My Death Flags Show No Sign of Ending 129 100 คะแนนเต็ม !!

ตอนที่ 129 100 คะแนนเต็ม !!

เช้าของวันใหม่ได้มาถึง เมื่อเงยหน้ามองขึ้นบนฟ้าก็จะพบกับท้องฟ้าสีครามสดใส ลมที่กำลังพัดเบาๆ ช่างเป็นวันที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางบนฟากฟ้า

แม้จะยังเช้าอยู่ แต่เอริกะ ยูโนะ เวนโตส ลิเลี่ยม วินเซนต์และอัศวินอีกจำนวนหนึ่งก็เตรียมตัวพร้อมที่จะออกเดินทางกันแล้ว

สิ่งที่ยังเหลืออยู่มีเพียงก้าวขึ้นไปยังบนเรือเหาะ

“ขอบพระคุณสำหรับการรอคอย โปรดตามกระผมขึ้นมาบนเรือตามลำดับได้เลยขอรับ” หลังจากเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง ลูกเรือของกลุ่มการค้าสันติยาคนหนึ่งกล่าวออกมาก่อนที่จะเปิดประตูทางเข้าเรือ และเหล่าอัศวินก็เริ่มที่จะขึ้นไปบนเรือเป็นอันดับแรก

เอริกะและคนอื่นๆกำลังกล่าวคำอำลากับเพื่อนๆในกลุ่มของเธอที่ต้องอยู่ทราวิสต่อ แต่ทว่า พวกเธอกลับไม่เห็นไลเนอร์

ตามที่ฟรานซิสและฮิวโก้บอก ดูเหมือนว่าไลเนอร์จะตื่นตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเสียอีก

 

[ ไลเนอร์ไม่อยู่ที่นี่เหรอคะ ? ] – เอริกะ

[ ค่ะ .. ฉันเองก็สงสัยอยู่ว่าไลเนอร์หายไปไหน …] – คลอเล็ต

 

คลอเล็ตตอบกลับเอริกะด้วยสีหน้าเป็นกังวลมากกว่าที่จะรู้สึกโกรธที่ไลเนอร์ไม่ยอมมากล่าวคำอำลาเพื่อนๆในกลุ่มของเขา ซึ่งคลอเล็ตก็อยากที่จะไปหาตัวของไลเนอร์ทันทีถ้าตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่พวกของเอริกะกำลังจะขึ้นเรือ

นั้นเพราะบรรยากาศของไลเนอร์แตกต่างไปจากปกติอย่างเห็นได้ชัด และมันเป็นไปไม่ได้ที่คลอเล็ตจะไม่รู้สึกกังวล

 

[ ไอ้หมอนั้นหายหัวไปตั้งแต่หลังอาหารเย็น และไม่กลับมาจนกระทั้งดึกดื่น ] – ฮิวโก้

 

ฮิวโก้กล่าวออกมาอย่างบึ้งๆพลางกอดอกไปด้วย

ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม ฮิวโก้มักจะคอยสังเกตพฤติกรรมของคนอื่นๆภายในกลุ่ม ซึ่งเขาก็สังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติไปของไลเนอร์ อันที่จริง ไลเนอร์นั้นกลับคิดว่าตัวเองเป็นเพียงคนเดียวที่ทำตัวเป็นปกติ

 

[ พวกเราขึ้นเรือกันเสร็จแล้ว … ว่าแต่ มีปัญหาอะไรรึปล่าว ? ] – วินเซนต์

 

วินเซนต์กล่าวออกมาเมื่อสังเกตเห็นว่าเอริกะและคนอื่นๆยังไม่ตามขึ้นเรือไป

 

[ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรค่ะ แต่ว่า ไลเนอร์ … 1 ในกลุ่มของพวกเรายังไม่มีใครเห็นตัวของเขาเลยค่ะตั้งแต่เช้านี้ ] – เอริกะ

[ อ้อ ถ้าหมายถึงเด็กผมแดง ข้าพบกับเขาเมื่อคืนและได้คุยกันสั้นๆ ดูเหมือนเขาจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง ] – วินเซนต์

