่มีหิมะตก มันมีเพียงหิมะที่อยู่บนพื้นที่ถูกพัดพอมาจากที่อื่น
ที่นี่มีความรุนแรงลมที่แตกต่างกันไป
ลู่โจวพยายามห่อผ้าใหม่เพื่อปกปิดแสงสีแดง หลังจากนั้นเขาก็เหวี่ยงกลับไปที่หลังก่อนที่จะเตรียมลงไปในคสวรรค์
แต่ในตอนที่อยู่บนขอบคูสวรรค์ ในตอนนั้นลูโจวก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างท่ามกลางเสียงสายลมที่เกรี้ยวกราด
“ท่านรอดมาได้”
ถ้าหากเป็นคนอื่นก็คงจะตื่นตกใจแน่
แต่เมื่อเจอกับความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดมาสู่โจวกลับดีใจที่ได้ยินเสียงคน เขาหันกลับไปก่อนที่จะสํารวจรอบตัว “นั่นใครกัน?”
ลูโจวเดินไปตามขอบคูสวรรค์ก่อนที่จะเห็นถ้ําหินเล็กๆ เสียงที่ได้ฟังจะต้องมาจากถ้ำไม่ผิดแน่
ในตอนนั้นเองเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวออกมา
เมื่อแสงจันทร์ส่องลงมา จู่โจวก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของเจ้าของเสียง เขาดูเหมือนกับชายชราที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี ดวงตาของเขามืดมิดและยังมีเคราสีดําเข้ม แม้จะมี รูปลักษณ์ที่ดูผอมแห้งแต่บรรยากาศที่อยู่รอบตัวของชายคนนี้กลับดูไม่ธรรมดา
คงจะไม่มีคนธรรมดาที่ไหนอยู่บนจุดสูงสุดของคูสวรรค์ได้ คนคนนี้จะต้องมีสถานะที่สูงส่งอย่างแน่นอน
“ข้าชื่อว่าเจียงเหวินซู…พวกเราพบกันอีกครั้งแล้วสินะ”
“พบกันอีกครั้ง? จู่โจวพยายามเหลือบมองชายตรงหน้าด้วยความสับสน “ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน ทําไมถึงได้เรียกข้าแบบนั้น?”
เจียงเหวินซูส่ายหัว เขาตอบกลับมาอย่างช้าๆ “ข้าพบท่านมาสามครั้งแล้ว”
“หืม?”
“การพบกันครั้งแรกของพวกเราเป็นตอนที่ข้าเพิ่งจะมาถึงดินแดนแห่งนี้และพบว่า ท่านเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด…การพบกันครั้งที่สองพวก เราได้พูดคุยกันตลอดทั้งคืน ข้าบอกเรื่องเกี่ยวกับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบว่ามันจะพาภัยพิบัติครั้งใหญ่ให้มาถึง และท่านก็สัญญากับข้าว่าจะไม่ฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นนั้น จากนั้นท่านก็เลือกปิดผนึกความทรงจําของตัวเองไป ข้าสงสัยจริงๆ ว่าทําไมท่านถึงได้กลับคําพยายามฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบด้วย?”
เจียงเหวินซูพูดต่อ “การเจอกันครั้งที่สามของพวกเราอยู่ในตอนที่ท่านถูกสิบสุดยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่โจมตี ในตอนนั้นท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านไม่เห็นข้า แต่ข้า น่ะเห็นท่าน…”
ลู่โจวได้คาดเดาตัวตนของชายตรงหน้า “เจ้าก็คือผู้ชี้แนะองค์จักรพรรดิ?”
“พวกเขาเรียกข้าว่าผู้ชี้แนะเจียง” เจียงเหวินซูพูด
“เป็นเจ้าจริงๆ”
ลมพัดพาใส่ แต่ถึงแบบนั้นเจียงเหวินซูก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร
มันสมเหตุสมผลแล้ว ในบรรดาผู้ฝึกยุทธทั่วโลกมีเพียงผู้ชี้แนะองค์จักรพรรดิเพียงคนเดียวที่มีความรู้เกี่ยวกับพลังดอกบัวสีแดง การที่จะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องหุบเหวมัน เป็นเรื่องที่ถูกต้องทุกอย่าง ที่จริงแล้วผู้ชี้แนะคนนี้ก็คงจะเหมาะกับการเป็นนักผจญภัยมากกว่าแม่นางแซ่หลัว
“แม้ว่าข้าจะถูกลอบโจมตี แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่ตาย เจ้าเป็นคนที่แอบดูข้าในตอนนั้นอย่างงั้นสินะ?” ลูโจวถาม
“ข้าไม่มีทางเลือกอื่น” เจียงเหวินซูเอามือไขว้หลังก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อท่านผนึกความทรงจําเอาไว้ แล้วทําไมท่านถึงได้เปลี่ยนใจกัน?”
