ความเงียบปกคลุมไปทั่วหมู่บ้านกลัว
นี่คือเคล็ดวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด พลังแสงดาวแห่งความมืด เพลงกระบี่ชั้นยอดที่ไม่มีเพลงกระบี่ไหนในใต้หล้าเปรียบเทียบได้
ชาวบ้านเบิกตากว้างกับพลังที่ชายชรามี เพียงแค่เพลงกระบี่ท่าเดียวก็สามารถกวาดล้างป่าได้ ทุกคนไม่รู้จักพลังอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดหรือเพลงกระบี่ใดๆมาก่อน แต่ถึงแบบนั้นพวก เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่ได้เห็นมันน่าประทับใจมาก
หมู่บ้านก่ลั่วอยู่ใกล้กับเหวลึกกว่าแสนฟุต มันเป็นดินแดนที่ถูกเหวลึกแบ่งแยกออกจากโลกภายนอก เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักพลังวรยุทธมากมายอะไร
เกาหลงมองไปที่อู่โจวอย่างตกตะลึง ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่คิดหลบหนี
“อนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด…” ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มพึมพํา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน สําหรับเขา ยู่เฉิงไห่ไม่เคยได้ยินค่าๆ นี้มาก่อน แต่ตัวเขาก็ยังพูดซ้ําไปซ้ํามา ยู่เฉิงไห่รู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับได้พูดมันอยู่บ่อยครั้ง ความทรงจําที่ขาดหายไปยากที่จะหวนคืน แม้แต่เพลงกระบี่ที่ฝังแน่นอยู่ในกระดูกของยู่เฉิงไห่ เพลงกระบี่ที่ฝึกฝนมานานหลายปีก็ยังไม่อาจฟื้นคืนมา ในชีวิตของยู่เฉิงไห่นอกจากความหลงใหลในพลังสิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็คือเพลงกระบี่ วิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด
ยู่เฉิงไห่รู้สึกถึงเลือดในตัวกําลังเดือดพล่าน กล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวของเขาถูกเพลงกระบี่อันคุ้นเคยนําพา ยู่เฉิงไห่สามารถเรียนรู้เพลงกระบี่ได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ
ผู้ที่คอยเฝ้ามองดูรอบตัวต่างก็ตกตะลึง
ลู่โจวได้แสดงเพลงกระบี่ที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นราวกับสายน้ํา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดสูญเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเพลงกระบี่ก็ยังซับซ้อนมาก ใครกันที่จะไปเรียนรู้มันได้เพียงแค่มองดูการสาธิแค่เพียงครั้งเดียว?
แต่สิ่งที่ยู่เฉิงไห่ก็ยังทําให้ทุกคนต้องตกตะลึง สิ่งที่เขาแสดงออกมาเหมือนกับว่าเขาได้ฝึกฝนเพลงกระบีนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มคุ้นเคยกับวิชานี้มาก
ยู่เฉิงไห่หมกมุ่นอยู่กับการเรียนรู้เพลงกระบี่จนลืมเรื่องทุกอย่างไป
ชาวบ้านเหลือบมองยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่ม ทุกคนจําได้ดีถึงสิ่งที่นายท่านเกอหลงเคยพูดก่อนหน้านี้ ในตอนนั้นความรู้สึกที่เป็นลางร้ายก็ผุดขึ้นในใจของทุกคน สุดท้ายแล้วทาสคนนี้มีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธจริงๆ อย่างงั้นสินะ?
เมื่อถึงเวลาที่ยู่เฉิงไห่จะใช้แสงดาวแห่งความมืด ตัวเขาก็ได้โยนกระบีนิลโลหิตออกมาโดยสัญชาตญาณ
ตู้ม!
กระบี่นิลโลหิตหมุนรอบตัวเองสองครั้งก่อนที่จะแทงลงบนพื้นดิน
มันไม่ได้เกิดผลตามที่ยู่เฉิงไห่เคยคาดไว้
ไม่มีกระบี่พลังลมปราณถูกปลดปล่อยออกมา ไม่ใช่พลังอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด ไม่ใช่พลังแสงดาวแห่งความมืด แม้แต่กระบี่พลังงานสักเล่มก็ยังไม่ปรากฏ
ชาวบ้านทั้งหลายที่เห็นแบบนั้นถอนหายใจ ยังไงซะเศษขยะก็คือเศษขยะ ทุกคนต่างก็คิดว่ายู่เฉิงไห่เพ้อฝัน สุดท้ายแล้วเขาก็แกล้งทําเป็นเชี่ยวชาญเพลงกระบี่ก็เท่านั้น
“ยังไงซะเจ้านั่นก็เกิดมาเพื่อเป็นทาส!”