[ คุณได้คุยกับไลเนอร์ ? เกี่ยวกับอะไรคะ ? ] – เอริกะ

[ มันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ ข้าคงบอกรายละเอียดอะไรไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนของเขา ดังนั้นจากประสบการณ์ของข้า ข้าจึงแนะนำเขาไป ] – วินเซนต์

 

แม้วินเซนต์จะพยายามพูดโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของไลเนอร์ แต่ก็เดาๆได้ว่าพวกเขาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของฮาโรลด์ ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อออกมาตรงๆก็ตาม

 

[ หากอิงจากเรื่องที่พวกคุณคุยกัน พอเดาได้รึปล่าวคะว่าทำไมเขาถึงหายตัวไป ? ] – เอริกะ

[ ข้าก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าทำไม … แต่ข้าก็ไม่ปฎิเสธหรอกนะว่า บางทีคำแนะนำของข้าอาจจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเขา ] – วินเซนต์

 

อาจเพราะไม่เข้าใจถึงความรู้สึกจริงๆของไลเนอร์ จึงทำให้วินเซนต์ไม่สามารถพูดอะไรได้

สรุปเหตุการณ์ทั้งหมด ไลเนอร์ออกไปหลังมื้อเย็นและพบกับวินเซนต์ ซึ่งเขาน่าจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฮาโรลด์

จากนั้นเขาก็กลับมาที่โรงแรมในตอนกลางดึกและหายตัวไปอีกครั้งก่อนที่ทุกคนจะตื่น

อะไรคือสิ่งที่วินเซนต์บอกกับไลเนอร์ ? และไลเนอร์กำลังคิดอะไรอยู่ ? 

ไม่มีทั้งเวลาและข้อมูลที่มากพอจะสรุปสถานการณ์ปัจจุบันได้

หรือวินเซนต์อยู่ฝ่ายเดียวกับ ดร.ยูสทัส และปั่นความคิดอะไรบางอย่างใส่ไลเนอร์?

อย่างไรก็ตาม หากเป็นเช่นนั้นจริง มีเหตุผลอะไรที่ต้องใช้วิธีการอ้อมค้อมอย่างการปลุกปั่นความคิดของไลเนอร์ขณะที่เขาอยู่เพียงลำพัง? 

หากสมมุติเป็นเช่นนั้นจริงและวินเซนต์เป็นศัตรู ทันทีที่เธอก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือ เขาอาจจะหันคมดาบใส่พวกเธอเลยรึปล่าว ?

แล้วทำไมวินเซนต์ต้องเข้าไปคุยกับไลเนอร์เมื่อคืนและทำให้ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย ?

 

( จะมาคิดหาคำตอบของมันในตอนนี้คงจะไม่ทันแล้ว ) – เอริกะ

 

ด้วยข้อมูลที่มีจำกัด เอริกะตัดสินใจว่าเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงแผนของเธอแต่อย่างใด ในสถานการณ์ที่มีชีวิตของหลายๆคนเป็นเดิมพัน เราจะต้องหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่มันหุนหันพลันแล่น

 

[ … ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องออกเดินทางแล้วค่ะ ] – เอริกะ

[ ไม่ต้องกังวลไป เดี่ยวเรื่องทางนี้พวกเราเป็ฺนคนจัดการเอง ] – ฮิวโก้

[ ขอบคุณค่ะ ] – เอริกะ

 

หลังมองเข้าไปในดวงตาของเพื่อนๆทั้ง 4 เอริกะก็ก้มหัวของเธอลง

ขณะที่เธอกำลังหันหลังก้าวขึ้นไปยังบนเรือ

 

[ รอเดี่ยว !! ]

 

จู่ๆก็มีเสียงร้องตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง และเท้าของเอริกะก็หยุดลง

เสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไลเนอร์ และเมื่อเธอหันกลับไป เธอก็เห็นไลเนอร์ที่กำลังวิ่งตรงมายังพวกเธอ ด้วยเส้นผมสีแดงสดที่ปลิวไสวท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า

ตอนแรก เธอคิดว่าเขาคงแค่มาส่งพวกเธอ แต่ทว่า ไลเนอร์กลับผ่านคลอเล็ตและคนอื่นๆและขึ้นมาบนเรือด้วย

