My Death Flags Show No Sign of Ending 122 ราคาของชีวิต

ตอนที่ 122 ราคาของชีวิต

[ นี่ เธอคิดว่ามันดีจริงๆแล้วหรอที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ ? ] – ซิด

 

ซิด ผู้ที่กำลังอพยพลงมาจากบนภูเขาพร้อมกับเหล่าชาวเมือง จู่ๆก็กล่าวออกมาโดยไม่ได้หันกลับมาพลางสอดส่องดูพื้นที่โดยรอบไปด้วย ซึ่งไอรีนก็ไม่ได้คิดที่จะปฎิเสธหรือเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น นอกเสียจากปิดปากของเธอแน่นและก้าวต่อไปข้างหน้า

“มันจะไปดีได้ยังไงกัน” นั้นคือสิ่งที่เธออยากจะตอบกลับไป และซิดเองก็คงหวังว่าเธอจะตอบกลับมาเช่นนั้นเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม หน้าที่ในตอนนี้ของพวกเขาทั้ง 2 คือการคุ้มกันขบวนผู้อพยพ ในฐานะ 1 ในสมาชิกของกองอัศวิน พวกเขาไม่อาจที่จะละทิ้งหน้าที่ของตนได้ อีกทั้งนี่ถือเป็นภารกิจครั้งใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก แต่เนื่องจากอัศวินเกือบทั้งหมดถูกส่งไปประจำการที่เมืองทราวิส ดังนั้นในการอพยพครั้งนี้ เหล่าอัศวินจึงจำเป็นต้องพึ่งพากำลังพลของฟรีรี่ ซึ่งฮาโรลด์เป็นผู้แนะนำและจัดการ จึงทำให้สถานการณ์ปัจจุบันออกมารูปแบบนี้

นอกจากนี้ ภัยคุกคามของขบวนผู้อพยพนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ฝูงมอนเตอร์ที่มาจากเหมืองใต้ดินของเมืองเท่านั้น มีความเป็นไปได้สูงที่มอนเตอร์ที่อาศัยอยู่บนภูเขาอาจจะเข้ามาโจมตีขบวนผู้อพยพเช่นกัน ต่อให้พวกเขาทั้ง 2 จะกังวลเกี่ยวกับฮาโรลด์ขนาดไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งคนเหล่านี้ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองและตามไปช่วยฮาโรลด์ได้

 

[ ไอ้หมอนั้นมันบ้าระห่ำแบบนี้ตลอดเลย! ] – ซิด

 

แม้ว่าซิดอยากจะบ่น แต่ตัวเขาเองก็เข้าใจดีถึงสถานการณ์ปัจจุบันอีกทั้งเขาก็มีไม่สามารถเสนอวิธีแก้ปัญหาแบบอื่นได้เช่นกัน และเพราะที่เขาเข้าใจทุกๆอย่างดี มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดตัวเองมากยิ่งขึ้น

“ถ้าหากผมแข็งแกร่งกว่านี้ละก็–” “ถ้าหากผมมีความคิดดีๆละก็–” ซิดรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมัวคิดอะไรแบบนี้ แต่มัก็อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้น

ไอ้หมอนั้นทั้งอวดดีและหยิ่งผยอง เป็นแค่ผู้น้อยแท้ๆแต่กับทำตัวไม่น่ารักต่อผู้ใหญ่เลยซักนิด อย่างไรก็ตาม ซิดก็ไม่เคยคิดว่าฮาโรลด์นั้นสมควรตาย และถ้าหากมีอะไรที่ซิดพอทำได้ เพื่อช่วยเหลือฮาโรลด์ ผู้ที่กำลังเสี่ยงชีวิตช่วยทุกๆคนอยู่แล้วละก็——–

 

[ ฮืมม ? ข้างหลังพวกเขาส่งเสียงเอ๊ะอะอะไรกัน ? ] – ซิด

 

เมื่อสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติ ซิดจึงหันกลับไปเพื่อตรวจสอบ ดูเหมือนว่าที่ด้านหลังจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรบางอย่าง

