[ คุณเวลส์ คุณเชื่อคำพูดของหมอนั้นจริงๆหรอ ? ] – ตัวแทนชาวเมือง
ฝั่งตัวแทนของชาวเมืองอีกคนที่นิ่งเงียบมาตลอดการสนทนาได้ตัดสินใจถามถึงการตัดสินใจของท่านนายกเทศมนตรี
หากมองจากมุมที่เป็นกลาง ทางฝั่งของฮาโรลด์มีความน่าสงสัยในทุกๆด้าน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ตัวแทนของชาวเมืองจะคิดเช่นนั้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวที่มันดูเหลือเชื่อจนเกินไปหน่อย
ซึ่ง เวลส์เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะตอบกลับ
[ ข้ารู้ว่าพวกนายต้องการจะพูดอะไร และข้าก็เข้าใจดีอย่างถ่องแท้เลยล่ะ … ว่าแต่ ฟิออน่า เธอเชื่อในสิ่งที่พวกนั้นเล่ามาจริงๆรึ ? ] – เวลส์
เมื่อถูกถาม ฟิออน่าก็ตอบกลับไปโดยไร้ความลังเลใดๆ
[ ค่ะ ดิฉันได้เห็นกับตาตนเองว่าภายใต้เมืองแห่งนี้มีทั้งเหล่ามอนเตอร์จำนวนมากมายและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ตามที่เขากล่าวมาทุกๆอย่างค่ะ ดิฉันคิดว่าพวกเราจำเป็นจะต้องรีบดำเนินการณ์แก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ทันทีค่ะ ] – ฟิออน่า
[ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ … ] – ตัวแทนชาวเมือง
ยังมีตัวแทนบางคนที่ยังสงสัยและเหลือบมองไปทางฮาโรลด์จากทางด้านข้าง เมื่อเห็นสายตานั้น ฟิออน่าก็เข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร เธอจึงกล่าวต่อ
[ ดิฉันเข้าใจค่ะว่าทำไมพวกท่านถึงยังสงสัยในตัวของเขา เพราะจากข้อมูลที่พวกเราได้รับมาทั้งหมดจากทั้ง 2 ฝ่าย สถานะของท่านฮาโรลด์ใช่ว่าจะหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย บางที สถานการณ์ทั้งหมดนี้อาจเป็นฝีมือของเขาก็ได้ค่ะ ] – ฟิออน่า
[ ถ้าหากเธอเองก็คิดเช่นนั้น ทำไมเธอถึงไม่คิดว่าพวกเราควรใช้เวลาหาลือและตัดสินให้รอบคอบกว่านี้ล่ะ ? ] – ตัวแทนของชาวเมือง
[ เนื่องจากพวกเรายังไม่มีข้อมูลที่มากพอและข้อมูลทั้งหมดที่พวกเราได้รับมาก็มาจากทางฝั่งนั้นทั้งหมด ทำให้พวกเราไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมได้ แม้บางทีเรื่องทั้งหมดนี่อาจจะเป็นเพียงข้ออ้างที่จะใช้ขับไล่พวกเราออกไปจากเมืองแห่งนี้เท่านั้น แต่ฝูงมอนเตอร์เหล่านั้นก็ยังคงอยู่ภายใต้เมืองของพวกเราอยู่ดี อันตรายเหล่านั้นเป็นของจริง ดังนั้นสิ่งที่พวกเราควรทำที่สุดในตอนนี้คือยืนยันให้ได้ว่ามูลเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงให้เร็วที่สุด และถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะได้มีเวลาคิดแผนรับมือใด้ทันการค่ะ ] – ฟิออน่า
ฟิออน่ากล่าวออกมาด้วยความมุ่งมั่น ราวกับสีหน้าที่ซีดเซียวเมื่อเช้ากลายเป็นเรื่องโกหกไป
เมื่อได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอ เหล่าตัวแทนของเมืองที่อยากจะคัดค้านก็ค่อยๆอ่อนลง
[ ดังนั้น พวกเราต้องจัดลำดับความสำคัญให้กับการอพยพชาวเมืองเป็นอันดับแรก ถ้าพ่อของดิฉันยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงมีความคิดเช่นเดียวกับดิฉัน ท่านพ่อคงจะตัดสินใจเช่นเดียวกันแน่นอนค่ะ ] – ฟิออน่า