 

[ ล-ไลเนอร์ เกิดอะไรขึ้นคะ ? ] – เอริกะ

 

ไลเนอร์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงและระยะทางไกลพอสมควร เขาวางมือทั้งสองข้างลงที่เข่าและหายใจเข้าหายใจออกซ้ำไปซ้ำมา

หลังจากขอเวลาพักหายใจอยู่สักครู่ ไลเนอร์ก็เงยหน้าขึ้นและมองตรงเข้าไปในดวงตาของเอริกะ

 

[ ผมจะไปกับเธอด้วย! ผมจะไปช่วยฮาโรลด์! ] – ไลเนอร์

 

นั้นเป็นคำพูดที่คาดไม่ถึง

“ไม่ใช่ว่าไลเนอร์รู้สึกไม่ดีกับฮาโรลด์และอยากจะหลีกเลี่ยงการพบเจอกับเขาไม่ใช่หรอ?” นั้นคือสิ่งที่เอริกะคิด

 

[ ทำไมล่ะคะ? ทำไมจู่ๆคุณถึงพูดเช่นนั้น ? ] – เอริกะ

[ …. ผมมาคิดๆดูแล้ว มันไม่ถูกนักที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และผมก็ไม่รู้ว่าฮาโรลด์กำลังคิดอะไรอยู่ ] – ไลเนอร์

[ ดิฉันเห็นด้วยค่ะ แต่… ] – เอริกะ

 

ไม่ใช่แค่ไลเนอร์เท่านั้น ไม่มีใครซักคนในที่นี้รู้ว่าฮาโรลด์คิดอะไรอยู่ รวมถึงเอริกะด้วย

ซึ่งเอริกะเองก็อยากที่จะเป็นคนๆนั้น คนที่รู้และเข้าใจความรู้สึกของฮาโรลด์ แต่การที่เธอทำไมได้เลยกลับทำให้เธอเสียใจและได้แต่หงุดหงิดตัวเอง

 

[ แต่เพื่อที่จะเข้าใจในสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังคิดและปรับความเข้าใจกันได้ ผมจะต้องคุยกับฮาโรลด์อย่างเหมาะสม ] – ไลเนอร์

 

ซึ่งคำตอบนั้นก็คล้ายๆกับสิ่งที่เอริกะกำลังจะทำ

เผชิญกับฮาโรลด์ซึ่งๆหน้าโดยไม่เกรงกลัวว่าความสัมพันธ์ของเธอและเขาจะถูกทำลายลงไป นั้นคือคำตอบของเอริกะที่คิดขึ้นได้หลังจากคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ซึ่งกว่าเธอจะมาถึงจุดๆนี้ ต้องขอบคุณกำลังใจที่เธอได้รับจากลีฟา แต่สำหรับไลเนอร์เขาก็สามารถมาถึงจุดๆนี้ได้ด้วยการต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง

 

[ นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงต้องไปพบฮาโรลด์ เพราะผมยังอยากที่จะเป็นคู่แข่ง —- และเป็นเพื่อนกับเขา ! ] – ไลเนอร์

[ ไลเนอร์ … ] – เอริกะ

 

ไลเนอร์ประกาศความต้องการของตนออกมาอย่างมุ่งมั่น ความตรงไปตรงมาและความเข็มแข็งภายในจิตใจบ่งบอกความเป็นตัวของไลเนอร์ได้เป็นอย่างดี แต่นั้นก็เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเอาชนะความสับสนภายในจิตใจของเขาได้ สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของเขาเช่นกัน

 

[ ก็ไปสิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ? ] – ลีฟา

[ ใช่ ถูกแล้ว แบบนี้ค่อยสมกับเป็นนายหน่อย ไลเนอร์ ] – ฟรานซิส

[ ขณะอยู่กับพวกเอริกะ อย่าสร้างปัญหาให้มากล่ะ! ] – ฮิวโก้

[ ชะ-โชคดีนะ ไลเนอร์! ] – คลอเล็ต

 