ยังดีอยู่ที่ดูเหมือนว่าความวุ่นวายเหล่านั้นจะไม่ได้เกิดมาจากการถูกเหล่ามอนเตอร์เข้าจู่โจมขบวน 

ขณะที่พวกเขาทั้งคู่มองดูรอบๆเพื่อสังเกตสถานการณ์ 1 ในสมาชิกอัศวินก็วิ่งตรงมาทางพวกเขา เมื่อเห็นเช่นนั้น ซิดจึงเรียกเพื่อนอัศวินคนนั้น

 

[ นี่ เกิดอะไรขึ้นหรอ ? ] – ซิด

[ โอ้ ซิดเองเรอะ จริงๆแล้ว … ]

 

ถ้าจะให้สรุปสิ่งที่เพื่อนอัศวินเล่ามาสั้นๆละก็ [[ ลูกของสามีภรรยาคู่หนึ่งหายตัวไป บางทีลูกของพวกเขาอาจจะแอบกลับไปที่เมืองเพื่อกลับไปเอาตุ๊กตาตัวโปรดที่ลืมเอาไว้ ]]

 

[ นี่มันเป็นปัญหาใหญ่! ] – ไอรีน

[ มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วทำไมหน่วยเฝ้าระวังที่อยู่รอบๆขบวนๆถึงไม่สังเกตเห็นเด็กได้ ? ] – ซิด

 

ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะกลับไปที่เมืองจริงๆหรือผลัดลงกับขบวนผู้อพยพ แต่นี่ถือเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในฐานะของอัศวินที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ก็จริงอยู่ที่สถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างฉุกเฉินและกำลังคนค่อนข้างจำกัด แต่ก็ใช่ว่าจะใช้มันเป็นข้ออ้าง มันไม่ควรมีเรื่องผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ

ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้นจริงๆ พวกเขาคงไม่อาจสู้หน้ากับพ่อแม่ของเด็กคนนั้นได้ และพวกเขาก็คงไม่สามารถสู้หน้าฮาโรลด์ได้เช่นกัน ผู้ที่กำลังเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อให้ทุกๆคนได้หนีไปจากเมืองได้อย่างปลอดภัย

 

[ ข้าเองก็บอกไม่ได้ว่าจะทำยังไงดี แต่ว่าสำหรับตอนนี้ พวกเราต้องรีบแจ้งสถานการณ์ให้หัวหน้า ลากาเรสได้รับรู้เสียก่อน ]

[ เข้าใจแล้ว งั้นผมจะเป็นคนไปแจ้งหัวหน้าเอง นายช่วยมาแทนตำแหน่งผมทีนะ ] – ซิด

[ เข้าใจล่ะ ]

[ ถ้างั้น ไอรีน ] – ซิด

[ มีอะไรหรอ ? ] – ไอรีน

[ ช่วยมุ่งหน้าไปยังหน่วยของหัวหน้าบาร์เบต์ ที่ประจำการอยู่ทางด้านหลังของขบวน แจ้งกับหัวหน้าว่า การคุ้มกันผู้อพยพจะดำเนินต่อไป แต่จะขอให้มีการตั้งหน่วยค้นหากลุ่มเล็กๆ ] – ซิด

 

เมื่อเข้าใจในสิ่งที่ซิดต้องการจะสื่อ ไอรีนก็ผงักหน้าตอบกลับอย่างหนักแน่น

หากพวกเขาออกตามหาเด็กตามคำบอกเล่าของพ่อแม่ เด็กคนนั้นคงจะมุ่งหน้าไปยังเมืองบาร์สตัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันอันตรายมาก และจะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีกหากปฎิบัติการของกลุ่มฟรีรี่และฮาโรลด์เกิดล้มเหลว

 

[ ถ้างั้น … รีบตามมา ตกลงนะ ? ] – ไอรีน

[ แน่นอน อย่าพึ่งออกเดินทางจนกว่าผมจะไปถึงนะ ] – ซิด

[ ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ก็รีบเข้าสิ ]  – ไอรีน

 

หลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกันเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 2 ก็เริ่มต้นออกวิ่งไปคนละทิศ คนหนึ่งวิ่งไปด้านหน้า อีกคนวิ่งไปด้านหลัง

 

 

 

———————————–

 

 

 

หลบหลีก, 

ฟันสวน, 

และใช้ประโยชน์จากการโจมตีของเหล่ามอนเตอร์ที่พุ่งเข้ามา

ผ่าพวกมันจนแยกเป็นสองส่วนด้วยดาบคู่ 

เผาพวกมันให้ไหม้เกรียมด้วยเวทมนตร์

หลายสิบนาทีผ่านไปตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น ฮาโรลด์ยังคงสังหารเหล่ามอนเตอร์ต่อไปอย่างใจเย็น ซึ่งจำนวนของพวกมันที่ถูกสังหารทะลุเกิน 100 ตัวไปนานแล้ว

ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ก็ยังไม่หยุด

แม้จะมีการเตี้ยมกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หากการอพยพเสร็จสิ้น จะมีการใช้พลุไฟเป็นการส่งสัญญาณแจ้งให้ฮาโรลด์ถอนตัวออกมาได้ และถ้าหากเขามีชีวิตรอดไปได้จนถึงเวลานั้น มันก็ถือว่าเป็นชัยชนะสำหรับฮาโรลด์ ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะทำทุกๆอย่างเพื่อให้อยู่รอดจนถึงตอนนั้น

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากเวลาที่ผ่านไป มันคงต้องการเวลาอีกสักพักใหญ่ๆกว่าสัญญาณพลุไฟจะถูกจุดขึ้น ซึ่งฮาโรลด์เองก็รู้ตัวดีว่าโลกใบนี้ไม่ได้ใจดีกับเขาขนาดนั้นและยินดีที่จะปล่อยให้เหตุการณ์ต่างๆผ่านไปอย่างราบรื่นได้หรอก

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเรื่องร้ายๆที่ถาโถม ก็มีความหวังเล็กๆที่ฮาโรลด์ได้รับเช่นกัน แม้ว่ามันจะริบหรี่ และไม่ใช่ข่าวดีอะไรก็ตาม

นั้นก็คือ “ขวดยาสีแดง” มันส่งผลดีมาก และนั้นทำให้มอนเตอร์ทั้งหมดยังคงอยู่ในบริเวณนี้และมุ่งหน้าตรงมาหาฮาโรลด์ทั้งหมด หากพวกมอนเตอร์ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ พวกมันอาจจะไม่สนใจตัวของฮาโรลด์และไล่ตามผู้อพยพไปแล้ว

หากสถานการณ์ลงเอยแบบนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฮาโรลด์จะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้โดยลำพัง การบาดเจ็บล้มตายจะไม่เกิดขึ้นกับเหล่าชาวเมืองเท่านั้น ทั้งคนจากฟรีรี่ จากกองอัศวิน จะมีอีกหลายคนต้องตาย ต้องขอบคุณที่มันไม่เป็นแบบนั้นและทำให้เขารับมือได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอไป  เพราะตอนนี้ฮาโรลด์เองก็กำลังเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน

ตลอดจนก่อนการต่อสู้กับฝูงมอนเตอร์จะเริ่มต้นขึ้น ณ ใจกลางจัตุรัส ทุกอย่างๆล้วนเป็นไปตามแผน แต่ว่าตอนนี้ แทบจะไม่เหลือพื้นดินให้เขาใช้หยั่งเท้าอีกแล้วเหตุเพราะศพของเหล่ามอนเตอร์

มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ เพราะโลกนี้ไม่ใช่เกมส์ ดังนั้นต่อให้มอนเตอร์จะถูกจัดการไปแล้วแต่ศพของพวกมันก็ไม่ได้หายไปเองแบบในเกมส์ ศพของพวกมันเกลื่อนจนแทบจะเต็มพื้นของจัตุรัส อีกทั้งเลือดที่เปรอะเต็มพื้นทำให้พื้นลื่นและยากแก่การต่อสู้

