My Death Flags Show No Sign of Ending 127 เงื่อนไขของเอริกะ

ตอนที่ 127 เงื่อนไขของเอริกะ

[ ทำไมคุณถามถึงท่านฮาโรลด์ล่ะคะ ? ] – เอริกะ

[ ข้าอยากหาลือกับเขาเกี่ยวกับเรื่องการโจมตีครั้งล่าสุดและสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ] – วินเซนต์

[ ถ้าเช่นนั้น แล้วทำไมคุณถึงเลือกที่จะมาถามดิฉันล่ะคะ ? ] – เอริกะ

[ ข้าคิดว่าเธออาจจะรู้ว่าฮาโรลด์อยู่ที่ไหนเพราะเธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขา ] – วินเซนต์

 

ดวงตาของเอริกะสั่นไหวอยู่ชั่วครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำตอบของวินเซนต์ แต่เธอก็สามารถสงบสติอารมณ์ของเธอได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับกลืนอารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นลงไป

 

[ ค่ะ ดิฉันพอจะรู้ว่าท่านฮาโรลด์อยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตาม ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราและคุณ ดิฉันไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเรามีความไว้วางใจกับคุณมากพอที่จะแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ค่ะ ] – เอริกะ

 

เอริกะตอบกลับไปพร้อมกับสายตาที่เย็นเฉียบที่มองตรงไปยังวินเซนต์

แม้ว่าวินเซนต์รู้สึกอยากหัวเราะที่ได้เห็นการแสดงออกที่เด็ดเดี่ยวของเธอ แต่เขาก็วุฒิภาวะสูงพอที่จะรู้ว่าการตอบกลับด้วยทัศนะคติเช่นนี้มีแต่จะสร้างรอยบาดหมางให้ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก

 

[ ดิฉันขอบอกคุณตามตรง ดิฉันไม่ไว้ใจเหล่าผู้นำระดับสูงของภาคีอัศวิน แน่นอนว่ารวมถึงคุณด้วยค่ะ ] – เอริกะ

[ …. เข้าใจล่ะ ] – วินเซนต์

 

วินเซนต์เข้าใจในสิ่งที่เอริกะต้องการจะสื่อดี เพราะเมื่อ 5 ปีก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นในป่าเบลติส หัวหน้าทีมสำรวจและเหล่าผู้บัญชาการแห่งภาคีอัศวินในเวลานั้นได้มีมติเห็นชอบที่จะประหารชีวิตฮาโรลด์ สโตร์ก ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเอริกะถึงไม่ไว้ใจภาคีอัศวิน

 

[ เธอคิดว่าผู้นำระดับสูงของภาคีอัศวินรวมถึงตัวข้าเป็นศัตรูกับฮาโรลด์สินะ ? ] – วินเซนต์

[ ดิฉันทราบค่ะว่าในเวลานั้น คุณเป็นเพียงคนเดียวที่คัดค้านการประหารชีวิตท่านฮาโรลด์ แต่ว่า มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าตอนนี้คุณยังมีความคิดเช่นเดิม ] – เอริกะ

 

บางทีเอริกะอาจจะสงสัยเป็นอย่างมากหรือไม่ก็เชื่อว่าภาคีอัศวินตกอยู่ภายใต้การบงการของใครบางคน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ต้นกำเนิดของภาคีอัศวินนั้นมีมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งแต่เดิมบรรพบุรุษของกษัตริย์องค์ปัจจุบันก่อตั้งกองทหารเหล่านี้เพื่อใช้เป็รทหารส่วนพระองค์

เป็นที่ทราบกันดีว่ารากฐานของภาคีอัศวินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เอริกะพูด นั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่เธอหมายถึง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอเชื่อว่าสิ่งที่ครอบงำองค์กรนั้นไม่ใช่มาจากพระประสงค์ของกษัตริย์ แต่เป็นขุมอำนาจใหม่ที่มาจากภายนอก

 

[ ก็จริงอยู่อย่างที่เธอพูด ถ้าเช่นนั้น พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างที่ตัวข้ามีให้กับเธอได้ทราบ ] – วินเซนต์

