คนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองไปที่หยวนเอ๋อ ต้วนมู่เฉิงเป็นฝ่ายเริ่มพูดออกมาอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไงกันว่านี่เป็นฝีมือของใครศิษย์น้องเล็ก? “
หยวนเอ๋อตัวน้อยได้ตะโกนตอบกลับมา “นั่นจะต้องเป็นชายแปลกประหลาดที่อยู่ในโลงศพอย่างแน่นอน! ข้าคิดว่าเจ้านั่นคงจะชื่อหยวนดู่…เขาเป็นชายผู้ที่มีนิสัยแปลกประหลาด โลกช่างกว้างใหญ่ท้ายที่สุดแล้วตัวเขากลับเลือกที่จะอยู่ในโลงศพเล็กๆ เจ้านั่นน่ะน่ากลัวจริงๆ “
ฮั๊ววูเด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก เป็นเรื่องปกติที่คนรุ่นใหม่จะไม่รู้จักชายที่ชื่อว่าหยวนดู่ เขาคนนี้ถือเป็นชายชราเช่นเดียวกับฮั๊ววูเด๋า ชื่อของหยวนดู่เป็นชื่อที่โด่งดังราวกับเสียงฟ้าร้อง ตัวเขาได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมา “หยวนดู่เองอย่างงั้นหรอ? “
“ท่านรู้จักหรอ ผู้อาวุโสฮั๊ว? “
“…ข้าเคยได้ยินชื่อของเขามาน่ะ”
หยวนเอ๋อได้พูดต่อ “หลังจากที่ท่านอาจารย์สังหารกงหยวนด้วยพลังฝ่ามือเดียว หยวนดู่ก็ได้ปรากฏตัวออกมา…เขาต้องการที่จะท้าท่านอาจารย์ต่อสู้ แต่ถึงแบบนั้นชายคนนั้นกลับขี้ขลาดไม่กล้าออกมาจากโลงศพที่ตัวเองอยู่”
“เดี๊ยวนะ” ฮั๊ววูเด๋าได้ยกมือขัด “ท่านปรมาจารย์สังหารกงหยวนด้วยฝ่ามือเดียวอย่างงั้นหรอ? “
“ถูกแล้ว…ท่านสงสัยอะไรกัน? “
ฮั๊ววูเด๋าตกตะลึง กงหยวนไม่ใช่ชื่อที่ฮั๊ววูเด๋าเคยได้ยินเท่านั้น เขารู้จักกงหยวนเป็นอย่างดี อันที่จริงตัวเขารู้จักกงหยวนดีกว่าหยวนดู่ซะด้วยซ้ำไป กงหยวนถือเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังพุทธองค์กายาทองคำเทียบเท่าได้กับผู้ใช้พลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบเมื่อนานมาแล้ว กงหยวนได้เก็บตัวฝึกฝนตัวเองมานานแสนนาน มีข่าวลือมาว่ากงหยวนสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวเองไปได้ด้วย ถ้าหากข่าวรือไม่เป็นจริง เหล่านักบวชรวมไปถึงกงซุนคงจะไม่กล้าพอที่จะไปแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์เพื่อท้าทายสำนักฝ่ายอธรรมแน่ แต่ท่านปรมาจารย์กลับสังหารกงหยวนได้ จัดการยอดฝีมือด้วยเพียงฝ่ามือเดียว? การที่จะเชื่อเรื่องนี้ได้มันยากที่จะเชื่อมาก แต่อย่างไรก็ตามหยวนเอ๋อไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดโกหกออกมา อย่างมากนางอาจจะพูดเกินจริงไปเพราะความเข้าใจผิดไปเท่านั้น แต่เมื่อลงมาย้อนคิดดูการที่จะคิดเรื่องนี้ไปคงจะไม่ใช่อะไรที่มีประโยชน์ เมื่อปรมาจารย์กลับมาถึง เมื่อถึงตอนนั้นตัวเขาก็จะได้คำตอบเอง ท้ายที่สุดแล้วฮั๊ววู่เด๋าได้ก็พูดออกมา “ไม่มีอะไรหรอก…เมื่อกี้เจ้าพูดถึงหยวนดู่นิ เขาคนนั้นอยู่ที่สุสานแห่งดาบอย่างงั้นหรอ? “
“ใช่แล้ว”
“หยวนดู่คนนั้นแข็งแกร่งอย่างงั้นหรอ? ” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมาด้วยความสงสัย