ฮาโรลด์ได้แต่รู้สึกผิดที่มาพลาดอะไรง่ายๆแบบนี้

ในการต่อสู้ ฮาโรลด์รู้ดีว่าจุดแข็งของตัวเองนั้นคือความเร็ว ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะสู้กับเหล่ามอนเตอร์ในพื้นที่เปิดโล่งเพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันกลับกลายเป็นผลเสียไปแล้ว

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ทำไมเขาไม่ย้ายจุดการต่อสู้ไปพื้นที่เปิดโล่งจุดอื่นล่ะ นั้นก็เพราะถ้าหากเขาย้ายจุดการต่อสู้ไกลออกไปเกินกว่าขอบเขตที่ “ขวดยาสีแดง” แสดงผล เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกมอนเตอร์จะมีพฤติกรรมอย่างไร และถ้าหากเป้าหมายของพวกมอนเตอร์ไม่ใช่ฮาโรลด์อีกต่อไป มันก็ยากที่จะคาดเดาการกระทำของพวกมัน

ขณะใคร่ครวญเรื่องเหล่านั้นอยู่ภายในใจ หูของเขาก็ได้ยินเสียงแหลมสูงอะไรบางอย่าง เมื่อเขาหันเหสายตาไปยังทิศทางของเสียงนั้น เขาก็เห็นแสงสีแดงปรากฎขึ้นท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี

พลุ“สีแดง” มันคือสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ช่างโชคดีที่ฮาโรลด์ทำใจไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน เขาจึงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดมากเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ มันไม่มีเวลาให้คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้อีก เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นหมายความว่า ปฎิบัติการนี้ล้มเหลวแล้ว ดังนั้น การทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสร้างเสาเพลิงขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเวทมนตร์ และเปลี่ยนมอนเตอร์หลายตัวจนกลายเป็นเถ้าถ่านและซ่อนตัวชั่วคราว ใช้ประโยชน์จากจังหวะที่การเคลื่อนไหวของพวกมอนเตอร์ช้าลงเนื่องมาจากหาเป้าหมาย(ฮาโรลด์)ไม่เจอ ชิ่งออกมาจากจุดต่อสู้และไปยังสถานที่นัดพบที่ถูกเตี้ยมกันไว้ล่วงหน้าเพื่อรับแจ้งเกี่ยวกับเหตุฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม การใช้จัตุรัสใจกลางเมืองเป็นจุดต่อสู้ อีกทั้งมอนเตอร์ที่ตกอยู่ในระยะแสดงผลของขวดยาสีแดงจะอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง ดังนั้นจุดนัดพบจึงถูกกำหนดเอาไว้ที่ขอบตะวันตกของเมือง บนหอคอยหิน

โชคยังดีที่เมืองบาร์สตันค่อนข้างเล็ก ด้วยความเร็วสูงสุดของฮาโรลด์ เขาสามารถไปจากใจกลางเมืองถึงจุดนัดพบได้ในเวลาอันสั้น

 

[ เกิดอะไรขึ้น ? อธิบายมาสั้นๆ ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์ที่จู่ๆโผล่ขึ้นมาทางหน้าต่างแทนที่จะเป็นบันใดหอคอย โดยไม่สนปฎิกิริยาของคนอื่นๆ เขากล่าวเข้าเรื่องหลักทันทีที่มาถึง

แม้สมาชิกของฟรีรี่คนนั้นที่กำลังรอแจ้งสถานการณ์จะตกใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆฮาโรลด์ก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าต่าง แต่เขาก็รีบรายงานสถานการณ์ในทันที

 

[ พะพะ- พวเราได้รับสัญญาณยืนยันจากหน่วยสอดแนมว่ามีคนยังติดอยู่ภายในเมืองนี้ขอรับ ! ]

[ พวกเขาอยู่ที่ไหน ? มีกี่คน ? ] – ฮาโรลด์

[ ประมาณ 2 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูทางเข้าหลัก ตามรายงานที่ได้รับแจ้งเข้ามาดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่คนเดียวและเป็นเพียงแค่เด็ก แต่ว่าเด็กคนนั้นหายไปอย่างรวดเร็วในความมืดขอรับ! ]