[ ท่านลอว์เรนซ์ … เฮ้อ.. เธอเหมือนพ่อของเธอมากจริงๆ … ] – ตัวแทนของชาวเมือง
ฮาโรลด์เองก็บอกไม่ได้ว่าชาวเมืองแห่งนี้ศรัทธาในตัวพ่อของฟิออน่ามากแค่ไหนตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่แค่เอ่ยถึงเขาเพียงช่วงสั้นๆในตอนท้ายเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าตัวแทนคนอื่นๆยอมรับกันได้ทั้งหมด
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮาโรลด์จึงคิดว่าจังหวะตอนนี้แหละที่เหมาะจะพูดกล่าวปิดการประชุมครั้งนี้เสียที
[ พูดกันพอรึยัง ? จะได้รีบๆเริ่มกันเลยสักที ] – ฮาโรลด์
หลังจากนั้น เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ตัวแทนของฝั่งเมืองและฝั่งอัศวินได้เลือกตัวแทนที่จะเข้าไปสำรวจภายในเหมืองและยืนยันสถานการณ์ ซึ่งตัดสินใจกันว่าพวกเราจะเดินทางไปพร้อมกับฮาโรลด์ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า
ทางฝั่งเมืองได้เลือกมา 3 คน ได้แก่ฟิออน่า รองนายก และตัวแทนจากฝั่งคณะกรรมการ สำหรับฝั่งอัศวิน พวกเขาได้เลือกมา 2 คน คือ ซิดที่ซึ่งเข้าใจความคิดของฮาโรลด์เป็นอย่างดี และ ลากาเรส ผู้ที่เป็นหัวหน้าหน่วย
ดังนั้น ทั้ง 6 คนรวมถึง ฮาโรลด์จึงออกสำรวจชมสิ่งปลูกสร้างใต้ดิน ซึ่งทั้งคนจากฝั่งชาวเมืองและฝั่งอัศวินเมื่อได้เยี่ยมชมฝูงมอนเตอร์ต่างพากันพูดไม่ออก
เมื่อยืนยันได้แล้วว่าเรื่องที่ฮาโรลด์เล่ามาเป็นความจริง ตัวแทนจากฝั่งเมืองก็ประกาศให้เริ่มต้นการอพยพโดยทันที โดยบอกกับผู้คนภายในเมืองว่าภายใต้เหมืองนั้นเต็มไปด้วยก๊าซติดไฟซึ่งพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
นี่เป็นเรื่องโกหกที่ฝั่งผุ้นำของเมือง อัศวิน และฮาโรลด์ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้า เพราะพวกเขาคิดว่าเรื่องของก๊าซติดไฟคงช่วยกระตุ้นให้รับรู้ถึงอันตรายได้ดีกว่าเรื่องเหลือเชื่ออย่างมีฝูงมอนเตอร์อยู่ภายใต้เมืองเป็นไหนๆ
และด้วยสิ่งเหล่านี้ ทำให้มีหลายๆต่อหลายคนอพยพออกจากเมืองกันทันทีหลังจากที่เรื่องก๊าซถูกประกาศออกไป
บางทีนี่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้คนที่อยากจะออกจากเมืองนี้เต็มแก่อยู่ก่อนแล้ว เรื่องวุ่นวายในคราวนี้ทำให้พวกเราสามารถตัดสินใจได้โดยไม่ลังเล และยิ่งมีสถานที่รองรับเมื่ออพยพไปยิ่งทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจยิ่งขึ้นไปอีก
อีกทั้งพวกเขายังใช้คำว่า “การอพยพชั่วคราว” เพื่อให้เหล่าชาวเมืองตัดสินใจที่จะอพยพง่ายขึ้น เพราะนั้นทำให้เหล่าชาวเมืองคิดว่าเมื่อสถานการณ์ต่างๆคลี่คลายแล้ว พวกเขาจะสามารถกลับมายังเมืองแห่งนี้ได้อีกครั้ง แต่สำหรับฮาโรลด์เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะสามารถกลับมาอาศัยที่เมืองนี้ได้อีกครั้งแน่นอน เพราะถ้าหากสถานการณ์เลวร้ายลงอย่างที่คาดไว้จริง เป็นไปไม่ได้เลยที่เมืองนี้จะสามารถใช้อาศัยได้อยู่อีกแน่นอน
