ไม่นานหลังจากนั้นลู่โจวก็ได้เดินทางไปถึงถ้ำแห่งเงาสะท้อน
เมื่อมาถึงตัวเขาก็มองเห็นฝานซงที่กำลังยืนอยู่หน้าถ้ำแห่งเงาสะท้อนที่มีสีหน้าอันว่างเปล่า
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ทันทีที่พวกลู่โจวมาถึง ในตอนนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
“อะไรกัน!? นี่มันเป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้! ” ฝานซงได้พึมพำออกมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน? อะไรที่เป็นไปไม่ได้? ” หมิงซี่หยินที่มาถึงได้ถามออกมาในทันที
“ข้าเป็นคนที่ผนึกพลังวรยุทธของท่านซู่ฮ่องกงเอาไว้แท้ๆ แล้วทำไมพลังถึงได้คลายออกมากัน? ” ฝานซงรู้สึกว่าความมั่นใจที่มีกำลังสูญหายไป สีหน้าของเขาตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นเลย
“แบบนั้นหรอกหรอ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าประหลาดใจ…” หมิงซี่หยินได้กลอกตามองบน
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
พลังของซู่ฮ่องกงที่เอ่อล้นออกมาได้จู่โจมเข้าใส่ผนังถ้ำ
“นี่มันพลังแปรปรวน พลังที่เอ่อล้นมาจากผู้ที่ถูกผนึกพลังวรยุทธเอาไว้สินะ พวกเราต้องรีบควบคุมพลังนี่ให้เร็วที่สุด! ” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมาหลังจากที่จ้องมองพลังที่อยู่รอบตัวซู่ฮ่องกง
“พลังแปรปรวนอย่างงั้นหรอ? “
“ถ้าหากการฝึกยุทธได้ฝึกฝนตัวเองต่อไปอย่างผิดวิธี จะทำให้เกิดพลังแปรปรวนแบบนี้ได้ มันเป็นพลังที่มาจากการที่ผู้ฝึกยุทธคนนั้นต้องการที่จะเติมเต็มพลังในจุดพลังลมปราณที่ว่างเปล่าด้วยวิธีการที่ไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าหากคนคนนั้นเป็นอัจฉริยะ วิธีการแบบนี้อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้ แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากคนนั้นไม่ใช่อัจฉริยะพวกเราก็ไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นยังไง” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดขึ้น
คำว่า ‘การฝึกฝนตัวเองด้วยวิธีการที่ไม่สมบูรณ์แบบ’ ทำให้เหล่าศิษย์สาวกถึงกับตัวสั่น พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดคุยกันอีกต่อไป เหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายต่างก็จ้องมองไปยังผู้เป็นอาจารย์
ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขาจ้องมองไปที่ซู่ฮ่องกงที่อยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้านี่มันทำตัวเองแท้ๆ ” หลังจากพูดจบลู่โจวก็ได้เดินเข้าไปภายในถ้ำ
ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็ได้เงยหน้าขึ้นมอง “ท่านอาจารย์? “