[ โปรด พูดต่อไปค่ะ ] – เอริกะ

[  ไม่ต้องสงสัยเลยในเรื่องการประหารของฮาโรลด์นั้นมีผู้ที่มีอิทธิพลระดับสูงของภาคีอัศวินเข้ามาเกี่ยวข้อง ชื่อของคนๆนั้น คือ ดร. ยูสทัส ฟรอยด์ ฮาโรลด์กำลังขัดขวางแผนการของชายคนนี้และข้าก็เชื่อว่าชายคนนี้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์มอนเตอร์บุกโจมตีเมืองทราวิส ] – วินเซนต์

 

ขณะที่วินเซนต์พูดชื่อของยูสทัสและแสดงถึงข้อสงสัยออกมา บรรยากาศภายในห้องก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงทันที ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาเหล่านี้มีข้อมูลอะไรบางอย่างเกี่ยวกับยูสทัสเช่นกัน แต่ท่ามกลางความสับสนเหล่านี้ เอริกะเป็นเพียงคนเดียวที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

 

[ นั้นรวมถึงคุณด้วยรึปล่าวคะ ? ] – เอริกะ

[ แค่ “เคย” แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ] – วินเซนต์

[ อะไรคือสิ่งที่สามารถยืนยันคำพูดเหล่านั้นได้คะ ? ] – เอริกะ

[ มันเหมือนกับการถูกล้างสมอง ถึงจะน่าอายก็เถอะแต่ข้าต้องขอยอมรับว่าข้าเองก็เคยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของดร.ฟรอยด์เช่นกัน แต่ฮาโรลด์เป็นคนที่ช่วยข้าเอาไว้ ] – วินเซนต์

 

วินเซนต์ลังเลว่าควรจะพูดอะไรมากกว่านี้รึปล่าว หากพวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่ใกล้ชิดฮาโรลด์ วินเซนต์ก็ไม่คิดว่าจำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไร แต่สิ่งที่ทำให้เขาลังเลนั้นคือเขาไม่แน่ใจว่าฮาโรลด์จะต้องการให้เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือไม่ 

จากคำพูดและการกระทำของฮาโรลด์ วินเซนต์สัมผัสได้ว่าฮาโรลด์นั้นเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว บางที เขาคงอาจจะยอมแบกภาระหนักๆด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเลยด้วยซ้ำ วินเซนต์ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำให้ฮาโรลด์เป็นแบบนี้เพราะว่าความมั่นใจจนเกินเหตุในความสามารถของตัวของฮาโรลด์เองหรือเพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องอันตรายที่เขากำลังทำกันแน่

และถ้าหากเป็นอย่างหลัง การเปิดเผยข้อมูลทุกๆสิ่งเกี่ยวกับฮาโรลด์ มันก็เหมือนกับการไม่เคารพความตั้งใจของเขา

 

[ ถ้านั้นคือคำตอบ แสดงว่าเหตุผลที่ภาคีอัศวินเคลื่อนพลมาที่เมืองทราวิสก็เพราะท่านฮาโรลด์แจ้งข้อมูลให้พวกคุณทราบว่ากำลังจะมีการโจมตีเกิดขึ้นสินะคะ ] – เอริกะ

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเอริกะจะสามารถมองสถานการณ์ได้อย่างทะลุปุโปร่งเกินกว่าที่วินเซนต์คาดเอาไว้

แน่นอนว่า หากพิจารณาชิ้นส่วนคำใบ้ต่างๆ หลายๆคนก็อาจจะตีความได้ดั่งข้อสรุปเหล่านั้น แต่การที่สามารถตีความได้ทันทีนั้นสามารถบ่งบอกได้เลยว่าสติปัญญาของเธอนั้นน่าประทับใจขนาดไหน

“อืม… เอ๊ะ! เอริกะพูดถึงเรื่องอะไร ?” เด็กผู้ชายผมแดงถึงกับงุนงงและตามบทสนทนายังไม่ทัน

ซึ่งเด็กสาวที่ไว้ผมหางม้าก็มีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน

 

[ ไลเนอร์ นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่าฮาโรลด์กำลังขัดขวางแผนการของยูสทัส การคลายผลการล้างสมองของผู้นำภาคีอัศวินและส่งพวกเขามาที่ทราวิสนั้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขา ] – ลีฟา

[ นั้นก็ต่อเมื่อพวกเราเชื่อจริงๆในสิ่งที่หมอนั้นเล่ามาทั้งหมดล่ะนะ ] – ไลเนอร์

[ ไม่เอาน่า ถ้าเอาแต่พูดแบบนั้น เดี่ยวมันก็ลงเอยด้วยการเถียงกันไปกันมาไม่จบเสียที ] – ฮิวโก้

