ลู่โจวได้โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กับบี่เอี๊ยน
บี่เอี๊ยนสัตว์ขี่แสนดุร้ายได้กลายเป็นสัตว์ที่ว่านอนสอนง่ายในทันที มันหดเขี้ยวเล็บลงก่อนที่จะย่อตัวให้กับลู่โจว
ลู่โจวรีบกระโดดขึ้นไปบนหลังของบี่เอี๊ยนอย่างง่ายดาย “หยวนเอ๋อ”
“ศิษย์มาแล้ว” หยวนเอ๋อคิดว่าตัวเธอคงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นขี่หลังของบี่เอี๊ยนอีก และเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบกระโดดขึ้นหลังไปในทันที
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็นึกถึงสัตว์ขี่ในตำนานอย่างวิซซาร์ดได้ ตัวเขาที่คิดออกได้พูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ “ท่านอาจารย์…แล้วพวกเราล่ะ? “
“เจ้าก็พาเจ้าพวกนี้บินไปกับพวกเจ้าเองก็แล้วกัน” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเฉยเมยก่อนที่จะชี้ไปยังฝานเชียว
“…”
ในตอนที่หมิงซี่หยินกำลังตกตะลึงกับคำตอบ ในตอนนั้นลู่โจวก็สั่งให้บี่เอี๊ยนบินขึ้นไปบนอากาศ ลู่โจว หยวนเอ๋อและสัตว์ขี่ของเขาใช้เวลาไม่นานมากนักกว่าที่จะหายไปจากขอบฟ้า ในตอนนั้นหมิงซี่หยินที่กำลังจะตอบกลับได้พูดออกมาช้าไป “ได้ครับท่านอาจารย์ ข้าจะบินไปกับ…”
ด้วนมู่เฉิงได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “อย่ามองข้า…ข้าบินไปด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
“ศิษย์พี่สาม ข้าไม่ได้จะหมายความว่าแบบนั้น…พลังยุทธของศิษย์พี่แข็งแกร่งกว่าพลังยุทธของตัวข้ามาก เพราะแบบนั้นศิษย์พี่น่าจะไปได้เร็วกว่า ข้าคิดว่าศิษย์ควรจะเอาของที่เหลือไปกับศิษย์พี่ด้วย ด้วยวิธีนี้ท่านอาจารย์ก็จะไม่มีภาระมากขึ้น” หมิงซี่หยินพูดออกมาก่อนที่จะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ด้วนมู่เฉิงลูบคางของเขาก่อนจะตอบกลับมา “เจ้าเองก็พูดจามีเหตุผลเหมือนกันนะ แต่ข้าน่ะพกหอกราชันมาด้วย” หลังจากพูดจบด้วนมู่เฉิงก็ได้ถือหอกราชันเอาไว้ที่มือข้างซ้ายก่อนที่จะพยุงฝานเชียวเอาไว้ที่แขนอีกข้าง ด้วนมู่เฉิงที่เตรียมพร้อมแล้วได้ออกบินไปในทันที
“เอ๊ะ? ศิษย์น้อง เจ้ากำลังยืนรออะไรกัน? “
“ไม่มีอะไร! ข้ากำลังตามไปศิษย์พี่! ” หมิงซี่หยินได้รวบรวมพลังลมปราณก่อนที่จะพุ่งไปยังกลางอากาศ ตัวเขาที่จะต้องแบกรับภาระทั้งหมดไปได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะพูดพึมพำกับตัวเองเท่านั้น “คงเป็นข้าที่จะต้องซวยอีกแล้วสินะ…”
หอกราชันมีน้ำหนักมากกว่า 50 กิโลกรัมด้วยกัน หลังจากที่มันได้ยอมรับด้วนมู่เฉิงให้กลายเป็นเจ้าของของมันไป คุณภาพของมันรวมไปถึงน้ำหนักเองก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่านัก
หมิงซี่หยินคิดกับตัวเองก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ‘มันจะดีกว่านี้มากถ้าข้าต้องแบกฝานเชียว! ‘
ในตอนนั้นเองท่าเรือแห่งนี้ก็กลับมาเงียบสนิทอีกครั้ง
ราชันย์ช้างสามารถที่จะถอยกลับไปได้แล้วหลังจากที่บี่เอี๊ยนจากไป มันเดินตรงกลับมาหาสาวกทั้งสองคนของฝานเชียวที่ยังเหลืออยู่ แต่ถึงแบบนั้นที่ตรงแม่น้ำก็ยังมีสุดยอดเวทมนตร์คาถาอยู่ และเมื่อราชันย์ช้างเห็นแบบนั้นมันก็ได้วิ่งกลับไปในทันที มันหันหางวิ่งกลับเข้าไปในป่า
ตี๊ก! ตี๊ก! ตี๊ก!