ในตอนนั้นซู่ฮ่องกงกำลังจะใช้พลังฝ่ามือจากเคล็ดวิชาสายฟ้าหายนะทั้งเก้าออกมา แต่เมื่อเห็นลู่โจวเดินเข้ามา ตัวเขาก็รีบที่จะเปลี่ยนพลังฝ่ามือนั้นโจมตีไปที่อกของตัวเอง แรงกระแทกที่เกิดมาจากการโจมตีได้ทำให้ซู่ฮ่องกงกระเด็นกลับไปด้านหลังก่อนที่จะล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย! ” ซู่ฮ่องกงได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในขณะที่กลิ้งอยู่บนพื้น
‘อย่างน้อยเจ้านี่ก็ยังจำฉันได้สินะ เขาเลือกที่จะหยุดโจมตีฉันแล้วเลือกที่จะโจมตีตัวเองแทน อย่างน้อยๆ เขาก็ยังมีจิตสำนึกอยู่’
ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นมาก่อนที่จะถ่ายโอนพลังไป
พลังอันอ่อนโยนของลู่โจวได้กระทบเข้ากับหน้าอกของซู่ฮ่องกงไป
ซู่ฮ่องกงรู้สึกเหมือนกับกำลังถูกน้ำเย็นราดตัว ตัวเขาเริ่มสงบลง ความร้อนและพลังที่เอ่อล้นออกมาจากร่างกายในตอนนี้ดูเหมือนจะบรรเทาลงแล้ว
เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนต่างก็ตื่นตกใจกัน
ฮั๊ววู่เด๋ามองไปที่จ้าวยู่, หมิงซี่หยินและคนอื่นๆ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมา “นี่คือสิ่งที่ข้าหมายความก่อนหน้านี้ มันเป็นเรื่องของประสบการณ์และทักษะยังไงล่ะ ซู่ฮ่องกงเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นในร่างกายของเขากลับมีพลังลมปราณแปรปรวน การที่จะใช้พลังอันแข็งแกร่งห้ามปรามพลังแบบนี้ก็จะมีแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ดังนั้นการใช้พลังที่อ่อนพลังกว่าเข้าช่วยจึงถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่า อย่าได้ดูถูกพลังฝ่ามือนั้นเชียว ถ้าหากไม่มีคนที่ควบคุมพลังของตัวเองอย่างแม่นยำเป็นพิเศษได้ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้อีกฝ่ายอย่างซู่ฮ่องกงไม่เป็นอันตรายไปแบบนี้”
จ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมา “ข้าได้เรียนรู้จากท่านจริงๆ ผู้อาวุโสฮั๊ว”
ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าน่ะไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงซะด้วยซ้ำ…ข้าน่ะลึกๆ กลับคิดอิจฉาพวกเจ้าทุกคนมากกว่า”
“อิจฉาอย่างงั้นหรอ? “
“แม้ว่าอาจารย์ของพวกเจ้าจะยุ่งอยู่กับการฝึกฝนตัวเองรวมไปถึงงานต่างๆ จนแทบที่จะไม่มีเวลาที่จะชี้แนะพวกเจ้าด้วยซ้ำไป แต่ถึงแบบนั้นการกระทำของเขากลับมีค่ามากกว่าการชี้แนะซะด้วยซ้ำ น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าอายุมากแล้ว ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซะแล้วล่ะ” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมาก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเสียดาย
“เอ่อ…”
‘ทำไมมันฟังดูแย่มากกว่าจะเป็นเรื่องดีได้กัน? ‘
ไม่ว่าจะคิดแบบไหนจ้าวยู่และคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าตอบรับไป คำพูดของฮั๊ววู่เด๋าไม่ได้ผิดพลาดแม้แต่น้อย แต่เพราะคำพูดของเขามันฟังดูน่าอึดอัดเกินไปซะมากกว่า หรือแค่บางทีคำพูดของฮั๊ววู่เด๋าคนนี้ต้องการที่จะประจบผู้เป็นอาจารย์ของพวกเขากันแน่?
