ซู่ฮ่องกง ศิษย์คนที่แปดมีค่าสำหรับลู่โจวเช่นกัน ตัวเขาสามารถหาแต้มบุญได้จากศิษย์คนนี้ด้วยการสั่งสอนรวมไปถึงการลงโทษ นอกจากนี้แล้วศิษย์คนที่แปดคนนี้ยังแทบไม่เคยก่อกรรมด้วยตัวเองมาก่อน โดยปกติแล้วจะมีแต่ศิษย์คนที่เจ็ดอย่างสีวู่หยานเท่านั้นที่ยุยงให้ศิษย์คนที่แปดคนนี้ทำผิด มีข่าวลือมาว่าสำนักแห่งความมืดมีหน่วยข่าวกรองอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เพราะแบบนั้นการจะจับศิษย์คนที่เจ็ดได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวในตอนนี้มีเรื่องเร่งด่วนอื่นที่จะต้องทำ ตัวเขาจำเป็นจะต้องเพิ่มพลังวรยุทธของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง มีข่าวลือมากมายหลายอย่างว่าตัวเขากำลังจะสิ้นอายุขัยในอีก 10 ปีต่อจากนี้ ทุกคนที่รอให้เขาใกล้ตายจะต้องบุกมาอีกแน่
ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะความโลภของมนุษย์ จะต้องมีคนที่ไม่รอให้ถึง 10 ปีซะด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าจะต้องมีใครอีกหลายคนด้วยกันลงมือโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้าเพื่อที่จะหวังครอบครองสมบัติล้ำค่าทั้งหมดไป บางทีอาจจะเป็น 5 ปี 7 ปี หรือ 8 ปีต่อจากนี้ ท้ายที่สุดแล้วคนส่วนใหญ่จะต้องคิดว่าพลังวรยุทธของปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนี้กำลังถดถอยลงจนไร้เรี่ยวแรง
ดังนั้นในตอนนี้ลู่โจวจะต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองซะก่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตจะมีผู้ฝึกยุทธอีกกี่คนหลั่งไหลมาหาตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อถึงเวลานั้นการจะพึ่งพาของอย่างการ์ดวิเศษพวกนี้คงจะไม่เพียงพอแน่
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้เหลือบมองไปที่หมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้านั่นโชคดีที่หนีออกมาจากแท่นบูชาหยกเขียวได้ ข้าคิดว่าเจ้าเจ็ดจะต้องวางแผนอะไรบางอย่างถึงส่งจดหมายนั่นมา เจ้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ซะ”
เมื่อหมิงซี่หยินได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้ตอบรับในทันที “ครับท่านอาจารย์! ศิษย์จะทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงเอง”
“ศิษย์น้องสี่ ข้าคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าหากให้ข้าไปกับเจ้าด้วย แม้ว่าศิษย์น้องแปดอาจจะดูโง่ แต่ถึงแบบนั้นเจ้านั่นก็ยังมีเล่ห์เหลี่ยมมากอยู่ดี”
“ไม่จำเป็นจะต้องแหวกหญ้าให้งูตื่นหรอกศิษย์พี่ ข้าจะลองตรวจสอบเรื่องราวของศิษย์น้องเจ็ดไปด้วย…ถ้าหากโอกาสอันดีมาถึงพวกเราจะต้องจับศิษย์น้องทั้งสองคนกลับมาได้แน่” หมิงซี่หยินได้ตอบกลับไป
ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างหดหู่ “ถ้าหากเจ้าไปแล้วละก็ ข้าก็คงจะไม่มีคู่ซ้อมมือ…” ผู้อาวุโสฮั๊วในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บและยังพักฟื้นอยู่ เพราะแบบนั้นต้วนมู่เฉิงจึงไม่กล้าที่จะไปท้าประลองด้วย ส่วนศิษย์น้องอย่างหยวนเอ๋อยังมีวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น นอกจากนี้นางยังไม่มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์อีกด้วย เพราะแบบนั้นคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ นอกจากนี้ฝานซง, โจวจี้เฟิง พวกเขาทั้งสองก็ไม่ต่างอะไรจากหยวนเอ๋อ ส่วนสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าคนใหม่อย่างเล้วลั่ว อดีตผู้นำของเหล่าอัศวินดำในตอนนี้บาดเจ็บสาหัส การประลองกับเขาคงจะไม่มีความหมายอะไร
หมิงซี่หยินได้กลอกตากลับมาก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่มีใครเหมาะสมที่จะประมือกับศิษย์พี่อีกแล้ว ข้าว่านอกเหนือจากการฝึกฝนการต่อสู้ก็ยังจะพอมีสิ่งอื่นให้ฝึก ศิษย์พี่ลองฝึกใช้สมองให้บ่อยขึ้นจะดีกว่า! “
รถม้าล่องเมฆาใช้เวลาไม่นานมากนักก็กลับมาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าได้
หมิงซี่หยินที่มาถึงได้ออกจากภูเขาทองไปตามคำสั่งของลู่โจว ตัวเขาในตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังหุบเขาพยัคฆ์นั่นเอง
…
ภายในฐานที่มั่นของหุบเขาพยัคฆ์
ซู่ฮ่องกงในตอนนี้กำลังนั่งหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด
หมิงซี่หยินคุ้นเคยกับพื้นที่โดยรอบของหุบเขาพยัคฆ์แล้วหลังจากที่ได้มาเยือนในครั้งก่อน ตัวเขาที่มาถึงได้ตะโกนออกมาจากด้านนอกของฐานที่มั่น “ศิษย์น้องแปด! ข้ากลับมาแล้ว! ” เสียงของหมิงซี่หยินได้ดังไปทั่วทั้งภูเขา
ซู่ฮ่องกงที่กำลังหลับสนิทได้ยินเสียงก็ได้สะดุ้งตื่นตกใจ ซู่ฮ่องกงเกือบที่จะตกเก้าอี้
“ใคร…ใครกัน? อาจารย์อย่างงั้นหรอ? ท่านอาจารย์อยู่ที่นี่อย่างงั้นหรอ? ” ซู่ฮ่องกงรีบลุกขึ้นมาก่อนที่จะมองไปรอบตัว
เหล่าสาวกของหุบเขาพยัคฆ์ต่างก็วิ่งเข้ามาหาผู้เป็นหัวหน้า
“ท่านหัวหน้า! “
“หนีเร็วเถอะครับ ท่านหัวหน้า! “
พลังวรยุทธของเหล่าสาวกหุบเขาพยัคฆ์นั้นตื้นเขินจนเกินไป พวกเขาทั้งหมดไม่ใช่คู่มือของหมิงซี่หยินด้วยซ้ำไป แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีคนที่จดจำหมิงซี่หยินได้อยู่ สาวกคนนั้นไม่ได้วิ่งหนีหายไปไหน
หมิงซี่หยินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าทุกๆ คน “หลีกทางไปซะ”
ฝูงชนที่กำลังเบียดเสียดกันได้หลีกทางไปในทันที
“ศิษย์พี่สี่อย่างงั้นหรอ? ” ซู่ฮ่องกงขยี้ตา หลังจากฟื้นคืนสติได้เขาก็ได้พูดออกมาอย่างมั่นใจอีกครั้ง “ลมอะไรพัดพาให้ศิษย์พี่เดินทางมาถึงที่นี่ได้? “
หมิงซี่หยินเดินตรงมาหา ในตอนนั้นซู่ฮ่องกงก็รีบลุกจากเก้าอี้
