My Death Flags Show No Sign of Ending 128 ในฐานะของกลุ่ม

ตอนที่ 128 ในฐานะของกลุ่ม

[ ไม่เป็นไรแน่นะ ? เอริกะ ] – ฟรานซิส

 

 

 

หลังจากเห็นวินเซนต์ออกไปแล้ว ฟรานซิสก็ถอนหายใจออกมาเล็กๆก่อนที่จะพูดกับเอริกะ

 

[ ค่ะ ดูเหมือนว่าเหล่าผู้นำระดับสูงของภาคีอัศวินจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ ดร. ยูสทัสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกัน ดิฉันเชื่อว่าพวกเราสามารถเชื่อใจหัวหน้าวินเซนต์ได้ค่ะ ] – เอริกะ

[ บอกเหตุผลได้รึปล่าว ? ] – ฟรานซิส

[ ยูโนะคะ อัศวินที่ถูกส่งไปที่บาร์สตัน พวกเขาร่วมมือกับท่านฮาโรลด์ในการอพยพเหล่าชาวเมืองใช่รึปล่าวคะ ? ] – เอริกะ

[ ค่ะ พวกเขาร่วมมือกับท่านฮาโรลด์และกลุ่มฟรีรี่เป็นอย่างดีค่ะ ] – ยูโนะ

 

ยูโนะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากปกติและไม่ยืดยาว นั้นแสดงให้เห็นถึงว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลวร้ายเสียจนไม่มีที่ว่างให้เธอได้ผ่อนคลาย

เอริกะก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และนั้นทำให้เธอต้องบอกกับตัวเองให้พยายามสงบสติอารมณ์และลงมืออย่างใจเย็นที่สุด

 

[ โดยปกติแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองบาร์สตันควรจะถูกรายงานไปถึงหัวหน้าวินเซนต์ผู้ที่เป็นผู้นำของภาคีอัศวิน แต่กลับไม่มีรายงานที่ว่านั้นส่งไปถึง หากเป็นเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้หลายประการเช่น …. ] – เอริกะ

 

ประการแรก อัศวินทั้งหมดที่ถูกส่งไปบาร์สตันถูกทำลายลงจนหมดหรือไม่ก็สถานการณ์ยังคงวุ่นวายเกินกว่าจะรายงานสถานการณ์ใดๆ อย่างไรก็ตาม จากรายงานที่ได้รับมาจากยูโนะ มันไม่เป็นเช่นนั้น และควรมีการนำส่งรายงานสถานกการณ์ไปแล้ว ซึ่งระยะเวลาในการส่งข้อมูลสถานการณ์ควรจะไม่แตกต่างกันมากนักกับที่หน่วยสืบข้อมูลของตระกูลสุเมรากิใช้

ประการที่สอง รายงานสถานการณ์ถูกขัดขวางระหว่างทางก่อนที่จะถึงวินเซนต์โดยคนจากฝ่ายของดร.ยูสทัสที่แฝงตัวอยู่ในภาคีอัศวิน นี่อาจเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด

 

[ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ประการที่ 3 ไม่ใช่เหรอ ? ว่าหัวหน้าวินเซนต์ที่พวกเราคุยด้วยนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับยูสทัสและกำลังหลอกพวกเราอยู่ ] – ลีฟา

 

ลีฟาชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่มีความเป็นไปได้เช่นกัน

แม้ว่าพวกเธอจะพอเข้าใจสถานการณ์ต่างๆอยู่บ้าง แต่เพราะไม่เข้าใจความคิดของยูสทัส พวกเธอเลยไม่รู้ว่ายูสทัสมีเป้าหมายอะไรกันแน่

 

[ ก็จริงตามนั้นและดิฉันเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆค่ะ แต่หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนคำพูดกับเขา ดิฉันคิดว่าประการที่ 3 นั้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำและพวกเราสามารถเชื่อถือเขาได้ค่ะ ] – เอริกะ

[ ฉันไม่ได้มีความคิดที่จะคัดค้านในเรื่องที่เธอใช้ตัดสินคนหรอกนะเอริกะ แต่ว่า มันไม่ใช่แค่นั้นใช่ไหม ? ] – ลีฟา

