พลังสวรรค์ไพศาลได้ทำให้หมิงซี่หยินรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงตัวเขาก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันมัน ตัวเขาคาดคิดเอาไว้แล้วว่าหนึ่งในสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่จะต้องเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัว 7 กลีบอยู่ หมิงซี่หยินในตอนนี้ยังมีไพ่ตายเก็บเอาไว้ ตัวเขาได้หมุนตัวกลางอากาศก่อนที่จะถอยไปไกลกว่าหลายสิบเมตร แม้ว่าจะหลบการโจมตีไปได้แต่หมิงซี่หยินก็ยังรู้สึกชาไปทั้งร่างกาย ถ้าหากตัวเขาถูกพลังนี้เข้าไปจริงๆ ตัวเขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่ หมิงซี่หยินที่ลอยอยู่กลางอากาศได้หันกลับไปมองไปยู่ชิง
ในตอนนี้ไปยู่ชิงได้เรียกพลังอวตารของเขากลับมาทั้งหมดแล้ว
ในตอนนี้ทั่วทุกที่ได้เงียบสงัด ไปยู่ชิงไม่ได้รู้สึกถึงความภาคภูมิใจใดๆ เพียงเพราะมีพลังที่เหนือกว่าหมิงซี่หยิน แม้ว่าจะมีพลังมากกว่าแต่ตัวเขาก็ประหลาดใจมากเช่นกัน ถึงตัวเขาจะแข็งแกร่งกว่าแต่ตัวเขาก็ไม่อาจที่จะประเมินพลังของหมิงซี่หยินได้เลย ในตอนนี้หมิงซี่หยินไม่ได้เอาจริงอย่างกับกำลังออมมือเอาไว้ แม้จะไม่ได้รู้สึกว่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้แต่ไปยู่ชิงก็ยังประหลาดใจมากอยู่ดี ดูเหมือนว่านี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนกลัวศาลาปีศาจลอยฟ้า ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าสามารถครองโลกในอดีตได้ไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงอีกต่อไป
“ขอบคุณที่ยอมออกมือให้กับข้า” ไปยู่ชิงได้คารวะอย่างนอบน้อม
“ศิษย์น้องเจ็ด ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะมีผู้ช่วยที่มีประโยชน์มากถึงขนาดนี้” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“ศิษย์พี่สี่ แล้วท่านจะทำยังไงต่อกันล่ะ? “
“ศิษย์น้องเจ็ด และเจ้าล่ะจะทำยังไงต่อ? “
“ศิษย์พี่สี่ ได้โปรดกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าซะเถอะ ฝากบอกท่านอาจารย์ด้วยว่าข้าและศิษย์พี่ใหญ่จะดีต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าเสมอ ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวลไป” สีวู่หยาได้พูดขึ้น
“สารเลว! เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับท่านอาจารย์ได้ยังไงกัน? เจ้ามันหน้าไม่อาย! ” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาก่อนที่จะหันไปมองไปยู่ชิงก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าแนะนำให้เจ้าอยู่ห่างจากเรื่องนี้จะดีกว่า! ” พลังคลื่นเสียงได้ตรงไปหาไปยู่ชิง แต่เมื่อใกล้จะถึงตัวเขาพลังทั้งหมดก็ได้สลายหายไป
ไปยู่ชิงได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านเป็นคนที่ดื้อรั้นเองนะท่านหมิงซี่หยิน ที่ข้าทำไปเพราะไม่มีทางเลือก”
พลังร่างอวตารที่สูงกว่า 70 ฟุตปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง รอบตัวของไปยู่ชิงเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล
หมิงซี่หยินขมวดคิ้ว ตัวเขาได้มองไปที่ร่างอวตารด้วยสายตาที่มีแต่ความดูแคลน หมิงซี่หยินได้ปกปิดตัวตนในขณะที่สืบเรื่องของสีวู่หยา ตัวเขาได้ตามเบาะแสมาเรื่อยๆ จนพบกับหุบเขาราชพฤกษ์แห่งนี้ได้ ตัวเขารู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดกำลังจะสูญเปล่าเมื่อต้องพบกับไปยู่ชิง
รอบตัวของหมิงซี่หยินเต็มไปด้วยพลังผันผวน
ไปยู่ชิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ยิงพลังสวรรค์ไพศาลโจมตีหมิงซี่หยินอีกครั้ง
หมิงซี่หยินรู้สึกได้ถึงพลังแรงกดดันอันมหาศาลที่กำลังใกล้เข้ามา ตัวเขาได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
ไปยู่ชิงไม่ยอมถอยเมื่อเห็นแบบนั้น ตัวเขายังคงใช้พลังร่างอวตารยิงพลังใส่หมิงซี่หยินอย่างต่อเนื่อง
การซัดพลังเข้าใส่ตรงๆ เป็นวิธีการบดขยี้คู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดแล้วถ้าหากคู่ต่อสู้มีพลังวรยุทธที่แตกต่างจากตัวเองมากจนเกินไป ย้อนกลับไปในตอนที่ผู้อาวุโสจางชุนไหลต่อสู้ ในตอนนั้นเขาได้ใช้วิธีนี้เพื่อที่จะทำลายค่ายกลแปดทิศที่ซู่ฮ่องกงมี ต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่อย่างร่างอวตาร ไม่มีกลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ แบบไหนที่จะใช้ได้ผล
สีวู่หยามองที่กลางอากาศอย่างตื่นตกใจ
หลังของไปยู่ชิงตั้งตรง ร่างอวตารของเขาเองก็มีท่าทีเหมือนกับผู้ใช้ไม่มีผิด
สีูว่หยาได้พึมพำออกมาเบาๆ “ศิษย์พี่ใหญ่นี่เป็นความประสงค์ของท่านจริงๆ อย่างงั้นหรอ? “
หมิงซี่หยินได้ล่าถอยกลับไปอีกครั้ง…
พลังอวตารของไปยู่ชิงเคลื่อนไหวเร็วจนเกินไป
สาวกจากสำนักแห่งความมืดที่เห็นการต่อสู้ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง นี้คือการโจมตีของยอดฝีมือแห่งสำนักอเวจีนั่นเอง
‘ศิษย์คนที่สี่จากศาลาปีศาจลอยฟ้าเองก็มีช่วงเวลาที่ตกเป็นรองได้เหมือนกันสินะ’
ท้ายที่สุดแล้วหมิงซี่หยินก็เป็นหนึ่งในศิษย์ศาลาปีศาจลอยฟ้า ในตอนนี้ตัวเขากำลังถูกพลังจากยอดฝีมือข่มเอาไว้
คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นต่างก็ส่ายหัว
ทันทีที่ไปยู่ชิงและร่างอวตารของเขากำลังได้เปรียบหมิงซี่หยินไปได้ ในตอนนั้นเองก็มีชายชุดเขียว 3 ร่างปรากฏขึ้นต่อหน้าไปยู่ชิง
“หืม? ” ไปยู่ชิงและร่างอวตารของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่บนกลางอากาศ
ร่างทั้งสามค่อยๆ สลายจนกลายเป็นสองร่าง มันเป็นเหมือนกับภาพเงาสะท้อนของใครบางคนที่พบเห็นจากในน้ำ เจ้าของร่างเป็นชายชุดเขียวผมยาวสลวย คนคนนั้นลอยอยู่บนกลางอากาศในขณะที่กอดอก ดาบบนหลังของเขากำลังสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดพัก
ในตอนนั้นเองไปยู่ชิงและร่างอวตารของเขาได้ถูกหยุดการเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถที่จะเดินไปข้างหน้าได้อีกต่อไป ตัวเขาได้หลับตาลงก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างทั้งสองร่างที่เคยเห็นหลอมรวมจนกลายเป็นหนึ่ง!
ดาบของชายชุดเขียวได้ลอยออกไปด้วยตัวมันเอง
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวใจของไปยู่ชิงก็รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้นึกถึงชื่ออันน่ากลัวอยู่ภายในใจ ‘หรือว่าจะเป็นยู่ฉางตง! ‘
ดาบยืนยาวได้เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดอกไม้ไฟก่อนที่จะตัดผ่านพลังร่างอวตารของไปยู่ชิงไป
ฟรึ๊บ!