ราชันย์ช้างได้วิ่งด้วยความเร็วที่ไม่เคยมากขนาดนี้มาก่อน มันได้วิ่งกลับไปในป่าที่มันได้เดินมา
เวทมนตร์คาถาที่อยู่บนผิวน้ำเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว มันใช้เวลาไม่นานมากนักก็สามารถครอบคลุมท่าเรือทั้งท่ารวมไปถึงสาวกทั้งสองคนของฝานเชียวไป
…
ในตอนนั้นหยวนเอ๋อและลู่โจวก็ได้เร่งความเร็วเพื่อที่จะไปยังแท่นบูชาหยกเขียวให้เร็วที่สุด
“ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะรอศิษย์พี่ทั้งสองไหม? ” หยวนเอ๋อถามขึ้นมา
“ไม่จำเป็น” ด้วยความเร็วของบี่เอี๊ยนทั้งลู่โจวและก็หยวนเอ๋อจะต้องไปถึงแท่นบูชาหยกเขียวภายในเวลา 4 ชั่วโมงแน่ ลู่โจวที่อยากจะไปถึงให้เร็วกว่าต้องการที่จะไปเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงที่กำลังจะเกิดขึ้น ในตอนนี้ลู่โจวที่ว่างอยู่ก็ได้เปิดเมนูภารกิจขึ้นมา ตัวเขาในตอนนี้มีแต้มบุญทั้งหมด 4,812 แต้ม
“ร้านค้า” ลู่โจวได้เลือกเมนูร้านค้า ในตอนนั้นเองเมนูร้านค้าก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ราคาการ์ดการโจมตีของเพรชฆาตในตอนนี้ต้องใช้แต้มบุญแลกเปลี่ยนเป็น 600 แต้มแล้ว!
“บ้าเอ๊ย! ” ลู่โจวอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาเมื่อเห็นแบบนี้
“เกิดอะไรขึ้นหรอคะท่านอาจารย์? มีใครบางคนทำให้ท่านต้องโกรธอย่างงั้นหรอ? ศิษย์จะรีบไปจับเท่านั้นและจะหั่นมันเป็นแปดส่วนเอง! ” หยวนเอ๋อหันกลับมาพูดกับลู่โจวเมื่อสังเกตเห็นว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังโกรธอยู่นั่นเอง
ลู่โจวที่กลับมามีสติอีกครั้งได้โบกมือให้อย่างไม่ใส่ใจอะไร ตัวเขายังคงใช้ความคิดต่อไป ‘การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตเพิ่มราคาขึ้นมา แต่การ์ดป้องกันไร้ที่ติดกลับมีราคา 500 เท่าเดิม บางทีความถี่ในการซื้อคงจะส่งผลต่อราคาการ์ดพิเศษ บางทีระบบอาจจะจำกัดพลังการ์ดพวกนี้เอาไว้ไม่ให้ใช้อย่างฟุ่มเฟือย นี่คงจะเป็นวิธีการกำหนดขีดจำกัดสินะ? ‘
ก่อนหน้านี้ลู่โจวก็ไม่ได้คิดที่จะใช้การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตบ่อยมากถึงขนาดนี้ แต่เพราะแบบนั้นเองราคาของการ์ดจึงเพิ่มสูงขึ้น ตามที่ตัวเขาได้เคยคาดการณ์เอาไว้ การ์ดใบนี้มันทรงพลังเกินไป มันเป็นการ์ดที่จะทำให้ลู่โจวสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่สามารถจัดการกับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และถ้าหากทำแบบนั้นได้ลู่โจวจะได้รับแต้มบุญถึง 1,000 แต้มซึ่งมากกว่าค่าการ์ดถึง 2 เท่าด้วยกันกลับคืนมา
‘เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย ระบบนี่คงไม่อยากให้ฉันใช้ช่องโหว่นี้หาแต้มบุญอย่างไม่จำกัดได้ ยังไงซะฉันก็ต้องมีแต่ยอมรับข้อเสนอนี่’ ลู่โจวจะต้องพึ่งพาสติของตัวเองและไม่พึ่งพาของพิเศษให้มากนัก ตัวเขาจะต้องพัฒนาพลังวรยุทธของตัวเองให้แข็งแกร่งให้เร็วที่สุด
ด้วยเหตุนี้เองลู่โจวจึงเลือกที่จะซื้อการ์ดการโจมตีของเพรชฆาตอีกใบหนึ่งเอาไว้เป็นแผนสำรอง ‘ฉันจะต้องใช้การ์ดพิเศษนี่ให้ระวังมากกว่านี้ บางทีฉันควรจะเริ่มใช้การ์ดป้องกันบ้างแล้ว’