ลู่โจวส่ายหัว เขาถามกลับไปแทน “พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะทําให้เกิดหายนะจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงเหวินซูก็เหลือบมองท้องฟ้าในยามราตรี ดูเหมือนว่าเขากําลังใช้ความคิดอยู่ เมื่อหันกลับมามองที่เหวลึกเขาก็เริ่มต้นพูด “ไชเหยาเป็นดังยอดเขาน้ําแข็ง สําหรับพวกมันมนุษย์เป็นเพียงอาหารอันโอชะ แต่ถึงแบบนั้นสัตว์ร้ายกลับรับมือได้ง่าย แต่จิตใจของมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง”
“เจ้ามาจากโลกของดอกบัวสีแดง เจ้ากังวลว่ามนุษย์จะทําลายสถานที่ตรงนี้สินะ?” สู่โจวถาม
เจียงเหวินซูดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับคําถามของลู่โจวเท่าไหร่ “ท่านรอดมาจากการลอบโจมตีได้ยังไง?”
“เพราะโชคช่วย” ลู่โจวตอบคําถามอย่างคลุมเครือ
“ท่านเคยเห็นไชเหยามาแล้วสินะ?” เจียงเหวินซูถาม
“ข้าไม่เพียงแต่เห็นมัน ข้าฆ่ามันไปแล้ว” สู่โจวตอบตามตรง
เจียงเหวินซูตกตะลึง ในตอนนั้นคิ้วของเขาขมวดอย่างที่ไม่เคยเห็น ภายใต้แสงจันทร์สลัวลู่โจวสามารถมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
“ไม่จําเป็นที่จะต้องอ้อมค้อม ข้ามีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแล้ว…แล้วภัยพิบัติที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหนกัน?” สู่โจวถาม
“…” เจียงเหวินซูก้าวไปด้านหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาประเมินจู่โจวอีกครั้ง “พลังอวตารดอกบัวเก้ากลับ? ข้าไม่มั่นใจแบบนั้นจนกว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองหรอก” เจียงเหวินซูยังคงมั่นใจในความคิดเดิม
สู่โจวไม่สามารถเรียกพลังอวตารออกมาได้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังมีการ์ดปลอมพลังอยู่ แต่จู่โจวจะไม่ยอมเสียมันโดยไม่มีสาเหตุ
เนื่องจากเฉียงเหวินซูเป็นพวกชอบคาดเดา เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงตัดสินใจปล่อยให้เขาเดา เขาหลีกเลี่ยงที่จะตอบคําถามก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง “แม้ว่าดอกบัวสีแดงจะไม่จํากัดอายุขัยคนเรา แต่ถึงแบบนั้นก็ยังถูกสวรรค์และโลกจองจําอยู่ดี เจ้าสามารถหยุดไม่ให้ผู้คนทั้งหลายพยายามหลุดพ้นจากการจองจําได้อย่างงั้นเหรอ?”
เจียงเหวินซูถอนหายใจก่อนจะตอบกลับ “แสดงว่าเจ้าคงได้พบกับหลัวชีหยินแล้วสินะ?”
“หลัว…ชี…หยิน…” ลู่โจวทวนชื่อซ้ำอีกครั้ง
เจียงเหวินซูหันกลับมา เขาเดินไปที่ถ้ําก่อนจะพูดขึ้น “นางก็เป็นคนบ้าไม่ต่างอะไรจากท่าน”
“แล้วนางอยู่ที่ไหน?”
เฉียงเหวินซูเงียบ
สู่โจวพูดต่อ “นางส่งเสริมให้ผู้คนแข็งแกร่งขึ้น นางคิดตรงกันข้ามกับเจ้า แต่เจ้าทั้งคู่กลับมาจากที่เดียวกัน การที่มาจากที่เดียวกันไม่ได้ทําให้พวกเจ้าเห็นพร้องต้องกันได้จริงๆ”
“ไม่…” เจียงเหวินซูหันกลับไปหาลู่โจว “นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางทําโง่เง่าแค่ไหน ถ้าหากท่านได้พบกับไช่เหยามา ท่านก็คงจะรู้แล้วว่ามันมีพลังมากแค่ไหน แม้แต่ผู้มีพลังดอกบัวสีแดงก็ยังไม่อาจรับมือกับไช่เหยาได้ง่ายๆ
”
“ช่วยแสดงพลังของท่านให้ข้าดูเถอะ” เจียงเหวินซูหยุดอยู่ที่ทางเข้าถ้ำก่อนที่จะหันกลับมา
ล่โจวส่ายหัว “ทําไมต้องแสดงพลังเพียงเพื่อความอยากรู้ล่ะ? ถ้าหากทําไปแล้ว ฉันจะได้อะไร?
ใบหน้าของเจียงเหวินซูเปลี่ยนไป “ท่านมีความลับมากมายจริงๆ น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาไม่มาก ข้าหวังว่าท่านจะลดพลังวรยุทธของตัวเองลง…”
“แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ?”
“ข้าจะเป็นคนลงมือเอง”
“เจ้า?” ลู่โจวสับสน
“อย่าได้ถามถึงความสามารถข้า” หลังจากพูดจบเจียงเหวินซูก็ยกฝ่ามือขึ้น
พลังฝ่ามือที่ดูโปร่งแสงพุ่งออกมา
ลู่โจวก็ยกพลังฝ่ามือเช่นกัน พลังฝ่ามือสีฟ้าพุ่งตรงไป…
เมื่อเจียงเหวินซูเห็นพลังฝ่ามือสีฟ้า สีหน้าที่ดูตกใจก็ปรากฏขึ้น “พลังฝ่ามือสีฟ้า?!”
ตู้ม!
พลังฝ่ามือสีฟ้าชนเข้ากับพลังฝ่ามือของเจียงเหวินซู