My Death Flags Show No Sign of Ending 126 ฮาโรลด์ นายอยู่ไหน ?

ตอนที่ 126 ฮาโรลด์ นายอยู่ไหน ?

การรุกรานของเหล่ามอนเตอร์จำนวนมาก ภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวงให้กับเมืองทราวิส ผู้คนต่างพากันหนีเอาตัวรอดด้วยความตื่นตนก โดยไม่มีเวลามากพอให้เตรียมตัวหรือเตรียมกำลังพลที่เพียงพอจะดับไฟแห่งหายนะที่ค่อยๆแผ่ขยายไปทั่วเมือง

และผลของมันทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย หากนับจำนวนผู้ที่ยังคงสูญหายรวมเข้าไปด้วยคงมีผู้ที่ได้รับเคราะห์เกินหนึ่งพันคน สิ่งปลูกสร้างเกือบครึ่งของเมืองได้ถูกทำลายจนย่อยยับหรือไม่ก็โดนเผาจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน

หากไม่ใช่เพราะเหล่าภาคีอัศวิน ความหายนะคงมากกว่านี้เป็นทวีคูณ อย่างไรก็ตาม วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอส ผู้นำของถาคีอัศวินก็ไม่ได้รู้สึกโล่งใจหรือรู้สึกถึงความสำเร็จแต่อย่างใด

แม้ว่าจะสามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้คนไว้ได้มากมาย แต่ก็ยังมีหลายๆชีวิตที่ไม่อาจช่วยเอาไว้ได้ทันเช่นกัน

 

[ หากไม่ใช่เพราะคำพูดของฮาโรลด์ ความเสียหายคงเลวร้ายยิ่งกว่านี้หลายเท่า ] – วินเซนต์

 

[[ ส่งกำลังพลไปที่เมืองทราวิส ]] [[ สถานที่แห่งนั้นจะกลายเป็นขุมนรกในไม่ช้า ]] ฮาโรลด์พูดคำเหล่านี้เอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อนที่ภัยพิบัติเหล่านี้จะเกิดขึ้น

 

มันสมเหตุสมผลที่จะอนุมานว่าฮาโรลด์รู้ล่วงหน้าว่าเมืองทราวิสจะถูกโจมตีโดยฝูงมอนเตอร์

 

( แล้วเขารู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไง? แล้วรู้ตั้งแต่ตอนไหนกัน ? ) – วินเซนต์

 

ตั้งแต่วินเซนต์เป็นอัศวิน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องมอนเตอร์จากหลากหลายเผ่าพันธุ์ได้มารวมตัวกันเพื่อเข้าโจมตีเมืองเลยซักครั้ง ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีลางบอกเหตุหรือสัญญาณใดๆบ่งบอกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น และถึงแม้ว่ามันอาจจะมี แต่ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะตีความสัญญาณบอกเหตุเหล่านั้นได้ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม หากจะให้เดาว่าจะมีใครซักคนที่สามารถ “ควบคุม” พวกมอนเตอร์ได้ ชื่อของคนๆหนึ่งก็แว๊บขึ้นมาในหัวของวินเซนต์ คนๆนั้นมีความเกี่ยวข้องอันลึกซึ่งกับฮาโรลด์ และฮาโรลด์ก็เคยพูดต่อหน้าวินเซนต์และโคดี้เอาไว้ว่าเขาต้องการที่จะต่อต้านคนๆนั้น

 

ดร. ยูสทัส ฟรอยด์

 

เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักร และตามคำบอกเล่าของฮาโรลด์ ชายคนนี้มีความอันตรายเป็นอย่างยิ่งที่อาจจะทำลายโลกทั้งใบเพียงเพื่อชุบชีวิตคนรัก

แม้กระทั้งตัวของวินเซนต์เองยังเคยถูกยูสทัสล้างสมองมาแล้ว

หากยูสทัสเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ และฮาโรลด์ ผู้ซึ่งใกล้ชิดกับเขาคงได้รับรู้ถึงความตั้งใจและแผนการต่างๆ ทุกๆอย่างก็จะลงล็อค และอย่างน้อยที่สุด ฮาโรลดคงต้องมีข้อมูลที่เหล่าอัศวินนั้นไม่รู้อีกมาก

 

