My Death Flags Show No Sign of Ending 124 เราทุกคนจะต้องรอดไปด้วยกัน!

ตอนที่ 124 เราทุกคนจะต้องรอดไปด้วยกัน!

ขณะหลบกะบองที่ถูกหวดใส่โดยออร์ค ซิดก็สวนฟันไปที่แขนขวาของมันจนขาดอย่างไร้ความปราณี เลือดของออร์คไหลพุ่งกระจายออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวด แต่เสียงเหล่านั้นก็คงอยู่ไม่นานนัก

 

นั้นเพราะไอรีนเธอได้แอบเข้ามาที่ด้านหลังของมันและฟันไปที่คอมันจนขาด

 

[ ไอรีน ! อีกตัวกำลังมาจากทางด้านขวา !! ] – ซิด

[ เข้าใจแล้ว ! ] – ไอรีน

 

ด้วยการต่อสู้แบบประสานกัน ทั้งคู่สามารถจัดการพวกมอนเตอร์ลงได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะพึ่งจัดการไปแต่พวกเขาก็ไม่ลดความระมัดระวังลงเลยแม้แต่น้อยและพร้อมกับตั้งท่ารับมือคู่ต่อสู้ตัวต่อไป

 

[ ย๊ากก ! ] – คีธ

 

ในขณะเดียวกัน คีธเองก็จัดการพวกมอนเตอร์ได้อย่างไม่อยากเย็นนัก แม้กระทั้งมอนเตอร์ขนาดใหญ่ก็ยังถูกเขาจัดการลงได้ด้วยการฟันเพียงฉับเดียว 

ดูเหมือนว่า ทั้งซิดและคนอื่นๆจะมีฝีมือที่มากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ในครั้งนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เหตุผลจริงๆที่ทั้ง 3 รู้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายขนาดนี้นั้นก็เพราะ …

 

“นายมันเหลือจะเชื่ออยู่ตลอดเวลาจริงๆ” 

 

ซิดถึงกล่าวชื่นชมออกมาแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการต่อสู้

เบื้องหน้าของเขาคือฮาโรลด์ ผู้ที่กำลังรับมือกับฝูงมอนเตอร์ที่ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักที่ไม่มีวันสิ้นสุด เขาจัดการพวกมันเหล่านั้นด้วยการโจมตีและการเคลื่อนไหวที่ดูเหลือเชื่อมากๆจนไม่อาจจะอธิบายได้

หากให้ทั้ง 3 คนเข้ามารับหน้าที่แทนฮาโรลด์ พวกเขาทั้ง 3 คงถูกฝูงมอนเตอร์กลืนหายไปแทบจะในทันที และซิดเองก็รู้ถึงความจริงข้อนี้ดีและเข้าใจดีว่าความแข็งแกร่งของฮาโรลด์นั้นมันเหนือสามัญสำนึกของคนปกติขนาดไหน

ลึกๆแล้วซิดก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นเทียบกับฮาโรลด์เมื่อ 5 ปีก่อนไม่ติดด้วยซ้ำ และตอนนี้ ฮาโรลด์ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนอีกเป็นโข

นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวแล้ว ซิดเชื่อว่าฮาโรลด์ต้องผ่านการฝึกฝน ความพยายาม และประสบการณ์ต่อสู้ที่มากกว่าตัวเขาเองเป็นไหนๆ

และตอนนี้ ฮาโรลด์ก็กำลังใช้ความแข็งแกร่งที่ตนมีอย่างสุดพลัง …ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อปกป้องผู้ที่อ่อนแอ

เมื่อซิดมองย้อนกลับไปในอดีต เหตุการณ์แบบนี้มันก็เฉกเช่นเดียวกับที่ป่าเบลติส ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฮาโรลด์นั้นต้องทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างการสวมอยู่ในชุดของจักรวรรดิซาเรี่ยนเพื่อดึงดูดความสนใจจากอัศวิน นั้นก็เพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

 

( นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมอยากที่จะเชื่อในตัวเขา… ไม่สิ คราวนี้ ผมเชื่อในตัวเขา ! ) – ซิด

 