หมิงซี่หยินได้พูดขึ้น “เจ้าไม่คิดที่จะต้อนรับแขกอย่างข้าหน่อยหรอ? “
“มันก็แค่พิธีรีตองเท่านั้นศิษย์พี่…ศิษย์พี่อย่าได้คิดมากไปเลย” ซู่ฮ่องกงได้ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
หมิงซี่หยินไม่รีบร้อนอะไร ตัวเขาได้หันไปมองรอบๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น “ฐานที่มั่นของเจ้าดูเหมือนจะกลับมาเป็นเหมือนกับฐานที่มั่นก่อนหน้านี้แล้วสินะ”
“แน่นอนศิษย์พี่! สาวกของข้ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ” ซู่ฮ่องกงได้ตอบกลับมาในทันที
“ศิษย์น้องเจ็ดได้ส่งจดหมายมาให้ท่านอาจารย์ เจ้านั่นได้บอกเอาไว้ว่าสำนักแห่งความบริสุทธิ์กำลังจะโจมตีเจ้า เจ้าไม่กลัวเลยอย่างงั้นหรอ? “
ซู่ฮ่องกงตกใจ ในตอนนั้นเขาก็รีบพูดขึ้นมาในทันที “ไม่มีทาง! เจ้าพวกนั้นมาตามล่าข้าเนี่ยนะ? “
“ทำไมเจ้าถึงประหลาดใจกัน? เจ้าเป็นคนที่สังหารจางฉุนไหลผู้อาวุโสจากสำนักเที่ยงธรรมไปกับมือ เจ้าคิดว่าสำนักฝ่าธรรมะพวกนั้นจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ อย่างงั้นหรอ? “
“แต่ท่านเองก็ฆ่าผู้อาวุโสจากสำนักเที่ยงธรรมจางฉิวชูไปไม่ใช่หรอ? “
“หยุดเล่นลิ้นได้แล้ว! ” หมิงซี่หยินที่พูดจบก็ได้เตะไปที่ซู่ฮ่องกง
ซู่ฮ่องกงไม่คิดที่จะหลบหรือตอบโต้แต่อย่างใด ตัวเขาได้แต่คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง
…
ในตอนนั้นเองที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า
“ติ้ง! สั่งสอนศิษย์คนที่แปดสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 100”
ลู่โจวได้พยักหน้าออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนเมื่อครู่
…
ย้อนกลับไปที่หุบเขาพยัคฆ์
“แม้ว่าสำนักเที่ยงธรรมจะแห่งกันมาทั้งหมดแต่เจ้าพวกนั้นกลับทำอะไรเจ้าไม่ได้…เจ้าให้ใครช่วยปกป้องตัวเจ้ากันแน่? ศิษย์พี่ใหญ่อย่างงั้นหรอ? หรือศิษย์พี่รองล่ะ? หรือว่าศิษย์น้องเจ็ดที่ใช้เวลาทั้งวันไปกับการหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในที่ไหนสักแห่งภายในโลกแห่งนี้? ” หมิงซี่หยินได้ถามซู่ฮ่องกงออกมารั่วๆ
ใบหน้าของซู่ฮ่องกงก้มต่ำลง ในตอนนั้นเองตัวเขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา แม้ว่าตัวเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นบางครั้งแต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็ยังดูถูกตัวเขาอยู่ดี
หมิงซี่หยินที่ไม่ได้คำตอบอะไรได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดต่อไป “ศิษย์น้องแปด บอกความจริงข้ามาจะดีกว่า…คราวนี้เจ้าวางแผนอะไรกับศิษย์น้องเจ็ดเอาไว้? “
“ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไรเลยจริงๆ! ให้ข้าสาบานต่อหน้าสวรรค์ก็ย่อมได้” ซู่ฮ่องกงพูดออกมาอย่างเร่งรีบ
ทำไมภาพแบบนี้ถึงดูคุ้นตาจริงๆ?
