My Disciples Are All Villains 576 ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ

ตอนที่ 576 ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ

  ฝึกฝนตัวเองอีกครั้งจนมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ!
  ยู่เฉิงไห่ สีวู่หยา และฮั๊วจงหยางต่างก็ตกตะลึง
  ไป่ยู่ชิงพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวดก่อนที่จะพูดออกมา “ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา นอกจากการปกป้องเมือง…ปกป้องเมืองมณฑลเหลียง พวกเราได้ส่งคนที่มีเพื่อไปสืบข่าวของชนเผ่าอื่นมา ชาวรั่วหลี่บูชาราชาหมาป่า…หลังจากที่ชาวรั่วหลี่ตัดดอกบัวทองคำ พวกเขาก็ฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก…”
  ยู่เฉิงไห่วางฝ่ามือลงบนไหล่ของไป่ยู่ชิง ในตอนนั้นพลังลมปราณอันนุ่มนวลก็ได้ไหลเข้าสู่ตัวของไป่ยู่ชิง และก็เพราะแบบนั้นจึงทำให้เขาหายใจได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น “พวกเจ้าพักผ่อนซะเถอะ ให้หมอที่เก่งที่สุดดูแลพวกเขาซะ”
  “ครับ ท่านเจ้าสำนัก”
  หลังจากที่เหล่าสาวกทั้งสามถูกพาตัวไป ยู่เฉิงไห่ก็ขมวดคิ้ว แม้ว่าไป่ยู่ชิงจะพูดออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็เข้าใจทุกอย่างดี
  สีวู่หยาเป็นผู้เริ่มต้นพูดอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดถึงเลยจริงๆ ถ้าหากเป็นแบบนี้นี่อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ชนเผ่าอื่นบุกโจมตีดินแดนหยานได้”
  “พวกชาวรั่วหลี่มักจะมองชาวดินแดนหยานอย่างพวกเราไม่ต่างอะไรกับเหยื่อ หลังจากที่จักรพรรดิหย่งโชวขึ้นครองบัลลังก์ ชาวรั่วหลี่ทั้งหลายก็พร้อมใจกันบุกพรมแดนของพวกเรามากว่าหลายครั้ง แม้ว่าชาวลั่วหลานจะเป็นพันธมิตรกับดินแดนหยานของพวกเราจากงานแต่งงาน แต่ถึงแบบนั้นที่หรงเป่ย หรงซี และเมืองใหญ่อีกทั้ง 10 เมืองต่างก็มีความมุ่งมั่นเกินที่จะห้ามไว้ได้” ฮั๊วจงหยางพูด
  สีวู่หยาพยักหน้าเห็นด้วย “ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าชนเผ่าอื่นทั้ง 12 ชนชาติจะเป็นพันธมิตรกัน แม้ว่าในตอนนี้อาจจะยังแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้แน่ ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า เมื่อทุกฝ่ายต่างก็เห็นผลประโยชน์ผลเดียวกัน เมื่อนั้นการที่จะร่วมมือกันก็คงจะไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อเวลานั้นมาถึง ดินแดนหยานแห่งนี้จะต้องพบกับศึกหนักแน่”
  ยู่เฉิงไห่พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ถ้าหากพวกราชสำนักไม่ไร้ความสามารถ เจ้าพวกหมาป่านอกคอกพวกนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากแน่”
  ฮั๊วจงหยางรู้ดีว่ายู่เฉิงไห่เกลียดชาวลั่วหลาน ยู่เฉิงไห่จะต้องหาโอกาสเหมาะที่จะกวาดล้างชาวลั่วหลานแน่
  “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ลำพังมีเพียงเจ้าเกาะหวางคนเดียวคงจะไม่พอแล้ว…”
  ทุกๆ คนต่างก็พยักหน้า