ซิดได้แต่เสียใจที่ตัวของเขาเมื่อ 5 ปีก่อนไม่ได้เชื่อฮาโรลด์อย่างสุดใจ และคงต้องอยู่กับความรู้สึกเสียใจแบบนั้นไปตลอดชีวิต

แต่ว่าตอนนี้โชคชะตาได้พลิกพัน พวกเขาได้กลับมาพบกันอีก และอีกครั้งที่ซิดต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ฮาโรลด์กำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลอีกแล้ว

 

[ ผมน่ะ เสียใจมามากเกินพอแล้ว! ] – ซิด

 

ซิดเองก็ไม่รู้ว่าฮาโรลด์นั้นคิดยังไงกับเขา แต่สำหรับซิด ฮาโรลด์ สโตร์กคือเพื่อน และเขาก็ไม่ต้องการที่จะทิ้งเพื่อนคนนี้ไว้เพียงลำพังอีกต่อไป

 

[ ใช่แล้วล่ะ ชั้นเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ] – ไอรีน

 

แม้ซิดจะไม่ได้กล่าวออกมา แต่ไอรีนก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจดีถึงสิ่งที่ซิดรู้สึกเสียใจ

 

[ ถ้างั้น อันดับแรก เราทุกคนต้องรอดกันไปให้ได้ ! ] – ซิด

[ แน่นอน !! ] – ไอรีน

 

 

 

————————–

 

 

( ดันไปได้ยินบทสนทนาที่ไม่อยากจะได้ยินเสียได้ …. ) – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์ยังคงสังหารมอนเตอร์ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่สนใจ โดยปล่อยพวกที่เหลือรอดนิดๆหน่อยๆให้พวกของซิดเป็นคนรับมือ การที่ไม่ต้องรับมือกับปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวทำให้จิตใจของเขาโล่งขึ้นได้เปราะหนึ่ง และนั้นทำให้เขามีเวลาจับตาดูสถานการณ์โดยรอบเพื่อมองหาสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ และตอนนั้นเองที่เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างซิดและไอรีน

แม้ฮาโรลด์จะจับใจความไม่ค่อยได้นัก แต่เหมือนเขาจะได้ยินประโยคที่ฟังดูคล้ายกับชูปักธงมรณะขึ้น “เราทุกคนต้องรอดไปให้ได้!” ขอล่ะ อย่าปักธงเพิ่มทีเถอะ

อย่างไรก็ตาม การอพยพชาวเมืองน่าจะใกล้เสร็จในเร็วๆนี้ และเมื่อมีสัญญาณแจ้งมา พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสู้กับพวกมอนเตอร์อีกต่อไป

เมื่อเข็มของนาฬิกาใกล้จะถึงเที่ยงคืน ช่วงเวลาที่รอคอยมาอย่างยาวนานก็มาถึง

 

[ บอส!! ] – คีธ

 

เสียงแหลมสูงพุ่งทยานตัดผ่านอากาศดังขึ้นและมันเกือบจะถูกเสียงร้องเรียกของคีธกลบหายไป

เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ฮาโรลด์ก็เห็นสัญญานพลุสีขาว 3 ครั้งติดต่อกัน นั้นคือสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการอพยพเสร็จสิ้นแล้ว

 

[ เตรียมตัวถอย ! ใครที่ชักช้าจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง !! ] – ฮาโรลด์

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ ไม่จำเป็นตั้งยั้งมืออีกต่อไป ฮาโรลด์จึงปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับสูงที่สิ้นเปลืองพลังเวทย์อย่างมหาศาลออกไปแบบไม่ยั้งเพื่อชะลอการรุกคืบของพวกมอนเตอร์

และนั้นทำให้มอนเตอร์แถวหน้าถูกจัดการเรียบแทบจะในทันที ไอรีนที่กำลังยืนมองฉากเหล่านั้นเธอถึงกลับมองค้อนกลับมาด้วยสีหน้าโกรธเคืองและบ่นออกมาว่า“ทำไมไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกยะ!!”