[ …. ค่ะ ] – เอริกะ

 

แม้จะไม่รู้รายละเอียด แต่ลีฟาก็สัมผัสได้ว่าเอริกะปกปิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งก็จริงตามนั้น เอริกะมีแผนบางอย่าง แต่เธอกังวลว่าควรที่จะเปิดเผยมันออกไปดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน การแบ่งปันข้อมูลถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเอริกะเองก็อยากให้ฮาโรลด์แบ่งปันข้อมูลให้กับพวกของเธอบ้าง แต่ตอนนี้เธอกลับอยากจะทำเหมือนกับฮาโรลด์ที่มักจะทำอยู่เสมอ แต่ถ้าเธอซ่อนข้อมูลเหล่านั้นจากเพื่อนๆของเธอ เธอเองก็ไม่มีหน้าไปต่อว่าอะไรในสิ่งที่ฮาโรลด์ทำได้

 

[ ถ้าหากพวกเราอนุมานว่าวินเซนต์อยู่ฝ่ายเดียวกับดร.ยูสทัส ถ้าเช่นนั้น เหตุผลที่เขาเข้าหาพวกเราก็คงเพื่อตรวจสอบว่าพวกเรามีข้อมูลมากน้อยเพียงใดและอะไรคือสิ่งที่พวกเราจะลงมือทำต่อไป…. ] – เอริกะ

 

ทั้งลีฟาและฟรานซิสต่างไม่ขัด เพราะพวกเธอทั้งคู่เข้าใจในสิ่งเอริกะกำลังพูดอยู่ก่อนแล้ว

 

[ หากข้อมูลที่พวกเรามีไม่มีนัยสำคัญอะไร ฝั่งดร.ยูสทัสคงไม่ลงมือทำอะไรและคงปล่อยพวกเราไป แต่ถ้าข้อมูลที่พวกเรามีไม่สามารถละเลยได้ พวกเขาอาจใช้มาตรการที่รุนแรงกว่านี้  ] – เอริกะ

[ มาตรการที่รุนแรง?? เธอหมายถึงอะไร? ] – ไลเนอร์

[ วิธีการที่รวดเร็วที่สุดก็คงเป็นกำจัดพวกเรา หรือก็คือ ฆ่าพวกเราทิ้งค่ะ ] – เอริกะ

 

เอริกะตอบกลับกับคำถามของไลเนอร์อย่างไม่ลังเล

ซึ่งทั้งไลเนอร์และคลอเล็ตต่างอ้าปากค้างเพราะคาดไม่ถึงว่าตอบที่ได้จะเป็นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเพียง 2 คนนี้เท่านั้นที่ยังคงตามบทสนทนาไม่ทัน

 

[ พวกเราต่างเคยประดาบกับท่านฮาโรลด์มาแล้ว ซึ่งดิฉันจะขอไม่พูดถึงผลลัพธ์ของมัน แต่ตามสมมุติฐาน ถ้าท่านหัวหน้าอัศวินมีความสามารถเทียบเท่าหรือสูงกว่าท่านฮาโรลด์ การเขี่ยพวกเราให้พ้นทางใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ] – เอริกะ

 

แม้จะบอกว่าเป็นสมมุติฐาน แต่เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่เขาเป็นผู้นำทัพในการโต้กับการรุกรานของฝูงมอนเตอร์ก่อนหน้านี้ มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยหากเขาจะมีความสามารถเทียบเท่ากับฮาโรลด์

 

[ ผมเข้าใจแล้วในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก แต่ว่า การคิดที่จะฆ่าเชื้อพระวงค์อย่างฟรานหรือขุนนางอย่างเอริกะแบบนั้นมันทำได้ง่ายๆเลยหรอ ? ] – ไลเนอร์

[ ฝั่งนั้นมีความสามารถมากพอที่จะทำแบบนั้นได้ แต่ถ้าพิจารนาถึงผลที่ตามมามันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่นายพูดนั้นแหละไลเนอร์ แต่นั้นก็ต่อเมื่อในสถานการณ์ปกติล่ะนะ ] – ลีฟา