ลู่โจวรีบเลื่อนเมนูร้าค้าลง
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พบกับการ์ดพิเศษใบใหม่เข้า
“การ์ดฟื้นฟูฉุกเฉิน: สามารถรักษาบาดแผล 30% ราคา 300 แต้มบุญ”
“ระเบิดอสนีบาต: สามารถใช้พลังลมปราณเปลี่ยนให้เป็นพลังสายฟ้าเพื่อโจมตีเป้าหมายได้: ความแม่นยำ 50%, ความเสียหาย 30%, โอกาสที่จะทำให้ศัตรูบาดเจ็บสาหัส 10%, โอกาสในการสังหาร 1% ราคา 100 แต้มบุญ”
‘ของพวกนี้เป็นของที่ไร้ประโยชน์แน่ถ้าหากเอาไปต่อสู้จริง ด้วยระดับพลังของฉันในตอนนี้ใครกันที่จะกล้ามาโจมตีได้ ส่วนการ์ดใบใหม่ชิ้นที่สองเองก็ยิ่งไร้ประโยชน์เข้าไปใหญ่ โอกาสที่จะสังหารศัตรู 1% ในราคา 100 แต้มบุญ ถ้าหากเทียบกับการ์ดการโจมตีของเพรชฆาตการ์ดใบนี้ช่างดูไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง! ‘
ลู่โจวพบว่าการ์ดใบใหม่ๆ ที่จะปรากฏขึ้นยิ่งดูไร้ประโยชน์มากขึ้นไปทุกที หลังจากที่ทำการค้นคว้ามาอย่างหนัก นอกเหนือจากการซื้อพลังร่างอวตารอันใหม่ การจับฉลากนำโชคคงจะเป็นอะไรที่ดูคุ้มค่ามากที่สุดแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอะไรแบบนั้น
“ท่านอาจารย์ พวกเราจะถึงแท่นบูชาหยกเขียวแล้ว” หยวนเอ๋อได้ชี้ไปยังอาคารหลังใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า แท่นบูชาหยกถูกสร้างขึ้นอยู่บนส่วนเหนือที่สุดของอาคารแห่งนั้น มันเป็นแท่นบูชาทรงกลม แท่นที่เห็นเหมือนกับมีไว้เพื่อบูชาทั้งโลกแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์
สำนักฝ่ายธรรมะทั้งหลายมักจะเซ่นไหว้โลกสวรรค์และโลกมนุษย์อยู่เสมอๆ ทุกครั้งที่พวกเขาจะเปิดประตูเพื่อรับสาวกหน้าใหม่หรือจะสั่งสอนเคล็ดวิชาใหม่ๆ ก็แล้วแต่ ทุกๆ ครั้งพวกสำนักฝ่ายธรรมะก็จะมาทำพิธีกันอยู่ที่แท่นบูชาหยกเขียวแห่งนี้ แท่นบูชาแห่งนี้ยังถูกล้อมไปด้วยต้นไม้หนาทึบไปทั่วทุกด้าน
“ไปทางตะวันออกซะ! ” ลู่โจวสั่งการขึ้น
“ท่านอาจารย์ ทำไมพวกเราจะต้องไปทางตะวันออกกันด้วยล่ะ? ” หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นได้ถามออกมาอย่างสงสัย
ลู่โจวเอามือลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับมา “ก็เพราะว่าซู่ฮ่องกงได้รออยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว ข้าจะอาศัยโอกาสนี้จับตัวเจ้านั่นไงล่ะ”
หยวนเอ๋อพยักหน้าในทันที ในตอนนี้เธอเป็นเหมือนกับลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่กำลังจิกเมล็ดข้าวที่อยู่บนพื้น “ศิษย์จะช่วยท่านอาจารย์สอนบทเรียนให้กับเจ้าคนทรยศเอง! “
บี่เอี๊ยนที่ได้รับคำสั่งมาได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ในพริบตาเดียวเท่านั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้มาถึงทางทิศตะวันออกของแท่นบูชาหยกเขียว
ถ้าหากเทียบกับลูกศิษย์คนอื่นๆ ศิษย์คนที่แปดคนนี้มีพลังวรยุทธที่ต่ำกว่าลูกศิษย์คนอื่นๆ อยู่มาก ถ้าหากศิษย์คนนี้จะทำลายแท่นบูชาหยกเขียวจริง เขาคงมีแต่จะต้องใช้ไหวพริบเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นลูกศิษย์คนนี้ก็คงจะไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น และยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวไม่คิดว่าศิษย์คนนี้จะสามารถเอาชนะใครได้ และเพราะแบบนี้ลู่โจวจึงมั่นใจว่าสีวู่หยา ลูกศิษย์คนที่เจ็ดของเขาจะต้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องครั้งนี้