 

เนื่องจากยังมีเหตุผลอีกมากมายที่มันน่าสงสัย จึงเป็นเรื่องปกติที่ความคิดเห็นจะแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม วินเซนต์ไม่อาจเสียเวลากับการโต้เถียงไร้สาระเหล่านี้ได้ เขาจำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจจากเอริกะและคนอื่นๆโดยเร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าที่วินเซนต์คาดไว้มาก แต่เพราะพวกเขาใกล้ชิดกับตัวของฮาโรลด์ เรื่องพวกนี้จึงพอที่จะเข้าใจได้

 

[ เกือบๆ 2 เดือนก่อน ข้าได้รับการเตือนจากฮาโรลด์ ใจความประมาณว่า “ส่งกำลังพลไปที่ทราวิส” และ “ที่นั้นจะกลายเป็นนรกบนดินในไม่ช้า” ] – วินเซนต์

[ แสดงว่า ท่านฮาโรลด์ทราบดีว่าเมืองทราวิสกำลังจะถูกโจมตีสินะคะ ] – เอริกะ

[ ใช่ นั้นคือข้อสรุปที่เป็นไปได้มากที่สุด และไม่นานหลังจากนั้น ข้าก็ได้รับจดหมายอีกฉบับจากฮาโรลด์ ] – วินเซนต์

[ ในจดหมายเขียนไว้ว่าไงบ้างคะ ? ] – เอริกะ

[ เขารายงานว่าพบฝูงมอนเตอร์ขนาดใหญ่อีกฝูงที่ใต้ดินของเมืองบาร์สตัน ] – วินเซนต์

[ ไม่จริงน่า … ] – ฟรานซิส

 

เด็กหนุ่มผมสีฟ้าอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความตกใจ รวมถึงสีหน้าของเอริกะเองก็ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย และบรรยากาศภายในห้องยิ่งหนักขึ้นไปอีก

 

[ หลังจากได้รับจดหมายฉบับนั้น ข้าก็ได้ส่งอัศวินส่วนหนึ่งไปที่บาร์สตันเช่นกัน และเราได้รับการยืนยันแล้วว่าที่นั้นมีฝูงมอนเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ที่ใต้เมืองจริงๆ ดังนั้น ข้าจึงต้องการรีบไปพบฮาโรลด์ให้เร็วที่สุดเพื่อแบ่งปันข้อมูลและหารือเกี่ยวกับวิธีรับมือ— ] – วินเซนต์

[ เดี่ยวนะคะ ทางภาศีอัศวินยังไม่ทราบถึงการโจมตีที่เกิดขึ้นที่เมืองบาร์สตันหรือคะ ? ] – เอริกะ

[ อะไรนะ !? ] – วินเซนต์

 

ไม่มีรายงานใดๆถูกส่งมา ก็จริงอยู่ตลอดหลายวันมานี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับจัดการสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่เมืองทราวิส แต่ถ้าหากมีการโจมตีเกิดขึ้นที่เมืองบาร์สตันจริง วินเซนต์น่าจะได้รับแจ้งข้อมูลใดๆมาบ้าง

 

( นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ) – วินเซนต์

 

การโจมตีของฝูงมอนเตอร์ที่เกิดขึ้นที่เมือง ทราวิส และ บาร์สตัน จะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างไม่ต้องสงสัย และมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเกิดขึ้นพร้อมๆกัน อย่างไรก็ตาม มันน่าแปลกที่ไม่มีรายงานใดๆถูกส่งมา

 

[ ดูเหมือนว่าพวกเราจะพลาดเข้าแล้วสินะคะ แล้วทางอัศวินมีแผนจะทำอะไรต่อจากนี้ ? ] – เอริกะ

[ พวกเราต้องยืนยันข้อมูลเหล่านั้นโดยทันที เมื่อสามารถยืนยันได้แล้ว พวกเราจะส่งกำลังพลไปที่นั้น ] – วินเซนต์

[ คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากดำเนินแผนการตามที่คุณกล่าวมา แม้ว่าต่อให้เร่งรีบเดินทางแค่ไหน กว่าจะไปถึงที่นั้นคงใช้เวลาอีกเป็นอาทิตย์ ] – เอริกะ

 