ความเร็วของดาบมันรวดเร็วมากจนน่าตกใจ
ทันทีที่ร่างอวตารถูกฟันครึ่ง มันก็ได้หายไปในอากาศ ในขณะเดียวกันไปยู่ชิงก็เริ่มที่จะล้มลง ตัวเขาได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ตัวเขาได้กระอักเลือดออกมายกใหญ่ เมื่อร่างอวตารถูกใครคนใดคนหนึ่งทำลายไป คนคนนั้นก็จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก การที่ร่างพลังอวตารถูกดาบฟันไปไปยู่ชิงคงจะต้องนอนเสื่อเป็นเวลากว่าครึ่งปี
ดวงตาของไปยู่ชิงเบิกกว้างในขณะที่จ้องมองชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวที่กำลังยืนกอดอกเช่นเดิม
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวกำลังยิ้ม ผมยาวของเขาปลิวไสวไปตามสายลม ในตอนนั้นเองดาบยืนยาวสีแดงเข้มก็ได้กลับคืนสู่ฝัก
ไปยู่ชิงยังคงร่วงหล่นสู่พื้น ทันทีที่เขากำลังกระแทกกับพื้น ตัวของไปยู่ชิงก็ได้พุ่งไปบนอากาศก่อนที่จะพลิกตัวกว่า 180 องศา ในที่สุดไปยู่ชิงก็สามารถคุกเข่าลงได้ ตัวเขาพยายามใช้มือพยุงตัวเองอย่างเต็มที่ ตัวเขาในตอนนี้หายใจอย่างหอบเหนื่อย ตัวเขากลัวเกินกว่าที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ไปยู่ชิงรู้ดีว่าผู้มาเยือนคนนี้คือใคร ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวไม่ใช่ใครอื่นเขาเป็นศิษย์คนที่สองของศาลาปีศาจลอยฟ้า ยู่ฉางตง หลังจากนั้นไปยู่ชิงก็ได้กระอักเลือดออกมายกใหญ่ สีเลือดของเขาเป็นสีแดงสดราวกับดอกพลัมที่กำลังผลิบาน
หมิงซี่หยินที่ลอยอยู่กลางอากาศตกใจมาก ตัวเขาได้จ้องมองไปยังผู้เป็นศิษย์พี่อย่างยู่ฉางตง เขาคนนี้คือศิษย์พี่รองของตัวเขานั่นเอง ตัวเขารู้สึกสับสน หมิงซี่หยินไม่รู้เลยว่าควรจะขอบคุณศิษย์พี่รองคนนี้ดีไหม ศิษย์พี่รองของเขาได้ช่วยตัวเขาจากการใช้ดาบเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ศิษย์พี่รองคนนี้ก็เป็นหนึ่งในศิษย์ทรยศของศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ดี
สีวู่หยาเป็นคนที่ดูสงบเยือกเย็นมากที่สุด ในทางกลับกันเหล่าสาวกของเขาทั้งหมดที่อยู่ในหุบเขาราชพฤกษ์ต่างก็ตกตะลึงไปด้วยความกลัว
ในตอนนี้ทั้งหุบเขาได้ตกอยู่ในความเงียบงัน
ในท้ายที่สุดแล้วสีวู่หยาก็เป็นผู้ทำลายความสงบขึ้น “สวัสดีศิษย์พี่รอง”
คนอื่นๆ เองก็โค้งคำนับเช่นกัน “คารวะท่านยู่ฉางตง”
ยู่ฉางตงยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่ต้องพิธีรีตองกับข้าหรอก”
คนอื่นๆ ที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็รู้สึกโล่งใจ ท่าทีของยู่ฉางตงมักจะทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ใช่วายร้ายที่ทำแต่เรื่องเลวทราม เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายคนหนึ่งที่ทั้งสุภาพและถ่อมตัว
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ตัวเขากำลังชั่งใจว่าควรจะขอบคุณยู่ฉางตงดีไหม ‘ทำไมข้าจะต้องไปขอบคุณเขาด้วยล่ะ? แม้ว่าเขาจะช่วยข้าแต่เขาก็ยังเป็นศิษย์ทรยศอยู่ดี! ‘ หมิงซี่หยินไม่คิดว่ายู่ฉางตงจะทำอะไรตัวเขา ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นอาจารย์อยู่ดี นอกจากนี้ตัวเขายังรู้ดีว่าศิษย์พี่รองคนนี้เป็นคนยังไง
ยู่ฉางตงไม่ได้หันกลับมา ตัวเขาเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ศิษย์น้องสี่ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนไหม? “
“หะ? ไม่…ไม่…ขอบคุณที่ช่วยเหลือศิษย์พี่รอง” ท้ายที่สุดหมิงซี่หยินก็ได้พูดออกมา