ถ้าหากเขาทำแบบที่ไอรีนว่าจริง ด้วยจำนวนของพวกมอนเตอร์ที่มีมากมายราวกับไม่สิ้นสุด ป่านนี้เขาคงหมดแรงน้ำข้าวต้มไปแล้ว  การไม่ออมแรงเอาไว้มันเปรียบดั่งการเริ่มต้นออกวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดตั้งแต่เริ่มการแข็งขันการวิ่งมาราธอน แบบนั้นถือเป็นเรื่องที่โง่เง่า แถมคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องวิ่งกี่กิโลเมตรกันแน่

 

[ ฮืม? เธอปัญญาอ่อนหรือไง ? ไม่สิ เธอปัญญาอ่อนอยู่ก่อนแล้ว ] – ฮาโรลด์

[ …. ชิ ฝากไว้ก่อนเถอะย่ะ ]  – ไอรีน

 

แม้ว่าไอรีนดูอยากจะบ่นอะไรออกมามากกว่านี้ แต่เธอก็เข้าใจสถานการณ์ดีพอที่จะไม่บ่นอะไรออกมาเพิ่มเติม เธอจึงถอยออกมาจากจากแนวสู้งรบอย่างเงียบๆ ซึ่งฮาโรลด์ก็แน่ใจว่าถ้าหนีรอดจากที่นี่ไปได้คงโดนเธอบ่นจนหูชาแน่ 

 

[ ไปกันเถ——! ] – ฮาโรลด์

[——- นายจะไปไหนงั้นรึ ? ] – ???

 

ขณะที่พวกเขากำลังจะออกตัววิ่งไปข้างหน้า เสียงของเด็กสาวที่ไม่ควรมีอยู่ในสถานที่เช่นนี้ก็ดังขึ้นเข้าหูของพวกเขา ความรู้สึกอันหนาวเหน็บแล่นผ่านกระดูกสันหลังของฮาโรลด์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น และนั้นทำให้เขาต้องรีบหันหลังกลับมา

ที่เบื้องหน้าของเขา มันเต็มไปด้วยซากศพของเหล่ามอนเตอร์ และพวกที่เหลือก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากเงามืดอย่างช้าๆ พฤติกรรมของพวกมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างชัดเจน พวกมันค่อยๆคืบคลานเข้ามา แหวกกองซากศพเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ….

ท่ามกลางภาพสุดสยองเหล่านั้น ฮาโรลด์กลับเลือกไม่ถูกว่าตัวเองควรที่จะสู้หรือถอยดีกันแน่

 เมื่อพวกมอนเตอร์เหล่านั้นเข้ามาใกล้พวกเขาจนถึงจุดๆหนึ่ง มันก็หยุดลง ราวกับถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ พวกมันค่อยๆแยกออกทั้งทางซ้ายและขวา เผยให้เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆท่ามกลางฝูงสัตว์ประหลาด

เส้นผมสีเกาลัดของเธอยาวจนถึงเอวราวกับว่ามันจะแตะพื้นได้ เธอสวมอยู่ในชุดเดรสสีขาวที่เรียบง่ายไร้การตกแต่งใดๆ เผยให้เห็นแขนขาอันเพียวบางของเธอได้อย่างชัดเจน

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซาร่า ลูกสาวของฟินเนอร์แกนถึงมาอยู่ที่นี่ ด้วยดวงตาที่กลายเป็นสีฟ้าส่องสว่าง กำลังจับจ้องมาที่ฮาโรลด์

 

( สะ-สีฟ้า …? ถ้าผมจำไม่ผิด ดวงตาของซาร่าควรจะมีสีเดียวกับสีผมของเธอ …. ไม่สิ! นั้นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่ผมควรจะโฟกัสตอนนี้ก็คือ—– ) – ฮาโรลด์

 

ด้วยแรงช็อคจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้ฮาโรลด์ไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆได้ทัน

แต่ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ก็ยังพอที่จะสามารถพูดถามออกไปได้

 

[ …. ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ไม่สิ …. แกเป็นใครกันแน่? ] – ฮาโรลด์

[ นายแปลกใจงั้นหรอที่เป็นเด็กผู้หญิงคนนี้ ? … ไม่สิ ที่เป็นชั้น ? ] – ซาร่า?