  ความแข็งแกร่งของสำนักอเวจีถือเป็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดในดินแดนหยาน แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เหล่าสาวกของสำนักอเวจีต่างต้องกระจายตัวอยู่รอบเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมบุกโจมตี ถ้าหากมีการระดมคนไปยังมณฑลเหลียงมากกว่านี้ การจะพิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้คงจะเป็นเรื่องยากแน่ เพราะแบบนั้นการที่จะใช้กองกำลังเพียงครึ่งเดียวเพื่อโค่นล้มเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น
  “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า พวกเรามาคิดเรื่องนี้กันดีกว่า ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้พวกเราจะไว้ใจชนเผ่าอื่นไม่ได้” ยู่เฉิงไห่พูดต่อ “เจ้าไม่มีไพ่ตายอะไรที่ใช้จัดการกับชนเผ่าอื่นอย่างงั้นเหรอ? มีอะไรบางที่พวกเราจะใช้มันเพื่อขัดขวางชนเผ่าอื่นได้ไหม? เจ้าเก่งกาจในการหว่านความบาดหมางให้กับคนอื่น…มันจะต้องมีวิธีการบ้างสิ”
  “…” แม้ว่าจะฟังดูหยาบคายแต่นั่นก็เป็นเรื่องจริง “ศิษย์พี่ใหญ่…การที่จะสร้างความบาดหวางได้ข้าจะต้องมีเวลาตรวจสอบข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อน และในตอนนี้การต่อสู้กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม…เว้นแต่ว่า” สีวู่หยาได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม “เว้นแต่ว่าท่านอาจารย์จะช่วยพวกเราปกป้องมณฑลเหลียง…”
  เมื่อสีวู่หยาพูดแบบนั้นออกไป ตัวเขาก็เตรียมใจแล้วที่จะถูกตำหนิ สีวู่หยารู้ดีว่ายู่เฉิงไห่ยอมที่จะระดมกองกำลังทั้งหมดที่มีดีกว่าปล่อยให้ท่านอาจารย์ออกจากภูเขาทองมา
  แม้แต่ฮั๊วจงหยางก็ยังก้าวถอยหลัง ตัวเขารู้ดีว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
  แต่ถึงแบบนั้นมันกับไม่เป็นไปตามคาด ยู่เฉิงไห่ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือแม้แต่ตื่นกลัว “ท่านอาจารย์จะเห็นด้วยอย่างงั้นเหรอ?”
  “???”
  ฮั๊วจงหยางถอยห่างออกไป ตัวเขามีลางสังหรณ์อย่างแรกกล้าว่ายู่เฉิงไห่จะต้องให้ตัวเขาไปขอร้องผู้อาวุโสจีให้ลงมาจากเขา
  ในตอนนั้นเองเสียงที่ไม่แยแสก็ได้ดังขึ้น เสียงนั้นแผ่วเบาแต่ฟังดูชัดเจน “ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
  การหลั่งไหลของพลังลมปราณเองก็ดูราบรื่น จากสัญญาณทั้งหมดที่เห็นแสดงว่าคนคนนี้เป็นยอดฝีมือ
  “นั่นใครกัน?”
  ทั้งสามคนต่างก็หันไปมอง ทุกคนได้มองเห็นใครบางคนพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ชายคนนั้นเดินทอดน่องก่อนที่จะเข้ามาในห้องโถง
  พระอาทิตย์กำลังส่องแสงอยู่ทางด้านหลังของชายคนนั้น ด้ามดาบอันสง่างามโผล่ให้เห็นจากทางด้านซ้าย ส่วนที่ปลายฝักดาบโผล่ให้เห็นจากทางด้านขวา
  แม้ว่าระยะทางจะทำให้ทุกคนมองเห็นหน้าของชายคนนั้นได้ไม่ชัดเจน แต่ถึงแบบนั้นสีวู่หยาก็จำชายคนนั้นได้ “ศิษย์พี่รอง เป็นท่านเองสินะ”
  ยู่เฉิงไห่ตกตะลึง “ศิษย์น้องรองอย่างงั้นเหรอ?”
  ยู่ฉางตงทักทายยู่เฉิงไห่ด้วยท่าทีเยือกเย็น “แล้วท่านเป็นยังไงบ้างล่ะ ศิษย์พี่ใหญ่?”
  ทั้งคู่เพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง และเพราะแบบนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสงสัยอะไร ยู่เฉิงไห่ได้ตอบกลับมา “ศิษย์น้องรอง ข้ายุ่งอยู่กับงานใหญ่มาโดยตลอด ข้าไม่ว่างพอที่จะมาล้อเล่นกับเจ้าหรอกนะ”
  “ข้าไม่ได้มาที่นี่ก็เพื่อที่จะทะเลาะกับท่าน” ยู่ฉางตงส่ายหัวก่อนที่จะนั่งลง
  “หืม?”