[ หมายความว่ายังไง ? ] – ไลเนอร์

[ นายลืมไปแล้วหรอในสิ่งที่พวกเราได้ยินมาจากฮาโรลด์? ถ้าหากแผนของยูสทัสสำเร็จ ทั้งทวีปจะจมลง และถ้าเป็นแบบนั้นจริง จะเป็นเชื้อพระวงค์หรือขุนนางก็ไม่มีความหมายใดๆ ] – ลีฟา

 

ลีฟาพูดถูก หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนอย่าง การล่มสลายของทวีป อาณาจักรจะอยู่รอดต่อไปได้จริงๆหรือ ? ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายเหล่านั้น หน่วยงานรักษาความปลอดภัยต่างๆๆคงวิ่งกันวุ่นไม่มีเวลามาตามหาตัวฆาตกรที่สังหารเชื้อพระวงค์หรือขุนนางหรอก

และถ้าวินเซนต์ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แผนการของดร.ยูสตัสสำเร็จ ไม่มีทางที่เขาจะลังเลที่จะสังหารพวกเธอ

 

[ นั้นคือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเรา และเพื่อจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กลุ่มของพวกเราจะถูกทำลาย พวกเราจึงจำเป็นต้องแยกออกเป็น 2 กลุ่ม ดิฉัน เวนโตส และลิเลี่ยม จะเป็นคนที่เดินทางไปกับเหล่าอัศวินเพื่อช่วยท่านฮาโรลด์เองค่ะ ] – เอริกะ

[ ข้าก็ไม่ได้อยากจะขัดอะไรหรอกนะ แต่ทำไมต้องเป็น 2 คนนั้น ? ] – ฮิวโก้

 

ฮิวโก้ พยายามถามถึงเจตนาเบื้องหลังในการแบ่งกลุ่มในลักษณะนี้ เพราะมันดูชัดเจนว่านี่ไม่ใช่การแบ่งแบบสุ่มๆ แต่ฮิวโก้ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้

ซึ่งเอริกะ ก็เปิดเผยความคิดของเธอออกมาโดยไม่โกหกใดๆ

 

[ นั้นเพราะยังมีความเป็นไปได้ที่ 2 คนนี้อาจจะเป็นสายให้ดร.ยูสทัสค่ะ ] – เอริกะ

[ ด-เดี่ยวสิ! ฉันไม่— ] – ลิเลี่ยม

 

ลิเลี่ยมกำลังจะส่งเสียงคัดค้านออกมาแต่เวนโทสได้ดึงแขนห้ามเธอเอาไว้เสียก่อน

 

[ ใจเย็นลงก่อน ลิเลี่ยม ] – เวนโตส

[ ตะ-แต่ว่า.. ] – ลิเลี่ยม

[ ที่เอริกะพูดมันก็ถูกต้อง พวกเรายังไม่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของพวกเราได้ ] – เวนโตส

 

ดูเหมือนว่าเวนโตสจะสามารถเข้าใจสถานการณ์ต่างๆอย่างเป็นกลาง แต่เอริกะก็รู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเปิดเผยความสงสัยของเธอออกมาตรงๆ มันเกิดมากจากความใจดีที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด แม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพวกเขาทั้งคู่จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เธอก็ได้เห็นพวกเขาทั้งคู่ต่อสู้เคียงข้างพวกเธอโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์การต่อสู้ล่าสุด

อย่างไรก็ตาม หากทั้ง 2 ไม่ใช่สายของดร.ยูสทัสและต้องการที่จะทำอะไรเพื่อตัวของฮาโรลด์จริงๆ นี่อาจถือเป็นโอกาสที่ดีก็ได้

 

[ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากตอนนี้ท่านฮาโรลด์กำลังตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ไม่ใช่ตอนนี้เหรอที่เหมาะแก่การตอบแทนบุญคุณท่านฮาโรลด์ที่สุด นี่คือสิ่งที่พวกเราทั้ง 2 ต้องการไม่ใช่เหรอ ? ] – เวนโตส