แน่นอนว่า เขาความคิดเห็นส่วนี้เขาไม่ได้บอกมันกับใคร
( ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พวกเรามีทั้งทุนทรัพย์และสถานที่ที่จะต้องย้ายไป เท่านี้คงสามารถชดเชยให้กับพวกเขาได้บ้าง … ) – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ได้แต่ขอโทษกับคนเหล่านี้อยู่ภายในใจที่ชาวเมืองต้องถูกล่อลวงด้วยความหวังหลอกๆ ซึ่งถ้าไม่ทำเช่นนี้และบอกความจริงไปทั้งหมด สถานการณ์คงจะบายปลายจนไม่อาจควบคุมได้
และแล้ว ก็ผ่านไป 2 สัปดาห์ตั้งแต่เริ่มต้นการอพยพ ตอนนี้การอพยพคืบหน้าไปเป็นอย่างมาก
เอาตามจริง ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่เหล่ามอนเตอร์จะเริ่มเคลื่อนไหว จึงยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการบางอย่างกรณีที่ไม่สามารถอพยพได้ทันเวลา เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮาโรลด์จึงได้เตรียมกันบางอย่าง
[ แผนการ “เส้นสีแดง” คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ? ] – ฮาโรลด์
[ ของทั้งหมดที่จะถูกจัดส่งมาในวันพรุ่งนี้และน่าจะเพียงพอตามปริมาณที่พวกเราประมาณไว้ขอรับ ] – ลิสท์
ฮาโรลด์กำลังหาลือกับมาตรการรับมือที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคนที่ตอบคำถามกับเขาไม่ใช่ใครอื่น หรือก็คือ ลิสท์
ดูเหมือน่วาพวกเขาจะสามารถจัดหาสิ่งของที่จำเป็นได้ทันเวลา แต่เมื่อคำนึงถึงเวลาที่จำสิ่งเหล่านั้นไปติดตั้งไว้ตามสถานที่ที่กำหนด เวลาก็แทบจะไม่พอแล้ว แต่เอาจริงๆ ถ้าหากการอพยพเสร็จสิ้นได้ทันเวลา แผนการนี้ก็ไม่จำเป้นตั้งแต่แรก แต่สำหรับฮาโรลด์เขาได้ตัดความเป็นไปได้ที่การอพยพจะเสร็จสิ้นได้อย่างทันเวลาไปแล้ว
นั้นเพราะฮาโรลด์ ผู้ที่เป็นที่รักของธงมรณะ ไม่มีทางที่เหตุการณ์เหล่านี้จะผ่านพ้นไปด้วยดีโดยที่เขาไม่ต้องเสี่ยงชีวิตได้อย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว
ดังนั้น ฮาโรลด์จึงคิดที่จะใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่ในการเตรียมการทุกๆอย่างให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังใกล้เข้ามา แม้จะช่วยเพียงเล็กน้อย ถ้ามันลดความยากของเหตุการณ์นี้ได้บ้าง เขาก็พร้อมที่จะทำ
[ ตอนนี้ พวกเราได้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับแผนการ “เส้นสีขาว” ไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ หากมันได้ผล พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แผน “เส้นสีแดง” อีกต่อ– ] – ลิสท์
[ ฮึ ไอ้แผนการนั้นชั้นไม่คาดหวังว่ามันจะได้ผลเลยซักนิด เพราะงั้นชั้นถึงคิดแผนการ “เส้นสีแดง” ยังไงล่ะ ] – ฮาโรลด์
กลยุทธ์ที่จะใช้เมื่อฝูงมอนเตอร์เริ่มเคลื่อนไหวคือแผนการ “เส้นสีขาว” ซึ่งถ้าหากเท่านี้ยังไม่เพียงพอ ก็จะใช้ขั้นที่ 2 “เส้นสีแดง” ซึ่งเป็นหนทางสุดท้าย
เอาตามจริง ฮาโรลด์คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์มันจะเลยเถิดถึงกับต้องใช้แผนการ “เส้นสีแดง”อย่างแน่นอน