ลีฟาและคนอื่นๆต่างบอกลาและให้กำลังใจกับไลเนอร์

แม้ว่าจะมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการในทราวิส และอย่างที่พวกเธอคุยกันเมื่อวันก่อนว่า การเดินทางไปเมืองบาร์สตันในครั้งนี้มันเต็มไปด้วยอันตราย

แม้ทุกๆคนจะรู้ดีถึงความเสี่ยงที่จะต้องแบกรับ แต่ทุกๆคงยังให้กำลังใจและบอกลาไลเนอร์ เมื่อเห็นเช่นนั้น เอริกะจึงไม่มีเหตุผลอื่นที่จะปฎิเสธไลเนอร์ได้

 

[ ได้ค่ะ ถ้าเช่นนั้น พวกเราไปกันเถอะค่ะ ไลเนอร์ ] – เอริกะ

[ เยส! ] – ไลเนอร์

 

ด้วยท่าทีที่แตกต่างไปจากเมื่อวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ไลเนอร์ก้าวขึ้นสู่เรือเหาะโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ

ข้างหน้าของพวกเขา คือวินเซนต์ที่กำลังเฝ้ามองฉากการอำลาของกลุ่มเพื่อน ไลเนอร์ก็ได้เดินตรงไปที่ด้านหน้าของวินเซนต์และโค้งคำนับ

 

[ ขอบคุณมากครับ! ] – ไลเนอร์

[ ข้าไม่ได้ทำอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าคำแนะนำของข้าช่วยคลายความสงสัยของนายได้ ข้าก็ยินดี ] – วินเซนต์

 

นี่คงเกี่ยวกับการพูดคุยกันช่วงสั้นๆของพวกเขาทั้ง 2 เมื่อคืนก่อน

เมื่อเห็นฉากที่พวกเขาทั้ง 2 คนคุยกัน มันคงเดาได้ไม่ยากว่าคำแนะนำของวินเซนต์มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงให้ไลเนอร์ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับฮาโรลด์

 

[ นั้นไม่จริงเลยครับ ถ้าหากผมคิดเกี่ยวกับมันด้วยตัวเอง .. ผมคง — … ผมคงไม่มีวันที่จะตัดสินใจแบบนี้ได้ ] – ไลเนอร์

[ ฮ่าๆ ข้าเองก็เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกับนายตอนที่สมัยยังเป็นเด็ก ] – วินเซนต์

[ ประสบการณ์คล้ายๆ ? ] – ไลเนอร์

[ ใช่ ] – วินเซนต์

 

วินเซนค์กล่าวออกมาพลางหลับตาลงนึกย้อนถึงวัยเด็กของตน

 

[ ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันมานานมากแล้ว หมอนั้นถูกใครๆมองว่าเป็นคนเหลาะแหละไม่เอาไหน ไม่จริงใจ ขี้เมา….แต่ถ้าไม่ใช่เพราะหมอนั้น – ถ้าไม่ใช่เพราะโคดี้ในตอนนั้น ข้าเองก็คงไม่ได้กลายมาเป็นอัศวินเหมือนทุกวันนี้ ] – วินเซนต์

 

โคดี้ ชื่อนี้เอริกะเคยได้ยินมาก่อน

5 ปีก่อน หลังจากเหตุการณ์การต่อสู้ในป่าเบลติส เอริกะที่กำลังจะหันหลังกลับออกไปที่ประตูจากสำนักงานใหญ่อัศวินในเมืองหลวง ตอนนั้น โคดี้ร้องเรียกเธอและพาเธอเข้าไปด้านในเพื่อพบกับฮาโรลด์

หลังจากนั้น ในตอนนี้ฮาโรลด์ถูกตัดสินประหารชีวิต โคดี้เป็นคนที่คัดค้านผลการตัดสิน และร่วมมือกับเธอในการพยายามแก้ไขผลคำตัดสินเหล่านั้น ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็ไม่ได้พบกับโคดี้อีกเลย

 

[ เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของคุณเหรอคะ หัวหน้าวินเซนต์ ? ] – เอริกะ

[ มาคิดๆดูแล้ว เธอก็เคยพบกับเขามาก่อนใช่ไหมนะ ? เอริกะ ] – วินเซนต์

[ ค่ะ เขาเคยช่วยดิฉันเอาไว้มากเมื่อตอนนั้น ] – เอริกะ

 