‘เจ้านี่สาบานไปแล้วกี่ครั้งกัน? ‘
“ศิษย์น้องแปด ถ้าหากบอกทุกอย่างมามันก็จะดีกับตัวเจ้าเอง ในตอนนี้สถานการณ์ที่เจ้ากำลังเจออยู่อันตรายมาก…ถ้าหากศิษย์น้องเจ็ดไม่ช่วยเจ้า ครั้งนี้เจ้าก็คงจะไม่สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเรากำลังพูดถึงสำนักแห่งความบริสุทธิ์ นอกเหนือจากศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้วก็คงจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีกต่อไป ฟังคำแนะนำของข้าซะ เจ้าน่ะกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าและกลับเนื้อกลับตัวซะ” หมิงซี่หยินได้พูดขึ้น
“กลับตัวกลับใจ? ” ซู่ฮ่องกงสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “ถ้าหากข้าทำแบบนั้นจริง ท่านอาจารย์คงไม่ถลกหนังข้าออกมาทั้งตัวเลยอย่างงั้นหรอ? “
หมิงซี่หยินได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา “เป็นไปได้เหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าทุกวันนี้ท่านอาจารย์กำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเป็นแบบนั้นจริงมันก็ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้วล่ะ ถ้าหากท่านอาจารย์อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาในตอนที่เจ้ากลับไป ข้าก็คงจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
หมิงซี่หยินนึกถึงตอนที่ซู่จินฉานมาเยือนในตอนนั้นลี่ฉิงหนึ่งในสามเทพแห่งมือธนูผู้ที่เป็นสมาชิกของอัศวินดำ เขาคนนั้นถูกผู้เป็นอาจารย์จัดการไปโดยใช้แค่ฝ่ามือเดียว
“เอ่อ…ถ้าหากรู้แบบนั้นแล้วท่านยังจะโน้มน้าวให้ข้ากลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าเพื่อกลับตัวกลับใจอีกอย่างงั้นหรอ? “
“เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องนี้! ” หมิงซี่หยินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ควรจะรอให้อาจารย์ต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง…เร็นบู้ผิง เจ้าสำนักของวิหารปีศาจถูกท่านอาจารย์สังหารโดยใช้เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือเท่านั้น”
“อะไรกัน!? ” ซู่ฮ่องกงยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถ้าหากเขากลับไปจริงๆ ตัวเขาจะไม่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เลยอย่างงั้นหรอ?
หมิงซี่หยินยังคงพูดต่อไป ตัวเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าซู่ฮ่องกงจะดื้อด้านได้ถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าศิษย์น้องเจ็ดจะสามารถล้างสมองศิษย์น้องคนนี้จนสำเร็จได้
“ถ้าหากเจ้าไม่อยากที่จะกลับไปกับข้าก็ไม่เป็นไร บอกมาซะว่าที่ตั้งสำนักแห่งความมืดตั้งอยู่ที่ไหนกัน…”
“มณฑลยี่”
“พูดให้มันแคบกว่านี้สิเจ้าโง่! ” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาอย่าหงุดหงิดก่อนที่จะเตะไปที่ซู่ฮ่องกงอีกครั้ง
“ข้าเองก็ไม่รู้ ศิษย์พี่เจ็ดมักจะปกปิดการเคลื่อนไหวของตัวเอง ถ้าหากข้าสามารถหาศิษย์พี่เจ็ดเจอได้ง่ายๆ จริง ข้าก็คงไม่ต้องกลัวสำนักแห่งความบริสุทธิ์หรอกศิษย์พี่” ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
“ฝันไปเถอะ เจ้าคิดว่าศิษย์น้องเจ็ดสามารถทำได้ทุกอย่างเลยอย่างงั้นหรอ? “
เสียงของหมิงซี่หยินได้ดังไปทั่วทั้งฐานที่มั่น
ในระหว่างที่ความเงียบงันกำลังเกิดขึ้น ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้หันกลับไปมองผู้มาเยือนคนใหม่
“ศิษย์? “
“ศิษย์น้องเจ็ดอย่างงั้นหรอ? “
สีวู่หยาได้ยิ้มให้กับทั้งสองคนในระหว่างที่เดินมา ตัวเขาได้สวมเสื้อคลุมยาว บนหัวของเขาสวมใส่มงกุฎสีทองอยู่ ชุดที่สีวู่หยาได้สวมใส่ดูเป็นพิธีการมากกว่าครั้งไหนๆ สีวู่หยาที่เดินมาถึงก็ได้คารวะหมิงซี่หยินในทันที “สวัสดีครับศิษย์พี่สี่…”
หมิงซี่หยินไม่ได้รู้สึกชอบหน้าสีวู่หยามากนัก ตัวเขามองไปที่สีวู่หยาก่อนที่จะนั่งลง “เจ้ากล้ามากที่มาถึงที่นี่และแสดงตัวเองออกมาแบบนี้? “
“ถ้าหากท่านอาจารย์ไม่มาที่นี่ ก็ไม่มีเหตุผลเลยที่ข้าจะไม่แสดงตัว เพราะเป็นศิษย์พี่สี่ ข้าก็เลยแสดงตัวออกมายังไงล่ะ…”