[ ข้าอยากจะคุยกับฮาโรลด์อีกสักครั้งจริงๆ ] – วินเซนต์

[ ฮาโรลด์ ?? … ท่านหมายถึง ท่านฮาโรลด์ สโตร์ก คนนั้นใช่ไหมคะ ? ] – แชนน่อน

[ ใช่ ] – วินเซนต์

 

เสียงพึมพัมของฮาโรลด์เล็ดลอดไปถึงหูของแชนน่อน ผู้เป็นเลขาของเขา แม้ว่าแชนน่อนจะไม่เคยพบกับฮาโรลด์โดยตรง แต่เธอก็เคยเห็นการแสดงอันน่าทึ่งของฮาโรลด์ในระหว่างการสอบคัดเลือกเข้าหน่วยอัศวิน และวินเซนต์ก็เคยสั่งเธอให้ตรวจสอบภูมิหลังของฮาโรลด์ ดังนั้นเธอจึงพอจะรู้ถึงสถานะความเป็นอยู่และลักษณะนิสัยของฮาโรลด์พอสมควร

 

[ ปัญหาก็คือพวกเราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ] – วินเซนต์

[ บางที เขาคงกำลังทำงานอยู่กับดร.ฟรอยด์ล่ะมั้งคะ ? ] – แชนน่อน

 

วินเซนต์คิดว่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เหตุผลเพราะเขารู้ดีว่าฮาโรลด์นั้นเป็นปฎิปักษ์ต่อยูสทัส แต่การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้แชนนอ่นมีแต่จะสร้างความสับสนเปล่าๆ

 

[ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ดร.ฟรอยด์เองก็หายตัวไปเช่นกัน พวกเราจึงไม่สามารถติดต่อกับฮาโรลด์ได้ ] – วินเซนต์

[ ถ้าเช่นนั้น ลองไปสอบถามกับคนที่อาจจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนไหมคะ ? ] – แชนน่อน

[ เธอกำลังพูดถึงใคร ? ] – วินเซนต์

[ คู่หมั้นของท—… ไม่สิ อดีตคู่หมั้นของท่านฮาโรลด์ค่ะ ตอนนี้ เอริกะ สุเมรากิ อยู่ในเมืองนี้ค่ะ ] – แชนน่อน

[ ….. ] – วินเซนต์

 

“ตอนนี้อดีตคู่หมั้นของฮาโรลด์อยู่ในเมืองทราวิส ? นี่มันบังเอิญไปรึปล่าว ?” นั้นคือสิ่งที่เขาคิด

ขณะที่เขายังคงเงียบอยู่ แชนน่อนจึงเริ่มพูดต่อ

 

[ หัวหน้าไม่ทราบหรือคะว่าเธออยู่ที่เมืองแห่งนี้ ? ] – แชนน่อน

[ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนั้น ] – วินเซนต์

[ ในระหว่างการรุกรานของเหล่ามอนเตอร์ ดูเหมือนว่า ท่านเอริกะ จะขึ้นไปยังแนวหน้าของการต่อสู้และกวาดล้างเหล่ามอนเตอร์ หัวหน้าก็ได้เห็นฉากนั้นเหมือนกันใช่ไหมคะ ? เวทมนตร์ที่ดูราวกับท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา ] – แชนน่อน

[ ข้าสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่านั้นเป็นฝีมือใคร นั้นเป็นฝีมือของเธอคนนั้นรึ ? ] – วินเซนต์

 

ในขณะที่เหล่าอัศวินกำลังถูกครอบงำด้วยความกลัวจากจำนวนของเหล่ามอนเตอร์ วินเซนต์ก็เห็นด้วยตาของตัวเองว่ามีเวทมนตร์อันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาหลายต่อหลายครั้งใส่เหล่ามอนเตอร์

 ต้องขอบคุณสิ่งนี้ ทำให้แรงกดดันที่มาจากเหล่ามอนเตอร์ลดลงเป็นอย่างมาก และ วินเซนต์ก็เป็นผู้นำทัพอัศวินเข้าต่อสู้และดันพวกมันกลับ แม้วินเซนต์จะเคยคิดว่าเอริกะเป็นเด็กสาวที่ดูราวกับไข่ในหินที่ต้องคอยได้รับการปกป้องอยู่เสมอ แต่ฝีมือของเธอนั้นดูโดดเด่นไม่น้อยเลย

 