ฮาโรลด์ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ …
นี่มันคือภารกิจที่แข่งกับเวลา มีชีวิตคนนับพันเป็นเดิมพัน ต้องไม่มีใครถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
และทันทีที่การประสานงานกับลิสท์จบลง ฮาโรลด์ก็ลุกขึ้นและจากไปทันที เพราะมีบางสิ่งที่เขาจำเป็นที่จะต้องรีบไปจัดการ
เขาเดินไปรอบๆเมืองบาร์สตัน บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาน้อยลง เงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด
ก็นะ มันก็เข้าใจได้ เพราะใต้เมืองมีลูกระเบิดลูกใหญ่กำลังรอคอยอยู่
แต่สิ่งที่เป็นปัญหายิ่งกว่าคือเหล่าชาวเมืองหัวรั้นที่คัดค้านการอพยพและไม่ยอมย้ายออกไปไหน คนเหล่านี้เชื่อว่าเรื่องก๊าซระเบิดภายในเหมืองเป็นเรื่องแหกตา
ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับและพูดว่า “เข้าใจแล้ว” และย้ายก้นกันออกจากเมืองไปหลังจากถูกบอกว่าภายใต้เมืองของพวกเขามีก๊าซที่พร้อมระเบิดอยู่ทุกเมื่อ
ขณะเดินไปรอบๆเมือง สายตาของฮาโรลด์ก็มาหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่กำลังส่งเสียงเอ๊ะอะโวยวาย
[ กูไม่สนอะไรทั้งนั้น! กูจะไม่มีวันออกไปไหนจากบ้านหลังนี้ทั้งนั้น! ]
[ พวกเราเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แต่ว่าการอาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งนี้ต่อไปมันอันตรายเกินไปจริงๆนะ ] – คีธ
มีชายคนหนึ่งวัย 30 กว่าๆกำลังยืนอยู่หน้าบ้าน เขากำลังทะเลาะกับคีธ แม้จะเผชิญหน้ากับคีธที่รูปร่างสูงใหญ่รูปลักษณ์แข็งแรง แต่ชายคนนั้นก็ยืนการเสียงแข็งปฎิเสธท่าเดียว นี่แสดงให้เห็นว่าหมอนี่เป็นคนที่กล้าหาญทีเดียว
และด้วยความมุ่งมั่นของชายคนนี้ ทำให้คนอื่นๆที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขายืนกรานว่าจะไม่ย้ายไปไหนเช่นกัน
[ เอะอะโวยวายอะไรกัน ? ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ผลักคนอื่นๆที่มุงดูอยู่ออกไปให้พ้นทาง และเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างชายคนนี้กับคีธ นั้นทำให้สายตาของทุกๆคนโดยรอบจับจ้องมาที่เขา
[ ก-แกเป็นใครวะ ? ]
[ ชั้นเป็นหัวหน้าของไอ้หมอนี่ และชั้นเดาว่า แกคงเป็น …หัวโจกของเจ้าพวกโง่เง่าที่ไม่ยอมย้ายก้นออกไปจากเมืองสินะ ? ] – ฮาโรลด์
[ … ใช่ ถูกแล้ว! ที่นี่คือบ้าน บ้านของครอบครัวข้าและข้าจ—– ]
[ หุบปาก ไม่จำเป็นต้องพร่ามอะไรไร้สาระ สรุปสั้นๆคือ “ต่อให้ตาย กุก็ไม่ย้ายไปไหนทั้งสิ้น” ใช่มั้ย ? ] – ฮาโรลด์
ทันทีที่พูดจบ ฮาโรลด์ก็ดึงดาบสีดำที่เอวออกมาและฟันไปที่ชายคนนั้นในฉับเดียว
แม้ว่าจะดูโหดร้าย แต่ท่วงท่าการฟันนั้นทั้งเป็นธรรมชาติและสง่างาม
คมดาบที่ชุ่มไปด้วยเลือดของชายคน—– เอ่อ จริงๆมันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ทว่ามันกับฟันถูกเพียงแค่เสื้อผ้าของเขาเท่านั้น