[ มันก็– ใช่แหละ … ] – ลิเลี่ยม

 

หลังจากที่ปล่อยให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกัน เอริกะก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง

 

[ ถ้าเช่นนั้น พวกคุณจะเดินทางไปพร้อมกับดิฉันไหมคะ ? ] – เอริกะ

[ แน่นอน ] – เวนโตส

[ ค่ะ! ได้โปรดให้พวกเราไปด้วยค่ะ! ] – ลิเลี่ยม

[ ….. ถ้าเช่นนั้น คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ ไลเนอร์ ] – เอริกะ

[ ทะ- ทำไมเธอถึงถามผมล่ะ … ] – ไลเนอร์

[ นั้นเพราะคุณคือผู้นำของกลุ่มเรา ] – เอริกะ

 

ไลเนอร์ถึงกับชะงักกับคำถามที่จู่ๆก็ถูกยิงเข้ามา

จากมุมมองของเอริกะ เห็นได้ชัดว่าไลเนอร์ยังคงมีอะไรติดอยู่ในใจในตัวของฮาโรลด์จากเหตุการณ์การปะทะกันล่าสุด ซึ่งเธอรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปแตะต้องหรือพูดถึงความรู้สึกเหล่านั้นของไลเนอร์

เมื่อพิจารณาถึงข้อสรุปเหล่านั้น มันมีความเป็นไปได้ที่ผู้นำกลุ่มอย่างไลเนอร์จะมีความรู้สึกลังเลที่จะช่วยฮาโรลด์ดีหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเอริกะเป็นผู้นำกลุ่ม เธอคงลงมือไปแล้ว แต่นั้นอาจทำให้ความสัมพันธ์ภายในกลุ่มแตกสลายได้ และเธอก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

ดังนั้นมันคงจะดีกว่าหากเริ่มจากการพูดคุยและปรับความคิดของทุกๆคนภายในกลุ่มให้ตรงกัน

 

[ ความปรารถนาที่จะช่วยท่านฮาโรลด์เป็นเพียงความต้องการของดิฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกเราจำเป็นต้องหารือเรื่องนี้อย่างเหมาะสมในฐานะกลุ่ม ] – เอริกะ

[คือ- ผ- ผม … ] – ไลเนอร์

 

ความลังเลกำลังต่อสู้กันภายในจิตใจของไลเนอร์อย่างชัดเจน

เมื่อเห็นไลเนอร์ เอริกะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ เด็กหนุ่มที่มีความยุติธรรมและไร้เดียงสาอย่างไลเนอร์จะไม่มีวันเพิกเฉยต่อชีวิตของคนอื่นที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากความรู้สึกส่วนตัว ยิ่งไปกว่านั้นการช่วยฮาโรลด์ในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับความต้องการของผู้นำอัศวินที่เป็นดั่งไอดอลของเขาอีกด้วย

เธอได้แต่รู้สึกผิดที่ไปจี้จุดอ่อนของเขา

 

[ …. ผมคิดว่าพวกเราควรไปช่วยเขา ดังนั้น ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของเอริกะ … ] – ไลเนอร์

[ ขอบพระคุณค่ะ ไลเนอร์ ] – เอริกะ

[ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว พวกเรามาเริ่มในสิ่งที่จำเป็นต้องทำกันดีกว่า ] – ลีฟา

 

เธอตบมือของเธอเพื่อเรียกสติจากทุกคน

ก่อนอื่น พวกเธอจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม วางแผนดำเนินการเมื่อต้องแยกเป็น 2 กลุ่ม และตัดสินใจเกี่ยวกับระยะเวลาที่พวกเธอจะกลับมารวมกลุ่มกันใหม่ ทั้งสถานการณ์ในทราวิสและบาร์สตันยังคงคาดเดาไม่ได้และอาจเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นพวกเธอจำเป็นจะต้องวางแผนรับมือ