แม้จะดูถูกเหยียดหยามยู่เฉิงไห่มากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงสีหน้าออกมา ท้ายที่สุด แล้วชายชราตรงหน้าก็สามารถถางป่าได้ด้วยกิ่งไม่เพียงแค่ท่อนเดียว พลังที่ได้เห็นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่ง โชคยังดีที่มีเกาหลงอยู่ด้วย สุดท้ายแล้วชาวบ้านทุกคนก็ได้แต่อดทนรอดูไปก่อน เมื่อชายชราคนนี้จากไปเมื่อไหร่ยู่เฉิงไห่จะต้องถูกลงโทษเฆี่ยนตีเป็นเวลาสิบวันสิบคืน
ยู่เฉิงไห่มองไปที่กระบี่นิลโลหิตที่ฝังอยู่ในพื้น “สุดท้ายแล้วข้ามันก็ไร้ค่า…”
แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะพูดแบบนั้น แต่สําหรับสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่คิดเช่นนั้น มันน่าตกใจมากแล้วที่เขาสามารถเคลื่อนไหวเลียนแบบผู้เป็นปรมาจารย์ได้โดยแค่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว สิ่งที่ยู่เฉิงไห่ยังขาดไปก็คือพลังลมปราณ
ยอดฝีมือมักจะสนใจกับวิธีการ ในขณะที่ผู้ไม่รู้อะไรมักจะสนใจแค่ผลลัพธ์เท่านั้น
ลู่โจวลูบเคราก่อนจะพูดออกมา “จงมองที่แก่นแท้ ไม่ใช่แค่มองรูปลักษณ์…นี่เป็นเพียงครั้งแรกของเจ้า ท่าไมเจ้าถึงได้รีบร้อนล่ะ?”
สู่โจวสะบัดฝ่ามือ สุดท้ายแล้วกระบี่นิลโลหิตก็บินกลับมา ตัวเขาได้ส่งมันคืนให้กับยู่เฉิงไห่
ยู่เฉิงไห่มองไปที่กระบี่นิลโลหิตก่อนที่จะรับมันด้วยมือทั้งสองข้าง
การฝึกฝนครั้งที่สองเริ่มต้น
ลูโจวไม่ได้แสดงเพลงกระบี่ให้กับยู่เฉิงไห่ดูอีกต่อไป ตัวเขาเลือกที่จะเฝ้าแทน
หลังจากที่ฝึกฝนครั้งแรก ดูเหมือนว่ายู่เฉิงไห่จะคุ้นชินกับเพลงกระบี่มากขึ้นแล้ว
สาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าตื่นตกใจมากขึ้น
ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้าผ่านพ้นไป…
ยู่เฉิงไห่สามารถพัฒนาการเคลื่อนไหวในทุกครั้งที่ได้ฝึกฝน แรงที่มาจากการกวัดแกว่งเพลงกระบี่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน!
ยู่เฉิงไห้รู้สึกได้ว่ากระนิลโลหิตเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกายมากขึ้น เขาเหวี่ยงกระบี่อย่างน่าประทับใจ
ตุ้ม!
ในที่สุดกระบี่ก็กระแทกตอไม้ก่อนที่จะตัดขาดมัน การสาธิตเพลงกระบี่สิ้นสุดลงแล้ว
ยู่เฉิงไห่หายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง
ลู่โจวลูบเคราก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “ดี”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นไม่จําเป็นที่จะต้องสาธิตซ้อีกต่อไป…
ล่โจวชี้ไปที่ชาวบ้านทั้งหลายก่อนจะพูดขึ้น “ถึงเวลาเลือกแล้ว”
ยู่เฉิงไห่สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บจากกระบีนิลโลหิต ความมั่นใจที่ไม่มีที่มาเพิ่มขึ้น เขาชี้ไปที่อาดงชาวบ้านที่คุ้นเคย “เจ้า”
อาดงตกตะลึง “ข้า?”
สู่โจวพูดต่อ “ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้า…ใครก็ตามที่เอาชนะเจ้าได้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้”
ยู่เฉิงไห่จับกระนิลโลหิตเอาไว้แน่นก่อนจะก้าวเดินไป
อาดงขมวดคิ้ว เขาหันกลับมาก่อนที่จะหยิบจอบเหล็กขึ้น “ได้ ในเมื่อเจ้าอยากที่จะตายเอง!” หลังจากที่พูดจบอาดงก็พับแขนเสื้อขึ้น ภายใต้แขนเสื้อเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ผ่านการใช้งานมานาน
ชาวรั่วหรี่มักจะเกิดมาพร้อมกับความกล้าหาญและร่างกายที่แข็งแกร่งประดุจดั่งสัตว์ร้าย
ดวงตาของอาดงเยือกเย็นในขณะที่พุ่งไปพร้อมกับจอบเหล็กในมือ
ยู่เฉิงไห่ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ
“ถ้าหากเจ้าถอย เจ้าจะต้องตาย ถ้าหากเจ้าก้าวเดินต่อไป บางทีเจ้าอาจจะมีชีวิตรอดได้”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นได้สติ ตัวเขากําลังกลัวอะไร? ยู่เฉิงไห่คู่ร้องก่อนที่จะจับกระบีนิลโลหิตในมือและพุ่งตรงไป
อาดงจู่โจมยู่เฉิงไห่ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “ตายซะ!”
พรึบ!
ยู่เฉิงไห่ยกกระบี่ขึ้นอยู่เหนือศีรษะ
แครั้ง!