ทันทีที่ชายคนนั้นรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหงายหลังล้มลงในทันที ราวกับเป็นสัญญาให้ฝูงชนเกิดนความโกลาหล
[ กะ-แก ทะทะทะทำอะไ— ]
แม้ว่าชายคนนั้นต้องการที่จะถามเกี่ยวกับการโจมตีของฮาโรลด์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือ แต่ว่าเขาก็กลัวมาจนไม่สามารถพูดมันออกมาให้จบประโยคได้
ก็ถือว่าเข้าใจได้สำหรับคนที่พึ่งได้รับประสบการณ์การหวิดถูกฟันมาหมาดๆ
[ แกไม่ได้มีความคิดที่จะย้ายออกจากเมืองนี้ แต่ถ้าไม่ออกจากเมือง สุดท้ายแกก็ตายอยู่ดี ดังนั้นไหนๆก็จะตายอยู่แล้ว ชั้นเลยจะรีบๆจัดการให้ อ้อใช่ เรียกครอบครัวของแกมาพร้อมกันทั้งหมดด้วย ชั้นจะได้จัดการให้ในทีเดียว ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์กล่าวออกมาหน้าตาเฉย ราวกับเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
“ถ้านายไม่ต้องการที่จะออกไปจากเมืองแห่งนี้ งั้นก็ตายซะ” และ”ไหนๆก็จะตายอยู่แล้ว เดี่ยวชั้นจะจัดการให้เร็วๆเอง” นั้นคือใจความสำคัญที่ฮาโรลด์ต้องการจะสื่อให้ชาวเมืองที่มุงดูอยู่โดยรอบได้ยิน
และไม่เพียงแค่ชายที่เกือบถูกฟันเท่านั้น คนอื่นๆทั้งหมดต่างตกอยู่ภายใต้จิตสังหารที่ฮาโรลด์ปล่อยออกมาพร้อมกับการฟันนั้น
[ ทำหน้าตกใจทำไม ? แกและครอบครัวตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายกันอยู่แล้ว ชั้นแค่จะช่วยให้มันเร็วขึ้นอีกซักหน่อย มีอะไรผิดตรงไหน ? ] – ฮาโรลด์
ผิดทุกๆอย่าง ทั้งกระบวนการคิดและการกระทำ
“มนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราคือปีศาจที่กระบวนการทางความคิดแตกจากพวกเรา”
นี่คงจะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดเมื่อได้ยินคำพูดของฮาโรลด์
[ เฮ้ย! เกิดบ้าอะไรขึ้นตรงนั้นน่ะ ?! ]
อาจเพราะพวกเขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายหรือไม่ก็มีผู้เห็นเหตุการณ์วิ่งไปแจ้งพวกเขาให้รับรู้ เหล่าอัศวินจำนวนหลายนายกำลังมุ่งหน้ามายังที่ๆฮาโรลด์อยู่ แม้อัศวินเหล่านี้กำลังยุ่งอยู่กับการโน้วน้ามชาวเมืองที่ยังไม่ยอมย้ายออกไป แต่พวกเขาก็ยังอุส่าสละเวลามาระงับเหตุ
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็เก็บดาบของเขาเข้าฝัก
[ ฮึ แกนี่โชคดีนะ ถือว่ารอดไปได้ 1 วันละกัน ] – ฮาโรลด์
ฝูงชนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางทันที ไม่มีใครกล้าสบตากับฮาโรลด์อีก
เพียงไม่กี่นาที ชื่อเสียงของฮาโรลด์แพร่กระจายไปทั่วบาร์สตันทันที
แม้นั้นจะฟังดูเป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆสำหรับเขาคือการที่มีอัศวินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
และนั้นทำให้ในไม่กี่ ชม หลังจากนั้น ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ลากาเลสก็เรียกหาตัวฮาโรลด์ให้เข้าไปพบเขาในห้องๆ 1 ภายในตึกสำนักงานชั่วคราวของหน่วยอัศวิน
สายตาที่ลากาเลสใช้มองฮาโรลด์นั้นรุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้กับรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ
[ นี่มันเรื่องบ้าอะไร ! อฑิบายมาซะ !! ] – ลากาเรส
[ อธิบาย ? อธิบายอะไร ? ] – ฮาโรลด์
[ อย่ามาตีหน้าซื่อกับข้า แกไปฟันชาวเมืองกลางวันแสกๆเพียงเพราะเขาปฎิเสธที่จะออกจากเมืองเนี้ยนะ ! ] – ลากาเรส
[ แล้วไง ? ] – ฮาโรลด์
ท่าทางของฮาโรลด์ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกผิดออกมาแม้แต่น้อย และนั้นยิ่งทำให้ลากาเรสเดือดยิ่งขึ้นไปอีก
เขามุ่งตรงมายังฮาโรลด์ กระชากคอเสื้อและตะคอกใส่อย่างแรง
[ แกพูดว่า แล้วไง? หรอ ??? นั้นคือทั้งหมดที่แกจะพูดหลังจากที่พยายามจะพรากชีวิตคนบริสุทธิ์อย่างงั้นรึไง !! ] – ลากาเรส
“สมแล้วที่เป็นอัศวิน ต่อให้ใครหน้าไหนก็ไม่เลือกปฎิบัติ” นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์คิด หลังจากรับรู้ได้ถึงความยุติธรรมที่แน่วแน่ของลากาเลส
ลากาเลสแสดงความโกรธต่อการกระทำของฮาโรลด์ ซึ่งมันก็รุนแรงพอๆกับความยุติธรรมที่มีอยู่ในตัวของเขา นั้นก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมชายคนนี้ถึงไม่มีวันให้อภัยถึงสิ่งที่ฮาโรลด์กระทำลงไปไม่ว่าจะเหตุการณ์นี้หรือในอดีต
อย่างไรก็ตาม สำหรับในสถานการณ์ในปัจจุบัน ไอ้ความยุติธรรมนั้นไม่มีประโยชน์เลยซักนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮาโรลด์จึงตอบกลับเขาไปแม้ว่าจะถูกคว้าคอเสื้ออยู่
[ การรั้นที่จะอยู่ในเมืองนี้มีแต่จะต้องตาย ชั้นแค่แสดงให้พวกมันเห็นถึงความจริงข้อนี้ก็เท่านั้น ] – ฮาโรลด์
[ แก !! ] – ลากาเรส
ขณะที่ลากาเลสง้างหมัดจะชกเข้าที่ใบหน้าของฮาโรลด์ เสียงเคาะประตูที่มาจากทางด้านนอกก็ดังขึ้นขัดการกระทำของเขาเสียก่อน
ซึ่งฮาโรลด์ ก็ตอบกลับเสียงนั้นว่า “เข้ามา” โดยไม่ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมนานเกินไป และเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็นถึงร่างของฟิออน่า ที่มาพร้อมกับชายคนที่เกือบจะถูกฮาโรลด์ฟันเมื่อตอนกลางวัน บางที อาจเพราะลากาเรสจำเขาได้ เขาถึงกับชะงักจนตัวแข็งไปชั่วขณะ
เมื่อสังเกตว่ามือซ้ายของลากาเรสที่คว้าคอเสื้อเริ่มอ่อนฮาโรลด์จึงปัดมันออก
[ ดิฉันพาผู้ร่วมงานมาแล้วค่ะ ] – ฟิออน่า
[ เธอมาสาย ชั้นจำได้ว่าพวกเราคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อยู่ก่อนแล้วไม่ใช่รึไง ] – ฮาโรลด์
[ เกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมเป็นคนผิดเองขอรับ ไม่ใช่ความผิดของคุณฟิออน่าเลยซักนิด ในตอนนั้นกลุ่มคนที่ร่วมต่อต้านการอพยพเข้ามาหาผม จึงทำให้ผมจำต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะปลีกตัวออกมาได้ ]
[ ฮี อย่างน้อยนายก็แสดงดีใช้ได้เลยนี่หว่า ] – ฮาโรลด์
[ …. เดี่ยวสิ นี่พวกนายพูดเรื่องอะไรกัน ? ] – ลากาเรส
[ ให้ดิฉันเป็นคนอธิบายเองค่ะ ] – ฟิออน่า