“เรื่องมันยาวน่ะ…” ฮั๊ววูเด๋าเริ่มเล่าในสิ่งที่ได้รู้ออกมา “เจ้าอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ได้ แต่หยวนดูและปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธในยุคเดียวกัน…หยวนดู่ตอนยังหนุ่มได้เดินทางมาจากเมืองหลวงทางตอนเหนือ จากบันทึกที่เคยมี หยวนดู่เริ่มฝึกฝนตัวเองตั้งแต่อายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น…ตัวเขาได้ฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้โดยมีอายุเพียงแค่สิบห้าปี และเมื่อตอนอายุยี่สิบหยวนดู่ก็ฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ เมื่อฝึกฝนตัวเองจนมาถึงขั้นนั้น ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ท้าทายยอดฝีมือทั่วทุกมุมโลกเพื่อจะมาประมือ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวกี่กลีบกันแน่ ตัวเขาเก็บความลับนี้เอาไว้จนได้พบกับท่านปรมาจารย์จี…” ฮั๊ววู่เด๋าได้หยุดพูดไปก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง
“ลองมาคิดดูดีๆ แล้วดูเหมือนท่านปรมาจารย์จีจะเป็นเหมือนกับขวากหนามของเหล่าผู้ฝึกยุทธยอดอัจฉริยะ…”
ฮั๊ววูเด๋าได้กระแอมก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆ “ตอนนั้นที่ข้าได้พ่ายแพ้ให้กับท่านปรมาจารย์เองก็เพราะความสะเพร่าของข้าเอง…”
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังคำแก้ตัวได้กลอกตามองบน ‘เจ้านี่ก็แค่พยายามแก้ตัวก็เท่านั้น’
‘ใบหน้าเหี่ยวๆ ของเขาไม่ได้รู้สึกร้อนเลยหรอ? ‘
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเมื่อเทียบได้กับหยวนดู่ ตัวข้าเองก็ยังคงด้อยกว่า…หยวนดู่ได้ฝึกฝนวิถีแห่งเต๋ารวมไปถึงวิถีเซน เขาเป็นยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญในการใช้ดาบ ตั้งแต่ที่หยวนดู่ได้พ่ายแพ้ให้กับท่านปรมาจารย์จีไป เขาก็พยายามท้าทายท่านปรมาจารย์อยู่ทุกๆ ปี ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่เคยเอาชนะท่านปรมาจารย์ได้เลยสักครั้งเดียว…”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดแทรกขึ้นมา “เขาคงจะมีปมในใจอย่างงั้นสินะ? “
คนอื่นๆ หันไปมองหยวนเอ๋อ
ฮั๊ววูเด๋าได้ไอก่อนที่จะพูดออกมา “การจะฝึกฝนตัวเองได้วิธีการเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไป ความคิดของคนคนนั้นเองก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ หยวนดู่นับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง การที่ตัวเขาได้ฝึกฝนตัวเองจนแข็งแกร่งเหนือผู้อื่นได้ก็ทำให้ความคิดที่ตัวเขามีเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากหยวนดู่ติดอยู่ในปมอย่างที่พวกเจ้าคิดจริง เขาก็คงจะไม่สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ได้หรอก”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นกัน? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมา
“หลังจากนั้น…ท่านปรมาจารย์ก็ได้ทำการคัดเลือกรับศิษย์จนทำให้เกิดยุคทองของศาลาปีศาจลอยฟ้า นับตั้งแต่นั้นหยวนดู่ก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ไม่ท้าประลองท่านปรมาจารย์จีอีก ในตอนนี้คงจะมีคนเพียงคนเดียวที่อายุมากกว่าหยวนดู่ไปได้ คนคนนั้นก็คือท่านปรมาจารย์จีนั่นเอง ในตอนนี้ทั่วทั้งยุทธภพคงจะคิดว่าหยวนดู่กำลังรอให้อายุของท่านปรมาจารย์จีมีมากขึ้น ข้าเองก็คิดเหมือนกับทุกๆ คน…แต่น่าเสียดายไม่มีใครได้รู้ความจริงนั้น หยวนดู่ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครได้เห็นอีกเลย”
ในตอนนั้นเองทุกๆ คนก็ต่างนิ่งเงียบ
ในที่สุดต้วนมู่เฉิงก็ได้พูดออกมาด้วยความสับสน “เมื่อลองมองย้อนดู ในตอนที่ข้าเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าใหม่ๆ ตัวข้าเองก็เคยได้ยินศิษย์พี่ใหญ่พูดถึงเรื่องนี้มาบ้าง…แต่ถึงแบบนั้น ในสมัยก่อนที่ท่านอาจารย์อารมณ์ร้อนขนาดนั้นหยวนดู่ทำยังไงกันถึงได้รอดพ้นไปจากท่านอาจารย์ได้ทุกครั้ง? “
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน…ข้าก็แค่บอกทุกคนในสิ่งที่ข้ารู้เท่านั้น” ฮั๊ววู่เด๋าส่ายหัวปฏิเสธไป
ฮั๊วยู่จิงที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดมาได้ถามออกไปด้วยความงุนงง “หยวนดู่เป็นยอดฝีมือผู้ใช้ดาบ เป็นธรรมดาที่เขาจะอยากเก็บตัวอยู่ในสุสานแห่งดาบ แล้วทำไมเขาถึงต้องซ่อนตัวอยู่ในโลงศพด้วยล่ะ? “
ฮั๊ววูเด๋าส่ายหัวอีกครั้ง “เช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือส่วนใหญ่ ทุกคนล้วนแต่ตามหาชีวิตอันเป็นนิรันดร์…ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่โลภมากพอที่จะคิดฝ่าฝืนกฎแห่งสวรรค์ โลกแห่งการฝึกยุทธมักจะมีการเปลี่ยนรุ่นในทุกๆ หนึ่งพันปีเสมอ มีผู้ฝึกยุทธจำนวนมากที่ต้องการอยู่ได้อย่างนิรันดร์เกินกว่าที่จะนับได้ด้วยซ้ำไป…แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครสามารถทำมันได้สำเร็จเลย”
“ขีดจำกัดนั่นจะไม่มีวันถูกทำลายจริงๆ อย่างงั้นหรือ? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมา
“แน่นอน…” ฮั๊ววูเด๋าได้ถอนหายใจออกมา “ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากคนมากมายหลายคนแล้ว…ข้าได้ยินมาว่าคนที่มีชีวิตยืนยาวมากที่สุดคือ 1,150 ปี”
“แล้วนั่นคือการทำลายขีดจำกัดของเรื่องอายุขัยอย่างงั้นสินะ? “
“ไม่ ขีดจำกัดอายุขัย 1,000 ปีเป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น…ผู้ฝึกยุทธสามารถยืดอายุขัยของตัวเองได้ผ่านการฝึกฝนตัวเอง แต่เมื่อมีอายุยาวนานถึง 900 ปี พลังยุทธของผู้ฝึกยุทธคนนั้นก็จะถดถอยลง ไม่มีใครสามารถต้านทานการถดถอยนี่ได้ การที่ผู้คนมีอายุถึง 1,000 ปีได้ มันก็เป็นเหมือนกับการที่คนธรรมดามีอายุยาวนานถึง 100 ปี แต่แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้” ฮั๊ววู่เด๋าตอบกลับพร้อมยกตัวอย่าง
คนอื่นๆ ได้แต่พยักหน้าเมื่อได้ฟังสิ่งที่ฮั๊ววู่เด๋าพูด
ต้วนมู่เฉิงได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ข้าได้รู้อย่างกระจ่างแจ้งแล้ว…ผู้อาวุโสฮั๊ว ข้าได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ จากท่านอีกแล้ว”