[ จากรายงานที่ได้รับมาเมื่อซักครู่ ดูเหมือนว่าทันทีที่การรุกรานจบลง เอริกะกำลังวุ่นอยู่กับการรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศูนย์ดูแลผู้ประสบภัย และเธอยังทำหน้าที่อื่นๆอีก เช่นทำอาหารและแจกจ่ายให้กับคนอื่นๆค่ะ ] – แชนน่อน

[ นั้นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก ] – วินเซนต์

 

ตระกูลสุเมรากิเป็น 1 ในตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ และเอริกะ เธอเป็นบุตรสาวของผู้นำตระกูล และนั้นตวรจะเป็นสถานะเพียงอย่างเดียวสำหรับคนอย่างเธอ ไม่ใช่ไปเข้าร่วมการต่อสู้ในแนวหน้า หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่นๆ เช่นทำหน้าที่แพทย์สนาม หรือเป็นแม่ครัวทำอาหาร

อย่างก็ตาม การอุทิศตนของเธอเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่แสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยของเธอเป็นอย่างดี

 

[ ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้น ดูเหมือนจะมีเพื่อนของเธออีกหลายคนที่มีส่วนสำคัญในการต่อสู้นี้เช่นกันค่ะ ปฎิเสธไม่ได้ว่าความพยายามของพวกเธอสามารถจำกัดความเสียหายลงได้เป็นอย่างมาก พวกเราควรที่จะไปแสดงความขอบคุณไหมคะ ? ] – แชนน่อน

[ อืม เดี่ยวข้าเป็นคนไปขอบคุณด้วยตัวเอง เธอจัดการสถานการณ์ที่นี่ต่อไปคนเดียวไหวนะ ? ] – วินเซนต์

[ ได้ค่ะ ถึงดิฉันจะไม่มีความสามารถในด้านกำลังรบ แต่เวลาแบบนี้แหละค่ะที่ดิฉันจะได้แสดงฝีมือบ้าง ] – แชนน่อน

 

ก็จริงอยู่ที่คนอย่างแชนน่อนไม่เหมาะเลยซักนิดที่จะให้ไปออกรบ แต่วินเซนต์ก็ไม่ได้คิดว่านั้นคือข้อเสียของเธอ สำหรับเขาข้อเสียของเธอคือการที่เธอถ่อมตัวจนเกินไปต่างหาก เขาบอกลากับแชนน่อน ขณะยืนมองดูเธอกลับไปสะสางงานต่อโดยที่ไม่ได้รับรู้ความกังวลใจของเขา วินเซนต์ก็มุ่งหน้าไปยังศูนย์ดูแลผู้ประสบภัย

ศูนย์ดูแลผู้ประสบภัยตอนนี้ถูกจัดตั้งขึ้นที่บริเวณเนินเขา ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นโบสถ์และสวนย่อม เดิมทีจุดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมือง ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางและที่ตั้งอยู่สูงเหนือพื้นดินสามารถช่วยป้องกันการโจมตีจากเหล่ามอนเตอร์และไฟไหม้ที่ลามมาจากเมือง

แม้ว่าตอนนี้วินเซนต์จะไม่ได้อยู่ในชุดเกราะเหล็กประจำตัวของเขา แต่เขาก็ยังมีดาบห้อยอยู่ที่เอวและสวมเครื่องแบบมาตรฐานของอัศวิน และนั้นทำให้เขาดูโดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่เขาเป็นที่รู้จักดีในวงกว้างการกระทำเช่นนี้น่าจะทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจยิ่งขึ้นไปใหญ่ในศูนย์ดูแลประสบภัยแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม วินเซนต์ก็คุ้นเคยกับการเป็นจุดสนใจอยู่ก่อนแล้ว และการที่เขามาปรากฎตัวในที่สาธารณะแบบนี้ก็เพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมั่นและปลอดภัยให้กับผู้ประสบภัยที่ยังรู้สึกหวาดกลัวหรือวิตกกังวล นอกจากนี้เขายังคาดหวังที่จะเป็นตัวแทนของเหล่าอัศวินให้ผู้ประสบภัยที่รู้สึกไม่พอใจหรือโกรธแค้นต่อเหล่าอัศวินได้ระบายมันกับเขาอีกด้วย

เพราะบทบาทของอัศวินไม่ใช่มีเพียงแค่ขับไล่ผู้บุกรุกด้วยดาบเท่านั้น นี่แหละคือความเชื่อของวินเซนต์ที่มีต่อคำว่าอัศวิน