เมื่อคิดๆย้อนกลับไปในตอนนั้น โคดี้เองก็เคยบอกกับเธอว่า วินเซนต์ที่ในเวลานั้นเป็นรองกัปตันเป็นคนที่สามารถเชื่อถือได้ พวกเขาทั้งคู่คงต้องมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระดับหนึ่งถึงกล้าพูดอะไรเช่นนั้น

 

[ อืม … ตอนนี้หมอนั้นก็อยู่ที่บาร์สตันเหมือนกัน แต่ว่า หมอนั้นเป็นคนประเภทที่ต่อให้จะพยายามแค่ไหนก็ฆ่าหมอนั้นให้ตายไม่ได้ ดังนั้น ข้าแน่ใจว่าเขาคงยังมีชีวิตอยู่ ] – วินเซนต์

 

ถึงแม้วินเซนต์จะกล่าวออกมาชิวๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เอริกะก็สัมผัสได้ถึงความกังวลที่แอบแฝงมาในคำพูดเหล่านั้น คำพูดที่คอยบอกกับตัวเองมากกว่าใครๆ บอกกับตัวเองว่าทุกๆอย่างจะไม่เป็นไร บอกว่าคนๆนั้นยังปลอดภัย

ต่อให้คนๆนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ขึ้นไปสูงถึงขนาดกลายเป็นผู้นำแห่งภาคีอัศวิน แต่คนๆนั้นก็ยังเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง พวกเขาล้วนมีความอ่อนแออยู่ภายในตัว เช่นเดียวกับฮาโรลด์

 

[ ค่ะ ดิฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ] – เอริกะ

 

เธอกล่าวออกมาด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยกำลังใจ

ซึ่งวินเซนต์เองก็ตอบรับคำพูดเหล่านั้นด้วยการยิ้มออกมาเล็กๆ

 

 

 

———————————–

 

 

 

สิ่งแรกที่ฮาโรลด์รู้สึกตั้งแต่รู้สึกตัวนั้นคือความเหนื่อยล้าที่เกาะไปทั่วร่างกายของเขา และความเจ็บปวดที่ถูกจับล่ามด้วยโซ่ที่มือทั้ง 2 ขณะนั่งคุกเข่า

 

( เหมือนตอนที่ผมถูกจับขังคุกเลย …. ) – ฮาโรลด์

 

เขาเองก็ไม่อยากจะนึกถึงหรอก แต่ความทรงจำเหล่านั้นแว้บเข้ามาภายในหัวเอง

เมื่อเทียบกับคุกตอนนั้น ที่นี่ดูสะอาดกว่าเยอะ ซึ่งถือว่าดีกว่าเล็กน้อย แต่… ไม่ว่าสภาพความเป็นอยู่ของเขาจะน่าพึงพอใจซักเพียงใด แต่อารมณ์ของเขาก็ดิ่งลงเหวลงทันทีเนื่องมาจากชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา—– ไม่สิรูปลักษณ์ไม่เหมือนแต่ก่อน

 

[ ในที่สุดก็ตื่นซักที ฮาโรลด์ ] – ยูสทัส

[ แต่แกก็ยังนิสัยเสียอยู่เหมือนเคยนะ ยูสทัส ] – ฮาโรลด์

[ เฮ้ นั้นคือคำพูดแรกที่นายพูดงั้นเรอะ ? ชั้นดีใจนะที่เห็นสมองนายยังคงทำงานได้อย่างปกติ ] – ยูสทัส

 

ทั้งคำพูดและกิริยาท่าทางที่แสดงออกมานั้น ไม่ผิดตัวแน่ เขาคือ ยูสทัส ฟรอยด์ คนที่ฮาโรลด์รู้จักเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขากับเป็นเด็กสาวอายุราวๆ 10 ขวบ บอกตรงๆ เขาเหมือนซาร่าเป็นอย่างมาก

ฮาโรลด์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเกมส์มาก่อน

แต่หากอ้างอิงจากความรู้ภายในเกมส์ และ สถานการณ์ปัจจุบัน เขาก็พอเดาอะไรบางอย่างได้