ในขณะเดียวกันนั้นลู่โจวกำลังยืนเอามือไขว้หลังก่อนที่จะจ้องมองศิษย์คนที่แปดซู่ฮ่องกงอย่างเงียบๆ ตัวเขาพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของฮั๊ววู่เด๋าเมื่อครู่นี้ ความจริงลู่โจวไม่ได้คิดอะไรกับพลังฝ่ามือของตัวเองเลย สิ่งที่ทำให้ตัวเขาใช้พลังฝ่ามือออกไปเป็นเพราะแค่อยากจะหยุดพลังแปรปรวนก็เท่านั้น เขาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องพลังฝ่ามือนี้จะทำร้ายซู่ฮ่องกงซะด้วยซ้ำ ยังไงซะร่างกายของซู่ฮ่องกงก็แข็งแรงดีอยู่แล้ว
หลังจากที่ซู่ฮ่องได้รู้แบบนั้น ตัวเขาก็รีบคุกเข่าก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์…ท่านอยู่ที่นี่แล้ว! ” ตัวเขารู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ได้เปลี่ยนทิศทางการโจมตีก่อนหน้านี้ให้มาโจมตีตัวเองแทน ถ้าหากตัวเขาได้โจมตีผู้เป็นอาจารย์ไป ซู่ฮ่องกงไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงผลที่จะตามมาได้เลย
ลู่โจวได้มองไปที่ซู่ฮ่องกงก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจัง “พูดออกมาซะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? “
“ท่านอาจารย์…สามวันก่อนพวกหนูขโมยทั้งห้าได้ขโมยเสื้อคลุมวิถีเซนของศิษย์ไป…เสื้อคลุมตัวนั้นช่วยระงับพลังที่แปรปรวนของศิษย์ได้…ได้โปรดช่วยศิษย์ด้วยท่านอาจารย์! ” ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมาอย่างหวาดกลัว
“หนูขโมยทั้งห้าแห่งเมืองทางตอนเหนืออย่างงั้นหรอ? “
ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโอ้อวด “เจ้าพวกนั้นพยายามที่จะพาศิษย์ออกไปจากภูเขาทองแห่งนี้ ศิษย์ปฏิเสธข้อเสนอของพวกมันอย่างไม่ลังเล! หนูขโมยทั้งห้าที่ได้ฟังแบบนั้นก็เลยรู้สึกโกรธมาก พวกเขาก็เลยใช้กำลังแย่งเสื้อคลุมวิถีเซนของศิษย์ไป เจ้าพวกนั้นมันช่างน่ารังเกียจซะจริง! ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะต้องเป็นพยานให้กับความภักดีของศิษย์ที่มีต่อท่านอาจารย์ได้แน่! “
หมิงซี่หยินถึงกับพูดไม่ออก ‘แม้ว่าศิษย์น้องแปดจะโง่เง่าสักแค่ไหนแต่ถึงแบบนั้นเขาก็มีลิ้นที่ปลิ้นปล้อนจนเอาชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้สินะ! ‘
ลู่โจวได้ถามออกไป “เจ้าฝึกเคล็ดวิชาสายฟ้าหายนะทั้งเก้าถึงขั้นที่เท่าไหร่กันแล้ว? “
“เอ่อ…” หน้าผากของซู่ฮ่องชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ “ศะ…ศิษย์…ฝึกฝนตัวเอง…ยะ…อยู่ที่ปรากฏการณ์ขั้นที่เจ็ดแล้วครับ”
ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ช่างอวดดีจริงๆ …เจ้าคิดจะเติมเต็มเคล็ดวิชาส่วนที่ว่างอยู่ 2 ขั้นด้วยการฝึกฝนตามลำพังและจากการพึ่งพาประสบการณ์อย่างงั้นหรอ? “
“ศิษย์ไม่กล้า! ” ซู่ฮ่องกงรีบก้มหน้าก่อนที่จะพูดต่อไป “ศิษย์โง่เขลา ในตอนที่กว่าที่ศิษย์จะฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นสี่ศิษย์ได้ศิษย์ต้องพบกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ส่วนการฝึกไปถึงขั้นที่ห้าได้ศิษย์เองก็พบกับความยากลำบากไม่แพ้กับขั้นที่สี่ แต่มีอะไรบางอย่างผิดพลาดไป ศิษย์เกือบที่จะธาตุไฟเข้าแทรกจนเกือบมีพลังวรยุทธเข้าถดถอยลง”