ฟิออน่าเข้ามาช่วยเหลือในการอธิบายได้อย่างเหมาะเจาะ นั้นก็เพราะถ้าปล่อยให้ฮาโรลด์เป็นคนอธิบาย ปากเวรของเขาคงจะพูดประมาณว่า “นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรอ ? ดูเหมือนหัวที่โตๆนั้นจะมีไว้แค่ประดับไหล่ของแกเท่านั้น” ต้องขอบคุณฟิออน่าในส่วนนี้จริงๆ
[ หลังจากจบการประชุมเมื่อวันก่อน ท่านฮาโรลด์สั่งให้ดิฉัน “หาคนในเมืองที่มีประสบการณ์หรือคุ้นเคยกับการเล่นละครให้ที” และชายคนนี้คือคนที่ดิฉันเลือกมาค่ะ ] – ฟิออน่า
[ ตอนที่กระผมยังเป็นเด็ก กระผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของคณะละครเล็กๆขอรับ … ]
ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย
เมื่อถึงจุดๆนี้ สีหน้าของลากาเรสเริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
[ ท่านฮาโรลด์ขอให้ชายคนนี้รับบทแสดงเป็นผู้นำกลุ่มต่อต้านการอพยพเพื่อให้ชาวเมืองอีกหลายๆคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขาเข้าร่วม และอีกคำขอคือขอให้เขาแกล้งทำเป็นถูกโจมตีต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องถูกเก็บเป็นความลับแม้แต่ครอบครัวของเขาเองด้วย แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการบังคับให้ร่วมมือแต่อย่างใด พวกเราได้ทำการเจรจาหาข้อตกลง และตอบแทนค่าจ้างอย่างเหมาะสมค่ะ ] – ฟิออน่า
[ กระผมไม่ได้ต้องการที่จะต่อต้านการอพยพ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่กระผมจะต้องคัดค้านข้อเสนอเหล่านี้ แถมเงินเหล่านี้ก็สามารถช่วยเหลือครอบครัวของกระผมจากเหตุการณืภัยพิบัติในครั้งนี้ได้มากอีกด้วยขอรับ ]
[ สรุปสั้น เป้าหมายของฮาโรลด์คือ…. ] – ลากาเรส
[ ค่ะ เป็นอย่างที่ท่านลากาเรสคิด เป้าหมายของท่านฮาโรลด์คือการแต่งตั้งใครสักคนมารับบทเป็นผู้นำการต่อต้านการอพยพ จากนั้นทำให้เขาตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวและยอมรับที่จะอพยพไป ด้วยวิธีนี้ เมื่อผู้นำยอมอ่อนข้อ คนอื่นๆจะมีความคิดที่คล้อยตามและยอมจากเมืองนี้ไป แถมยังช่วยสามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะมีคนกล้าขึ้นมารับหน้าที่เป็นผู้นำการต่อต้านอารอพยพคนใหม่อีกด้วยค่ะ ] – ฟิออน่า
[ แล้วกลุ่มต่อต้านคนอื่นๆล่ะ เขามาหานายทำไมกัน ? ] – ลากาเรส
[ ส่วนใหญ่พวกเขามาหากระผมเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันและเรื่องที่กระผมจะอะไรต่อไป กระผมจึงตอบไปว่ากระผมและครอบครัวตั้งใจที่จะออกจากเมืองนี้ไปทันที เพราะขืนอยู่ในเมืองนี้ต่อไป ทั้งตัวกระผมและครอบครัวคงถูกท่านฮาโรลด์สังหารแน่ๆขอรับ ]
[ หึ เป็นไปตามแผน ] – ฮาโรลด์
หลังจากคืนนี้เป็นต้นไป เรื่องเหล่านี้คงแพร่สะพัดในหมู่สมาชิกของกลุ่มต่อต้าน และคงส่งผลให้หลายๆคนเปลี่ยนใจที่จะยอมอพยพจากเมืองไป
เมื่อคำอธิบายทุกอย่างจบลง ลากาเรสก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง
[ แล้วทำไมแกไม่บอกอะไรกับข้าเลยวะ ! ] – ลากาเรส
[ ถ้าต้องการจะเก็บความลับ ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี นั้นเป็นสามัญสำนึกของการเก็บความลับไม่ใช่รึไง ] – ฮาโรลด์