[ บ้าชิบ …. ] – ฮาโรลด์

 

สถานการณ์ย้ำแย่กว่าที่คิด มีเด็กคนหนึ่งยังติดอยู่ในเมือง และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือเด็กคนนั้นหายตัวไปและยังหาไม่พบ

ฮาโรลด์ได้แต่ระดมความคิดอย่างหนักถึงสิ่งที่เขาพอจะทำได้ และจะทำอะไรต่อไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือการค้นหาตัวเด็กคนนั้นและยืนยันความปลอดภัยให้ได้

 

[ การค้นหาเป็นอย่างไรบ้าง ? ]. – ฮาโรลด์

[ พวกเราได้ระดมกำลังพลจากหน่วยอื่นๆเข้าร่วมกับหน่วยสอดแนมเพื่อออกค้นหาแล้วขอรับ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่พบตัวของเด็กคนนั้น ]

 

 ถ้ากลุ่มของฟรีรี่ออกค้นหาไปแล้วแต่ยังไม่พบตัวของเด็ก แสดงว่าเด็กคนนั้นคงอาจกำลังซ่อนตัวอยู่หรือเดินออกจากจุดพบตัวล่าสุดไปไกลแล้ว อีกทั้งมีการตรวจตราที่ทางเข้าออกหลักของเมืองอยู่ตลอด ไม่มีรายงานใดๆแจ้งมาว่ามี “คนเข้าออกเมืองแห่งนี้หลังจากการอพยพ” บ่งชี้ว่าเด็กคนนี้น่าจะถูกลืมไว้ที่ไหนซักแห่งภายในเมืองตั้งแต่ก่อนการเริ่มอพยพ

และถ้าหากเด็กคนนั้นสังเกตเห็นการปรากฎตัวขึ้นของเหล่ามอนเตอร์ เด็กคนนั้นก็คงจะหวาดกลัว และคงหนีไปซ่อนที่ไหนซักแห่ง

ต้องหาเด็กคนนั้นให้เจอ ภายใต้เมืองที่มืดมิดแห่งนี้ ท่ามกลางฝูงมอนเตอร์จำนวนมากมาย

 

[ …. ชั้นจะดึงดูดพวกมอนเตอร์ทั้งหมดไปทางทิศเหนือของเมือง ใช้โอกาสนั้นตามหาเด็กให้เจอและรีบอพยพออกไปจากเมืองซะ ] – ฮาโรลด์

[  ทะ-ทางทิศเหนือคือจุดที่อุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุดที่ซึ่งเหล่ามอนเตอรแห่กรูกันออกมา ผ-ผมคิดว่ามันไม่ดีนะขอรับที่จะล่อพวกมอนเตอร์ไปทางนั้น ! ]

 

เขาพูดถูก ทางทิศเหนือมีอุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุดที่ใช้เข้าไปเหมืองตั้งอยู่ เป็นจุดที่มอนเตอร์ส่วนใหญ่แห่กรูกันออกมา หากยังล่อมอนเตอร์ที่เหลือไปทางนั้นเพิ่มอีกผลลัพธ์ก็คงไม่ต้องพูดถึง …

เอาจริงๆ ถ้าไม่จำเป็นฮาโรลด์ก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดำเนินการต่อ และไม่มีเวลาให้ลังเล

 

[ หุบปาก ทำตามที่ชั้นสั่งซะ ] – ฮาโรลด์

[ ขะ… เข้าใจแล้วขอรับ บอส ]

 

ฮาโรลด์ก็ไม่ได้ชอบที่จะเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่อันตรายแบบนั้นอยู่เสมอ แต่ก็ใช่ว่าฮาโรลด์จะมองข้ามเรื่องที่คนอื่นๆในฟรีรี่อย่างหมอนี่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา

ขณะมองดูเขาส่งสัญญาณไฟเพื่อประสานงานกับสมาชิกคนอื่นๆ ฮาโรลด์ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องที่หมอนี่กังวล

 

( บางทีพวกเขาคงไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตข้างถนนแบบเดิมหากนายจ้างของพวกเขาตายไป… ) – ฮาโรลด์

 

พอมาคิดๆดู ฮาโรลด์ก็ไม่เคยวางแผนเรื่องการโอนย้ายสิทธิของผู้ว่าจ้างให้คนอื่นรับช่วงต่อหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เอาจริงๆการทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่ลางดีซะทีเดียว

อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะตายเร็วๆนี้ด้วย ดังนั้นเรื่องที่ไม่ได้เตรียมการโอนย้ายสิทธิถือว่าไม่ผิดเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นความจริงที่ฮาโรลด์เองก็มีความรู้สึกดีๆกับคนเหล่านี้ มันมากพอที่เขาจะรู้สึกเสียใจหากคนในกลุ่มฟรีรี่ต้องตายไป

ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากที่ตัวของฮาโรลด์พยายามที่จะหลีกเลี่ยงธงมรณะของตัวเอง และก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว มันก็กลับกลายเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น และตอนนี้ฮาโรลด์มีผู้คนมากมายที่เขาไม่ต้องให้คนเหล่านั้นตาย

ทั้งไรเนอร์ คลอเล็ต ลีฟา ฟรานซิส ฮิวโก้ และ ….. เอริกะ จากนี้ไปเหล่าตัวเอกของเรื่องราวจะเข้าสู่การต่อสู้ที่อันตรายที่สุดอย่างแน่นอน แม้กระทั้งชีวิตของชาวเมืองบาร์สตันก็ยังตกอยู่ในอันตรายแม้จะไม่รู้อะโหน่อิเหน่ก็ตาม

นอกจากนั้นยังมี เซ็น นอร์มอน เจค เหล่าคนรับใช้และทหารของตระกูลสโตร์ก  … อืม อีกทั้ง ทาสุคุ อิสุกิ ยูโนะ หน่วยลับคนอื่นๆที่มาจากตระกูลสุเมรากิ ซิด ไอรีน และเพื่อนๆอัศวินคนอื่นๆ สมาชิกจากกลุ่มฟรีรี่ที่เขาเป็นคนก่อตั้ง และที่ทำให้ฮาโรลด์มาไกลขนาดนี้ได้ก็เพราะ เอลล์ และ ตระกูลกิฟเฟลต์ แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นเพียงเอื้อประโยชน์ร่วมกันก็เถอะ

ถ้าฮาโรลด์ต้องชั่งน้ำหนักความสำคัญของชีวิตของตัวเองและคนเหล่านั้น เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าควรจะเลือกข้างไหน และเขาก็เชื่อว่าดีแล้วล่ะที่เขาไม่รู้คำตอบเหล่านั้น

และถ้าหากเขาสามารถแบกรับทั้งชีวิตของตัวเองและคนเหล่านั้นเอาไว้ได้ เพียงแค่นำพวกเขาทั้งหมดมาไว้บนตาชั่งด้านเดียวกันก็แก้ปัญหาได้ทุกอย่างแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าด้านไหนสำคัญกว่า ไม่จำเป็นต้องเอาเวลาไม่คิดถึงเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น

 

[ การรายงานให้หน่วยอื่นๆทราบเสร็จสิ้นแล้ว! พวกเราสามารถเริ่มแผนการได้ทันทีเมื่อยิงสัญญาณพลุไฟนี้ขอรับ ]

[ ยิง เริ่มแผนการได้ ] – ฮาโรลด์

 

เสียงของพลุไฟที่ดังกึกก้องพร้อมกับแสงสีเหลืองที่พุ่งขึ้นท้องฟ้ายามราตรี

อีกครั้งที่ฮาโรลด์พุ่งตัวออกไปยังสนามรบอีกครั้ง

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Score 10
Status: Completed
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ " ฮาโรลด์ สโตร์ก" สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

Options

not work with dark mode
Reset