นิยาย Monarch of Time MoT.68 – มุ่งหน้าไปสู่ส่วนใน
“หากพลาดแม้ก้าวเดียว พวกเราจะตายกันหมด”
แม้เทือกเขาอสูรจะกินพื้นที่กว้างเกิน 15,000 ลี้แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือสัตว์อสูรจํานวนมากที่มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพวกเขาเดินทางลึกเข้าไปพวกเขาจึงต้องเดินทางด้วยความระมัดระวัง
หญิงสาว 3 คนสูดลมหายใจอันเยือกเย็นเมื่อชุนหลงเดาได้โดยไม่ต้องให้หยงคู่เตือน
“ศิษย์พี่ พวกสัตว์อสูรในส่วนในแข็งแกร่งกว่าข้างนอกเยอะเลยเหรอ?”
เฟยฟางถามด้วยความกังวล
“เขาอสูรส่วนนอกก็แค่สนามเด็กเล่นน้ำเจ้าเทียบกับข้างในไม่ใช่แค่สัตว์อสูรส่วนใหญ่จะเป็นขั้น 2 ขั้นกลางขึ้นไปแต่มันยังมีโอกาสที่เราจะได้เจอสัตว์อสูรขั้น 3 ด้วย”
“ถ้าเช่นนั้น ศิษย์พี่ เราไม่…”
หยงคู่พูดแทรกทันที
“ต่อให้อันตราย ยิ่งเข้าไปได้ลึกเท่าใด เราจะยิ่งได้ประโยชน์จากปราณที่ระเบิดออกมาจากภูเขากลาง ไม่ต้องห่วง ในเขาอสูรส่วนในเองก็มีพื้นที่ปลอดภัยอยู่”
หญิงสาว 3 คนมองตากันและหันไปมองหยงคู่ด้วยสายตาวิงวอน หยงคู่ได้แต่ถอนหายใจและถาม
“เจ้าจะตามข้ามาทําไมกันถ้าหากหวาดกลัวนัก?เจ้าอยู่ในป่าส่วนนอกไปก็ได้ข้ากับพี่ชนจะไปกันเองแต่ข้าพูดจริงเรื่องสถานที่ปลอดภัยศิษย์เกือบทุกคนที่ไปถึงที่นั่นอาจจะรวมตัวและพักหลบภัยกันอยู่เพื่อรอให้การระเบิดปราณเริ่มขึ้น”
หญิงสาวทั้ง 3 ก้มหน้าด้วยความละอายใจ หยงคู่อาจจะรับรู้ความตั้งใจของพวกนางแล้ว
“พวกเรา…”
ก่อนที่พวกนางจะเข้าเทือกเขาอสูร นาง 3 คนดึงดันว่าจะติดตามข้างกายหยงคู่นั่นก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขาและหวังว่าจะได้พึ่งพาเขาในการกลับสู่หอเวหาคํารามแต่ตอนนี้เมื่อได้ยินถึงความอันตรายในพื้นที่ส่วนในและหลังจากเกือบตายสองครั้งตั้งแต่วันแรกในพื้นที่ส่วนนอกพวกนางก็ไม่มีความกล้าที่จะติดตามชุนหลงและหยงคู่อีก
ชุนหลงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายก็มิใช่แค่นาง 3 คนลืมว่าหยงคู่ต่อสู้เพื่อพวกนางถึงสองครั้งสองคราในวันเดียว แต่พวกนางยังเลือกทิ้งหยงรู่เมื่อได้รู้ถึงความอันตรายข้างใน
เจ้านายอย่าผิดหวังไปเลย นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ มีคนไม่มากนักที่เต็มใจเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย
ข้ารู้ หยงคู่ต้องการค้นหาบุพผานรกและเขาเองก็ต้องการดูดซับพลังปราณจากภูเขากลางแต่พวกนางเพียงแค่หวังพึ่งพาเขาพอเป้าหมายไม่ตรงกันหรือข้าจะบอกว่าผลประโยชน์ไม่คุ้มเสี่ยงก็ได้ พวกนางก็เลือกที่จะทิ้งเขา
ชุนหลงส่ายหน้าและเดินแยกตัวไปปีนต้นไม้บ่มเพาะพลังยามค่ําคืน
หยงคู่ยิ้มเย้ย
“ข้ามันก็แค่คนโง่ที่ไม่รู้เหตุผลของพวกเจ้าที่มาร่วมทางกับข้าตั้งแต่แรกเราจะได้รู้จักคนเมื่ออยู่ในสถานการณ์ยากลําบากเท่านั้น ใครๆก็ปักลายบุพผาบนชิ้นผ้าได้แต่มีไม่กี่คนนักที่จะส่งถ่านไฟมาให้ในยามหิมะตกลากันตรงนี้เถอะ”
“ศิษย์พี่หยง!”