แม้ว่าพวกเธอจะสามารถช่วยฮาโรลด์ได้จริง แต่บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้วก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น การกลับมารวมกลุ่มกันอาจทำไม่ได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายๆสิ่งที่จำเป็นจะต้องร่วมกันตัดสินใจ กว่าพวกเธอจะได้ข้อสรุปก็กินเวลาเกือบ 1 วันเต็ม

และในระหว่างนั้น พวกเธอก็ยังต้องดูแลการมาถึงของเรือเหาะสันติยาเทรดดิ้ง และช่วยเหลือพวกเขาในการถ่ายโอนสินค้า กว่าจะเสร็จกว่าจะได้นอนก็เกือบจะวันใหม่แล้ว และเมื่อถึงรุ่งสาง พวกเธอก็จะขึ้นเรือเหาะเพื่อเดินทางไปยังเมืองบาร์สตันต่อ

แม้จะเข้าใจดีว่าเธอควรจะรีบพักผ่อนเอาแรง แต่เอริกะก็ยังคงรู้สึกกระสับกระส่ายและลงไปที่ลานกว้างของโรงแรมเพื่อมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน แม้ทั่วท้องฟ้ายามราตรีจะเป็นไปด้วยหมู่ดาว แต่จิตใจของเธอกลับเต็มไปด้วยหมอกเมฆขุ่นมัว

เธอได้แต่กังวลว่าฮาโรลด์จะยังคงปลอดภัยดีอยู่รึปล่าว ? หรือว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่เธอไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นกำลังรอคอยพวกเธออยู่

แม้จะเชื่อในตัวของฮาโรลด์ แต่ความคิดชั่ววูบนั้นก็แว้บเข้ามาในจิตใจของเธออยู่เรื่อยๆ ขณะที่รับรู้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง เธอได้แต่มองไปยังท้องฟ้ายามราตรีเพื่อให้มันช่วยเยียวยาจิตใจพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ และในตอนนั้น เธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินแหวกหญ้าตรงเข้ามาหาเธอ

 

[ เหนื่อยหน่อยนะ เอริกะ ] – ลีฟา

 

เป็นลีฟาเองที่ทักเอริกะ เมื่อเธอได้ยินเสียงของลีฟา มันก็ช่วยให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

แม้ว่าตัวของลีฟาเองคงจะรู้สึกร้อนรนและกังวลไม่แพ้กัน แต่ด้วยทัศนคติที่เข้มแข็งของเธอช่วยสนับสนุนกำลังใจของเอริกะทั้งในฐานะเพื่อนหรือสหายร่วมเดินทางได้เป็นอย่างมาก

 

[ คุณก็เช่นกันค่ะ ลีฟา ขอบคุณที่ได้ปรับแก้รายละเอียดเล็กๆน้อยที่พวกเรามองข้ามไปในแผนเช่นกันค่ะ ] – เอริกะ

[ นั้นเพราะพวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัดอีกด้วย ] – ลีฟา

[ ค่ะ… ] – เอริกะ

 

แม้จะได้รับรายงานสถานการณ์ที่เมืองบาร์สตันแล้ว แต่สถานการณ์จริงๆในพื้นที่คงไม่สามารถบอกได้จนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง สิ่งที่ยืนยันได้ก็คงมีเพียงแค่เกิดการโจมตีเมืองโดยฝูงมอนเตอร์จำนวนมาก และตัวเมืองได้ถูกพังทลายลง

ทั้งซากศพของพวกมอนเตอร์ บ้านเรือนที่พังทลาย หรือภูมิทัศน์ของเมืองที่ทลายลงอาจทำให้การค้นหาตัวของฮาโรลด์ยากยิ่งขึ้นไปอีก

 

[ แต่ดิฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้ค่ะ ไม่ว่าผลมันจะออกเป็นแบบไหนก็ตาม … ] – เอริกะ

[ …เอ~ ริ ~กะ~ เธอรู้รึปล่าว … เธอเริ่มเหมือนฮาโรลด์แล้วนะ ] – ลีฟา

[ เอ๊ะ ? คุณคิดงั้นหรือคะ ? ] – เอริกะ

 