อย่างไรก็ตาม ในศูนย์ดูแลผู้ประสบภัยแห่งนี้ก็ได้มีเหล่าอัศวินหลายๆคนช่วยงานอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลายเป็นจุดสนใจตามที่หวังไว้เท่าไหร่นัก

ด้วยความรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ เขาจึงร้องเรียกแม่ชีที่กำลังดูยุ่งๆคนหนึ่ง

 

[ ขออภัยที่ต้องขัดจังหวะ ข้าขอเวลาซักเดี่ยวได้รึปล่าว ? ] – วินเซนต์

[ อ-โอ้ว ท่านอัศวิน! มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ ? ]

[ ข้าได้ยินมาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าเอริกะทำหน้าที่รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่นี่ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเธอซักหน่อย พอจะบอกได้รึปล่าวว่าข้าจะสามารถหาเธอได้ที่ไหน ? ] – วินเซนต์

[ ท่านเอริกะหรือคะ ? ดิฉันคิดว่าดิฉันเห็นเธอเข้าไปในห้องรับแขกของโบสถ์เมื่อซักครู่นะคะ ]

[ ห้องรับแขกงั้นรึ —- ไม่ใช่ว่าเธอกำลังมีแขก ? ] – วินเซนต์

[ ดิฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ กลุ่มเพื่อนๆของเธอก็อยู่กับเธอในห้องรับแขกด้วยเช่นกัน ส่วนรายละเอียดอื่นๆดิฉันเองก็ไม่ทราบค่ะ ]

 

กลุ่มเพื่อนของเอริกะที่แม่ชีพูดถึงคงจะเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่เขาได้ยินมาจากแชนน่อน

ดูเหมือนว่ากลุ่มเพื่อนๆของเอริกะก็มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับเหล่ามอนเตอร์เหมือนกับเอริกะเช่นกัน นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงความขอบคุณพวกเขาทั้งหมด

 

[ เข้าใจล่ะ คุณช่วยบอกทางได้รึปล่าวว่าข้าจะต้องไปทางไหนต่อ ? ] – วินเซนต์

[ หากท่านอัศวินเข้าไปยังโบสถ์แล้วโปรดเดินไปทางประตูด้านหลังฝั่งขวาค่ะ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในส่วนนั้นอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้นถึงผ่านเข้าไปด้านในได้— ]

[ เดี่ยวข้าจะเป็นคนไปเจรจาด้วยตัวเอง ขอบคุณที่สละเวลา ] – วินเซนต์

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้เอริกะจะอยู่ในห้องรับแขก ขณะที่วินเซนต์ก้าวเท้าเข้าไปในโบสถ์ เขาก็สังเกตว่ามีชาวบ้านมากมายเข้ามาหลบภัยในนี้ แต่เขาก็ไม่เห็นใครที่ได้รับบาดเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัสเลยซักราย ขณะที่เขามองไปรอบๆ เขาก็พบประตูทางขวาดั่งที่แม่ชีคนนั้นบอกเอาไว้ เมื่อเขาเดินไปถึงจึงเคาะที่ประตู 3 ครั้ง เพียงไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก

ผู้ที่เป็นคนเปิดประตูนั้นเป็นชายอายุราวๆซัก 60 ปี มีผมสีขาว จากลักษณะภายนอกเขาน่าจะเป็นบาทหลวงของโบสถ์แห่งนี้ และดูเหมือนว่าบาทหลวงคนนี้จะจำได้ว่าวินเซนต์คือใคร

 

[ โอ้ ท่านผู้นำแห่งภาคีอัศวินเองรึ? ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ช่วยปกป้องพวกเราในเหตุการณ์นี้ ]

[ ไม่เป็นไร นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราเหล่าอัศวินอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม เพราะตัวข้าไร้ความสามารถจึงทำให้มีอีกหลายชีวิตที่ข้าไม่สามารถช่วยเอาไว้ได้ ] – วินเซนต์

[ ได้โปรดอย่าโทษตัวเองเลย ว่าแต่ ที่ท่านมาที่นี่มีธุระอะไรงั้นรึ ? ]

[ ในเหตุการณ์ตอนที่เหล่ามอนเตอร์บุกมาโจมตีเมือง ข้าได้ยินมาว่ามีกลุ่มคนที่เข้าช่วยพวกเราต่อสู้อยู่ที่นี่ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณต่อพวกเขา ] – วินเซนต์

[ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่า ดูเหมือนว่าตอนนี้อาจคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ]

 

“พวกเธอมีแขกคนอื่นอยู่งั้นรึ?” วินเซนต์คิดว่ามันคงยากที่จะสอบถามอะไรเพิ่มเติมต่อ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าพวกเธอจะเสร็จธุระ

 

[ ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าหากไม่เป็นไร ข้าขอรออยู่ที่นี่จนกว่าพวกเธอจะเสร็จธุระได้หรือไม่ ? ] – วินเซนต์

[ ก็ได้อยู่หรอก– แต่ว่า… ]

[ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอกค่ะ ] – ???

 

ขณะที่วินเซนต์กับบาทหลวงกำลังคุยกัน ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นราวกับเสียงระฆังบอกว่าหมดยก เมื่อพวกเขาหันไปทางต้นเสียงนั้น พวกเขาก็พบกับหญิงสาวผมดำคนหนึ่ง ผู้ที่กำลังอาบแสงอ่อนๆที่ลอดเข้ามาจากทางหน้าต่าง เมื่อประกอบกับความงดงามและกิริยาของเธอแล้ว ทำให้เธอดูมีความลึกลับอะไรบางอย่างเช่นเดียวกัน

ถึงแม้จะผ่านไปห้าปีแล้วตั้งแต่วินเซนต์เห็นเธอครั้งล่าสุด แต่เขาก็จำเธอได้

 

[ นี่เป็นครั้งแรกสินะคะที่พวกเราได้สนทนากันตรงๆเช่นนี้ ดิฉันคือ เอริกะ สุเมรากิ ค่ะ ] – เอริกะ 

[ ข้า วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอส ผู้นำแห่งภาคีอัศวิน ] – วินเซนต์

 

พวกเขาทั้งคู่ต่างก้มหัวให้ซึ่งกันและกัน

สำหรับมุมมองของบุคคลภายนอก พวกเขาทั้งคู่ดูมีความเป็นมิตรซึ่งกันและกันดี อย่างไรก็ตาม สำหรับวินเซนต์แล้ว เขารู้สึกถึงความตึงเครียดอะไรบางอย่างที่เล็ดลอดออกมาจากตัวของเอริกะ

 

[ เชิญค่ะ ] – เอริกะ

 

เอริกะเชิญชวนวินเซนต์เข้าไปยังห้องรับแขกโดยไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรเลยซักนิด

 

[ ไม่เป็นไรใช่ไหม ? ] – วินเซนต์

[ ไม่เป็นไรค่ะ บางที เหตุผลที่นำพาท่านมาที่นี่ มันอาจจำเป็นสำหรับสถานการณ์ที่ดิฉันกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ก็ได้ค่ะ ] – เอริกะ

 

ซึ่งวินเซนต์ก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่เบื้องหลังคำพูดของเธอได้

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับคำพูดของเธอที่ดูเหมือนจะแอบแฝงอะไรบางอย่าง สายตาของเธอกับตรงไปตรงมา มันจับจ้องมาที่วินเซนต์ จนเขารู้สึกราวกับว่าเธอสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจของเขาได้

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่วินเซนต์รู้สึกเช่นนี้ การที่ได้พบกับคนที่มีบรรยากาศรอบๆตัวเช่นนี้ ทำให้วินเซนต์ตระหนักได้ว่าแม้เธอจะมีอายุเพียงเท่านี้ก็ไม่อาจประมาทได้

นี่ถือเป็นเรื่องเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเคยได้เป็นคู่หมั้นกับฮาโรลด์ แม้ว่าอนาคตจะยังไม่แน่นอน หากมีบุคคลที่ยิ่งใหญ่และเพียบพร้อมด้วยความสามารถกำลังหาคู่แต่งงาน คงไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะสมไปกว่าเอริกะอีกแล้ว

ขณะที่คิดเช่นนั้น วินเซนต์ก็ตามเอริกะเข้าไปภายในห้องรับแขก

ภายในห้องแห่งนี้ มีคนอยู่เกือบๆ 10 คนรวมถึงเอริกะด้วย

 

[ ข้าต้องขออภัยที่จู่ๆเข้ามากะทันหัน ข้าคือ วินเซนต์ ผู้นำแห่งภาคีอัศวิน ] – วินเซนต์ 