ท้ายที่สุดอาจารย์ของต้วนมู่เฉิงก็ไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้ให้กับตัวเขา นับตั้งแต่ที่พวกต้วนมู่เฉิงเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า พวกเขาเหล่าสาวกก็ได้แต่ฝึกฝนพลังวรยุทธเท่านั้น หยวนเอ๋อเองก็เป็นเดียวกันกับคนอื่น
ฮั๊ววู่เด๋าถอนหายใจออกมา ตัวเขารู้สึกสงสารที่ต้วนมู่เฉิงไม่ได้เรียนรู้เรื่องอื่นนอกซะจากเรื่องของการฝึกยุทธ
ความเป็นจริงแล้วสำนักฝ่ายธรรมะเองก็เป็นเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้ดูเด่นชัดเหมือนกับที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็น
“หยวนดู่บอกเอาไว้ว่าเขาจะมาที่นี่ในเดือนหน้า ทำไมเขาจะต้องเลือกมาตอนนี้ด้วยล่ะ? เจ้านั่นเป็นอัจฉริยะประเภทไหนกันแน่? กลับคำไปมาชัดๆ! ” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้นหรอกนะ” ฮั๊ววูเด๋าส่ายหัว
“หยวนดู่ถือเป็นผู้ทะนงตน เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองในความภาคภูมิใจจนลึกเข้าไปถึงกระดูกดำ การที่จะมาภูเขาทองอย่างหยาบคายถือเป็นการไม่ให้เกียรติศาลาปีศาจลอยฟ้า แน่นอนว่าการจัดการกับหนูขโมยทั้งห้าเองก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แม้ว่าหยวนดู่จะเป็นคู่ปรับเก่าของท่านปรมาจารย์ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ใช่คนดีพอที่จะมายื่นมือช่วยพวกเราแบบนี้แน่”
“เป็นอย่างงี้นี่เอง” หยวนเอ๋อได้พึมพำออกมา “เอ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะหมายความว่าแบบนั้น”
“…” ฮั๊ววูเด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก ‘ดูเหมือนว่าข้าจะต้องคอยสั่งสอนเหล่าศิษย์สาวกแทนผู้เป็นอาจารย์อย่างงั้นสินะ คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะอธิบายเรื่องทางโลกทั้งหมดกับทุกคนได้’
ต้วนมู่เฉิงได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากหยวนดู่แข็งแกร่งจริงและจะมาที่นี่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า…เมื่อเวลานั้นมาถึง…”
“ไม่จำเป็นจะต้องกังวลไป” ฮั๊ววู่เด๋าพูดขึ้น “ข้าได้สังเกตดูพลังของท่านปรมาจารย์จีมาพักหนึ่งแล้ว แม้ว่าเขาจะพยายามเก็บซ่อนพลังเอาไว้ให้อยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังดูมีชีวิตชีวาอยู่ดี ตัวเขาก็สามารถจัดการกับศัตรูได้อย่างง่ายดายในทุกครั้งไป ถ้าหากหยวนดู่มาที่นี่จริง เขาจะต้องพ่ายแพ้ไปแน่”
“มีชีวิตชีวาอย่างงั้นหรอ? “
“ข้าก็แค่อ่านจากสีหน้าท่าทางของเขาเท่านั้น สำนักหยุนของข้ามีรากฐานมาจากลัทธิเต๋า ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างสองอย่างในตอนที่ข้าฝึกฝนตัวเองใหม่ๆ ” ฮั๊ววูเด๋าได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ ตัวเขาที่ได้ตอบคำถามไปหลายอย่างก็ได้แต่หวังว่าตัวเขาจะไม่ถูกถามคำถามอีก
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้กระโจนมาด้านหน้าก่อนที่จะถามออกมา “หืม? ผู้อาวุโสฮั๊ว ช่วยดูหน้าของข้าให้ด้วยสิ! ข้าอยากที่จะรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง? “