เอริกะประหลาดใจกับคำพูดที่คาดไม่ถึงของลีฟา

แม้เธอเองเกือบจะเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อถูกบอกว่าเหมือนฮาโรลด์ แต่พอคิดดูดีๆถึงความหมายของมันแล้ว นั้นคงไม่ใช่คำชมแน่นอน

 

[ ดิฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าเหมือนส่วนไหน ? ] – เอริกะ

[ ส่วนที่รู้ว่ากำลังทำเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตตัวเอง แต่ยังพยายามแบกทุกๆสิ่งไว้ด้วยตัวคนเดียว ] – ลีฟา

[ ดิฉันไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้เลย ] – เอริกะ

 

ถ้าหาก วินเซนต์ หรือเวนโตสและลิเลี่ยมอยู่ฝ่ายดร.ยูสตัสจริง ชีวิตของเธอก็คงตกอยู่ในความเสี่ยง และถ้ายูสทัสอยู่เบื้องหลังเหตการณ์การบุกโจมตีของฝูงมอนเตอร์ที่เมืองบาร์สตันจริง สิ่งที่กำลังรอคอยเธออยู่ก็คงเป็นกับดักหรือฝูงมอนเตอร์จำนวนมาก

ถึงแม้จริงๆแล้วชีวิตของเธอจะเสี่ยงอยู่แล้วก็เถอะ นั้นเพราะเธอผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของขุนนาง แต่กลับมาออกเดินทางผจญภัยยาวนานหลายเดือนที่ตลอดการเดินทางเต็มไปด้วยอันตราย

 

[ แต่ต้องขอบคุณคุณนะคะ ลีฟา ที่ทำให้ดิฉันมีความกล้าขนาดนี้ ] – เอริกะ

 

คาถาที่ลีฟามอบให้เธอบนเนินเขาตอนนั้น ดูเหมือนว่าจะทำให้ความรู้สึกที่ซับซ้อนของเอริกะที่มีต่อฮาโรลด์ชัดเจนยิ่งขึ้น

เธออาจพูดไม่ได้เต็มปากว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่มันก็เป็นความจริงที่เธอค่อยๆเปลี่ยนไป เธอสามารถก้าวเดินต่อไปได้ และลีฟาคือผู้ที่ช่วยผลักแผ่นหลังของเธอ

 

[ จริงหรอ ? งี้ก็ถือว่าฉันเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยสินะ ] – ลีฟา

 

ลีฟายิ้มออกมาอย่างซุกซนเช่นเดียวกับที่เธอทำในตอนนั้น

เมื่อเห็นรอยยิ้มเหล่านั้น เอริกะก็ตระหนักได้อีกครั้งว่าเธอนั้นไม่ได้อยู่เพียงตัวคนเดียว และหากไม่มีใครคอยให้กำลังใจเธอแบบเดียวกับที่ลีฟาทำ จิตใจของเธอคงแตกสลายไปนานแล้ว

คำพูดที่ครั้งหนึ่งเธอเคยพูดไว้กับฮาโรลด์ “ท่านฮาโรลด์ควรหัดที่จะเรียนรู้การพึ่งพาคนอื่นให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ” ครั้งนี้จะเป็นตัวของเธอเองที่จำคำเหล่านี้ไว้ให้ขึ้นใจ

 

[ ขอบคุณนะคะ ลีฟา และได้โปรด คอยให้กำลังใจดิฉันต่อๆไปเรื่อยๆด้วยนะคะ ] – เอริกะ

 

เอริกะแสดงความรู้สึกขอบคุณออกมาอย่างจริงใจ และเมื่อได้รับความรู้สึกเหล่านั้น ลีฟาเธอก็ยิ้มออกมาอย่างเขิลอาย

เธอต้องการที่จะเป็นกำลังให้กับฮาโรลด์ และความมุ่งมั่นนี้จะไม่มีวันสั่นคลอนอีกต่อไป

และแล้ว รุ่งสางแห่งวันใหม่ก็มาถึง

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Score 10
Status: Completed
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ " ฮาโรลด์ สโตร์ก" สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

Options

not work with dark mode
Reset