 

ด้วยเสียงนั้น เป็นซาร่าไม่ผิดตัวแน่ แต่ด้วยท่าทางที่เธอแสดงออกมา ฮาโรลด์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหมอนั้น

แม้จะรู้สึกขมชื่น ฮาโรลด์ก็กล่าวชื่อของคนๆนั้นออกมาอย่างมั่นใจ

 

[ แกหมายถึงอะไรกันแน่ ? … ไม่สิ แกจะทำอะไรกันแน่ ยูสทัส ฟรอยด์ ? ]  – ฮาโรลด์

[ นายแสดงปฎิกิริยาที่แสดงถึงความประหลาดใจออกมาทันทีเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์นี้ แต่ว่านายก็สามารถจำได้ทันทีว่าเป็นชั้นเอง ยูสทัส…. น่าสนใจใช้ได้เลยนี่ ฮาโรลด์ ] – ยูสทัส

 

ราวกับไม่ต้องปิดบังอะไร เด็กผู้หญิงในรูปลักษณ์ของซาร่ายอมรับออกมาง่ายๆว่าเป็นเขาเอง ยูสทัส

แม้ว่าฮาโรลด์และคนอื่นๆเริ่มที่จะสับสน เด็กสาวยังคงกล่าวออกมาต่อด้วยท่าทีสบายๆ

 

[ นี่เป็นปฎิกิริยาที่ชั้นคนนี้ยังคาดไม่ถึงจริงๆ กล่าวอีกนัยคือ การปรากฎตัวขึ้นของเด็กสาวในสถานการณ์เช่นนี้สามารถทำให้ประหลาดใจได้งั้นสินะ… ถึงกระนั้น แม้ว่าในตอนแรกจะไม่แน่ใจว่าเธอคนนี้เป็นใครกันแน่ แต่ก็นึกออกแทบจะในทันทีว่าเป็นชั้นเอง…. อืมๆ แล้วถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ชั้นจะมาปรากฎตัวที่นี่ด้วยรึปล่าว ? ไม่สิ ..แบบนั้นมันออกจะเกินไปหน่อย .. แต่ความจริงที่ว่านั้นเป็นสิ่งแรกที่หลุดออกมาจากปากหมอนั้น .. … อ้อ ชั้นเข้าใจล่ะ….(พึมพัม) ] – ยูสทัส

 

[ เฮ้ย พึมพัมอะไรของแ—— ] – ฮาโรลด์

[ นี่ ฮาโรลด์ นายคาดไม่ถึงสินะว่าชั้นหรือเด็กสาวคนนี้จะปรากฎตัวขึ้นที่นี่ แต่นายก็ “รู้” ได้ทันทีว่าชั้นอาจจะสามารถมีตัวตนอยู่ในตัวของเด็กคนนี้ได้งั้นสินะ ? ] – ยูสทัส

[ ก-แกจะพูดอะไร– ? ] – ฮาโรลด์

[ ในสถานการณ์ปัจจุบันมีหลายๆสิ่งที่นายทั้งรู้และไม่รู้ในเวลาเดียวกัน … อืม เข้าใจล่ะ ดูเหมือนว่าความสามารถในการ “มองเห็นอนาคต” ของนายจะไม่สมบูรณ์เท่าที่ชั้นจินตนาการเอาไว้นะ ] – ยูสทัส

 

การมองเห็นอนาคต ในที่สุดคำพูดนี้ก็หลุดออกมาจากปากของยูสทัส

แม้ฮาโรลด์จะเตรียมใจไว้แล้วว่าซักวันหนึ่งความลับนี้คงถูกเปิดเผย แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง ผลกระทบจากการถูกเปิดเผยความลับมันก็หนักเอาซะเขาตัวแข็งทื่อไปเลย

ยูสทัส หรือ บอสตัวสุดท้าย ได้รับรู้ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของฮาโรลด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความรู้ทั้งหมดที่เขาเคยได้รับมาจากเกมส์ หรือก็คือ ความสามารถที่เปรียบดั่งการ “มองเห็นอนาคต” ของเขานั้น จากนี้เป็นต้นไป ยูสทัสคงจะดำเนินแผนการโดยมีสมมุติฐานที่ว่าฮาโรลด์นั้นรู้ล่วงหน้าอยู่เสมอ

 

[ เป็นพลังที่น่าสนใจจริงๆ หากมีเวลา ชั้นเองก็อยากจะทดสอบมันให้มากกว่านี้ซักหน่อย ] – ยูสทัส