หลังพูดจบ หยงคู่เดินไปไกลและปีนต้นไม่ใกล้ชุนหลงก่อนจะหลับตา
หญิงสาวทั้ง 3 ที่ผิดหวังไม่มีเหตุผลจะอยู่ต่อและจากไปทางพื้นที่ส่วนนอกหยงรูลืมตาและเห็นพวกนางเดินจากไปและขอให้พวกนางโชคดีเจอที่ปลอดภัยในการรอเวลาหนึ่งเดือนข้างหน้าจนกระทั่งการทดสอบจบลง
หลังจากหลายไปไม่กี่ชั่วโมง ดวงตะวันสาดแสงส่องยามรุ่งสางให้ความอบอุ่นแก่ชุนหลงเมื่อลืมตาพลังบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าไปสู่ขั้น 8 ชั้นกลางอย่างช้า ๆ มันอาจใช้เวลาอีกไม่กี่วันในการไปต่อ แต่การต่อสู้ในเทือกเขาอสูรก็ทําให้เขาได้คุ้นเคยกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเขา
หยงคู่เองก็เพิ่งลืมตาเช่นกัน เขาทักทายชุนหลง
หลังจากกินผลไม้จากต้นไม่ใกล้ ๆ พวกเขา 2 คนเริ่มเดินไปทางพื้นที่ส่วนใน
เมื่อเดินทางเพียง 2 คน ชุนหลงกับหยงคู่ไม่เสียเวลาเดินทางมากนัก ชุนหลงมีเจ้านิลคอยหาเส้นทางที่ปลอดภัยให้เขาจึงเลี่ยงสิ่งที่ไม่ควรเจอได้
พวกขเวเดินทางในเวลากลางวันและบ่มเพาะพลังยามกลางคืน
วันที่สองนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก นอกจากได้เจอกับสัตว์อสูรขั้น 2 ชั้นต้นหนึ่งตัวและสัตว์อสูรขั้น 1 อีกไม่กี่ตัว มันก็ไม่มีอะไรที่น่าจดจําเกิดขึ้นเลย
ภูเขากลางถูกประเมินว่าจะระเบิดใน 15 วันเมื่อพวกเขาเข้ารับการทดสอบแต่มันอาจจะระเบิดก่อนหรือหลังการคาดเดาของ 4 นิกายก็ได้ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะไปถึงโดยเร็ว
ในวันที่สามชุนหลงกับหยงคู่มุ่งหน้าไปสู่พื้นที่ส่วนใน พวกเขาถูกลอบโจมตีโดยคนกลุ่มใหญ่
มีมากกว่า 15 คนในกลุ่มนี้และพวกมันยังล้อมรอบพวกเขาในลักษณะคุกคาม
คนเหล่านี้มาจากนิกายกระบี่บินและน่าตกใจที่มีคนนิกายเมฆาทะยานอยู่ด้วย
หญิงสาวในชุดสีเหลียงและชายหนุ่มในชุดขาวที่มีดาบแดงรัดเอวเดินออกมา
หญิงสาวอายุราว 16 ปี นางมีใบหน้าน่ารักและผมสีเหลืองทองงดงามนางมองนหลงกับหยงคู่ก่อนจะพูดในเชิงสัง
“ส่งหยกประจําตัวของพวกเจ้ามาและเราจะปล่อยให้เจ้าผ่านทาง