ยู่เฉิงไห่ที่ป้องกันการโจมตีไว้ได้ถอยหลังไปหลายก้าว
อาดงที่เห็นแบบนั้นก็พูดเย้ยหยัน “เจ้ามีดีแค่นี้เองสินะ?” เขายกจอบเหล็กขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ ดูเหมือนอาดงจะใส่แรงลงไปในจอบเหล็กมากกว่าเดิมหลายเท่า การเคลื่อนไหวของเขาดูจริงจังมากขึ้น
ยู่เฉิงไห่จ้องไปที่อาดงในขณะที่จับกระบี่เอาไว้แน่น
“ผ่อนคลาย” เสียงของลู่โจวส่งไปถึงหูของยู่เฉิงไห่
ยู่เฉิงไห้ตระหนักได้แล้วว่าตัวเองประหม่าเกินไป เมื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความสงบ บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะการตักเตือนของผู้เป็นอาจารย์ ยู่เฉิงไห่ที่ผ่อนคลายพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว
พรึบ!
อาดงใช้จอบเหล็กจู่โจมมาจากทางด้านบน
ยู่เฉิงไห่ที่พุ่งตรงไปก้าวหลบการโจมตีก่อนที่จะใช้ไหล่กระแทกไปที่อาดง
อาดงถอยกลับไป!
“เจ้านี่…”
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ชาวบ้านทั้งหลายขยตา พวกเขาคิดว่าตัวเองก่าลังเห็นภาพหลอน
วิธีที่ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มหลบการโจมตีรวดเร็วและสมบูรณ์แบบก่อนจะสวนกลับไป มันไหลลื่น ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับการต่อสู้ดี การเคลื่อนไหวของเขาเหมือนยอดฝีมือ! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?
เกอหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะก็ว่าได้!
อาดงไม่สามารถยอมรับได้ เขายกจอบเหล็กขึ้นก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้อีกครั้ง
ยู่เฉิงไห่สงบใจได้แล้ว ในตอนที่เห็นอาดงพุ่งเข้ามาหา ในตอนนั้นยู่เฉิงไห่ก็ดูเหมือนกับเปลี่ยนไปจนกลายเป็นคนละคน “อ่อนแอ
ยู่เฉิงไห่ยกกระบี่ขึ้นก่อนจะพุ่งไปด้านหน้า
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
ยู่เฉิงไฟใช้กระบี่ฟันติดต่อกันถึงสามครั้ง!
จอบเหล็กที่รับการโจมตีถูกตัดเป็นสามส่วน
ดวงตาของอาดงเบิกกว้าง เขาได้แต่เหลือบมองจอบเหล็กที่ถูกผ่าเป็นชิ้นๆ เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็ได้เห็นยู่เฉิงไห่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
กระบีนิลโลหิตถูกยกขึ้นก่อนจะฟังลงมาเป็นแนวเฉียง
ชาวบ้านที่เหลือต่างก็ตื่นตกใจ ทุกคนต่างก็มองดูยู่เฉิงไห่ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว
ยู่เฉิงไห่ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขายกกระบี่ขึ้นมาก่อนจะฟันเป็นแนวนอน
ฉั้วะ!
เขายังโจมตีต่อไป
ฉั้วะ! ฉั้วะ! ฉั้วะ!
การโจมตีสามครั้งต่อเนื่องถาโถมเข้าใส่ไหล่ของอาดง เลือดสดๆไหลออกมาจากหน้าอกเขา อาดงไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว มีเพียงความกลัวอันมหาศาลเท่านั้นที่ตัวเขารู้สึก อาดงรู้สึกกลัวราวกับได้เห็นเทพแห่งความตายมายืนอยู่ตรงหน้า นอกจากความกลัวแล้วสีหน้าของเขาก็มีแต่ความสิ้นหวัง อาดงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะสามารถใช้กระบี่ได้อย่างทรงพลังแบบนี้
หมาป่าทั้งสองตัวที่เห็นแบบนั้นไม่คิดจะหันหลังกลับ พวกมันพุ่งเข้าใส่ยู่เฉิงไห้ด้วยความ
แค้น!
ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นไม่รู้สึกกลัว เขาเคลื่อนไหวอย่าเฉียบคมก่อนที่จะจัดการกับหมาป่า
สายตาของอาดงจับจ้องไปที่หน้าอกของยู่เฉิงไห่ บาดแผลที่ยู่เฉิงไห่มียังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน อาดงยังจําได้ดีว่าเคยทําอะไรกับทาสคนนี้ไว้บ้าง สุดท้ายแล้วอาดงก็ล้มลง
ยู่เฉิงไห่ยังคงใช้กระจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉั้วะ! ฉั้วะ! ฉั้วะ!
การโจมตีสามครั้งติดเชือดเฉือนไปที่ร่างของอาดง
ไม่นานนักศีรษะของชาวบ้านกู่ลั่วก็ถูกเตะไปยังชาวบ้านที่เหลือ
บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ยู่เฉิงไห่ยกกระบี่ด้วยมือข้างเดียวก่อนที่จะชี้ไปยังชาวบ้านที่เหลือ หลังของเขาตั้งตรง ในแวว ตาของเขามีแต่เพียงจิตสังหาร