 

ทันใดนั้น ยูสทัสก็ยกมือขวาของตนขึ้น พร้อมกับสัญชาตญาณของฮาโรลด์ที่แจ้งเตือนว่ามันคืออันตรายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกที่ไหนมาก่อน

 

[ วิ่ง !!!!!! ] – ฮาโรลด์

 

ทันทีที่ฮาโรลด์ได้สติ เขาก็จะโกนลั่นออกมาเสียงดัง

 ซิดและคนอื่นๆ สัมผัสได้ถึงอันตรายที่แฝงมาในเสียงร้องตะโกนอย่างสิ้นหวังของฮาโรลด์เช่นกัน และนั้นทำให้พวกเขารีบวิ่งไปที่ประตูหลักของเมืองทันที แม้พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่เหมือนกับตัวของฮาโรลด์ แต่การที่สามารถตอบสนองต่อคำพูดของฮาโรลด์ได้อย่างรวดเร็วนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งหมดฝึกมาดีแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์กลับวิ่งไปยังทิศตรงกันข้าม พุ่งเข้าใส่ยูสทัส

ฉากนี้ไม่เคยมีอยู่ภายในเกมส์ และเป็นสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าหากเขาสามารถจัดการยูสทัสก่อนที่พลังของเขาจะตื่นขึ้นได้ นั้นก็หมายความว่าเขาจะสามารถหักธงมรณะเกือบทั้งหมดได้สำ—–

นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์คิด

เมื่อมองย้อนกลับมาในฉากๆนี้ ฮาโรลด์ก็ตระหนักได้ว่า ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอย่างรอบคอบจริงๆ เขาถูกบดบังด้วยความทะเยอทะยานของเขาจนทำให้สายตาพร่ามัว

ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า สภาพจิตใจที่ปั่นป่วน เมื่อโอกาสที่จะคว้าอนาคตที่ปรารถนามาอย่างยาวนานปรากฎขึ้นต่อหน้าของเขาแล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะอดกลั้นเอาไว้

หากจิตสำนึกของยูสทัสสามารถเขียนทับบุคลิกของผู้อื่นได้ดั่งที่เขาเคยทำกับ เวนโตส ลิเลี่ยม และฟิเนอร์แกน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ฮาโรลด์จะสามารถปลุกตัวตนที่แท้จริงของซาร่าขึ้นมาได้ด้วยพลังของดาบเล่มนี้

แต่ทว่า ดาบเล่มนี้กลับไปไม่ถึงตัวของยูสทัส

ก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะถึงตัวของยูสทัส ก็มีใครบางคนคว้าที่มือขวาของเขาเอาไว้ก่อน พร้อมกับเสียง 2 เสียงที่กล่าวออกมาพร้อมกัน

 

[ เสียใจด้วยนะ ฮาโรลด์ … ] – ???

[ นั้นเป็นตาเดินหมากที่แย่มาก ] – ซาร่า

 

เสียงหนึ่งเป็นเสียงของซาร่า และอีกเสียงเป็นเสียงที่ฮาโรลด์คุ้นเคยดี คุ้ยเคยกว่าซาร่าเสียด้วยซ้ำ

 

[ อะไรกัน … นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่!!? ] – ฮาโรลด์

 

อารมณ์และความรู้สึกของฮาโรลด์พันกันยุ่งเหยิงไปหมด

ทั้งโกรธ

ทั้งสับสน

ทั้งประหลาดใจ

และอาจถึงขั้นเศร้าเสียใจ

ราวกับต้องการระบายอารมณ์ที่ผสมปนเปกันอยู้ภายในจิตใจออกมา ฮาโรลด์ตะโกนใส่คนที่เข้ามาขัดจังหวะคว้าแขนของเขาเอาไว้

 

[ โคดี้!!!!!!! ] – ฮาโรลด์

 

โคดี้ รูเซียล เขายืนอยู่ที่นี่พร้อมกับดวงตาสีฟาเฉกเช่นเดียวกับซาร่า

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Score 10
Status: Completed
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ " ฮาโรลด์ สโตร์ก" สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

Options

not work with dark mode
Reset