 

( แผนของยูสทัสคือการฟื้นคืนชีพให้เอสเทล และวิธีการก็คือการดึงร่างวิญญาณของเธอที่หลับใหลอยู่ภายในแกนกลางของดวงดาวและผสานมันเข้ากับร่างกายของบุตรแห่งดวงดาว ) – ฮาโรลด์

 

ใช่แล้ว มันคือการซิงโครไนซ์ การที่จะดึงวิญญาณของเอสเทลออกมาจากแกนกลางของดวงดาวได้ยูสทัสจำเป็นที่จะต้องซิงโครไนซ์ร่างวิญญาณของตัวเองเข้ากับแกนกลางของดวงดาว

หรือในอีกความหมายก็คือ มันคือการถ่ายโอนความรู้สึกนึกคิดของตัวเองไปยังภาชนะอื่นที่ไม่ใช่ร่างกายของตนเอง

พูดตามตรง สิ่งนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะต่อให้อัจฉริยะแค่ไหน ยูสทัสก็คงไม่มีวันใช้ร่างกายของตัวเองทดลองถ่ายโอนอัตตาของตัวเองกับเป้าหมายอื่นที่ไม่สำคัญ นั้นเพราะถ้าหากมันเกิดผิดพลาด สิ่งที่เขาพยายามทำมาทั้งหมดก็จะสูญปล่าวทันที

 

( แล้วทำไมเขาถึงต้องถ่ายโอนอัตตาของตัวเองด้วย …. ) – ฮาโรลด์

 

ใช้อัตตาของตัวเอง—- ไม่สิก่อนหน้านั้น เขาคงต้องเคยทดลองกับร่างอื่นๆ

และผลที่ได้ทำให้ยูสทัสในรูปลักษณ์ของซาร่า

 

[ หึ รู้สึกยังไงที่ได้มีร่างกายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ? ] – ฮาโรลด์

[ ตอนแรกมันก็รู้สึกแปลกๆ แต่ตอนนี้ชั้นเริ่มชินแล้วล่ะ ] – ยูสทัส

( เดี่ยวนะ เขาพูดว่า ชินแล้ว? งั้นรึ… ) – ฮาโรลด์

 

จากคำพูดของเขาบอกได้ว่าเขาได้ถ่ายโอนอัตตามาอยู่ในร่างของซาร่าได้ระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ยูสทัสเองก็ยังคงมีตัวตนอยู่จริงๆจนถึงเมื่อไม่นานมานี้

หากเป็นเช่นนั้น นี่เขาพลาดอะไรไป ? เมื่อมาถึงทางตัน ฮาโรลด์พยายามเรียบเรียงข้อมูลที่มีเพื่อจัดระบบความคิดเสียใหม่

พอมานึกๆดู ก่อนที่เขาจะหมดสติ มีอีกคนหนึ่งที่ยูสทัสกำลังซิงโครไนซ์อยู่เช่นกัน

ซึ่งชายคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ โคดี้ รูเซียล

ฮาโรลด์ไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นไปได้ และต่อให้มันเป็นไปได้ในทางเทคนิคจริง เขาก็รู้สึกกลัวจนหนาวสั่นเพียงแค่นึกว่าร่างของตัวเองถูกคนอื่นเข้ามาควบคุมและทำนู่นทำนี่

 

[ แบ่ง ….. จิตสำนึก—– และอัตตาของตัวเอง งั้นเหรอ? ] – ฮาโรลด์

 

จากมุมมองของฮาโรลด์ นี่ไม่ใช่การกระทำของคนที่เรียกว่ามีสติสัมปชัญยะสมบูรณ์ดีได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าฮาโรลด์ คือนักวิทยาศาสตร์คลั่งที่ทิ้งสติสัมปชัญยะไปนานแล้ว

รอยยิ้มอันดำมืดและบ้าคลั่งค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้ายูสทัส—ของเด็กสาว

 

[ ถูกต้อง ! เอา 100 คะแนนเต็มไปเลย ฮาโรลด์ ! ] – ยูสทัส

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Score 10
Status: Completed
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ " ฮาโรลด์ สโตร์ก" สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

Options

not work with dark mode
Reset