นอกจากนี้ ฮาโรลด์ยังเชื่อว่าผู้คนรอบตัวของเขาจะปฎิสัมพันธ์กับเขาอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าหากพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ถึงความจริงพวกนี้ ในสายตาของฮาโรลด์ ถ้าพวกอัศวิน หรือ ซิดและไอรีน รู้ความจริง พวกเขาคงแสดงไม่เนียนแน่ๆ
แต่ไม่ว่าจะยังไง ทุกๆอย่างก็เป็นไปตามแผนที่ฮาโรลด์วางเอาไว้
หลังจากลดความเข็มแข็งของกลุ่มฝ่ายต่อต้านการอพยพลงได้ ที่เหลือก็เพียงแค่อพยพผู้คนต่อไปให้ได้มากที่สุด และเตรียมแผนฉุกเฉินในกรณีที่มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น
แต่มีหนึ่งสิ่งที่ฮาโรลด์คาดการผิดไป นั้นคือเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขากระทำไปจะส่งผลได้เร็วขนาดนี้
จากละครของฮาโรลด์ จำนวนชาวเมืองที่ยังอาศัยอยู่ภายในเมืองลดลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มที่เคยต่อต้านการอพยพถยอยกันออกจากเมืองไปจนเกือบหมดภายใน 3 วัน จะมีเหลือเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังไม่ย้ายออกไป
เมื่อถึงจุดๆนี้ แม้ว่าจะมีเพียงคนจำนวนน้อยที่ยังรั้นจะอยู่ต่อ แต่ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริง มันยังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะอพยพได้ทันการโดยใช้ความร่วมมือจากอัศวินและกลุ่มฟรีรี่
ขอแค่อีกนิดเท่านั้น ขอเวลาอีกนิดเดียว การอพยพก็จะเสร็จสิ้น
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังกำหมัดคิดแบบนั้นอยู่ภายในใจ ก็มีข่าวร้ายรายงานเข้ามา
พวกคุณอาจจะแปลกใจ แต่สำหรับฮาโรลด์เขาทำใจไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้
ลิสท์มาที่ห้องของฮาโรลด์และรายงานข้อมูลด้วยน้ำเสียงสงบเช่นเคย
[ จากหน่วนสอดแนม พวกเราได้รับรายงานว่า ฝูงมอนเตอร์เริ่มต้นเคลื่อนไหวแล้ว จากตำแหน่งปัจจุบันของพวกมัน มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจะมาถึงที่เมืองในช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ขอรับ ] – ลิสท์
[ เริ่มปฎิบัติการ “เส้นสีขาว” ได้ เมื่อเสร็จสิ้น ใช้กำลังพลจากกลุ่มฟรีรี่อำนวยความสะดวกในการอพยพชาวเมือง ] – ฮาโรลด์
[ เข้าใจแล้วขอรับ ] – ลิสท์
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ลิสท์ก็แสดงความเคารพและออกจากห้องไป
หลังจากเห็นลิสท์ออกจากห้องไป ฮาโรลด์ก็หยิบดาบ 2 เล่มของเขาออกมา
แม้ว่าสิ่งต่างๆจะยังดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่การอพยพนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังมีชาวเมืองอีกเกือบเป็น 100 คนที่ยังอยู่ในบาร์สตัน
เวลาเหลือเพียง 30 ชั่วโมงเท่านั้น แม้แผนการทุกอย่างจะถูกวางไว้อย่างดิบดี แต่ก็ใช่ว่าจะอพยพชาวเมืองทั้งหมดออกไปได้ทันก่อนพบค่ำของวันพรุ่งนี้
ในที่สุด การต่อสู้ที่มีชีวิตของผู้คนนับร้อยก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น