ลู่โจวได้พูดต่อไป “ทำไมเจ้าศิษย์ทรยศนั่นทำไมถึงได้เอาเสื้อคลุมวิถีเซนที่เคยมอบให้เจ้ากลับไปด้วยล่ะ? “
“…” ตอนนี้ซู่ฮ่องกงดูเหมือนกับลูกโป่งยวบที่ไร้ซึ่งอากาศ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากพยักหน้าก่อนที่จะยอมรับออกมา “ถูกแล้วครับท่านอาจารย์”
หมิงซี่หยินคารวะลู่โจวในขณะที่อยู่นอกถ้ำ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ท่านอาจารย์…พวกเราจะปล่อยให้ศิษย์น้องเจ็ดมาหลอกพวกเราไม่ได้ ตอนนี้เจ้านั่นถูกพลังผนึกมนตราผนึกพลังวรยุทธของตัวเองเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ท่านต้องเคลื่อนไหวแน่”
“หืม? ” ลู่โจวได้หันกลับมาอย่างช้าๆ
“ศิษย์เดาเอาไว้ว่าศิษย์น้องแปดคงจะมีอะไรบางอย่างที่สามารถขจัดพลังผนึกมนตราได้ เรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นอีก แม้ว่าท่านอาจารย์จะเป็นคนเดียวที่สามารถคลายพลังได้ก็ตามแต่ถึงแบบนั้นข้าก็ได้แต่สงสัยศิษย์น้องเจ็ด เขาอาจจะกำลังวางแผนเพื่อใช้ศิษย์น้องแปดเพื่อใช้วิชาอย่าง อย่างเช่นวิชาพลังแห่งการเชื่อมต่อรวมไปถึงศิลปะลึกลับจากลัทธิเต๋าเพื่อคลายผนึกของท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินได้พูดออกมา
สิ่งที่เรียกว่าเคล็ดวิชาแห่งการเชื่อมต่อเป็นศิลปะลึกลับรูปแบบหนึ่งของลัทธิเต๋า มันเป็นพลังที่จะทำให้ผู้ฝึกฝนสามารถแชร์ความเสียหายหรือแชร์การรักษาในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งได้ แต่เมื่อชาวพุทธได้ปรับแต่งพลังนี้ไปพวกเขาก็ได้ใช้มันเพื่อรักษาบาดแผลคนจำนวนมากพร้อมกันได้ แต่เมื่อใช้พลังกับคนหมู่มากขึ้น คนที่ใช้พลังก็จะต้องสูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมากนั่นเอง เพราะแบบนี้จึงไม่ค่อยมีใครได้ใช้เคล็ดวิชาแบบนี้
ซู่ฮ่องกงที่ถึงพูดถึงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงซี่หยิน หมิงซี่หยินจ้องมองไปที่ซู่ฮ่องกงในขณะที่คิดเย้ยหยันสีวู่หยาผู้เป็นศิษย์น้อง ‘ศิษย์น้องเจ็ด เจ้าน่ะไม่สามารถใช้กลอุบายแบบนี้หลอกข้าได้หลอกข้าได้หรอกนะ เจ้าคิดว่าท่านอาจารย์โง่มากอย่างงั้นหรอ? ฝันไปเถอะ! ‘
“หมิงซี่หยินพูดมีเหตุผล” ฮั๊ววู่เด๋าเห็นด้วย
ลู่โจวไม่ทั้งพยักหน้าตอบรับหรือส่ายหัวปฏิเสธไป สายตาของเขาจับจ้องไปที่ซู่ฮ่องกงก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าแปด…ข้ารอฟังคำอธิบายของเจ้าอยู่” เห็นได้ชัดว่าสีวู่หยาคงจะใช้วิธีแบบนี้ไม่ได้ถ้าหากซู่ฮ่องกงไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย
ใบหน้าของซู่ฮ่องกงเปียกโชกไปด้วยน้ำตา ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างน่าสงสาร “ท่านอาจารย์…ศิษย์ถูกกล่าวหา! ศิษย์ถูกใส่ความท่านอาจารย์…”
“ใส่ความอย่างงั้นหรอ สาระเลว…ศิษย์น้องเจ็ดช่วยเจ้ามากี่ครั้งกันแล้ว เจ้าน่ะมีเหตุผลมากพอที่จะช่วยเขากลับคืนไป” หมิงซี่หยินพูดขึ้น
“สอบสวนเขาซะ” ลู่โจวได้สั่งการออกมา
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องแบบนี้ก็จะต้องมีการตรวจสอบอยู่ดี ถ้าหากเรื่องถูกใส่ความเป็นความจริง ที่ตัวของซู่ฮ่องกงก็จะไม่มีวิชาแห่งการเชื่อมต่อใดๆ อยู่ในตัว ข้อสงสัยของหมิงซี่หยินก็จะถูกปัดตกไป แต่ถ้าหากข้อสงสัยเป็นความจริง ซู่ฮ่องกงก็จะมีโทษสถานหนักนั่นเอง