  “ที่ตั้งอย่างมณฑลเหลียงมีความสำคัญ ข้าไม่คิดว่าหวางซื่อเจียและคนจากสำนักระดับล่างพวกนั้นจะปกป้องสถานที่สำคัญแบบได้…การที่ท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นก็คงจะปกป้องเมืองได้ยากแน่ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเป็นคนเดียวที่แก้ปัญหาได้ ข้าเป็นคนเดียวที่ปกป้องเมืองมณฑลเหลียงได้ ข้าน่ะเป็นคนเดียวที่จัดการกับราชาหมาป่าได้” สีหน้าของยู่ฉางตงได้แสดงออกถึงความมั่นใจอย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเขายิ้มอย่างฝืนธรรมชาติเมื่อเห็นสีหน้าของยู่เฉิงไห่ “ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าเป็นคนตรงไปตรงมามาโดยตลอด ข้าอาจจะทำให้ท่านไม่สบายใจศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายินดีที่จะชดใช้ให้ท่านเอง”
  ยู่เฉิงไห่ สีวู่หยา และฮั๊วจงหยางพูดไม่ออก
  ยู่ฉางตงยิ้มในขณะที่เห็นทั้งสามคนเงียบไป “ว่าไงล่ะ?”
  ยู่เฉิงไห่กำลังจะตอบกลับไป แต่ในตอนนั้นเองสีวู่หยาก็พูดออกมาซะก่อน “ศิษย์พี่รอง การจะปกป้องเมืองมณฑลเหลียงไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านจะทำได้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
  “แน่นอน ก็เพราะมันยากนี้แหละมันเลยน่าสนใจ”
  “นั่นไม่ใช่ประเด็น เจ้าในตอนนี้มีธุระอะไร?”
  สำหรับผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบอย่างยู่ฉางตง ลำพังตัวเขาจะไปปกป้องเมืองมณฑลเหลียงได้ยังไง?
  ยู่เฉิงไห่มันจะคิดเช่นนี้ ตัวเขามักจะไม่เห็นด้วยกับยู่ฉางตง นอกจากนี้ยู่ฉางตงยังมีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบอยู่เพียงเท่านั้น
  “ข้ามั่นใจ” ยู่ฉางตงตอบด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมา
  “เอ่อ…แล้วความมั่นใจของท่านมาจากไหนกัน?” สีวู่หยาถาม
  “ดาบในมือข้า”..
  ชิ๊ง!
  ดาบได้ลอยออกจากฝักก่อนที่จะโฉบไปที่ด้านหน้าของยู่ฉางตง ในตอนนี้มันเรืองแสงสีแดงจางๆ ออกมา
  “…” ต่อให้เป็นสีวู่หยา การจะพูดกับศิษย์พี่คนนี้ได้ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี
  ยู่เฉิงไห่ถามในขณะที่ขมวดคิ้ว “ศิษย์น้องรอง…เจ้าอยากจะช่วยข้าอย่างงั้นเหรอ?”
  “ก็ไม่เชิง…ข้ามีเหตุผลสองประการ ประการแรกข้ารู้สึกเบื่อ ข้าก็แค่อยากหาอะไรฆ่าเวลาก็เท่านั้น ประการที่สองสำนักอเวจีถูกศัตรูล้อม การต่อสู้ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็การต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ข้าก็คงจะไม่มีคู่ต่อสู้อีกแน่ ชีวิตแบบนั้นก็คงจะน่าเบื่อเกินไป”
  สีหน้าของยู่เฉิงไห่ไม่ได้เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ “ข้าก็คงจะเบื่อถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเช่นกัน…เจ้าจะไปมณฑลเหลียงจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
  “ข้าตัดสินใจแล้ว” ยู่ฉางตงที่ยืนอยู่หันกลับมาอย่างเยือกเย็น
  ชิ๊ง!
  ดาบยืนยาวกลับคืนสู่ฝักด้วยตัวมันเอง
  “การปกป้องมณฑลเหลียงไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าในตอนนี้เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบเท่านั้น….ฮั๊วจงหยาง เจ้าไปกับศิษย์น้องรองซะเถอะ” ยู่เฉิงไห่พูด
  ฮั๊วจงหยางหันมาโค้งคำนับให้ “ครับ ท่านเจ้าสำนัก”
  ยู่ฉางตงหยุดนิ่ง ตัวเขาหันมามองฮั๊วจงหยางด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ถ้าหากเจ้าตามข้าได้ ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเอง”
  บางอย่างได้ก่อกวนใจฮั๊วจงหยาง เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นก็มีลมกระโชกแรง
  สุดยอดเคล็ดวิชา!
  มีเพียงภาพติดตาเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่
  ฮั๊วจงหยางไม่อยากจะเสียเวลาเปล่า ตัวเขาได้ปลดปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาเพื่อไล่ตามยู่ฉางตง เมื่อฮั๊วจงหยางบินไปทางเหนือมณฑลหลาน ตัวเขาก็ได้เห็นพลังอวตารที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นพลังอวตารก็ได้หายไปจากสายตาของเขา “นั่น…เขาเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
  …
  สีวู่หยายิ้มจางๆ ตัวเขาเหลือบมองยู่เฉิงไห่ที่กำลังออกจากห้องโถง
  ยู่เฉิงไห่เดินไปยังล้านหน้าห้องโถง ตัวเขาแหงนมองฟ้าครู่หนึ่งก่อนที่จะละสายตาไป
  ไม่นานนักฮั๊วจงหยางก็กลับมายังหน้าห้องโถง “ข้าไร้ความสามารถ! ท่านสองหนีไปแล้ว…พลัง…พลังของเขามันลึกล้ำเกินไป ข้าตามเขาไม่ทัน!”
  ยู่เฉิงไห่ไม่ได้ตำหนิอะไรฮั๊วจงหยาง ตัวเขาถอนหายใจออกมาแทน “ปล่อยเจ้านั่นไปเถอะ”
  “ท่านไม่โกรธศิษย์พี่รองอย่างงั้นเหรอ?” สีวู่หยามถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
  ยู่เฉิงไห่รีบตอบ “ข้าหวังว่าความมั่นใจที่เขามีจะทำให้เขาไม่กลายเป็นคนเย่อหยิ่ง”
  “แต่ข้าเชื่อในศิษย์พี่รอง” สีวู่หยาแสดงความเห็น
  …
  สองวันต่อมา
  ภายในห้องโถงแห่งหนึ่งภายในเมืองมณฑลหยาน
  “ศิษย์พี่ใหญ่ ฝ่ายเบ่งบาน วิหารปีศาจ และสำนักหมื่นอสรพิษตอบรับพวกเราแล้ว พวกเขาทั้งหมดจะส่งกำลังมาเพื่อปกป้องเมืองมณฑลเหลียง” สีวู่หยารายงาน
  “แล้วเกาะเผิงไหลล่ะ?” ยู่เฉิงไห่ถาม
  “ท่านเจ้าเกาะหวางไม่อยู่….เจียงอาเฉียนศิษย์คนโตได้บอกไว้ว่าท่านเจ้าเกาะหวางกำลังมุ่งหน้าไปยังมณฑลเหลียงพร้อมกับหลี่จิงยี่”
  เมื่อยู่เฉิงไห่ได้ยินแบบนั้นเขาก็พยักหน้า “ดี”
  “การต่อสู้ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มันจะต้องเป็นไปตามแผนแน่ศิษย์พี่”
  “สามวันต่อจากนี้พวกเราจะระดมกำลังพลทั้งหมดของสำนักอเวจีโอบล้อมเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์!”

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

Score 10
Status: Completed
ลู่โจว ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและพบว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ในร่างกายของใครบางคนอยู่ เขาคนนี้กำลังอยู่ในร่างกายของปรมาจารย์ผู้ชั่วร้ายนามว่าจีเทียนเด๋า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบใหม่นั่นเอง! แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น ร่างกายของจีเทียนเด๋าผู้นี้นั้นแก่ชราเกินไป พลังวรยุทธ์ทั้งหมดที่เคยมีเองยังสูญหายไปอีกด้วย นี่ฉันจะต้องกลายเป็นคนแก่ไร้ค่าไปแล้วอย่างงั้นหรอ? นอกจากตัวเขาแล้วยังมีลูกศิษย์ที่โหดเหี้ยมและเป็นจอมมหาวายร้ายอีก 9 คน ลูกศิษย์ทั้ง 9 ต่างก็จ้องที่จะโค่นอาจารย์คนนี้อยู่ตลอดเวลา

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options

not work with dark mode
Reset