ณ แท่นบูชาหยกเขียว
‘ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว…จุดนี้ก็คงจะเหมาะที่จะจุดไฟมากที่สุดแล้วสินะ ทางตะวันออกของแท่นบูชาหยกเขียว ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เหมาะสำหรับการจุดไฟมากที่สุดแล้ว ทันทีที่คิดได้แบบนั้นลู่โจวก็ได้สั่งให้บี่เอี๊ยนไปซ่อนตัวเอาไว้’
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
ในตอนนี้เองเสียงของการต่อสู้ก็ได้ดังไปทั่วป่า
“หืม? ” ลู่โจวหยุดสิ่งที่เขาจะทำ ตัวเขารู้สึกสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน
“ท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นจะเริ่มต่อสู้กันแล้ว” หยวนเอ๋อได้ชี้ไปยังผู้ฝึกยุทธทั้งหลายท่ามกลางป่าไม้
พวกผู้ฝึกยุทธทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธธรรมดาทั่วๆ ไปเท่านั้น
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ข้าคิดว่าข้ามองแผนการร้ายของเจ้าศิษย์ทรยศออกหมดแล้ว”
หยวนเอ๋อไม่ได้ฟังอะไรเลย เธอกำลังจดจ่อกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ “ท่านอาจารย์ พวกเราเองก็รีบลงไปเถอะ…ศิษย์เองก็อยากจะสู้แล้ว! “
“เจ้าน่ะอวดดีเกินไปแล้ว! ” ลู่โจวได้ขึ้นเสียงขึ้นมา ‘บางทีข้าอาจจะตามใจนางจนเกินไปหน่อย คงจะต้องดุนางบ้างแล้วล่ะ’
เมื่อลู่โจวขึ้นเสียง หยวนเอ๋อก็ไหล่ตกในทันที เธอที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดออกมาอย่างเชื่อฟัง “ศิษย์ผิดไปแล้วค่ะ”
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างโกลาหล มีผู้ฝึกยุทธเข้าร่วมการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าศิษย์สาวกที่มาจากแท่นบูชาหยกเขียวล้วนแต่ใส่เสื้อคลุมสีกรมท่าเอาไว้ พวกเขาทั้งหมดกำลังไล่ต้อนศัตรูให้ถอยกลับไปนั่นเอง
ในตอนที่ลู่โจวจะเดินมาถึง ในตอนนั้นเองก็มีคนสองคนได้พุ่งผ่านตัวเขาไปด้วยความเร็วซะก่อน หนึ่งในคนนั้นมีความเร็วที่รวดเร็วกว่าอีกคนหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
ลู่โจวจำได้ดี คนคนหนึ่งที่อยู่ในทั้งสองคนไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากลูกศิษย์คนที่แปดของศาลาปีศาจลอยฟ้า ซู่ฮ่องกงนั่นเอง ลู่โจวได้เดินทางไกลมาถึงที่นี่ก็เพื่อที่จะมาตามหาซู่ฮ่องกง และเมื่อเห็นโอกาสมาถึงลู่โจวจึงคว้าโอกาสเอาไว้ในทันที
“เจ้าคนทรยศ! ” ลู่โจวได้ใช้การ์ดผนึกกรงกักขังอย่างไม่ลังเล ในตอนนั้นเองกรงสีทองก็ได้ลอยขึ้นจากฝ่ามือของเขาก่อนที่จะร่วงหล่นลงมา
ในเวลาเดียวกันเองซู่ฮ่องกงก็สัมผัสได้ถึงพลังอันตรายที่กำลังลอยมาใกล้ตัวเขา ในตอนนั้นตัวเขาเงยหน้าขึ้น แต่จิตใจของเขากลับว่างเปล่าจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ “ไม่มีทาง! นั่นท่า…ท่านอาจารย์ ข้าต้องตายแน่! “