การประเมินสถานการณ์ของเอริกะนั้นแม่นยำ ต่อให้มีเรือเหาะก็เถอะ แต่ภาคีอัศวินจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์และขอบเขตความเสียหาย ณ จุดเกิดเหตุเสียก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะส่งกำลังพลไปเท่าไหร่ดี ถึงแม้มันวินเซนต์อาจจะพอยืดหยุ่นได้บ้างเพราะนี่เป็นเรื่องฉุกเฉิน แต่สถานการณ์ที่เมืองทราวิสก็ฉุกเฉินไม่แพ้กัน เขาจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้

นอกเหนือจากกำลังพลที่รักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้กำลังพลเกือบทั้งหมดของภาคีอัศวินอยู่ในทราวิส และเมื่อพิจารณาถึงขอบเขตความเสียหายที่ทราวิสกำลังเผชิญ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะย้ายกำลังพลทั้งหมดออกจากทราวิสในตอนนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการคัดเลือกกำลังพลที่สามารถไปยังบาร์สตันได้

 

[ พวกเราทำงานในฐานะขององค์กร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากทำในสิ่งที่เราทำได้เท่านั้น ] – วินเซนต์

[ ในกรณีนี้ ดิฉันมีข้อเสนอ พรุ่งนี้ช่วงบ่าย เรือเหาะของบริษัทสันติยาเทรดดิ้งที่ทางสุเมรากิเป็นผู้จัดเตรียมจะเดินทางมาถึงที่เมืองทราวิส สินค้าส่วนใหญ่ที่ถูกจัดส่งมาบนเรือนั้นคือ อาหาร ยาเวชภัณฑ์ และของใช้จำเป็นอื่นๆ ] – เอริกะ

 

สันติยาเทรดดิ้ง คือ 1 ในกลุ่มการค้าที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรที่ทำการค้าขายสินค้ากับทางเมืองหลวง แน่นอว่าพวกเขามีเรือเหาะอยู่ในครอบครองหลายต่อหลายลำ

ด้วยความที่เป็นกลุ่มการค้าขนาดใหญ่ ทำให้พวกเขามีสต๊อกสินค้าที่ใหญ่ตามไปด้วย และสามารถจัดหาสินค้าและนำส่งยังพื้นที่คลาดแคลนได้ทันทีโดยผ่านทางขนส่งด้วยเรือเหาะของตนเอง ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้การมีอยู่ของพวกเขาเรียกได้ว่าแสงแห่งความหวังได้เลย

 

[ …. ก็เข้าใจอยู่นะถึงชื่อเสียงที่ตระกูลสุเมรากิมี ตระกูลของพวกเธอคงน่าจะมีเส้นสายกับกลุ่มการค้าใหญ่ๆเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ว่านี่จะไม่ดำเนินการเร็วไปหน่อยหรอกเหรอ ? ] – วินเซนต์

[ ค่ะ ความจริงแล้ว สิ่งของเหล่านั้นแต่เดิมทางสุเมรากิจัดเตรียมเอาไว้เพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น ] – เอริกะ

[ เธอหมายความว่ายังไง ? ] – วินเซนต์

 

ด้วยความสับสน วินเซนต์จึงขอคำชี้แจง

 

[ เมื่อไม่นานมานี้ ทางสุเมรากิเองก็ได้รับจดหมายแจ้งเตือนคล้ายๆกันจากท่านฮาโรลด์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมืองบาร์สตันที่อาจจะถูกฝูงมอนเตอร์โจมตี เขาขอให้ทางสุเมรากิเตรียมพร้อมเพื่อรับผู้อพยพเข้าสู่ดินแดนสุเมรากิด้วยค่ะ  ] – เอริกะ

 

กล่าวอีกนัยก็คือ ฮาโรลด์ได้แจ้งทางอัศวินเกี่ยวกับการโจมตีที่จะเกิดขึ้นที่เมืองทราวิสและบาร์สตัน และตัวของเขาเองก็กำลังดำเนินการอพยพผู้คนในเมืองบาร์สตันด้วยตนเอง อีกทั้งร้องขอให้ทางสุเมรากิเตรียมพร้อมเพื่อรับผู้อพยพอีกด้วย ดังนั้นทางสุเมรากิเองจึงได้จัดเตรียมสินค้าที่จำเป็นและเสบียงไว้มากมายเพื่อการนี้ และคงเตรียมไว้ให้กับทางเมืองทราวิสด้วยเช่นกัน

ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่แปลกอะไรที่ทางสุเมรากิสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

 

[ เมื่อมีการขนถ่ายสินค้าจากเรือจนหมดแล้ว เราสามารถมอบเรือเปล่าของกลุ่มการค้าสันติยาเทรดดิ้งให้กับคุณได้ และหากคุณยอมรับเงื่อนไขของพวกเรา พวกเรายินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลสถานการณ์ในเมืองบาร์สตันมากเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ ] – เอริกะ

 

การได้รับจดหมายแจ้งเตือนล่วงหน้าทางสุเมรากิคงส่งคนที่เมืองบาร์สตันล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยถ้าหากพวกเธอจะเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึนภายในเมืองบาร์สตันเป็นอย่างดี และหากยอบรับเงื่อนไขของเอริกะ มันก็จะสามารถลดเวลาในการประเมินขอบเขตความเสียหายลงเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ และสิ่งนี้จะช่วยให้ทางอัศวินดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

หากกลุ่มคนเหล่านี้เป็นศัตรู เขาคงจำเป็นต้องระวังคนกลุ่มนี้เอาไว้ให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่ยืนต่อหน้าวินเซนต์ คืออดีตคู่หมั้นของฮาโรลด์ที่พยายามหาทางช่วยเขาอยู่

วินเซนต์พบว่าฮาโรลด์เป็นชายผู้ที่มีความลึกลับมากมาย ภาพลักษณ์ภายนอกอาจดูหยาบคายและหยิ่งผยอง อย่างไรก็ตาม เมื่อได้แลกเปลี่ยนคำพูดกับเขาโดยตรง วินเซนต์รู้ว่าฮาโรลด์นั้นเป็นคนที่กำลังพยายามช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มและเป็นคนที่สามารถไว้ใจได้

นอกจากนี้ การกระทำของเอริกะ วินเซนต์กลับมองเห็นภาพของเธอทับซ้อนกับสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังพยายามทำในทางใดทางหนึ่ง

 

[ ตกลง เงื่อนไขมีอะไรบ้าง ? ] – วินเซนต์

[ ดิฉันขอให้คุณและสมาชิกอัศวินมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เดินทางไปยังเมืองบาร์สตัน พวกเราจะออกเดินทางกันในเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้และคงไปถึงตีนเขาของเมืองบาร์สตันภายในช่วงบ่ายของวันถัดไปค่ะ ] – เอริกะ

[ …… ดูเหมือนว่าทางอัศวินจะไม่ได้มีข้อเสียเปรียบใดๆกับเงื่อนไขเหล่านี้เลยนะ ] – เอริกะ

 

สำหรับวินเซนต์ การที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมืองบาร์สตันก็ถือว่าช่วยได้มากแล้ว กระนั้น เอริกะยังเสนอให้พวกเราขึ้นเรือเหาะและพาไปส่งถึงจุดหมายอย่างเร็วที่สุดอีกแล้ว

ถ้านี่คือทั้งหมดแล้ว ต่อให้วินเซนต์ต้องก้มหัวขอร้องเขาก็ยินยอมที่จะทำมัน

 

[ ค่ะ เงื่อนไขอื่นๆของดิฉันจะถูกกำหนดหลังจากพวกเราไปถึงที่เมืองบาร์สตันแล้ว ยูโนะคะ เชิญทางนี้ด้วยค่ะ ] – เอริกะ

[ เจ้าค่าา~~ ] – ยูโนะ

 

ผู้หญิงที่มีท่าทางเชื่องช้าและน้ำเสียงยืดยาวตอบรับการเรียกหาของเอริกะและเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางสงบ เธอคนนี้คงจะเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเอริกะ ความประทับใจแรกที่วินเซนต์มีต่อเธอคนนี้คือเธอเป็นคนที่เก่งและใจเย็น

เอริกะรับบางอย่างจากสาวใช้และวางมันลงบนโต๊ะ มันเป็นแผ่นโลหะเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือ

 

[ นี่คืออะไร ? ] – วินเซนต์

[ มันคือไอเท็มเวทมนตร์ค่ะ หน้าที่ของมันคือการบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสามารถถ่ายทอดภาพเหล่านั้นออกมาได้ค่ะ ] – เอริกะ

 