[ ผ-ผะ-ผู้นำแห่งภาคีอัศวิน!? ] – ไรเนอร์

 

เด็กผู้ชายผมแดงตอบสนองด้วยท่าทีตกอกตกใจเป็นอย่างมาก

แต่จริงๆก็ไม่เพียงแค่เขา คนอื่นๆในห้องก็ประหลาดใจและสงสัยเช่นเดียวกันที่จู่ๆคนอย่างผู้นำแห่งภาคีอัศวินก็ปรากฎตัวขึ้น

 

[ ถ้าพูดถึงภาคีอัศวิน ตอนนี้พวกเขาคงกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ ถ้าเช่นนั้น อะไรคือจุดประสงค์ที่ทำให้คนอย่างผู้นำภาคีอัศวินเดินทางมีที่นี่เป็นการส่วนตัว ? ] – ฟรานซิส

[ ฟรานซิส ? นายเป็นอะไรของนาย ] – ไรเนอร์

 

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าฟรานซิสตรวจสอบวินเซนต์ด้วยคำพูดที่เฉียบคมทันที เมื่อสังเกตเห็นถึงปฎิกิริยาของหนุ่มผมฟ้าคนนี้ที่มีต่อเขา ทำให้วินเซนต์พอจะเดานิสัยได้ว่าปกติแล้วฟรานซิสน่าจะไม่พูดอะไรแบบนี้

 

[ ข้าได้ยินมาว่าทุกคนในห้องนี้รวมถึงเอริกะ ต่างเข้าต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองในเหตุการณ์มอนเตอร์บุกโจมตีเมื่อเร็วๆนี้ อีกทั้งยังช่วยรักษาผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในฐานะที่เป็นผู้นำแห่งภาคีอัศวินและโดยส่วนตัว ข้าอยากแสดงความขอบคุณพวกเธอทั้งหมดด้วยตัวของตนเอง ] – วินเซนต์

 

ไม่มีคำโกหกใดๆในความรู้สึกทั้งหมดนี้ของวินเซนต์

เมื่อได้สบตากับทุกๆคนแล้ว เขาก็ก้มหัวลง

 

[ ข้าขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ขอบคุณ ] – วินเซนต์

[ มะ-ไม่ๆๆ ได้โปรดอย่าก้มหัวเลยครับ ที่พวกเราทำไปทั้งหมด ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น! ] – ไรเนอร์

[ ชะ-ใช่ค่ะ ได้โปรดยกหัวขึ้นเถอะค่ะ ! ] – คลอเล็ต

 

เด็กผู้ชายผมสีแดงและเด็กสาวผมบลอนด์ ทั้ง 2 ที่ยังดูอ่อนเยาว์เกือบที่สุดในกลุ่มต่างแสดงท่าทีเลิ่กลักเมื่อได้รับการก้มหัวขอบคุณจากคนที่เป็นถึงผู้นำแห่งภาคีอัศวิน

ในทางตรงกันข้าม เอริกะ ฟรานซิส  และเด็กสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงดูเด็กสุดในกลุ่ม จะพยายามมองหาความตั้งใจที่แท้จริงของวินเซนต์

 

[ นั้นคือทั้งหมดที่ท่านต้องการจะพูดหรือคะ ? ] – เอริกะ

[ …. ปล่าว ที่ข้ามาที่นี่เพราะมีบางสิ่งอยากจะถามกับเธอ เอริกะ ] – วินเซนต์

 

หลังจากวินเซนต์ปรับท่าทางของตน

เขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในห้องที่เปลี่ยนไป ฟรานซิส และเด็กผู้หญิงอีกคน ทั้งคู่ดูเป็นกังวลและกำลังเฝ้ารอคำพูดต่อไปของวินเซนต์ด้วยสีหน้าจริงจัง

 

[ อะไรคือสิ่งที่ท่านต้องการจะถามดิฉันคะ ] – เอริกะ

[เอริกะ เธอรู้รึปล่าวว่าตอนนี้ ฮาโรลด์ สโตร์ก อยู่ที่ไหน ? ] – วินเซนต์

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เขาพูดจบประโยค วินเซนต์ก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศภายในห้องนั้นหนักอึ้งลงทันที

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Score 10
Status: Completed
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ " ฮาโรลด์ สโตร์ก" สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

Options

not work with dark mode
Reset