ไอเท็มเวทมนตร์นั้นมีความสามารถมากมายหลายชนิด ทั้งแบบที่มีความสามารถธรรมดาๆทั่วๆไปและความสามารถที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งวินเซนต์ก็เข้าใจดีว่าถ้าเจ้าสิ่งนี้สามารถทำอย่างที่ว่าได้จริง มันจะต้องมีมูลค่าที่สูงมากแน่ๆ

และแผ่นโลหะเล็กๆนั้นก็ฉายภาพสุดตะลึงออกมาให้เห็น

 

[ นี่มัน …. เลวร้ายมาก ] – วินเซนต์

[ ค่ะ นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันภายในเมืองบาร์สตัน ] – เอริกะ

 

ภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถหาคำใดๆมาบรรยายได้ และนั้นคือความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองทราวิสว่าเจ็บปวดแล้ว ที่เมืองบาร์สตันก็ไม่แพ้กัน

ภาพในเมืองในเต็มด้วยซากศพของเหล่ามอนเตอร์ บ้านเรือนส่วนใหญ่ไม่ถูกทำลายก็เหลือเพียงเถ้าถ่านเหมือนกับที่เกิดขึ้นในเมืองทราวิส สิ่งที่น่าสังเกตนั้นคือประมาณ 1 ใน 3 ของเมืองนั้นพังยับราวกับถูกถล่มลงไป

 

[ โชคดีที่ไม่มีผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์มอนเตอร์บุกถล่มเมืองบาร์สตันในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มคนที่เข้าต่อสู้กับฝูงมอนเตอร์เพื่อซื้อเวลาให้ชาวเมืองอพยพออกไปค่ะ ] – เอริกะ

[ อย่าบอกนะว่า …. ฝีมือเขา ? ] – วินเซนต์

 

เอริกะผงักหน้าเล็กๆตอบกลับคำถามของวินเซนต์

 

[ มีรายงานว่าเหล่าชาวเมืองและเหล่าอัศวินที่เข้าร่วมต่อสู้กับท่านฮาโรลด์ล้วนรอดมาได้ปลอดภัยดี อย่างไรก็ตาม ท่านฮาโรลด์ได้ยื้อเวลาให้จนถึงที่สุด จนเมืองเกิดถล่มลง ….. และได้หายตัวไปค่ะ ] – เอริกะ

[ .. ขออภัยด้วยที่ต้องให้เล่าเรื่องที่เจ็บปวดเช่นนี้ออกมา ] – วินเซนต์

[ ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ ] – เอริกะ

 

เอริกะยังคงเผชิญหน้ากับวินเซนต์โดยไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด ไม่มีแม้หยาดน้ำตาที่หางตาของเธอ

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮาโรลด์และเอริกะจะไม่ชัดเจน แต่วินเซนต์ก็แน่ใจว่าเอริกะยังคงห่วงใยและมีความรู้สึกต่อฮาโรลด์อยู่ นั้นเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ว่าเธอคงจะรู้สึกเศร้าโศกและหวาดกลัวต่อข่าวการหายตัวไปของฮาโรลด์ อย่างไรก็ตาม การที่เธอสามารถระงับอารมณ์เหล่านั้นได้ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของเธอที่วินเซนต์อดที่จะชื่นชมไม่ได้

 

[ อย่างที่คุณเห็น เมืองบาร์สตันในตอนนี้อยู่ในสภาพที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ดิฉันขอพูดตรงๆ ดิฉันต้องการความร่วมมือจากคุณในการช่วยพวกเราค้นหาท่านฮาโรลด์ที่ติดอยู่ในเศษซากของเมืองที่พังทลายลงค่ะ ] – เอริกะ

[ นั้นคือเงื่อนไขของเธอใช่รึปล่าว ? ] – วินเซนต์

[ ค่ะ ] – เอริกะ

[ ตกลง พวกเราอัศวินจะเริ่มการเตรียมตัวออกเดินทางในทันที ] – วินเซนต์

 

หลังจากกล่าวออกมาเช่นนั้น วินเซนต์ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง

 

ขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินออกไป ในตอนนั้น วินเซนต์คิดว่าเขาเห็นหยาดน้ำตาเล็กๆขณะที่เอริกะกำลังโค้งคำนับขอบคุณ แต่เขาก็เลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่เห็นมัน

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Score 10
Status: Completed
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ " ฮาโรลด์ สโตร์ก" สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

Options

not work with dark mode
Reset